ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You've caught my eye (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : ไปอยู่ที่ไหนมา

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 63


     

     

     

    หลายเดือนต่อมา...


     

    "มึงแน่ใจนะไอ้เสือว่าจะเรียนที่นี่?" 

     

    ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองหน้าไอ้จอห์นพี่ชายสุดที่รักด้วยสายตาหงุดหงิด ในใจคิดว่าหากมึงพูดคำนี้อีกรอบกูจะถีบยอดหน้ามึงให้ดู 


     

    "กลับไปได้แล้ว" ผมไล่มัน


     

    นอกจากมันจะไม่ไปทำตัวเหมือนว่างทั้งวันแล้ว ยังกวาดสายตามองรอบๆมหา'ลัยด้วยท่าทางเท่ๆจนนักศึกษาที่ผ่านไปผ่านมาต่างให้ความสนใจมัน 

     

    ก็พอจะเข้าใจว่าออร่าของหนุ่มวัยทำงานนี่มันเปล่งประกายเหี้ยๆ แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้

     

    "เออๆ แต่ก่อนกลับกูขอเก็บรูปแป๊บจีนมันอยากเห็นมหา'ลัยมึง" 

     

    ผมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายกับพวกมัน แต่ก็ยืนรอให้มันถ่ายรูปจนคิดว่าพอใจแต่ในใจก็อดบ่นไม่ได้ 

     

    มหา'ลัยที่ไหนมันก็เหมือนกันมั้ยวะ

     

    "เพื่อนมึงมีใครเรียนที่นี่บ้างนอกจากชินยุ" มันถ่ายไปแต่ปากยังหาเรื่องซักถามไม่หยุด

     

    "ก็ทุกคนแค่เรียนคนละคณะ" ผมตอบมันก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเพื่อที่จะกดโทรหาไอ้ยุเพื่อนมอปลายเพียงคนเดียวที่เรียนวิดวะเหมือนกัน

     

    "แล้วคนอื่นล่ะ" 

     

    "มึงจะถามทำหอกอะไรวะ" บอกก่อนว่าผมและพี่ชายอายุห่างกันแปดปีได้ แต่ด้วยความสนิทสนมและตัวมันเองที่ชอบสปอยน้องเล็กอย่างผมสรรพนามที่เรียกกันเลยดูจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่เฉพาะเวลาอยู่กันแค่สองพี่น้องนะ ต่อหน้าพ่อแม่และคนอื่นๆผมก็เรียกมันว่าพี่ 

     

    มันกลัวว่าคนอื่นจะมองผมว่าเป็นเด็กไม่มีมารยาทน่ะ

     

    "ตอบๆมาเถอะน่า" 

     

    "ไอ้เป๊บเรียนนิติ ไอ้แฟ้มเรียนบริหาร มาร์ติณเรียนเกษตรฯ" 

     

    "ไหนมึงบอกแฟ้มเรียนถาปัด" มันจ้องหน้าผมทำหน้าเข้มเมื่อรู้ว่าผมโกหกตั้งแต่ต้น 

     

    ด้วยความที่ผมไม่อยากเรียนบริหารก็เลยให้ไอ้แฟ้มช่วยโกหกทุกคนเพื่อเป็นข้ออ้างว่าไม่มีเพื่อนเรียนกลัวปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้

     

    "ก็ตอนแรกมันบอกแบบนั้นรู้ตัวอีกทีก็เห็นมันไปโผล่หัวอยู่บริหาร" 

     

    "เจ้าสัวนี่มึงโกหกแม่กับป๊าเหรอวะ ไอ้เหี้ย!" มันขึ้นเสียงผีพี่ชายมาดดุเข้าสิง 

     

    ผมไหวไหล่ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด "กูเปล่า" 

     

    "เปล่าเหี้ยอะไร ถ้าป๊ากับแม่รู้มึงโดนเฉดหัวไปอยู่กับจีนที่อังกฤษแน่ๆ" จีนคือพี่สาวคนโตเผื่อทุกคนยังไม่รู้

     

    "ก็เอาสิ กูไปจริงๆแล้วอย่าอ้อนวอนให้กลับมาล่ะกัน"

     

    ทำไมผมจะไม่รู้ว่าจุดอ่อนของคนแก่สองคนนั่นคืออะไร เขากลัวผมจะไปอยู่ต่างประเทศแบบถาวรจะตาย ใช่ว่าตั้งแต่เกิดมาผมจะไม่เคยถูกขู่ส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนาซะเมื่อไหร่พอเก็บกระเป๋าจะไปจริงๆแล้วทำเป็นมาบอกว่าแกล้งเล่น ให้ป้าจิ๋ว(หัวหน้าแม่บ้าน) กุลีกุจอเอากระเป๋าของผมไปเก็บ

