คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไปอยู่ที่ไหนมา
หลายเดือนต่อมา...
"มึงแน่ใจนะไอ้เสือว่าจะเรียนที่นี่?"
ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองหน้าไอ้จอห์นพี่ชายสุดที่รักด้วยสายตาหงุดหงิด ในใจคิดว่าหากมึงพูดคำนี้อีกรอบกูจะถีบยอดหน้ามึงให้ดู
"กลับไปได้แล้ว" ผมไล่มัน
นอกจากมันจะไม่ไปทำตัวเหมือนว่างทั้งวันแล้ว ยังกวาดสายตามองรอบๆมหา'ลัยด้วยท่าทางเท่ๆจนนักศึกษาที่ผ่านไปผ่านมาต่างให้ความสนใจมัน
ก็พอจะเข้าใจว่าออร่าของหนุ่มวัยทำงานนี่มันเปล่งประกายเหี้ยๆ แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
"เออๆ แต่ก่อนกลับกูขอเก็บรูปแป๊บจีนมันอยากเห็นมหา'ลัยมึง"
ผมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายกับพวกมัน แต่ก็ยืนรอให้มันถ่ายรูปจนคิดว่าพอใจแต่ในใจก็อดบ่นไม่ได้
มหา'ลัยที่ไหนมันก็เหมือนกันมั้ยวะ
"เพื่อนมึงมีใครเรียนที่นี่บ้างนอกจากชินยุ" มันถ่ายไปแต่ปากยังหาเรื่องซักถามไม่หยุด
"ก็ทุกคนแค่เรียนคนละคณะ" ผมตอบมันก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเพื่อที่จะกดโทรหาไอ้ยุเพื่อนมอปลายเพียงคนเดียวที่เรียนวิดวะเหมือนกัน
"แล้วคนอื่นล่ะ"
"มึงจะถามทำหอกอะไรวะ" บอกก่อนว่าผมและพี่ชายอายุห่างกันแปดปีได้ แต่ด้วยความสนิทสนมและตัวมันเองที่ชอบสปอยน้องเล็กอย่างผมสรรพนามที่เรียกกันเลยดูจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่เฉพาะเวลาอยู่กันแค่สองพี่น้องนะ ต่อหน้าพ่อแม่และคนอื่นๆผมก็เรียกมันว่าพี่
มันกลัวว่าคนอื่นจะมองผมว่าเป็นเด็กไม่มีมารยาทน่ะ
"ตอบๆมาเถอะน่า"
"ไอ้เป๊บเรียนนิติ ไอ้แฟ้มเรียนบริหาร มาร์ติณเรียนเกษตรฯ"
"ไหนมึงบอกแฟ้มเรียนถาปัด" มันจ้องหน้าผมทำหน้าเข้มเมื่อรู้ว่าผมโกหกตั้งแต่ต้น
ด้วยความที่ผมไม่อยากเรียนบริหารก็เลยให้ไอ้แฟ้มช่วยโกหกทุกคนเพื่อเป็นข้ออ้างว่าไม่มีเพื่อนเรียนกลัวปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้
"ก็ตอนแรกมันบอกแบบนั้นรู้ตัวอีกทีก็เห็นมันไปโผล่หัวอยู่บริหาร"
"เจ้าสัวนี่มึงโกหกแม่กับป๊าเหรอวะ ไอ้เหี้ย!" มันขึ้นเสียงผีพี่ชายมาดดุเข้าสิง
ผมไหวไหล่ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด "กูเปล่า"
"เปล่าเหี้ยอะไร ถ้าป๊ากับแม่รู้มึงโดนเฉดหัวไปอยู่กับจีนที่อังกฤษแน่ๆ" จีนคือพี่สาวคนโตเผื่อทุกคนยังไม่รู้
"ก็เอาสิ กูไปจริงๆแล้วอย่าอ้อนวอนให้กลับมาล่ะกัน"
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าจุดอ่อนของคนแก่สองคนนั่นคืออะไร เขากลัวผมจะไปอยู่ต่างประเทศแบบถาวรจะตาย ใช่ว่าตั้งแต่เกิดมาผมจะไม่เคยถูกขู่ส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนาซะเมื่อไหร่พอเก็บกระเป๋าจะไปจริงๆแล้วทำเป็นมาบอกว่าแกล้งเล่น ให้ป้าจิ๋ว(หัวหน้าแม่บ้าน) กุลีกุจอเอากระเป๋าของผมไปเก็บ
