ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Projects Love แผนรักกับดักร้าย [ยงซอ]

    ลำดับตอนที่ #20 : Fic:Projects Love ตอนที่18.อยากนอนกับฉัน..บนเตียงใช่มั้ยล่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 56


     
    [FIC] Projects Love แผนรักกับดักร้าย






    ยง&ซอ:หนึ่ง  สอง ยิ้ม ^___^


     


    ชินเฮ:เหอะ  มีความสุขกันเข้าไปเถอะ!


     



    SISTAR -(Alone)



    -----------------------------------------------------------------------------------
     ตอนที่18. อยากนอนกับฉัน..บนเตียงใช่มั้ยล่ะ








           แต่แล้วอยู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินมาหยุดข้างหน้าฉัน ก่อนที่เขาคนนั้นจะนั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉันอย่างถือวิสาสะ




           "ฮัลโล  ยังอยู่ที่เดิม  รีบมานะ  ฉันรอนายคนเดียว ยงฮวา"  คนตรงหน้าเน้นเสียงกับท้ายประโยค  แล้วจงใจหันมามองฉัน

     

           "คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอค่ะ  คุณปาร์คชินเฮ" ฉันนั่งในท่วงท่าที่สบาย ก่อนจะกอดอกมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตานิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ทั้งที่ในใจฉัน มันกำลังเดือดดานอยู่ตอนนี้  ที่อยู่ดีๆ เธอก็โผล่เข้ามา แล้วจงใจคุยโทรศัพท์ยั่วโทสะต่อหน้าฉัน

     

     

           "ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ  แค่ผ่านมาแถวนี้ เลยอยากจะเข้ามาทักทาย" เธอตอบกลับมานิ่งๆ  และจ้องฉันอย่างไม่วางตา

           "
    เหรอคะ" ฉันก็จ้องเธออย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

     

           "ยงฮวานี่แย่จัง พอฉันโทรหาเขา  เขาก็รีบเร่งออกไปเลย  เลยต้องทิ้งคนสำคัญไว้แบบนี้ แต่เอ๊ะ ยงฮวาน่ะ มักจะเรียงลำดับสิ่งสำคัญก่อนหลังเสมอ นั้นน่ะสินัยเขาเลย"

     

           ชินเฮรายยาวกับเหตุการณ์ที่ทำให้ยงฮวาทิ้งฉันไว้ที่นี่ ฉันพอจะเรียงลำดับเหตุการณ์ และจับต้นชนปลายถูกแล้ว

     

           เธอนั้นเอง  ที่เป็นคนโทรหายงฮวา แล้วทำให้เขารีบเร่งออกไป!

     

           ฉันกำหมัดหนัด พร้อมกับสะกดกลั้นอารมณ์ร้อนของตัวเอง  แล้วจ้องมองชินเฮไปนิ่งๆ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินกว่าที่ฉันประเมินไว้ซะอีก ดวงตาที่โกธรแค้น ของเธอมันกำลังแผ่รังสีอำมหิตบางอย่างออกมาใส่ฉัน

     

           ถ้าเกิดว่าฉันเป็นคนใจเสาะ หรืออ่อนแอกว่านี้ ฉันคงหลบสายตาที่จ้องมองอย่างเอาเรื่องแบบนี้ไปแล้ว

     

            แต่ฉันคือ ซอฮยอน ผู้ไม่เคยยอมแพ้กับอะไร กับเรื่องแค่นี้  ทำไมฉันจะต้องกลัว!

     

           ฉันไม่ได้ตอบโต้ กับเธอ เพียงแค่กดโทรศัพท์  ออกไปหาเบอร์ที่คุ้นเคย   โดยมีสายตางงๆ จากชินเฮส่งมาให้ฉัน  แต่ฉันไม่สนใจจะมานั่งอธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะปรายสายกำลังกรอกเสียงมาคุยกับฉันอยู่

     

           "ว่าไง ฉันกำลังจะไปทำธุระ เธอมีอะไร"  เขาตอบเสียงเรียบ

     

          "ไม่มีอะไรหรอกคะ  ฉันแค่จะบอก ว่าธุระของพี่ อยู่กับฉัน!"