     

    "กูปวดหัวกับมึงจริงๆ" มันกุมขมับทำหน้าเครียด 

     

    สักพักไอ้ยุก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ด้านหลังมีคนขับรถของบ้านมันวิ่งตาม 

     

    "โทษทีว่ะ แฮ่ก กูตื่นสาย" 

     

    "เออไม่เป็นไร ส่วนมึงกลับไปทำงานได้แล้ว" ผมโบกมือไล่พี่ชายเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ 

     

    "อ้าว พี่จอห์นหวัดดีครับ"

     

    "เออหวัดดี ยังไงพี่ฝากเจ้าสัวมันด้วยนะ"

     

    หึ ใครดูแลใครกันแน่ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป

     

    ผมโบกมือให้กับพี่ชายในที่สุดมันก็ไสหัวไปได้สักที รำคาญเวลามันทำตัวเป็นพี่ชายที่รักน้องชายอย่างผมปานจะกลืนกิน สวมมาดผู้ปกครองแสนเนี๊ยบต่อหน้าคนอื่นทั้งๆที่ข้างในก็เป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งนี่แหละ 

     

    "ปะสัว เข้าไปหอประชุมกัน"

     

    "โดดได้มั้ยวะขี้เกียจนั่งฟัง" 

     

    "ยังไม่ได้เรียนมึงก็ริทำตัวเลวแล้วเหรอไอ้ห่า ไปๆเลย"

     

     

     

     

    [ซิม]

    วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศน้องใหม่ ภาคเช้าพบปะกับท่านคณะบดีและอาจารย์แต่ละสาขา ส่วนภาคบ่ายเข้าร่วมกิจกรรมของปีสามอย่างพวกผม  

     

    แน่นอนว่าทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นโฉมหน้าของเด็กปีหนึ่งที่เฝ้ารอกันมาหลายเดือนสักที 

     

    "มึงไม่ไปดูน้องหน่อยเหรอวะ" ชายแดนรูมเมทหอในของผมถามขึ้นพร้อมทั้งสวมชุดนักศึกษา เมื่อเห็นว่าผมยังนอนอุตุอยู่บนเตียง

     

    "ไม่ว่ะ" ผมอ้าปากหาวหวอดเพราะนอนไม่พอ 

     

    "ดูมึงไม่ตื่นเต้นเหมือนคนอื่นเลยเนอะ" 

     

    "ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องตื่นเต้น"

     

    "เออๆ ตามใจแล้วกิจกรรมบ่ายจะเข้าไปดูมั้ย" 

     

    ผมนิ่งคิดไปพักหนึ่ง "ขอคิดดูก่อนถ้าตื่นก็ไป" 

     

    ถึงผมจะได้ทุนไม่ต้องจ่ายค่าเทอมแล้วอีกทั้งการเป็นกรรมการหอก็ไม่ต้องจ่ายค่าหอก็ตาม ผมก็ยังรับงานอยู่ดีถ้ามีคนจ้าง 

     

    รูมเมทส่งตรงมาจากภาคเหนือพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วออกไปจากห้อง เหลือเพียงอีกคนที่ยังนอนเน่าอยู่ซึ่งก็คือผมเอง

     

    ผมตื่นมาอีกทีในตอนเที่ยงกว่าๆก็เดินเข้าห้องนำ้ชำระร่างกายแล้วลงไปร้านอาหารตามสั่งที่ตั้งอยู่หน้าหอเจ้าเก่าเจ้าเดิม 

     

    สั่งเมนูเดิมๆกับแม่ค้าไม่ลืมบอกว่าใส่กล่องเมื่อได้ของก็ขึ้นไปกินบนห้องตามเดิม 

     

    "ไอ้ซิม" เสียงพี่ก๊อตประธานหอเรียกในตอนที่ผมเดินขึ้นบันได

     

    "ครับพี่" 

     

    "วันนี้ประมาณบ่ายสามปีหนึ่งมันจะขนของเข้าหอ มึงช่วยดูแลความเรียบร้อยด้วยนะกูต้องทำวิจัยก่อนไปฝึกงาน" 

     

    "ผมคนเดียวเหรอพี่" 

     

    "กรรมการหอทั้งหมด แล้วตอนเย็นกูจะเข้ามาประชุมฝากบอกทุกคนด้วยนะ" 

     