"กูปวดหัวกับมึงจริงๆ" มันกุมขมับทำหน้าเครียด
สักพักไอ้ยุก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ด้านหลังมีคนขับรถของบ้านมันวิ่งตาม
"โทษทีว่ะ แฮ่ก กูตื่นสาย"
"เออไม่เป็นไร ส่วนมึงกลับไปทำงานได้แล้ว" ผมโบกมือไล่พี่ชายเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
"อ้าว พี่จอห์นหวัดดีครับ"
"เออหวัดดี ยังไงพี่ฝากเจ้าสัวมันด้วยนะ"
หึ ใครดูแลใครกันแน่ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
ผมโบกมือให้กับพี่ชายในที่สุดมันก็ไสหัวไปได้สักที รำคาญเวลามันทำตัวเป็นพี่ชายที่รักน้องชายอย่างผมปานจะกลืนกิน สวมมาดผู้ปกครองแสนเนี๊ยบต่อหน้าคนอื่นทั้งๆที่ข้างในก็เป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งนี่แหละ
"ปะสัว เข้าไปหอประชุมกัน"
"โดดได้มั้ยวะขี้เกียจนั่งฟัง"
"ยังไม่ได้เรียนมึงก็ริทำตัวเลวแล้วเหรอไอ้ห่า ไปๆเลย"
[ซิม]
วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศน้องใหม่ ภาคเช้าพบปะกับท่านคณะบดีและอาจารย์แต่ละสาขา ส่วนภาคบ่ายเข้าร่วมกิจกรรมของปีสามอย่างพวกผม
แน่นอนว่าทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นโฉมหน้าของเด็กปีหนึ่งที่เฝ้ารอกันมาหลายเดือนสักที
"มึงไม่ไปดูน้องหน่อยเหรอวะ" ชายแดนรูมเมทหอในของผมถามขึ้นพร้อมทั้งสวมชุดนักศึกษา เมื่อเห็นว่าผมยังนอนอุตุอยู่บนเตียง
"ไม่ว่ะ" ผมอ้าปากหาวหวอดเพราะนอนไม่พอ
"ดูมึงไม่ตื่นเต้นเหมือนคนอื่นเลยเนอะ"
"ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องตื่นเต้น"
"เออๆ ตามใจแล้วกิจกรรมบ่ายจะเข้าไปดูมั้ย"
ผมนิ่งคิดไปพักหนึ่ง "ขอคิดดูก่อนถ้าตื่นก็ไป"
ถึงผมจะได้ทุนไม่ต้องจ่ายค่าเทอมแล้วอีกทั้งการเป็นกรรมการหอก็ไม่ต้องจ่ายค่าหอก็ตาม ผมก็ยังรับงานอยู่ดีถ้ามีคนจ้าง
รูมเมทส่งตรงมาจากภาคเหนือพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วออกไปจากห้อง เหลือเพียงอีกคนที่ยังนอนเน่าอยู่ซึ่งก็คือผมเอง
ผมตื่นมาอีกทีในตอนเที่ยงกว่าๆก็เดินเข้าห้องนำ้ชำระร่างกายแล้วลงไปร้านอาหารตามสั่งที่ตั้งอยู่หน้าหอเจ้าเก่าเจ้าเดิม
สั่งเมนูเดิมๆกับแม่ค้าไม่ลืมบอกว่าใส่กล่องเมื่อได้ของก็ขึ้นไปกินบนห้องตามเดิม
"ไอ้ซิม" เสียงพี่ก๊อตประธานหอเรียกในตอนที่ผมเดินขึ้นบันได
"ครับพี่"
"วันนี้ประมาณบ่ายสามปีหนึ่งมันจะขนของเข้าหอ มึงช่วยดูแลความเรียบร้อยด้วยนะกูต้องทำวิจัยก่อนไปฝึกงาน"
"ผมคนเดียวเหรอพี่"
"กรรมการหอทั้งหมด แล้วตอนเย็นกูจะเข้ามาประชุมฝากบอกทุกคนด้วยนะ"
พี่ก๊อตตบบ่าผมแล้วเดินจากไปเป็นวินาทีเดียวกับโทรศัพท์ผมส่งเสียงดัง
ชายแดน
"ฮัลโหล"
(มึงจะมามั้ย ตอนนี้น้องกำลังทยอยเข้าหอประชุม)
"คงไม่ไปแล้วว่ะพี่ก๊อตบอกว่าบ่ายสามน้องจะขนของเข้าหอกูต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อย"
