ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #3 : วรยุทธ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34.73K
      2.56K
      16 ก.ย. 62

    หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ตั้งเเต่ฉินหลิงได้เข้ามายังโลกใบใหม่


    ฉินหลิงเริ่มคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่น้อย เขาได้รับรู้ว่าโลกแห่งนี้แตกต่างจากที่เขามาโดยสิ้นเชิงเพราะที่เเห่งนี้ไม่มีกฎหมายคุ้มครองผู้คน แต่ที่โลกใบนี้เป็นโลกแห่งวรยุทธ์และการฆ่าโดยแท้จริง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างถูกตัดสินด้วยความแข็งแกร่ง เฉกเช่นกำปั้นใครใหญ่กว่าคือผู้ถูกต้อง


    ต้องขอบคุณปู่ของเจ้าเด็กฉินหลิงที่มีวรยุทธ์ถึงระดับเซียนเทียนระดับสูงสุด เเละถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของแคว้นนี้ เลยทำให้เขาอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยอัธพาล ติดสุราและการพนันเช่นนี้ คงจะแปลกหากฉินหลิงมีชิวิตรอดได้ทั้งที่เขามีระดับวรยุทธ์เพียงขั้นหลอมกายาขั้นสอง ทั้งที่มีโอสถ ของวิเศษสมุนไพรให้ใช้มากมาย แตกต่างจากรุ่นเยาว์ตระกูลอื่นในวัยเดียวกันล้วนมีพลังยุทธ์หลอมกายาขั้นสามขึ้นไปเเล้วทั้งนั้น


    หลังจากอ่านหนังสือในห้องหนังสือของท่านปู่ ทั้งที่ภาษามันแปลกประหลาดแต่ตัวเขาก็ยังสามารถเข้าใจได้ ซึ่งน่าจะเป็นความทรงจำในเจ้าของร่างคนก่อน ทำให้เขาทราบระดับพลังยุทธ์ของโลกใบนี้ ซึ่งโดยคนส่วนมากจะสามารถเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้ก็ต่อเมื่อมีอายุราวสิบขวดปีขึ้นไป โดยขั้นของวรยุทธ์จะเริ่มจากหลอมกายา มีทั้งหมดเก้าขั้น ขั้น1-3 จะเรียกว่าขั้นต้น 4-6 คือขั้นกลาง และขั้น 7-9 เรียกว่าขั้นสูง จากนั้นขั้นถัดไปเริ่มหลอมรวมพลังภายในแล้วควบแน่นลมปราณบนตามชีพจรบนร่างกาย แล้วจึงถือว่าเข้าสู่ขั้นเซียนเทียน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้หนึ่งเเละสามารถปล่อยพลังภายในออกนอกร่างกายได้ ระดับขั้นที่สูงกว่าระดับเซียนทียนนั้นแทบไม่มีใครรู้ เพราะกล่าวกันว่าต้องเข้านิกาย หรือสำนักเซียนเพื่อบำเพ็ญตนเพื่อเป็นเซียน


    ‘ เห้อ...ชาติที่แล้วข้าเป็นเพียงพนักงานขายธรรมดาแล้วมาให้ข้ามาฝึกพลังยุทธ์  จะไปรอดไหม ’


    ฉินหลิงถอนหายใจแล้วเหม่อมองบนฟ้าก่อนหันไปถามบ่าวตัวน้อย “ ลู่ชิง เจ้าฝึกวรยุทธ์ด้วยรึไม่ แล้วระดับวรยุทธ์ของเจ้าอยู่ในขั้นไหนเเล้วรึ ” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะด้วยวัยของลู่ชิงน่าจะฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว


    “ แหะๆ ข้าอยู่ในขั้นหลอมกายาขั้นสามแล้วขอรับนายน้อย ” ลู่ชิงตอบกลับมาด้วยท่าทีขัดเขินเล็กน้อยที่ตนมีระดับพลังยุทธ์ที่สูงกว่านายน้อยของตนทั้งที่อายุอ่อนกว่าถึงสองสามปี