    พี่ก๊อตตบบ่าผมแล้วเดินจากไปเป็นวินาทีเดียวกับโทรศัพท์ผมส่งเสียงดัง

     

    ชายแดน


     

    "ฮัลโหล"

     

    (มึงจะมามั้ย ตอนนี้น้องกำลังทยอยเข้าหอประชุม)

     

    "คงไม่ไปแล้วว่ะพี่ก๊อตบอกว่าบ่ายสามน้องจะขนของเข้าหอกูต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อย" 

     

    แอบเสียดายนิดหน่อยที่จู่ๆก็เกิดความรู้สึกอยากไปเห็นหน้าเด็กใหม่ แต่ภาระทางนี้ก็ต้องรับผิดชอบ 

     

    (เออๆ ไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวสักพักกูเข้าไปช่วยนะ)

     

    "อืมๆ" ผมรับคำก่อนจะกดวาง

     

    จากนั้นก็ทำการแจ้งข่าวลงในไลน์กลุ่มคณะกรรมการหอ อ้อ ชายแดนมันก็เป็นหนึ่งในกรรมการหอเหมือนกันครับ 

     

     

     

    [เจ้าสัว ]

    เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่แม่งน่าเบื่อ 

     

    "มึงช่วยทำหน้าให้มันดีๆเหมือนตอนที่อยากเข้ามาเรียนที่นี่ได้มั้ย" ไอ้ยุส่งเสียงน่ารำคาญเมื่อกลับจากซื้อข้าว ส่วนผมไม่หิวอะไรเลยได้แซนวิชทูน่ามาอันนึง

     

    ผมไม่ตอบอะไรนอกจากทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะกัดแซนวิชไปครึ่งซีก

     

    "ตอนบ่ายต้องทำไรต่อ" 

     

    ไอ้ยุหยิบกำหนดการของงานขึ้นมาดู "บ่ายโมงเข้ากิจกรรมของสโมสรนักศึกษา พอบ่ายสามก็ปล่อยพวกที่อยู่หอในขนของย้ายเข้า" 

     

    ผมพยักหน้ากินอีกซีกที่เหลือแล้วยกนำ้เปล่าที่เขาแจกให้ตอนอยู่ในหอประชุมขึ้นดื่ม พวกที่อยู่หอในขนของเข้าหอนั่นแปลว่าที่เหลือว่าง 

     

    ดีเลย 

     

    "ไปเถอะ ต้องลงทะเบียนอีก" 

     

    ผมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด โคตรไม่ชอบกิจกรรมอะไรพวกนี้ยังดีที่ไม่มีการว้ากและการบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่อย่างนั้นผมคงอกแตกตายก่อนได้หาเขาเจอแน่ๆ

     

    ผมและไอ้ยุเดินเข้าไปต่อแถวลงทะเบียนรับป้ายชื่อเหมือนอย่างคนอื่นๆ มีบ้างที่รุ่นพี่ส่งเสียงแซว ส่งสายตาระยิบระยับสื่อความนัยแต่ผมก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มตามมารยาทแล้วเดินเข้าไปข้างใน 

     

    พวกเราถูกแบ่งกลุ่มตามสีผมได้สีฟ้า ส่วนไอ้ยุได้สีเขียวมันน่าหงุดหงิดอีกรอบที่ต้องแยกกลุ่มกันแต่ผมก็เก็บความไม่พอใจไว้เงียบๆ 

     

    กิจกรรมดำเนินไปเรื่อยๆ คนที่ไม่ได้สนุกไปกับเกมส์ที่พวกพี่ๆเขาคิดกันมาอย่างผมก็ต้องเล่นตามนำ้ไป อะไรพอทำได้ก็ทำดีกว่าทำตัวมีปัญหา ไม่อยากเป็นจุดสนใจในเรื่องแย่ๆตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนหรอกนะ

     

    ในที่สุดก็หมดเวลาสักทีหลังจากที่ดูนาฬิกาเป็นรอบที่ร้อย 

     

    "เอาล่ะ หลังจากนี้ให้น้องๆที่พักอยู่หอในขนสัมภาระของตัวเองแล้วเดินตามพี่ต๊อบไปหอพักนะคะ" 

     

    "สัว นี่เพื่อนใหม่กูชื่อแผนที่เรียกสั้นๆว่าแผน" ไอ้ยุจูงมือใครก็ไม่รู้แล้วแนะนำกับผม ผมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าได้รับสายตาไม่พอใจมาจากเพื่อนใหม่แต่ใครสนล่ะ

     