แอบเสียดายนิดหน่อยที่จู่ๆก็เกิดความรู้สึกอยากไปเห็นหน้าเด็กใหม่ แต่ภาระทางนี้ก็ต้องรับผิดชอบ
(เออๆ ไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวสักพักกูเข้าไปช่วยนะ)
"อืมๆ" ผมรับคำก่อนจะกดวาง
จากนั้นก็ทำการแจ้งข่าวลงในไลน์กลุ่มคณะกรรมการหอ อ้อ ชายแดนมันก็เป็นหนึ่งในกรรมการหอเหมือนกันครับ
[เจ้าสัว ]
เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่แม่งน่าเบื่อ
"มึงช่วยทำหน้าให้มันดีๆเหมือนตอนที่อยากเข้ามาเรียนที่นี่ได้มั้ย" ไอ้ยุส่งเสียงน่ารำคาญเมื่อกลับจากซื้อข้าว ส่วนผมไม่หิวอะไรเลยได้แซนวิชทูน่ามาอันนึง
ผมไม่ตอบอะไรนอกจากทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะกัดแซนวิชไปครึ่งซีก
"ตอนบ่ายต้องทำไรต่อ"
ไอ้ยุหยิบกำหนดการของงานขึ้นมาดู "บ่ายโมงเข้ากิจกรรมของสโมสรนักศึกษา พอบ่ายสามก็ปล่อยพวกที่อยู่หอในขนของย้ายเข้า"
ผมพยักหน้ากินอีกซีกที่เหลือแล้วยกนำ้เปล่าที่เขาแจกให้ตอนอยู่ในหอประชุมขึ้นดื่ม พวกที่อยู่หอในขนของเข้าหอนั่นแปลว่าที่เหลือว่าง
ดีเลย
"ไปเถอะ ต้องลงทะเบียนอีก"
ผมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด โคตรไม่ชอบกิจกรรมอะไรพวกนี้ยังดีที่ไม่มีการว้ากและการบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่อย่างนั้นผมคงอกแตกตายก่อนได้หาเขาเจอแน่ๆ
ผมและไอ้ยุเดินเข้าไปต่อแถวลงทะเบียนรับป้ายชื่อเหมือนอย่างคนอื่นๆ มีบ้างที่รุ่นพี่ส่งเสียงแซว ส่งสายตาระยิบระยับสื่อความนัยแต่ผมก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มตามมารยาทแล้วเดินเข้าไปข้างใน
พวกเราถูกแบ่งกลุ่มตามสีผมได้สีฟ้า ส่วนไอ้ยุได้สีเขียวมันน่าหงุดหงิดอีกรอบที่ต้องแยกกลุ่มกันแต่ผมก็เก็บความไม่พอใจไว้เงียบๆ
กิจกรรมดำเนินไปเรื่อยๆ คนที่ไม่ได้สนุกไปกับเกมส์ที่พวกพี่ๆเขาคิดกันมาอย่างผมก็ต้องเล่นตามนำ้ไป อะไรพอทำได้ก็ทำดีกว่าทำตัวมีปัญหา ไม่อยากเป็นจุดสนใจในเรื่องแย่ๆตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนหรอกนะ
ในที่สุดก็หมดเวลาสักทีหลังจากที่ดูนาฬิกาเป็นรอบที่ร้อย
"เอาล่ะ หลังจากนี้ให้น้องๆที่พักอยู่หอในขนสัมภาระของตัวเองแล้วเดินตามพี่ต๊อบไปหอพักนะคะ"
"สัว นี่เพื่อนใหม่กูชื่อแผนที่เรียกสั้นๆว่าแผน" ไอ้ยุจูงมือใครก็ไม่รู้แล้วแนะนำกับผม ผมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าได้รับสายตาไม่พอใจมาจากเพื่อนใหม่แต่ใครสนล่ะ
ไอ้นี่มันสูงพอๆกับผม หุ่นนักกีฬาแต่สีผิวไม่ได้กร้านแดดเหมือนนักกีฬาให้เดาคงเป็นพวกคลั่งฟิตเนสเหมือนไอ้เป๊บแน่ๆ ส่วนหน้าตาก็จัดว่าใช้ได้
"หวัดดี กูจำมึงได้"
ไอ้แผนที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจพลางคิดว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน
"นี่มึงจำลูกของเพื่อนพ่อมึงไม่ได้เหรอไอ้เจ้าสัว"
ใคร? ลูกเพื่อนพ่อกูไม่ได้มีแค่คนเดียวหนิไอ้ห่า
"กูไง ตอนเด็กๆเราสองคนเราชอบกินหวานเย็นตอนดูการ์ตูนช่อง7"
อ้อออออออออออ กูเก้ทเลยทีนี้
ไอ้แผนที่อ้วนพุงพลุ้ยตอนเด็ก โตมามึงหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ
"เชี่ย แผนที่กูจำมึงได้แล้ว"
"เออ กว่าจะจำได้ไอ้ห่า"
"ก็หน้ามึงเปลี่ยน" ไม่เหลือเค้าเด็กอ้วนในวันวาน
"นี่พวกมึงคุยอะไรกันอยู่สองคนช่วยทำให้กูเข้าใจด้วย"
ผมกับไอ้แผน(ขอเรียกสั้นๆ)หัวเราะให้กับหน้าโง่ๆของไอ้ยุ
"เออ แล้วนี่พวกมึงสองคนพักที่ไหนวะ" ไอ้แผนเลิกคิ้วขึ้นถาม
"ว่าจะพักคอนโด" ผมตอบไอ้ยุพยักหน้าเสริม เป็นความคิดแรกและความคิดเดียวซึ่งป๊ากับแม่ก็ไม่ขัด ส่วนไอ้ยุก็เหมือนกันมันอยากอยู่ที่ไหนพ่อกับแม่มันตามใจเสมอ ก็นะลูกคนเดียว
"แล้วมึงล่ะ" ผมพยักเพยิดหน้าถามกลับ
"หอในว่ะ"
ถามจริง? คนรวยๆอย่างมึงอยู่หอในเนี่ยนะ
"พอดีรุ่นพี่ของกูแนะนำมาว่าถ้าอยากได้ประสบการณ์ชีวิตให้อยู่หอใน"
"มีแต่ความสุ่นวายน่ะสิไม่ว่า" ผมแย้ง
"กูก็ไม่รู้ถึงได้ลองอยู่ไง พวกมึงไม่สนใจเหรอวะ"
ผมส่ายหัวแบบไม่ต้องคิด ความวุ่นวายเป็นอะไรที่ผมโคตรไม่ชอบ
"ตามใจแต่ว่าช่วยกูขนของเข้าไปหน่อย ที่บ้านกลับไปหมดแล้ว"
"ได้สิๆ กูอยากเห็นหอในของมหา'ลัยพอดี" ไอ้ยุตาลุกวาวผมตวัดสายตามองมันเขม็ง
"ไม่ว่าง"
"โห น่าอยู่ว่ะแม่งไม่ได้เก่าเหมือนที่กูอ่านในเรื่องสยองขวัญเลย"
ผมเดินตามหลังพวกมันสองคนเงียบๆ ไม่ได้ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นต่างจากไอ้ยุทักนู่นทักนี่ไม่หยุดตั้งแต่เดินเข้ามา
"มึงอ่านอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ"
"ทำไมอะ"
"งมงาย" แผนที่มันส่ายหัวพยายามไม่ขำกับเสียงแว้ดๆของชินยุที่แย้งกลับด้วยเหตุผลและความเชื่อของตัวเอง
"ถึงแล้ว เดี๋ยวกูไปรายงานตัวแป๊บพวกมึงรออยู่ตรงนี้ล่ะกัน"
เสียงจอแจวุ่นวายของพวกที่กำลังขนของเข้าไปทำให้ผมค่อนข้างปวดประสาท บางคนใช้คนทั้งบ้านช่วยกันหอบสัมภาระจนผมคิดว่าจะย้ายบ้านก็ไม่ปาน
ไอ้ยุหายไปไหนไม่รู้เหลือเพียงผมที่ยืนรอคนเดียว ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนก็รู้สึกเกะกะอยู่ดี
"อ้าวน้อง ทำไมไม่ไปรายงานตัวเข้าหอล่ะ" จู่ๆก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาทักผม
"ผมแค่มาส่งเพื่อน ไม่ได้จะอยู่"
"อ้าวงั้นเหรอ งั้นก็ขยับมายืนอยู่ตรงนี้มาเดี๋ยวโดนชน"
ผมขยับไปอีกฝั่งตามที่พี่เขาบอก พี่เขาก็ไม่ได้ชวนคุยต่อนอกจากกดโทรศัพท์ยิกๆยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งผมที่ไม่มีอะไรทำจึงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมบ้าง
ทว่าในขณะนั้นเอง
"เหี้ยซิมกูโทรหาตั้งนานไม่รับ!"