     

          "เธอว่าอะไรนะ!" สำเสียงของยงฮวาฟังดูตกใจที่ฉันรู้เรื่องนี้

     

           "ก็ฉันบอก ว่าธุระของพี่  ยืนอยู่ตรงหน้าฉันเองคะ อยู่ในร้านอาหารที่เดิม พี่รีบมานะคะ  เรากำลังคุยกันสนุกเชียว" ก่อนจะหันไปพูดกับชินเฮและไม่ลืมกรอกเสียงใสๆ ลงไป ให้ปรายสายได้ยิน        
    "..ใช่มั้ยคะ รุ่นพี่ชินเฮ"

     

           ฉันบอกกับปรายสายไปแค่นั้น  ก่อนจะจงใจตัดสายของยงฮวาทิ้งไป  แล้วเหลือบไปมองยังชินเฮ ที่ยืนตัวเกร่งอยู่ตรงหน้า

     

           "อีกไม่กี่นาที  เขาคงรีบบึ่งรถมาที่นี่แน่คะ  คุณช่วยรอ  'แฟน' ฉันสักครู่นะคะ"  ฉันส่งยิ้มชนิดที่คิดว่าร้ายกาจที่สุด และเหนือชั้นกว่าไปให้เธอ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม

     

            ชินเฮจึงทิ้งตัวลงนั่ง  พร้อมกับท่าทางเสียหัวอย่างถึงที่สุด  แต่เธอก็เก็บอาการได้ดีนะ แต่ก็ดีไม่สุด เพราะถ้าสุดจริงๆ ฉันคงจับทางเธอไม่ได้

     

     

           ระหว่างนั่งรอ ไม่มีใครได้เอื้อนเอ่ยประโยคไหนออกมาเลย ฉันเดาว่า ชินเฮ ก็คงดูเชิงฉันอยู่ เหมือนกับที่ฉันกำลังคิดอยู่เช่นกัน

     

     

           รอเพียงไม่นานหน้าหล่อๆ  ก็วิ่งเข้ามาอย่างลนลาน

     

           "ชินเฮ"  ยงฮวามีสีหน้าที่ตกใจ  ก่อนที่เขาจะปรับเปลี่ยนมันให้คงเดิม และมองฉันกับชินเฮสลับกันไปมา   เสียใจจังที่ยงฮวาเรียกชื่อเพื่อนก่อน  แทนที่จะเป็นฉัน!  

     

           "เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  ไหนบอกว่าลื้นล้มขาแพลงไง"  ยงฮวาถามชินเฮเสียงเรียบ แต่สายตาของเขายังจ้องมองเธอไม่วางตา

     

           เหอะ!  ถึงขนาดต้องโกหกว่าเจ็บตัวเพื่อให้เขาไปหาเลยอย่างงั้นเหรอ ทุเรศสิ้นดี!

     

           ชินเฮมีท่าทางรนราน  เหมือนหาข้อแก้ตัวไม่ถูก ฉันเห็นแล้วก็สงสาร จึงช่วยแก้ต่างให้เธอซักหน่อย

     

           "รุ่นพี่ชินเฮ  คงอากาศดีขึ้นแล้วมั้งคะ พี่ยงฮวา" ฉันบอกยงฮวา พร้อมกับจับที่แขนของเขาเหมือนกำลังควบคุมไม่ให้อารมณ์ของเขาฉุดเฉียวไปมากกว่านี้

     

           "อะ...เอ่อ"  ชินเฮ ได้แต่อึกอัก จนฉันต้องยกยิ้มอย่างพอใจ  เอาล่ะ บางที่ฉันไม่ควรจะอยู่เป็นกางขวางคอ ของพวกเขานะ ต้องทำหน้าที่แฟนใจกว้างซะหน่อยแล้ว

     

           "ฉันคิดว่าพี่คงต้องมีธุระกับรุ่นพี่ชินเฮ"  ฉันหันไปบอกกับยงฮวา "...งั้นขอตัวก่อนกลับก่อนดีกว่า เจอกันวันมะรื้นเลยนะคะพี่ยงฮวา" และไม่ลืมจะหันไปหารุ่นพี่ชินเฮสุดสวย
       
         "ฝาก 'แฟน' ของฉันด้วยนะคะ  พี่ชินเฮ วันนี้ฉันต้องขอตัวก่อน"^^  ฉันแสร้งยิ้มให้กับชินเฮ จนเธอต้องกำหมัดแน่น และเบนหน้าหนีไปอีกทาง 
    ก่อนที่ฉันจะโค้งให้ทั้งสองคน  และเดินเฉิดฉายออกมาอย่างผู้ชนะ

     

           หึ! บอกแล้วไง คนอย่างซอฮยอนไม่มีวันยอมแพ้ อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว!





           [YongHwa: Part]

     

            ผมจองมองร่างบางตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอโทรมาบอกกับผมว่า เธอหกล้มเท้าแพลง ผมตกใจแทบแย่  จึงรีบปลีกตัวจากซอฮยอนเพื่อไปดูอากาสรของชินเฮ

     

           แต่ไหนเธอกลับมายืนอยู่ตรงนี้ได้!