    ไอ้นี่มันสูงพอๆกับผม หุ่นนักกีฬาแต่สีผิวไม่ได้กร้านแดดเหมือนนักกีฬาให้เดาคงเป็นพวกคลั่งฟิตเนสเหมือนไอ้เป๊บแน่ๆ ส่วนหน้าตาก็จัดว่าใช้ได้

     

    "หวัดดี กูจำมึงได้" 

     

    ไอ้แผนที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจพลางคิดว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน 

     

    "นี่มึงจำลูกของเพื่อนพ่อมึงไม่ได้เหรอไอ้เจ้าสัว"  

     

    ใคร? ลูกเพื่อนพ่อกูไม่ได้มีแค่คนเดียวหนิไอ้ห่า

     

    "กูไง ตอนเด็กๆเราสองคนเราชอบกินหวานเย็นตอนดูการ์ตูนช่อง7"

     

    อ้อออออออออออ กูเก้ทเลยทีนี้

     

    ไอ้แผนที่อ้วนพุงพลุ้ยตอนเด็ก โตมามึงหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ

     

    "เชี่ย แผนที่กูจำมึงได้แล้ว" 

     

    "เออ กว่าจะจำได้ไอ้ห่า" 

     

    "ก็หน้ามึงเปลี่ยน" ไม่เหลือเค้าเด็กอ้วนในวันวาน

     

    "นี่พวกมึงคุยอะไรกันอยู่สองคนช่วยทำให้กูเข้าใจด้วย" 

     

    ผมกับไอ้แผน(ขอเรียกสั้นๆ)หัวเราะให้กับหน้าโง่ๆของไอ้ยุ

     

    "เออ แล้วนี่พวกมึงสองคนพักที่ไหนวะ" ไอ้แผนเลิกคิ้วขึ้นถาม

     

    "ว่าจะพักคอนโด" ผมตอบไอ้ยุพยักหน้าเสริม เป็นความคิดแรกและความคิดเดียวซึ่งป๊ากับแม่ก็ไม่ขัด ส่วนไอ้ยุก็เหมือนกันมันอยากอยู่ที่ไหนพ่อกับแม่มันตามใจเสมอ ก็นะลูกคนเดียว 

     

    "แล้วมึงล่ะ" ผมพยักเพยิดหน้าถามกลับ

     

    "หอในว่ะ"

     

    ถามจริง? คนรวยๆอย่างมึงอยู่หอในเนี่ยนะ 

     

    "พอดีรุ่นพี่ของกูแนะนำมาว่าถ้าอยากได้ประสบการณ์ชีวิตให้อยู่หอใน"

     

    "มีแต่ความสุ่นวายน่ะสิไม่ว่า"  ผมแย้ง

     

    "กูก็ไม่รู้ถึงได้ลองอยู่ไง พวกมึงไม่สนใจเหรอวะ" 

     

    ผมส่ายหัวแบบไม่ต้องคิด ความวุ่นวายเป็นอะไรที่ผมโคตรไม่ชอบ

     

    "ตามใจแต่ว่าช่วยกูขนของเข้าไปหน่อย ที่บ้านกลับไปหมดแล้ว" 

     

    "ได้สิๆ กูอยากเห็นหอในของมหา'ลัยพอดี" ไอ้ยุตาลุกวาวผมตวัดสายตามองมันเขม็ง

     

    "ไม่ว่าง"

     

    "โห น่าอยู่ว่ะแม่งไม่ได้เก่าเหมือนที่กูอ่านในเรื่องสยองขวัญเลย" 

     

    ผมเดินตามหลังพวกมันสองคนเงียบๆ ไม่ได้ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นต่างจากไอ้ยุทักนู่นทักนี่ไม่หยุดตั้งแต่เดินเข้ามา

     

    "มึงอ่านอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ" 

     

    "ทำไมอะ" 

     

    "งมงาย" แผนที่มันส่ายหัวพยายามไม่ขำกับเสียงแว้ดๆของชินยุที่แย้งกลับด้วยเหตุผลและความเชื่อของตัวเอง 

     

    "ถึงแล้ว เดี๋ยวกูไปรายงานตัวแป๊บพวกมึงรออยู่ตรงนี้ล่ะกัน"

     

    เสียงจอแจวุ่นวายของพวกที่กำลังขนของเข้าไปทำให้ผมค่อนข้างปวดประสาท บางคนใช้คนทั้งบ้านช่วยกันหอบสัมภาระจนผมคิดว่าจะย้ายบ้านก็ไม่ปาน 

     

    ไอ้ยุหายไปไหนไม่รู้เหลือเพียงผมที่ยืนรอคนเดียว ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนก็รู้สึกเกะกะอยู่ดี