เสียงตะโกนเรียกชื่อใครสักคนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้าทำให้ผมใจเต้นระรัวมือไม้สั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนดีใจจนทำอะไรไม่ถูกนอกจากจ้องหน้าเขาเหมือนคนโรคจิต
"โทษทีกูเพิ่งไปปริ้นรายชื่อกรรมการหอมา"
"เออ เหนื่อยหน่อยนะมึงประธานหอไม่อยู่ งานหนักเลยตกมาอยู่ที่พวกเรา"
นั่นคือ..พี่ซิมของผมใช่รึเปล่า?
ครอบครัว (5)
เสือน้อย : ทุกคนครับ
เสือน้อย : ผมไม่อยากอยู่คอนโดแล้ว
(ต่อออออ)
เพราะมัวแต่ไลน์หาที่บ้านเปลี่ยนใจจะอยู่หอในกะทันหันรู้ตัวอีกทีพี่เขาก็เดินจากไปแล้วเหลือเพียงแต่รอยรองเท้าไว้ให้ผมดูต่างหน้า
แต่ช่างมันเถอะสิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้คือการได้เข้าอยู่หอพักในชายให้ได้ต่างหาก
"ชินยุไปไหนวะ" แผนที่มันเดินเข้ามาหา มองซ้ายมองขวาหาไอ้ยุที่ไม่รู้ไปไหนของมัน
"ไม่รู้เหมือนกัน"
มันทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมานอกจากหยิบเอากระเป๋าของตัวเองเตรียมจะเข้าหอ
"เดี๋ยว"
"ไรวะ"
"คิดๆดูแล้วหอในแม่งก็ไม่เลวว่ะ" ผมเบนสายตามองไปรอบๆ
"พูดแบบนี้คือมึงจะสื่ออะไร?" มันหรี่ตาไม่เข้าใจในการกระทำของผมว่ามึงจะพูดเพื่อ
"ก็..กูจะอยู่หอใน" ผมตอบอย่างไม่ยี่หระ
"อะไรของมึงกูงงไปหมดแล้ว ไหนตอนแรกบอกไม่ชอบความวุ่นวาย"
"มึงไม่ต้องเข้าใจกูหรอกน่า"
"แล้วมึงจะเอาไง ป่านนี้ไม่เต็มแล้วเหรออีกอย่างมึงก็ไม่ได้แจ้งเขา"
"อยากอยู่ต้องได้อยู่" ผมบอกถึงจุดประสงค์อย่างชัดเจน
ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้แล้วไม่ได้ ถ้าหากแผนที่มันจำเรื่องราวในตอนเป็นเด็กวัยกระเตาะได้มันต้องจำได้เหมือนกันว่าผมแม่งมีนิสัยยังไง
อีกฝ่ายส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจ "มึงนี่มันเอาแต่ใจไม่เลิก เออ ไปเดี๋ยวกูพาไปทำเรื่อง"
ผมยิ้มออกมาอย่างพอใจครั้งแรกของวันนี้เมื่อในที่สุดก็ได้เข้ามาอยู่หอในอย่างขาวสะอาด พี่ผู้ชายคนที่เข้ามาคุยกับผมในทีแรกบอกว่าเหลือห้องว่างสุดท้ายพอดี
"อะไรของมึงเนี่ยสัวไหนบอกจะอยู่คอนโด" ไอ้ยุที่เพิ่งรู้เรื่องทีหลังส่งเสียงบ่นทั้งๆที่ตอนแรกยังตื่นเต้นกับหอในอยู่เลย
"ก็ตอนนี้ไม่แล้ว ถ้ามึงไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไรกูมีแผนที่" หมายถึงว่าผมมีรูมเมทแล้ว(เพราะมันขอมาอยู่กับผมเนื่องจากสนิทกันแล้วเรียบร้อย)
"เหี้ยไรล่ะ กูก็อยากอยู่หอในเหมือนกัน" มันว่าเสียงอ้อมแอ้ม
"เอองั้นก็จบ"
หลังจากนั้นผมและไอ้ยุก็จัดการบอกคนที่บ้านขนชองเข้ามาที่หอพักในชาย ไอ้จอห์นงงเป็นไก่ตาแตกที่ผมเปลี่ยนใจกะทันหันทั้งๆที่มันเลือกคอนโดดีๆไว้ให้แล้ว