     

          ทั้งที่เธอก็รู้ดี ว่าผมเกลียดการโกหกมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ มันก็มีค่าเท่าเทียบกัน

     

           "ว่าไง ฉันพร้อมจะฟังคำอธิบายของเธอแล้ว"  ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมของซอฮยอนหลังจากที่ยัยนั่นกลับไป

           หวังว่าเธอจะไม่โกธร หรืองอนผมเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นๆทำหรอกนะ ผมคิดว่าซอฮยอนจะเข้าใจ

     

           เอ๊ะ แล้วผมจะหวังให้ซอฮยอนเข้าใจในตัวผมทำไม?

     

           "ฉันไม่มีคำอธิบาย  หรือคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น"  ชินเฮบอกกับผม ก่อนที่เธอจะทิ้งลงตัวนั่ง  พร้อมทั้งกอดอก แถมยังไม่ยอมมองหน้าผมเลย

     

           "แล้วโกหกทำไม?"  ผมคาดคั้นความจริงจากคนตรงหน้าอีกครั้ง

     

          "ก็ฉัน.... ฉัน.."

     

           "(.......?)"

     

           "ฉันอยากจะรู้ ว่านายยังจะเห็นฉันสำคัญอยู่หรือเปล่าน่ะซิ  ช่วงนี้นายไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันบางเลย ฉันโทรหานายก็ไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์ฉัน ไม่รู้ว่ามัวแต่สวีตกันไปถึงไหน"

     

           "ไร้สาระ"  ผมตอบเสียงหห้วน  ผมบอกแล้วว่าไม่ชอบให้ใครมาโกหก  เพราะผมเกลียดการโกหกที่สุด   แต่ชินเฮยังจะทำแบบนี้อยู่อีก  แล้วเหตุผลชองเธอมันฟังไม่ขึ้นเลยซักนิด!


           โกหกเพื่อให้ผมร้อนรนออกไปหา  จนผมต้องทิ้งใครอีกคนไว้แบบนี้

     

           "นายคิดว่าความรู้สึกของฉันเป็นเรื่องไร้สาระงั้นเหรอยงฮวา"  ชินเฮเป็นฝ่ายขึ้นเสียงใส่ผมบ้าง

     

           "เธอควรจะรู้ตัวนะ ว่าเธอเป็นคนผิด"ผมใช้ลิ้นดุนแก้มเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ไม่พอใจกับเธอ  

     

           "แล้วยังไง ทำไมนายต้องใส่อารมณ์กับฉันแบบนี้  เมื่อก่อนนายไม่เคยจะเป็นแบบนี้กับฉันเลยนะ" ผมถอดหายใจแรงๆ เพื่อสะบัดอารมณ์โกธรของตัวเองให้หลุดออกไป

     
           "นายเปลี่ยนไปมากเลยนะ ยงฮวา  พอมีเธอคนนั้นเข้ามา"  ชินเฮพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ 

     

         "มันไม่เกี่ยวอะไรกับซอฮยอนเลย  เธออย่าดึงยัยนั่นเข้ามาได้มั้ย"

     

           "แต่ต้องไม่ได้เลยนะ!"

           "เฮ้อ  ฉันว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ฉันว่าเราแยกกันตรงเถอะ"  ผมลุกยืนเตรียมจะเดินออกจากร้าน แต่มือเรียวก็ตามมาคว้าเเขนของผมเอาไว้ซะก่อน  จนคนในร้านอาหารต่างหันมามองที่โต๊ะของพวกเรา

     

           "ฉันไม่ให้นายไป  จะไปหายัยนั่นใช่มั้ย!"

     

          "ไม่เอาน่าชินเฮ  ทำตัวมีเหตุผลหน่อย ไม่เหมือนกับเธอเลยนะ"  ผมข่มอารมณ์เดือด  ก่อนจะหันไปพูดกับเธอ  ยังไงผมก็ไม่ยากจะพูดอะไรที่หักหาญน้ำใจเธอหรอกนะครับ ยังไงเธอก็คือผู้หญิง  และเธอก็คือ เพื่อน ของผม

     

           "อย่าไป"  เธอกุมมือผมไว้แน่น  จนผมรู้สึกแปลกๆ  กับการกระทำของเธอ

           ผมเข้าใจว่าเธออาจจะห่วงผมในฐานะเพื่อนสนิท  แต่.......