    ‘ บัดซบ ขนาดบ่าวของตัวเองที่อ่อนวัยกว่า แถมยังไม่มีโอสถวิเศษช่วยยังมีพลังยุทธ์สูงกว่า.. เเล้วเจ้าฉินหลิงคนเก่ามันเอาเวลาไปทำอะไรอยู่ถึงได้เป็นเช่นนี้ ’  ฉินหลิงถึงกับพูดไม่ออกกับตัวเองคนก่อนที่ไร้ค่าขนาดนี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการถามถึงตัวตนเก่าของตัวเองเพราะตนเขาเองไม่ได้รับความทรงจำอะไรนอกจากภาพหญิงสาวที่ถูกตนเองข่มเหง ภาพมันชัดเจนมากเหมือนกับเขาเป็นผู้กระทำเสียเอง และนอกจากนี้ลู่ชิงยังเป็นบ่าวประจำตัวเขาตั้งแต่เขายังเด็กเพราะท่านปู่บังเอิญเจอเจ้าลู่ชิงที่กำลังนอนตายในป่าระหว่างกลับจากทำศึกจึงเก็บมาเพื่อเป็นเพื่อนของหลานชาย


    “นายน้อยสมัยก่อนหรือขอรับ เป็นคนดีมากเลยขอรับ เหล่าบ่าวไพร่ต่างก็รักใคร่นายน้อยกันขอรับ แต่ก็คงเริ่มจากสมัยที่ท่านได้รู้จักนายน้อยถังเมื่อสักสองปีที่แล้ว นายน้อยถังชักชวนท่านให้เริ่มดื่มสุราและเล่นการพนันตามสหาย พอเวลาผ่านไปนายน้อยก็เมามายจนอาละวาดทำลายข้าวของชาวบ้าน แถมมีเรื่องชกต่อยกับเหล่าชาวบ้านอีก จนคนทั่วไปที่เมื่อเห็นนายน้อยก็เหมือนเห็นผีกันเลยทีเดียวขอรับ” ลู่ชิงที่กำลังรำลึกถึงความหลังให้นายน้อยของตนฟัง 


    “ แล้วตัวข้าเคยไปข่ม...ข่มขืนใครรึไม่ ” ฉินหลิงถามด้วยความสงสัย


    “ ข่มขืน...มันคืออันใดรึขอรับ คล้ายกับการข่มขู่รึไม่ โดยปกตินายน้อยไม่ใช่คนที่ข่มขู่ใคร นอกเสียจากตอนเมาที่มีเรื่องเป็นประจำขอรับ ” บ่าวตัวน้อยตอบกลับทันที


    “ มิใช่ข่มขู่ คือแบบว่า...ข้าเคยข่มเหงสตรีที่ไม่สมยอมรึไม่ ” ฉินหลิงนึกถึงภาพภายในความทรงจำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และนึกความรู้สึกเสียใจที่เกิดขึ้น มันน่าจะเป็นปมในใจของเด็กน้อยเจ้าของร่างเดิมที่ยังไม่สามารถตัดขาดได้


    “ ข้าไม่เคยเห็นท่านกระทำการชั่วร้ายเช่นนั้นน่ะขอรับ ถึงแม้นายน้อยมักจะไปหาเหล่าสตรีภายในหอนางโลมเป็นประจำ แต่ก็มีเพียงข่าวลือที่กล่าวหาว่านายน้อยเป็นปีศาจราคะ ที่เห็นสาวสวยไม่ได้จำต้องข่มเหงพวกนางจนทำให้หญิงสาวภายในเมืองไผ่เขียวต่างพากันหวาดกลัวท่านทั้งสิ้น แล้วยังมีข่าวลือออกมาอีกว่าท่านข่มขู่พวกนางไม่ให้พวกนางไปบอกกับทางการ แต่ทั้งที่บ่าวอย่างข้าอยู่กับท่านตลอดเวลาก็ไม่เคยเห็นนายน้อยใช้กำลังไปข่มเหงสตรีนางใดมาก่อน ด้วยข่าวลือเช่นนี้จึงทำให้ท่านแม่ทัพโกรธมากจนถึงขนาดสั่งโบยคนที่ปล่อยข่าวลือจนลุกไม่รอดกันเลยขอรับ ”ลู่ชิงตอบกลับด้วยท่าทีสงสัยว่าเหตุใดทำไมนายน้อยของตนกลับจำนิสัยตัวเองไม่ได้เลยซักนิด