ส่วนป๊าและแม่บอกกับผมว่า 'ตามใจลูกเลยค่ะอยู่ที่ไหนแล้วสบายใจป๊ากับแม่ก็ไม่ขัด'
ผม แผนที่ และชินยุ เดินขึ้นมาหยุดอยู่ที่ชั้นสองหน้าห้องที่มีตัวเลขกำกับตรงประตูว่า ห้อง205
ด้านในมีเตียงนอนขนาด3.5ฟุต ตั้งเรียงกันอยู่สามเตียง ด้านขวาใกล้ประตูเป็นห้องนำ้ ส่วนด้านซ้ายมีโต๊ะกินข้าววางอยู่ และตู้เสื้อผ้าที่จัดอยู่ตรงปลายเตียง
ผมเลือกเตียงด้านในสุดอย่างไม่ลังเล ตรงกลางเป็นไอ้ยุ และถัดไปเป็นแผนที่
"มึงว่าคณะที่เพื่อนเราเรียนมีหอในแบบนี้มั้ย" ไอ้ยุถามขึ้นหลังจากที่มันกระโดลงบนเตียง
"ทำไมมึงไม่ถามพวกมันเอง" ผมปรายตา มองมันแวบนึง
"เออว่ะ" มันทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วจัดการถ่ายรูป
"พวกมึงจะเอาอะไรปะกูว่าจะลงไปซื้อนำ้สักหน่อย เห็นหน้าหอมีร้านค้า"
ผมและไอ้ยุส่ายหน้าเป็นคำตอบ
หลังจากที่แผนที่มันลงไปซื้อนำ้ได้ไม่นานเสื้อผ้าที่ผมโทรไปบอกให้คนที่บ้านเก็บมาให้ก็มาถึง แต่ให้ตายเถอะนี่แม่สั่งให้ขนอะไรมาเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย
"พวกมึงสองทุ่มประชุมหอนะเว้ย" ไอ้แผนที่เปิดประตูเข้ามาในมือของมันมีของกินเต็มมืออยู่
"เหี้ยไร กูไม่ไป" ผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์วัันนร้ผมเหนื่อยมาทั้งวันไม่มีอารมณ์จะไปนั่งฟังใครพล่ามทั้งนั้น
"ไม่ได้เว้ย พี่เขาบังคับให้เข้าทุกคน"
"ทำไมต้องบังคับด้วยอะ" ไอ้ยุยังอดไม่ได้ที่จะบ่น
"ก็วันนี้พี่เขาจะแนะนำประธานหอ กรรมการหอ แล้วก็กฏของหอไง"
ผมหูผึ่งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า กรรมการหอ
'โทษทีกูเพิ่งไปปริ้นรายชื่อกรรมการหอมา'
'เออ เหนื่อยหน่อยนะมึงประธานหอไม่อยู่ งานหนักเลยตกมาอยู่ที่พวกเรา'
"งั้นสองทุ่มมึงบอกด้วยล่ะกัน"
[ซิม]
"เรียบร้อยดีใช่มั้ยวะ"
พี่ก๊อตเดินเข้ามาไถ่ถามถึงเอกสารที่สั่งให้ผมไปทำ
"ครับ ติดตอนนี้เลยมั้ยพี่"
เรายืนกันอยู่ตรงบอร์ดติดผนังในห้องโถงชั้นล่างของหอหลังจากที่จัดการส่งเด็กใหม่ทุกคนเข้าอยู่ตามห้องของตัวเองเสร็จ
"อย่าเพิ่งดีกว่าว่ะเดี๋ยวประชุมเสร็จค่อยติด กูพูดไม่นาน"
"ครับ" ผมรับคำ
จากนั้นไม่นานพี่ก๊อตก็เรียกประชุม ไอ้พวกหน้าเก่าเดินอาดๆเข้ามากวนตีนพี่ก๊อตบ้าง วอแวผมบ้างตามประสาคนคุ้นเคย แต่สำหรับเด็กใหม่ที่เข้ามาอยุ่ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัวเพราะยังใหม่ ยกเว้นก็แต่ไอ้พวกที่สนิทกับรุ่นพี่มาก่อนหน้านี้น่ะนะ
"สวัสดีน้องๆทั้งคนเก่าและที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่กันทุกคนนะครับ วันนี้ผมมีเรื่องที่จะพูดอยู่ไม่กี่เรื่องซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณแน่ๆ ดังนั้นหากไม่อยากเสียเวลาก็ขอความกรุณาตั้งใจฟังผมด้วย" พี่ก๊อตเริ่มการประชุมขึ้นทันทีอย่างไม่รีรอ