     

           เพียงเสี่ยววินาที ผมจึงตัดสินใจเกะมือเล็กๆ ออกจากข้อมือของผม  ก่อนจะเดินออกมาจากร้านอาหาร โดยไม่หันไปมองเธออีก 

     

           วันนี้คุยกันไปก็คงไม่รู้เรื่องหรอกครับ
     

    [End:YongHwa. Part]












     

           ไม่รู้ว่าฉันคิดผิดหรือคิดถูก  กับเรื่องเมื่อวานที่ปล่อยให้ยงฮวาได้อยู่กับชินเฮตามลำพัง แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนิทกับชินะ และเขาก็เคยปฏิเสธข่าวที่นิติยสารแอล ลงข่าวไปแล้วด้วย  ฉะนั้นมันคงไม่มีอะไรหรอกเนาะ

     

           ฉันคงคิดมากมากเกินไป

     

           "หน้าฉันมันมีอะไร ถึงได้มองนัก" เสียงยงฮวาที่ดังอยู่ข้าง เรียกสติของฉันให้ตื่นตัวขึ้นมาได้ เป็นเพราะเรานั่งที่ติดกันบนเครื่อง เขาเลยเห็นทุกอย่างได้ง่ายเลย

     

           "ก็หน้าพี่ มันมีคำว่ารักอยู่ตัวใหญ่เท่าบ้านเลยนิคะ" ฉันเลยอดมองไม่ได้ คิก"

     

           "นิ เธอ!"

     

           "จุจุ อย่าเสียงดังไปนะคะ เดี๋ยวคนอื่นๆบนเครื่องก็ตื่นกันหมดหรอก"  ฉันรีบห้ามยงอวาทันที เมื่อเห็นว่าเขาจะเล่นงานฉัน

     

           "เธอหัดสะกด คำว่าอายไว้บางนะ ผู้หญิงอะไร...."

     

           "น่ารักเกิ๊น" ฉันรีบต่อท้ายประโยคให้ยงฮวา  ทำเอาเขาแทบจะบีบคอฉันให้ตายตรงหน้า  ถ้าไม่ติดว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่น ที่กำลังผ่อนคล้ายกันอยู่   เขาจึงเปลี่ยนมาจ้องเขม็งฉันแทน  ก่อนจะรีบขมตาให้หลับเพื่อหนีหน้าฉันไปอีกรอบ   (คือเขาหลับหนีฉันไปหลายรอบละ ) =,,=

     

     

     
     

           ว้าว~~~  ฉันเบิกตากว้างให้กับภาพตรงหน้า  เมื่อก้าวลงมาจากรถของโรงแรมที่ไปรับเรามาจากสนามบิน

     

           ฮาวาย  สถานที่  ที่คน ครึ่งค่อนโลกใฝ่ฝันที่จะมาเยือน  ทะเลดีสวยงาม  แม้เเต่เจจูยังเทียบไม่ติด ผู้คนมากมายนอนเรียงรายอยู่บนชายหาดที่ขาว  สะอาดตา

        พระเจ้า!  มันเป็นเหมือนภาพในฝันเลย  ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้มาที่นี่จริงๆ

     

           "จะยืนอึ้งอีกนานมั้ย ฉันจะได้เข้าไปข้างในก่อน" ยงฮวาบอกกับฉันอย่างเซงๆ 

           ยงฮวานี่ต่อมรับรู้ความรู้สึกของเขามันตายด้านไปหรือเปล่านะ แทนที่จะตื้นเต้นกับภาพสวยตรงหน้า กลับมาทำหน้าเซ็งๆ บอกบุญไม่รับอยู่แบบนี้  เฮ้อ

     

     

     

           "เรามาตามบัตรอันนี้ครับ"  เป๊ะมาก  ยงฮวาพ่นภาษาอังกฤษที่สำเนียงเลิสที่สุดกับพนักงานรีเซฟชั่นอย่างคล้องแคล่ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพูดภาษาอังกฤษได้สำเนียงดีแบบต้นฉบับแบบนี้

     

           พอรีเซฟชั่น เอาบัตรที่ฉันได้มา ก็ยื่นยื่นกลับมาให้ยงฮวา  พร้อมกับคีการ์ด

     

           แต่เดี๋ยวก่อนนะ

     

           ทำไมการ์ดของห้องมีแค่อันเดียวล่ะ!

     

           "ขอโทษนะคะ คุณหยิบคีการ์ดให้ผิดหรือเปล่า คือเรามากันสองคนน่ะค่ะ"  ฉันก็พ่นอิ้งที่คิดว่าสำเนียงดีไม่แพ้ยงฮวาออกไปเช่นกัน ไม่อยากจะบอกว่าวิชาภาษาอังกฤษของฉัน น่ะ ได้ เอบวก มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนะ หุหุ

     

           "ไม่ผิดหรอกคะ" พนักงานสาวตอบ พร้อมกับรอยยิ้มที่สุภาพ  
           "ทางรายการจองห้องพักแบบสวีตฮันนีมูนไว้เพียงหนึ่งห้องเท่านั้นนะค่ะ" พูดจบเธอก็เอาใบเอกสารหลักฐานเป็นกระดาษสามถึงสี่แผ่นมายืนให้กับฉัน