     

    "อ้าวน้อง ทำไมไม่ไปรายงานตัวเข้าหอล่ะ" จู่ๆก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาทักผม

     

    "ผมแค่มาส่งเพื่อน ไม่ได้จะอยู่" 

     

    "อ้าวงั้นเหรอ งั้นก็ขยับมายืนอยู่ตรงนี้มาเดี๋ยวโดนชน" 

     

    ผมขยับไปอีกฝั่งตามที่พี่เขาบอก พี่เขาก็ไม่ได้ชวนคุยต่อนอกจากกดโทรศัพท์ยิกๆยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งผมที่ไม่มีอะไรทำจึงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมบ้าง


     

    ทว่าในขณะนั้นเอง 

     

    "เหี้ยซิมกูโทรหาตั้งนานไม่รับ!"


     

    เสียงตะโกนเรียกชื่อใครสักคนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้าทำให้ผมใจเต้นระรัวมือไม้สั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนดีใจจนทำอะไรไม่ถูกนอกจากจ้องหน้าเขาเหมือนคนโรคจิต


     

    "โทษทีกูเพิ่งไปปริ้นรายชื่อกรรมการหอมา"

     

    "เออ เหนื่อยหน่อยนะมึงประธานหอไม่อยู่ งานหนักเลยตกมาอยู่ที่พวกเรา"

     

    นั่นคือ..พี่ซิมของผมใช่รึเปล่า?

     

     

    ครอบครัว (5)


     

    เสือน้อย : ทุกคนครับ


     

    เสือน้อย : ผมไม่อยากอยู่คอนโดแล้ว


     

    (ต่อออออ)
     

     

    เพราะมัวแต่ไลน์หาที่บ้านเปลี่ยนใจจะอยู่หอในกะทันหันรู้ตัวอีกทีพี่เขาก็เดินจากไปแล้วเหลือเพียงแต่รอยรองเท้าไว้ให้ผมดูต่างหน้า


     

    แต่ช่างมันเถอะสิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้คือการได้เข้าอยู่หอพักในชายให้ได้ต่างหาก 


     

    "ชินยุไปไหนวะ" แผนที่มันเดินเข้ามาหา มองซ้ายมองขวาหาไอ้ยุที่ไม่รู้ไปไหนของมัน


     

    "ไม่รู้เหมือนกัน" 


     

    มันทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมานอกจากหยิบเอากระเป๋าของตัวเองเตรียมจะเข้าหอ


     

    "เดี๋ยว"


     

    "ไรวะ" 


     

    "คิดๆดูแล้วหอในแม่งก็ไม่เลวว่ะ" ผมเบนสายตามองไปรอบๆ


     

    "พูดแบบนี้คือมึงจะสื่ออะไร?" มันหรี่ตาไม่เข้าใจในการกระทำของผมว่ามึงจะพูดเพื่อ


     

    "ก็..กูจะอยู่หอใน" ผมตอบอย่างไม่ยี่หระ 


     

    "อะไรของมึงกูงงไปหมดแล้ว ไหนตอนแรกบอกไม่ชอบความวุ่นวาย" 


     

    "มึงไม่ต้องเข้าใจกูหรอกน่า" 


     

    "แล้วมึงจะเอาไง ป่านนี้ไม่เต็มแล้วเหรออีกอย่างมึงก็ไม่ได้แจ้งเขา"  


     

    "อยากอยู่ต้องได้อยู่" ผมบอกถึงจุดประสงค์อย่างชัดเจน


     

    ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้แล้วไม่ได้ ถ้าหากแผนที่มันจำเรื่องราวในตอนเป็นเด็กวัยกระเตาะได้มันต้องจำได้เหมือนกันว่าผมแม่งมีนิสัยยังไง


     

    อีกฝ่ายส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจ "มึงนี่มันเอาแต่ใจไม่เลิก เออ ไปเดี๋ยวกูพาไปทำเรื่อง" 


     

    ผมยิ้มออกมาอย่างพอใจครั้งแรกของวันนี้เมื่อในที่สุดก็ได้เข้ามาอยู่หอในอย่างขาวสะอาด พี่ผู้ชายคนที่เข้ามาคุยกับผมในทีแรกบอกว่าเหลือห้องว่างสุดท้ายพอดี 

     

    "อะไรของมึงเนี่ยสัวไหนบอกจะอยู่คอนโด" ไอ้ยุที่เพิ่งรู้เรื่องทีหลังส่งเสียงบ่นทั้งๆที่ตอนแรกยังตื่นเต้นกับหอในอยู่เลย

     