"เรื่องแรกผมชื่อก๊อตอยู่ปีสี่ เป็นประธานหอ และที่ยืนขนาบข้างผมอยู่นี่" พี่ก๊อตผายมือมายังพวกผมที่ยืนอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้า "คือกรรมการหอพัก ซึ่งพวกเขามีหน้าที่เป็นหูเป็นตาช่วยผมและเช็กชื่อพวกคุณในแต่ละชั้น"
พวกผมแนะนำตัวจนครบพี้ก๊อตจึงเริ่มพูดต่อ
"กฏของหอคือ หนึ่งเราจะปิดหอในเวลาห้าทุ่มของทุกวัน ยกเว้นเสาร-อาทิตย์ ใครที่มาช้าเกินสามครั้งจะถูกหักคะแนนกิจกรรม สองไม่อนุญาตให้พาคนนอกเข้ามา สามห้ามส่งเสียงดังในยามวิกาล สี่เราจะทำความสะอาดหอทุกๆวันจันทร์ และห้าทุกวันของห้ามทุ่มครึ่งจะมีกรรมการหอเช็กชื่อตามชั้น"
"มีใครสงสัยมั้ยครับ" พี่ก๊อตกวาดสายตามองทั่วบริเวณ เมื่อไม่มีใครยกมือหรือสงสัยอะไรจึงสรุปแล้วจบการประชุม
ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน ส่วนผมและชายแดนได้รับคำสั่งจากท่านประธานหอให้ติดรายชื่อคณะกรรมการหอลงบนบอร์ด
"พี่ครับ"
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมและชายแดนหันมองพร้อมกัน
เชี่ย!
ผมผงะตกใจจนทำแม็กซ์ยิงกระดาษตกเกือบหล่นใส่เท้ายังดีที่น้องมันวิ่งเข้ามาคว้าไว้ทัน
ใบหน้าหล่อกับรอยยิ้มแบบนี้มีคนเดียว ไอ้เด็กแก่แดดนี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?
"ผมไลน์ไปพี่ไม่ตอบผมเลย"
ผมทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ไลน์มาตอนไหนวะไม่เห็นรู้เรื่อง
"เชี่ยซิม มึงรู้จักน้องมันด้วยเหรอวะ " ชายแดนหันมาขมวดคิ้วถามนำ้เสียงมันดูตื่นเต้น
"เอ่อ.." ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะเรื่องที่ผมไปทำงานแบบนั้นชายแดนมันไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ
จนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งทำไมไอ้เด็กนี่ยังจำผมได้ทั้งๆที่เจอกันแค่ครั้งเดียว
แต่สำหรับผมหน้าน้องมันหล่อสะดุดตาขนาดนี้เป็นใครก็ต้องจำได้อยู่แล้ว
"ว่าไงมึงไปรู้จักได้ไง" มันยังคะยั้นคะยอ
"ผมเคยจ้า-" ผมรีบเอามือปิดปากมัน
"เคยจ้างกูติวหนังสือน่ะ" ผมยิ้ม เหงื่อเริ่มแตกความจริงคือชายแดนมันไม่เคยรู้ว่าผมเคยทำงานอะไรพวกนี้ ซึ่งผมจะให้ใครรู้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นมันต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาแน่ๆ
ผมสัมผัสได้ว่าไอ้คนปากโป้งกำลังยิ้มจึงส่งสายตาอาฆาตขู่กลายๆว่าถ้าไม่อยากตายให้หุบปากไปซะ
"ถามจริง จ้างมึงเนี่ยนะไม่อยากจะเชื่อ"
"เออ กูฝากมึงติดนี่ให้เสร็จด้วยนะเดี๋ยวขอคุยกับน้องมันแป๊บ พอดีไม่ได้เจอกันนาน"
“เดี๋ยวเชี่ยซิม!”