     

           ฉันได้แต่มองมันก่อนจะหันไปมองหน้ายงฮวา ที่แทบจะฆ่าฉันด้วยสายตาอีกหน

     

     

     

           "ก็ใครมันจะรู้ละค่ะ  ว่าจองห้องสวีตอะไรนั้นไว้  มุนอาก็ไม่ได้บอกฉันมาก่อนนิ"  ฉันบ่นอุบอิบระหว่างทางเดินที่เราต้องไปยังห้องพัก  หลังจากที่ยงฮวาโวยวายกับฉันไปหลายรอบ

     

           แต่ที่เราไม่แยกห้องก็เพราะ ค่าเช่าห้องที่นี่แพงแบบชนิดที่ว่า  ฉันสามารถ เที่ยวกิน อยู่ ไปกลับเจจู ได้สบายเลย

     

           และยงฮวาเป็นคนไล่ให้ฉันให้ไปหาห้องเช้าใหม่  ใครจะไปยอม ราคานี่แทบฆ่าฉันเลย

     

          "ถึงแล้วครับ" บริกรที่นำทางเรามาพูดจบก็ผายมือไปที่ห้องริมสุด ตรงหน้า แล้วก็เดินจากไป

     

           ยงฮวาจึงจัดแสกนการ์ดเข้าไปทันที  ทันที่  ที่ห้องกว้างเปิดออก สายตาของฉันก็เบิกกว้างอยากตะลึงกับภาพตรงหน้า

     

           ว้าว~~~~~~~

        ฉันก้มลงมองกลับกุหลาบรูปหัวใจหนาที่วางอยู่ตรงพึ้นหน้าประตู  มองเข้าไปยังทางเดินก็ถูกโรยไว้ด้วนกลับกุหลาบเป็นทางยาว  

     

           กลิ่นเขียนอโรม่า ส่งกลิ่บอบอวน ถึงบรรยากาศสุดโรเเมนติกมาถึงหน้าประตู

     

          "หอมจังเลย"  ฉันถอดรองเท้าของตัวเองขึ้นมาถือไว้ และเดินเข้าไปในห้องโดยมียงอวาที่เดินตามเข้ามาอย่างเงียบๆ
     

       กลีบกุกลาบนุ่มหอม กับพื้นพรมสีครีมที่ปูอยู่ทัวห้อง  มันทำให้ฉันเหมือนเดินอยู่บนก้อนเมฆเลย  
       
           ฉันสูดกลิ่นของเทียนหลายสิบเล่มที่ถูดจุด และกระจายอยู่บริเวณรอบห้อง 
    กลีบกุหลายถูกโรยมาจนถึงปรายเตียงสีขาว  พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง  แทบจะร้องไห้ ผ้าขนหนูสองผืนสีขาวสะอาดตา ถูกพับเป็นรูปหานคู่ หันหน้าเข้าหากัน และปาก เอ่อ กำลังจูบกันอย่างโรเเมนติกมาก

           โอ้ย! โรแมนติกสุดๆ  ไปเลย

         "ชอบแบบนี้เหรอ"  อยู่ๆยงฮวาก็ถามขึ้นมาเอาซะดื้อๆ

     

         "ผู้หญิงร้อยทั้งร้อย ก็ชอบความโรแมนติกแบบนี้ทั้งนั้นค่ะ"  ฉันตอบโดยไม่หันไปมองยงฮวา ก่อนจะเดินไปจับหานคู่ (ทำจากผ้าเช็ดตัว) 

     

           และห่างไปไม่กี่เซน ยังมีดอกกุหลาบสีแดงมากมายถูกตัดก้านจนหมดเกลี้ยง เหลือไว้แค่ดอก ถูกจัดให้เป็นรูปหัวใจดวงโตสวยงามแบบเป็นดวงซ่อนอีกดวง  ดูแล้วทั้งอลังการ และแฝงไปด้วยความโรเเมนติกอย่างถึงที่สุดเลย

     

          พระเจ้า!  นี้มันสวรรค์บนดินชัดๆ  สร้างความประทับใจให้ฉันตั้งแต่แรกเห็นเลย

     

     

         "เธอจะไปไหน" ยงฮวาถามฉันขึ้น  เมื่อฉันเดินไปยังยังกระเป๋าสัมภาระ ที่ถูกลำเรียงขึ้นมาไว้ ก่อนที่เราจะเขามาในห้อง

     