    "ก็ตอนนี้ไม่แล้ว ถ้ามึงไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไรกูมีแผนที่" หมายถึงว่าผมมีรูมเมทแล้ว(เพราะมันขอมาอยู่กับผมเนื่องจากสนิทกันแล้วเรียบร้อย)

     

    "เหี้ยไรล่ะ กูก็อยากอยู่หอในเหมือนกัน" มันว่าเสียงอ้อมแอ้ม 

     

    "เอองั้นก็จบ" 

     

    หลังจากนั้นผมและไอ้ยุก็จัดการบอกคนที่บ้านขนชองเข้ามาที่หอพักในชาย ไอ้จอห์นงงเป็นไก่ตาแตกที่ผมเปลี่ยนใจกะทันหันทั้งๆที่มันเลือกคอนโดดีๆไว้ให้แล้ว 

     

    ส่วนป๊าและแม่บอกกับผมว่า 'ตามใจลูกเลยค่ะอยู่ที่ไหนแล้วสบายใจป๊ากับแม่ก็ไม่ขัด' 

     

    ผม แผนที่ และชินยุ เดินขึ้นมาหยุดอยู่ที่ชั้นสองหน้าห้องที่มีตัวเลขกำกับตรงประตูว่า ห้อง205

     

    ด้านในมีเตียงนอนขนาด3.5ฟุต ตั้งเรียงกันอยู่สามเตียง ด้านขวาใกล้ประตูเป็นห้องนำ้  ส่วนด้านซ้ายมีโต๊ะกินข้าววางอยู่ และตู้เสื้อผ้าที่จัดอยู่ตรงปลายเตียง 

     

    ผมเลือกเตียงด้านในสุดอย่างไม่ลังเล ตรงกลางเป็นไอ้ยุ และถัดไปเป็นแผนที่ 

     

    "มึงว่าคณะที่เพื่อนเราเรียนมีหอในแบบนี้มั้ย" ไอ้ยุถามขึ้นหลังจากที่มันกระโดลงบนเตียง

     

    "ทำไมมึงไม่ถามพวกมันเอง" ผมปรายตา มองมันแวบนึง

     

    "เออว่ะ" มันทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วจัดการถ่ายรูป 

     

    "พวกมึงจะเอาอะไรปะกูว่าจะลงไปซื้อนำ้สักหน่อย เห็นหน้าหอมีร้านค้า" 

     

    ผมและไอ้ยุส่ายหน้าเป็นคำตอบ 

     

    หลังจากที่แผนที่มันลงไปซื้อนำ้ได้ไม่นานเสื้อผ้าที่ผมโทรไปบอกให้คนที่บ้านเก็บมาให้ก็มาถึง แต่ให้ตายเถอะนี่แม่สั่งให้ขนอะไรมาเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย

     

    "พวกมึงสองทุ่มประชุมหอนะเว้ย" ไอ้แผนที่เปิดประตูเข้ามาในมือของมันมีของกินเต็มมืออยู่

     

    "เหี้ยไร กูไม่ไป"  ผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์วัันนร้ผมเหนื่อยมาทั้งวันไม่มีอารมณ์จะไปนั่งฟังใครพล่ามทั้งนั้น

     

    "ไม่ได้เว้ย พี่เขาบังคับให้เข้าทุกคน" 

     

    "ทำไมต้องบังคับด้วยอะ" ไอ้ยุยังอดไม่ได้ที่จะบ่น

     

    "ก็วันนี้พี่เขาจะแนะนำประธานหอ กรรมการหอ แล้วก็กฏของหอไง" 

     

    ผมหูผึ่งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า กรรมการหอ

     

    'โทษทีกูเพิ่งไปปริ้นรายชื่อกรรมการหอมา'

     

    'เออ เหนื่อยหน่อยนะมึงประธานหอไม่อยู่ งานหนักเลยตกมาอยู่ที่พวกเรา'


     

    "งั้นสองทุ่มมึงบอกด้วยล่ะกัน" 

     

     

     

    [ซิม]

     

    "เรียบร้อยดีใช่มั้ยวะ" 

     

    พี่ก๊อตเดินเข้ามาไถ่ถามถึงเอกสารที่สั่งให้ผมไปทำ 

     

    "ครับ ติดตอนนี้เลยมั้ยพี่"  

     

    เรายืนกันอยู่ตรงบอร์ดติดผนังในห้องโถงชั้นล่างของหอหลังจากที่จัดการส่งเด็กใหม่ทุกคนเข้าอยู่ตามห้องของตัวเองเสร็จ 

     