"มานี่" ผมพูดเสียงเบาก่อนจะลากเด็กนี่ออกมาข้างนอก
"ทำไมพี่ต้องทำเหมือนมีลับลมคมในด้วย" มันยังมีหน้ามายิ้ม
"ห้ามพูดเรื่องนั้นเด็ดขาดเข้าใจมั้ย"
"เรื่องไหน?"
ผมจิ๊ปาก "ก็เรื่องเพื่อนเที่ยวนั่นไง ห้ามพูด"
"ทำไมอะ อย่าบอกนะว่าเพื่อนพี่ไม่รู้?" มันหรี่ตาถาม
ผมนึกหงุดหงิดกับท่าทางกวนตีนของมัน "ไม่ใช่เรื่องของมึง" อีกฝ่ายตกใจกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปของผม
"ทำไมพี่รุนแรงจังอะ เรียกมึงเลยเหรอ"
"ทำไม มีปัญหารึไง"
"เปล่าค้าบบ"
"..." ผมส่ายหัวปลงๆ
เท่าที่จำได้ตอนเจอกันครั้งนั้นมันไม่ได้กวนตีนแบบนี้
"พี่ยังไม่ตอบผมเลยนะ"
"ตอบอะไร"
"เรื่องไลน์ ทำไมไม่ตอบผมแถมโทรก็ไม่ติด" มันทำหน้างองำ้เหมือนเด็ก
ผมไม่ตอบไปในทันทีในหัวคิดว่าอีกฝ่ายไลน์มาตอนไหน โทรมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆภาพวันที่ผมทำโทรศัพท์หายก็แวบเข้ามา
"วันนั้นโทรศัพท์หาย" ผมตอบตามความจริง
"เชื่อได้มั้ยเนี่ย"
"นั่นก็แล้วแต่มึง"
อันที่จริงกูไม่จำเป็นต้องบอกมึงด้วยซำ้ไอ้เด็กแก่แดดดด
"โอเคค้าบ ผมเชื่อก็ได้"
"อืม งั้นแยกย้ายแล้วก็อย่าลืม เรื่องนั้นมึงห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาดเข้าใจมั้ย" ผมชี้หน้ามัน
"คร้าบบ"
ผมพยักหน้าอย่างพอใจตั้งท่าจะหันหลังขึ้นห้องตัวเองแต่ก็นึกขึ้นได้อีกเรื่อง
"เงินสามหมื่นนั่นกูไม่คืนนะ"
"สบายใจได้ผมให้แล้วให้เลย"
ผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ รู้แล้วโว้ยว่ามึงรวยไม่ต้องอวด!
“เดี๋ยวครับพี่ซิม”
“อะไรอีก” ผมเอี้ยวตัวมามอง
“สบายดีมั้ยครับ”
“เห็นว่าป่วยมั้ยละ”
‘ยุ จะจีบคนๆนึงนี่ต้องทำไงวะ’
‘อะไรเข้าสิงมึง แล้วมึงจะไปจับใคร?’
‘พรุ่งนี้กูเอาลูกรักกูมาดีมั้ยวะ’
‘เพิ่งอยู่ปีหนึ่งขับรถคันละสิบล้านไม่ดีมั้ง’
‘แบบเขานั่งข้างๆ กูเป็นคนขับให้งี้’
‘ปกติมึงไม่ชอบขับรถให้ใครนั่งนี่’
‘แต่กูอยากขับให้เขานั่งว่ะ’
‘เฮ้อ มันไปโดนตัวไหนมาเนี่ย’
เห็นความรวยของพระเอกรึยังคะ5555555555
Tbc.
ความคิดเห็น