          ฉันไม่ตอบ เพียงชัวครู่ก็ไขข้อข้องใจให้เขาด้วยการโชว์กล้องของตัวเองให้เขาดู

     

         "พี่คะ ช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อย" ฉันยืนกล้องไปให้กับยงฮวา

     

         "ยุ่ง จริง"

     

         "แหม  ภาพสวยๆ แบบนี้ ฉันก็อยากเก็บไว้ในความทรงจำซิคะ" ถึงยงฮวาจะบ่นอุบอิบ แต่เขาก็ยอมถ่ายรูปให้ฉันไปหลายต่อหลายรูป

     

        "ฉันถ่ายให้พี่บางเอามั้ยคะ"  ฉันถามเมื่อเห็นว่าในเมมโมรี่มันจะรูปของฉันมาเกินไป มันจะเหมือนกลับว่าฉันมาเที่ยวคนเดียวเลยน่ะซิ  ยงฮวาไม่ตอบฉันกลับ

     

      แต่กับรัวกล้องอย่างหน้าตาเฉย   ชิอยากถ่ายเองก็ไม่บอก

     

       เขาถ่ายรูปนูนนี่นั่นไปเรื่อยๆ แล้วก็เปลี่ยนมาถ่ายตัวเอง ฉันจึงเนี่ยนเดินเข้าไปยืนเกาะที่แขนของเขา แล้วฉีกยิ้มกว้าง ชูสองนิ้วให้กับกล้อง

     

        แต่แปลกที่คราวนี้ยงฮวากลับไม่ไล่ฉันไปเหมือนเคย   ฉันก็เลยได้ใจ เกาะแกะเขาถ่ายไปถ่ายรูป

     

        บางก็เกาะแขน  ทำมือเป็นดอกไม้บานอยู่ใต้ค้าง  แล้วมองหน้ายงฮวา ซึ่งเขาก็เล่นกล้องกลับมาเช่นกัน โดยมองหน้าแบบยิ้มหวานให้

     

        เป็นภาพที่หน้าประทับใจมากเลย

     

        "เปลี่ยนเป็นถ่ายวีดีโอกันบางมั้ย"  อยู่ๆยงฮวาก็พูดออกมาซะดื้อๆ  แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ชอบที่เขาทำอะไรแบบนี้นะ ฉันจึงได้แต่พยักหน้ารับ

     
     

         "สวัสดีคะ"  เขาเริ่มถ่ายมันที่ฉันก่อน  "แทบจะไม่อยากเชื่อ ว่าเราจะมาอยู่ที่นี่ได้ นั่นคือที่ไหนคะ พี่ยงฮวา"  ฉันจงใจโยนคำตอบไปให้คนหลังกล้อง คิดว่าเขาจะนิ่งเงียบแต่เปล่าเลย  เขากลับยอมเล่นสนุกกับฉัน

     

          "เราอยู่ที่ฮาวายกันครับ" เข้าตอบเสียงระรื้น ก่อนจะแพลนกล้องไปยังส่วนต่างๆ ของห้อง

     
            "สวยใช่มั้ยละคะ เชื่อว่าใครที่เห็นต้องอิจฉาเราแน่ๆ  บรรยากาศที่นี่สวย และโรแมนติกมาก ฉนชอบมากๆ เลยคะ  ยิ่งได้มากับพี่" ฉันส่งสายตาหวานไปให้ตากล้องมือจำเป็น
     

         แล้วยงฮวาก็เปลี่ยนเป็นแพลนกล้องไปยังห้องน้ำทันที่ ฉันเดินตามไป และเเย่งกล้องในมือของเข้ากลับมา

     

         "ไหนมาเรามาดูมือกล้องจำเป็นหน่อยซิคะ"

     

         "ไม่เอาน่า  อย่าถ่ายฉันเลย" ยงฮวาเอามือมาบิดกล้องไว้


           "หืม  ได้ไงกัน ทีพี่ยังถ่ายฉันเลย" ฉันยื้อกล้องกลับ ก่อนจะยกมาถ่ายฉันกับเขาไปพร้อมกัน แต่ยงฮวายิ่งเดินออกห่างฉันไปอีก  ฉันจึงพูดกับกล้องเบาๆ

     

        "คืนนี้เราพักที่ห้องนี้ สองต่อสอง คิก"  พูดไปฉันก็รู้สึกเขินตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

     

         "เลิกถ่ายได้เเล้วน่า" เสียงยงฮวาดังแทรกเข้ามาก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาในกล้อง แล้วย่อตัวทำเป็นจับผมบนหัว เหมือนมองกระจกแล้วพรางเซ็ทผมไปด้วย"

     

         ฉันได้แต่มองการกระทำของเขาอย่างงงๆ  แล้วหันกลับมาพูดกับกล้องต่อ

     