    "อย่าเพิ่งดีกว่าว่ะเดี๋ยวประชุมเสร็จค่อยติด กูพูดไม่นาน" 

     

    "ครับ" ผมรับคำ 

     

    จากนั้นไม่นานพี่ก๊อตก็เรียกประชุม ไอ้พวกหน้าเก่าเดินอาดๆเข้ามากวนตีนพี่ก๊อตบ้าง วอแวผมบ้างตามประสาคนคุ้นเคย แต่สำหรับเด็กใหม่ที่เข้ามาอยุ่ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัวเพราะยังใหม่ ยกเว้นก็แต่ไอ้พวกที่สนิทกับรุ่นพี่มาก่อนหน้านี้น่ะนะ

     

    "สวัสดีน้องๆทั้งคนเก่าและที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่กันทุกคนนะครับ วันนี้ผมมีเรื่องที่จะพูดอยู่ไม่กี่เรื่องซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณแน่ๆ ดังนั้นหากไม่อยากเสียเวลาก็ขอความกรุณาตั้งใจฟังผมด้วย" พี่ก๊อตเริ่มการประชุมขึ้นทันทีอย่างไม่รีรอ


     

    "เรื่องแรกผมชื่อก๊อตอยู่ปีสี่ เป็นประธานหอ และที่ยืนขนาบข้างผมอยู่นี่" พี่ก๊อตผายมือมายังพวกผมที่ยืนอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้า "คือกรรมการหอพัก ซึ่งพวกเขามีหน้าที่เป็นหูเป็นตาช่วยผมและเช็กชื่อพวกคุณในแต่ละชั้น" 


     

    พวกผมแนะนำตัวจนครบพี้ก๊อตจึงเริ่มพูดต่อ

     

    "กฏของหอคือ หนึ่งเราจะปิดหอในเวลาห้าทุ่มของทุกวัน ยกเว้นเสาร-อาทิตย์ ใครที่มาช้าเกินสามครั้งจะถูกหักคะแนนกิจกรรม  สองไม่อนุญาตให้พาคนนอกเข้ามา สามห้ามส่งเสียงดังในยามวิกาล สี่เราจะทำความสะอาดหอทุกๆวันจันทร์  และห้าทุกวันของห้ามทุ่มครึ่งจะมีกรรมการหอเช็กชื่อตามชั้น"

     

    "มีใครสงสัยมั้ยครับ"  พี่ก๊อตกวาดสายตามองทั่วบริเวณ เมื่อไม่มีใครยกมือหรือสงสัยอะไรจึงสรุปแล้วจบการประชุม 

     

    ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน ส่วนผมและชายแดนได้รับคำสั่งจากท่านประธานหอให้ติดรายชื่อคณะกรรมการหอลงบนบอร์ด 

     

    "พี่ครับ" 

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมและชายแดนหันมองพร้อมกัน

     

    เชี่ย! 

     

    ผมผงะตกใจจนทำแม็กซ์ยิงกระดาษตกเกือบหล่นใส่เท้ายังดีที่น้องมันวิ่งเข้ามาคว้าไว้ทัน 

     

    ใบหน้าหล่อกับรอยยิ้มแบบนี้มีคนเดียว ไอ้เด็กแก่แดดนี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?

     

    "ผมไลน์ไปพี่ไม่ตอบผมเลย" 

     

    ผมทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ไลน์มาตอนไหนวะไม่เห็นรู้เรื่อง

     

     "เชี่ยซิม มึงรู้จักน้องมันด้วยเหรอวะ " ชายแดนหันมาขมวดคิ้วถามนำ้เสียงมันดูตื่นเต้น

     

    "เอ่อ.." ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะเรื่องที่ผมไปทำงานแบบนั้นชายแดนมันไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ


     

    จนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งทำไมไอ้เด็กนี่ยังจำผมได้ทั้งๆที่เจอกันแค่ครั้งเดียว

     

    แต่สำหรับผมหน้าน้องมันหล่อสะดุดตาขนาดนี้เป็นใครก็ต้องจำได้อยู่แล้ว

     

    "ว่าไงมึงไปรู้จักได้ไง" มันยังคะยั้นคะยอ

     

    "ผมเคยจ้า-"  ผมรีบเอามือปิดปากมัน

     

    "เคยจ้างกูติวหนังสือน่ะ" ผมยิ้ม เหงื่อเริ่มแตกความจริงคือชายแดนมันไม่เคยรู้ว่าผมเคยทำงานอะไรพวกนี้ ซึ่งผมจะให้ใครรู้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นมันต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาแน่ๆ 

     

    ผมสัมผัสได้ว่าไอ้คนปากโป้งกำลังยิ้มจึงส่งสายตาอาฆาตขู่กลายๆว่าถ้าไม่อยากตายให้หุบปากไปซะ 

     

    "ถามจริง  จ้างมึงเนี่ยนะไม่อยากจะเชื่อ" 

     

    "เออ กูฝากมึงติดนี่ให้เสร็จด้วยนะเดี๋ยวขอคุยกับน้องมันแป๊บ พอดีไม่ได้เจอกันนาน"  


    “เดี๋ยวเชี่ยซิม!”