    ‘ จากที่ได้ฟังลู่ชิงเล่ามา ข้อสรุปคือเจ้าเด็กฉินหลิงที่มีชื่อเดียวกันกับเขา แท้จริงแล้วเคยเป็นเด็กดี น่ารัก แต่ด้วยการที่แม่ทัพเฒ่าต้องไปออกศึกและเข้าราชการจึงได้ตามใจหลานชายทุกอย่าง เเละทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แล้วยังนายน้อยถังอะไรนั้นอีก มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ’


    ฉินหลิงที่มาจากโลกสมัยใหม่จึงมีมุมมองการคิดที่แตกต่างจากคนในโลกใบนี้ และด้วยวัยที่มากกว่าทำให้เขาคิดว่าน่าจะมีอะไรแปลกๆทั้งเรื่องข่าวลือ ทั้งยากำหนัดที่ทำให้เขาตาย ใครเป็นคนหายากำหนัด แล้วทำไมตัวเขาคนก่อนต้องใช้ยากำหนัดในปริมาณมากจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งที่เขาก็มีพลังยุทธ์ขั้นหลอมรวมกายาขั้นสอง ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจ แต่ยากำหนัดที่เพิ่มประสิทธิภาพทางเพศกลับทำให้เขาช็อคจนถึงตายเชียวรึ จากปริศนาเหล่านี้ทำให้ฉินหลิงรู้ว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องพลังยุทธ์ที่เขาคิดไม่ตกว่าควรจะฝึกฝนยังไงเพราะตัวเขาไม่เคยมีความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย


    “ลู่ชิง แล้ววิธีการฝึกวรยุทธ์ ข้าควรจะเริ่มจากสิ่งใดรึ”ฉินหลิงเอ่ยถามบ่าวตัวน้อยซึ่งน่าจะรู้เกี่ยวกับวรยุทธ์มากกว่าตัวเขาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย


    “ นายน้อยต้องการเริ่มฝึกวรยุทธ์แล้วรึขอรับ หากท่านแม่ทัพได้ยินเข้าคงดีใจมากแน่ๆเลยขอรับ หากนายน้อยต้องการฝึกวรยุทธ์สามารถไปในหอตำราได้เลยขอรับ มีคำภีร์ฝึกยุทธ์ที่ท่านแม่ทัพเก็บรวบรวมไว้มากมาย นายน้อยก็สามารถฝึกได้เลยขอรับ หากนายน้อยไม่เข้าใจตรงไหนสามารถถามเหล่าองครักษ์หรือท่านแม่ทัพได้โดยตรงเลยขอรับ ”บ่าวตัวเล็กของเขาตอบด้วยท่าทีตื่นเต้น หลังจากเห็นนายน้อยของตนสนใจในด้านฝึกยุทธ์ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะบังคับยังไงก็ไม่สนใจ ห่วงแต่จะไปหอนางโลมและโรงพนันอยู่ทุกวัน


    “ อืม พาข้าไปหอตำราที่เก็บคัมภีร์ฝึกยุทธ์ ข้าต้องการเริ่มฝึกวรยุทธ์ ” ฉินหลิงตอบด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะหลังจากได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับจอมยุทธ์ที่สามารถใช้วิชาตัวเบา ปล่อยคลื่นพลังปราณจัดการกับศัตรู ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในหนังที่เคยดูสมัยก่อน


     ......................