         "ถ้างั้นคืนนี้คงต้องไปแล้วคะ โดนเอ็ดแล้ว ไปแล้วนะคะ บายๆ" ฉันกับยงฮวายืนโบ้กมือให้กับกล้อง พร้อมกับฉันที่หยุดการถ่ายแต่เพียงเท่านี้

     

     

     

           "เฮ้อ เหนื่อยจัง.  ฉันทิ้งตัวลงนั่งกับที่นอนหนาหนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน   ฉันไม่เคยเดินทางหลายชั่วโมงแบบนี้มาก่อนเลย  ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว

     

           "ลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปนอน ในที่ของเธอเลย เลยยัยตัวเเสบ" ยงฮวาดึงมือของฉันขึ้น  เมื่อเห็นว่าฉันกำลังจะล้มตัวลงนอน

     

           แต่เดี๋ยวก่อนนะ ที่ของฉันอย่างงั้นเหรอ ฉันลุกขึ้นมองไปตามมือที่ยงฮวาชี้  ก่อนจะเห็นถึงลางร้ายของตัวเอง

     

           "โซฟา!?"

     

           "ใช่โซฟา"  เขาตอบเสียงเรียบ

     

           "ไม่นะคะ! ฉันไม่มีทางนอนที่โซฟาเด็ดขาด ฉันนั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว พี่จะให้ฉันไปนอนขดตัวอยู่ที่โซฟาอีกน่ะเหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอก พี่นันแหละ เป็นผู้ชาย ก็ต้องเสยสละให้ฉันนอนเตียง ส่วนพี่ นู้นเลยค่ะ" ฉันชี้นิ้วไปยังจุดที่ยงฮวาชี้ก่อนนี้

     

          "โซฟาเลยค่ะ"

     

         "เธอคิดว่าฉันเป็นพระเอกนิยายหรือไง ที่จะเสียสละที่ดีๆให้เธอนอน แล้วเธอก็ไม่ใช่นางเอกนะ ฝันอยู่เปล่า" 
    (ไรเตอร์:ไอ้พี่ยงบ้าไปแล้ว นั่นแหละนางเอกของแก ไอ้พี่บร้าาาาาาาาา)

     

          ฉันควรจะถอนคำพูดที่เคยบอกว่า ยงฮวาเป็นลูกผู้ชายมากพอมั้ย  ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!

     

          "ฮอล! แทบไม่อยากจะเชื่อหู  ฉันนึกว่าพี่จะยอมฉันซะอีก"

     

           "เรื่องอะไร ฉันก็เมื่อยเหมือนกันนิ" พูดจบยงฮวาก็เดินมาคว้าหาน (ผ้าเช็ดตัว) ไปหนึ่งผืน แล้วเดินตรงดิ่งไปห้องอาบน้ำทันที ฮือ  ผู้ชายสมัยนี้ บ้าไปแล้วหรือไง  ไร้น้ำใจและเห็นแกตัวที่สุดเลย!

     

     

     

    30 นาที ต่อมา

     

           ฉันยืนจองยงฮวาที่นอนอยู่บนเตียงกว้างสีขาวแสนนุ่มอย่างสบายใจ มิน่าถึงรีบเดินไปอาบน้ำก่อนฉัน  เพราะกะจะมาแย่งเตียงนอนของฉันใช่มั้ย!

     

           โอ้ย!  บ้าที่สุดเลย เสียรู้เขาจนได้ฉัน  แต่มีเหรอ ที่ซอฮยอนคนนี้จะยอม!

    ฉันเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง  ก่อนจะดึงแขนยงฮวาอย่างสุดแรง

     

           "เฮ้ย!  ทำบ้าอะไรของเนี่ย!" คนที่นอนหลับตาเพลิมได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

     

           "ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ  ฉันจะนอนเตียงนี้!"  ฉันใช้กำลังที่มีอันน้อยนิด  เหมือนหนูลากราชสี  แต่ดึงเท่าไร ยงฮวาก็ไม่ค่อยจะขยับเลย

     

           "เธอนั่นแหละไปนอนที่โซฟา ฉันจะนอนที่เตียง!"

     

          "โซฟาเเข็งจะตาย พี่ไปนอนที่โซฟาเดี่ยวนี้เลยนะ!"  ฉันตะเบงเสียงพร้อมกับยังฉุดดึงเขาอย่างไม่ยอมแพ้

     

           "ไม่!  เขาดึงกลับกลับ เธอนั่นแหละไป"

     

          "ไม่!  พี่นั้นแหละที่ต้องไป" ฉันกระฉากเขาสุดแรง

     

          "ไม่! ธ..."