     

    "มานี่" ผมพูดเสียงเบาก่อนจะลากเด็กนี่ออกมาข้างนอก

     

    "ทำไมพี่ต้องทำเหมือนมีลับลมคมในด้วย" มันยังมีหน้ามายิ้ม 

     

    "ห้ามพูดเรื่องนั้นเด็ดขาดเข้าใจมั้ย" 

     

    "เรื่องไหน?" 

     

    ผมจิ๊ปาก "ก็เรื่องเพื่อนเที่ยวนั่นไง ห้ามพูด" 

     

    "ทำไมอะ อย่าบอกนะว่าเพื่อนพี่ไม่รู้?"  มันหรี่ตาถาม

     

    ผมนึกหงุดหงิดกับท่าทางกวนตีนของมัน "ไม่ใช่เรื่องของมึง" อีกฝ่ายตกใจกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปของผม

     

    "ทำไมพี่รุนแรงจังอะ เรียกมึงเลยเหรอ"  

     

    "ทำไม มีปัญหารึไง" 

     

    "เปล่าค้าบบ"

     

    "..." ผมส่ายหัวปลงๆ 


    เท่าที่จำได้ตอนเจอกันครั้งนั้นมันไม่ได้กวนตีนแบบนี้ 

     

    "พี่ยังไม่ตอบผมเลยนะ" 

     

    "ตอบอะไร" 

     

    "เรื่องไลน์ ทำไมไม่ตอบผมแถมโทรก็ไม่ติด" มันทำหน้างองำ้เหมือนเด็ก

     

    ผมไม่ตอบไปในทันทีในหัวคิดว่าอีกฝ่ายไลน์มาตอนไหน โทรมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆภาพวันที่ผมทำโทรศัพท์หายก็แวบเข้ามา

     

    "วันนั้นโทรศัพท์หาย" ผมตอบตามความจริง

     

    "เชื่อได้มั้ยเนี่ย" 

     

    "นั่นก็แล้วแต่มึง" 

     

    อันที่จริงกูไม่จำเป็นต้องบอกมึงด้วยซำ้ไอ้เด็กแก่แดดดด

     

    "โอเคค้าบ ผมเชื่อก็ได้" 

     

    "อืม งั้นแยกย้ายแล้วก็อย่าลืม เรื่องนั้นมึงห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาดเข้าใจมั้ย" ผมชี้หน้ามัน

     

    "คร้าบบ"

     

    ผมพยักหน้าอย่างพอใจตั้งท่าจะหันหลังขึ้นห้องตัวเองแต่ก็นึกขึ้นได้อีกเรื่อง

     

    "เงินสามหมื่นนั่นกูไม่คืนนะ" 

     

    "สบายใจได้ผมให้แล้วให้เลย" 

     

    ผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ รู้แล้วโว้ยว่ามึงรวยไม่ต้องอวด!


    “เดี๋ยวครับพี่ซิม” 


    “อะไรอีก” ผมเอี้ยวตัวมามอง


    “สบายดีมั้ยครับ” 


    “เห็นว่าป่วยมั้ยละ”  



     

     

     


    ‘ยุ จะจีบคนๆนึงนี่ต้องทำไงวะ’

     

    ‘อะไรเข้าสิงมึง แล้วมึงจะไปจับใคร?’

     

    ‘พรุ่งนี้กูเอาลูกรักกูมาดีมั้ยวะ’

     

    ‘เพิ่งอยู่ปีหนึ่งขับรถคันละสิบล้านไม่ดีมั้ง’

     

    ‘แบบเขานั่งข้างๆ กูเป็นคนขับให้งี้’

     

    ‘ปกติมึงไม่ชอบขับรถให้ใครนั่งนี่’

     

    ‘แต่กูอยากขับให้เขานั่งว่ะ’

     

    ‘เฮ้อ มันไปโดนตัวไหนมาเนี่ย’

     

     

     

     

     

    เห็นความรวยของพระเอกรึยังคะ5555555555

    Tbc.

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×