    คฤหาสน์หรูหราหลังใหญ่ นอกเมืองไผ่เขียว


    บิดามันเถอะ  ทำไมเจ้าสารเลวนั้นยังไม่ตาย มันรอดได้ยังไง พิษกร่อนวิญญาณ ไร้กลิ่น ไร้สี ที่สามารถฆ่าได้แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นเซียนเทียน แล้วทำไมเจ้าเด็กบัดซบนั้นถึงยังไม่ตาย ทั้งที่มันมีพลังยุทธ์แค่หลอมกายาขั้นสองเท่านั้น บิดาซื้อมันมานับหมื่นตำลึงทอง แล้วเหตุใดมันจึงไม่เป็นอะไรเลย หรือเจ้าพวกตำหนักโลหิตสีชาดหลอกขายของปลอมให้เรา” ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางราชสำนักกำลังตะโกนใส่หนุ่มน้อยที่นั่งด้านหน้าด้วยอารมณ์เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่วางแผนสังหารหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลฉินล้มเหลว แถวด้วยเงินนับหมื่นตำลึงทองที่ใช้ไปกลับสูญเสียอย่างเปล่าประโยชน์


    “ ท่านพ่อ แล้วเรื่องที่เราวางยาฉินหลิงจะทำให้แม่ทัพฉินรู้ตัวรึไม่ ” เด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามขุนนางถามด้วยความกังวลใจ เพราะเรื่องราวคงไม่เป็นไรหากเจ้าเด็กบัดซบฉินหลิงตายลง ทำให้ตระกูลฉินจบสิ้น เเละตระกูลของถังของพวกเขาสามารถขึ้นเป็นใหญ่ได้ในเมืองไผ่เขียว


    “ วางใจเถอะ พิษกร่อนวิญญาณ ไม่สามารถตรวจจับได้และจะสลายไปหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น จึงทำให้ดูเหมือนมันตายเพราะยาปลุกกำหนัด แต่แปลกยิ่งนัก เหตุใดมันถึงฟื้นชีพได้อีก ทั้งที่มันหมดลมหายใจไปแล้วแท้ๆ ดูเหมือนตระกูลฉินยังโชคดีนัก ” ผู้เป็นบิดาถอนหายใจก่อนเหม่อมองบนฟ้า นึกถึงแผนการที่ล้มเหลว ซึ่งตนได้วางแผนมานานนับปี ตั้งแต่ให้บุตรชายเขาถังชุนเข้าไปตีสนิทกับฉินหลิง เเละพยายามทำให้เกิดความข่าวลือสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้เเก่ตระกูลฉิน รวมทั้งข่าวลือต่างๆที่ได้เผยแพร่ก็เป็นเพราะตระกูลถังเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น แล้วพวกเขาจึงตัดสินใจลงมือกำจัดทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลฉิน เมื่อฉินหลิงตายคงทำให้แม่ทัพชราเศร้าใจจนไม่อาจทำหน้าที่เป็นเจ้าเมืองไผ่เขียวต่อได้ แล้วตระกูลถังของตนจะสามารถเข้าครองเมืองไผ่เขียวแทนได้ง่ายดาย แต่ช่างน่าเสียดายคนคำนวณ ไม่สู้ลิขิตฟ้า “ เอาเถอะ ลูกชุน จากนี้ก็พักแผนการณ์ไว้ก่อน ไม่งั้นอาจทำให้กระต่ายตื่นตูมได้ แต่จากสายข่าวที่ข้าได้มา ดูเหมือนเจ้าเด็กฉินหลิงจะจำอะไรไม่ได้ เจ้าก็ลองไปเยี่ยมเยียนดูแล้วสังเกตว่าเป็นอย่างจริงรึไม่ ”


    “ขอรับ ท่านพ่อ ข้าจะดูว่ามันแกล้งความจำเสื่อมรึไม่ ”ถังชุนเด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทของหลินฉิงตอบกลับบิดาด้วยความมั่นใจ เพราะมันเป็นคนที่รู้จักเจ้าเด็กฉินหลิงดียิ่งกว่าใคร

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×