     

          เว่อ~~~~~~~~~~~

     

          ยงฮวากระชากแขนของเขากลับไปสุดแรง และมันก็ทำให้เสียหลัก และในที่สุด ร่างฉันก็ลอยเว่อมานอนแอ้งแม้งทับร่างของยงฮวา อย่างไม่ได้นัดหมาย

     

           ฉันเตรียมจะลุกขึ้น แต่มือดันไปทาบอยู่กับแผงอกกว้างของเข้าอย่างถือวิสาสะ

     

           เสียงดังแปลกอยู่ใต้ฝ่ามือของฉัน และเหมือนเนื้อช่วงอกข้างซ้ายมันกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่น่ะซิ หรือว่า.....

     

           ตึกๆๆๆ  ตึกๆๆๆ~~

            เสียงหัวใจของยงฮวา กำลังเต้นผิดจังหวะ และตอนนี้ มันยิ่งเร็วและรัวมากซะด้วย คิดได้ดังนั้น ฉันก็นึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นจากแผกอกแน่นๆ ของเขา  แล้วส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไปให้

     

           "ที่พี่ไม่อยากไปนอนที่โซฟา เพราะว่าพี่....." ฉันใช้นิวมือเรียวสวยของตัวค่อยๆไร่เรียงสัมผัสไปยังใบหน้าหล่อเหลาอย่างสนุก ให้คนตรงหน้าทำอะไรแบบไม่ถูก แค่จะกลืนน้ำลาย เขายังทำมันไม่ได้เลย  

           "...อยากนอนกับฉันบนเตียงนี้ใช่มั้ยละ" 

    พูดเองก็กระดากปากเอง นี่ฉันเล่นเเรงไปหรือเปล่าเนี่ย หัวใจยงฮวาคงทำงานหนักหน้าดู  เพราะตอนนี้แม้แต่มืออีกข้างของฉันที่พาดอยู่ มันยังกระตุกไปตามจังวะหัวใจของเขาเลย

     

           ฉันโน้มหน้าลงไปใกล้ๆ  คนกำลังหายใจติดขัดอยู่

     

          โน้มลงไปจนสัมผัส ได้ถึงลมหายใจถี่ๆของเขา  กลับกลิ่นสบู่อ่อนๆจากการที่พึ่งอาบน้ำมาใหม่

     

           โน้มเขาไปจน....

     

     

     

     

           ฟุบ!

     

     

     

          จนยงฮวาตั้งสติได้ก่อน  และรีบผลักฉันออกจากตัวเขา (เบาๆ) แล้วเด้งตัวขึ้นจากที่นอน

     

           "ก  ก็ได้  ฉันไปเอง!"  ก่อนจะเดินดุ่มๆ หอมผ้าห่มกับหมอน ไปนอนที่โซฟาในที่สุด

     

           ฮ่าๆ สำเร็จ มีอะไรที่ซอฮยอนคนนี้ทำไม่ได้บาง  และในที่สุดเตียงหนานุ่มก็เป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว หุหุ

     

           ฉันสงสารพี่นะคะ   แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันไม่พร้อมจะนอนบนเตียงเดียวกับพี่ในตอนนี้นะ


           "ฝันดีนะคะพี่ยงฮวา......ของฉัน"  ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาจนทำให้ยงฮวาไม่ได้ยิน แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

     

    อย่างน้อยๆ คือนี้ฉันก็ไม่ได้บอกผ่านสายลม หรืออากาศธาตุ เหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา

     



    ยง&ซอ:ถ่ายรูปกันค่ะ/ครับ




    ซอจูฮยอน:อยากนอนกับฉัน..บนเตียงใช่มั้ยล่ะ
     



    ซอจูฮยอน:โอ๊ะ! ท่านี้เค้าน่ารักมั้ยพี่ยง O_< 




    จองยงฮวา:ผมไม่ว่าง กำลังจะไปฮาวายกับยัยตัวแสบ


     

     


    จองยงฮวา: ใช่! เอ้ย ไม่ใช่! ฉันไม่ได้อยากนอนบนเตียงกับเธอซะหน่อย



    ****-------------------------------------------------------****

     

    2013-01-30
    Talk
    โอ้ย โปรสเตอร์ชวนฟินอีกแล้ววววว ><

    แอร๊ยยยย อิพี่ยงโดนน้องแกล้งจนเงิบอีกแล้ว ฮ่าๆๆ
    ไม่รู้ว่าทริปนี้จะหวานกันแค่ไหน มาเอาใจช่วยซอจูกันต่อไปนะคะ

    เม้นๆ โหวตๆ ให้เค้าเช่นเดิมน้า (อ้อนแล้วอ้อนอีก) */\*

    Thank  You ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×