ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Projects Love แผนรักกับดักร้าย [ยงซอ]

    ลำดับตอนที่ #16 : Fic:Projects Love ตอนที่14. เป็นข่าวใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 56



    [FIC] Projects Love แผนรักกับดักร้าย





    Trouble Maker 'Trouble Maker'

    --------------------------------------------------------------------
    ตอนที่14. เป็นข่าวใหญ่




    'หนุ่มขาร๊อคสุดหล่อ ซุ่มเงียบ สวีตหวานกลาง เอ็น โซลทาวเวอร์ ดินเนอร์ใต้เสียงเทียนสุดโรเเมนติก! 
    แต่เอ๊ะ ไหนผู้นั่งร่วมโต๊ะกลับไม่ใช่เพื่อนสนิทสุดสวยดาวร่วมคณะคนนั้นล่ะ?'

     


           พาดหัวข่าวจากนิติยสาร L นิติยสารเบอร์หนึ่ง ของ มหา'ลัย  พร้อมกับรูปฉันและยงฮวาที่อยู่ใต้คำบรรยายภาพ  ตอนที่ฉันกำลังจับมือของเขาอยู่พอดี  ให้ตายเถอะ


           นี่ L เล่นทำข่าวข้างนอกแบบนี้ด้วยเหรอ ฉันก็พอจะรู้นะ ว่านิติยสาร L เป็นนิติยสารที่ทำงานให้เหมือนกับมืออาชีพที่สุด  และนำเสนอข่าวทุกสิ่งทุกอย่างใน มหา'ลัย แต่มันก็ควรจะเป็นแค่ข่าวในมหา'ลัย  ไม่ใช่เหรอ  เพราะเราไม่ใช่ดาราหรือนักร้องคนดังนะ  ที่จะไปไหนมาไหน จะต้องมีคนมาตามอยู่แบบนี้ 

     

     

           "รูปภาพและหลักฐานมัดตัวขนาดนี่  เธอจะบอกกับฉันได้มั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" มุนอา  เอานิติสาร L มาว่างลงตรงหน้าฉัน และเธอก็กำลังคาดคั้นฉันในแบบที่อยากรู้สุดๆไปเลย

     

           "ก็ไม่มีอะไรหนิ"   ฉันหันไปบอกกับเธอ พร้อมกับทำเป็นเปิดนิติยสารดูเนื้อข่าวข้างใน ที่ระเรงใส่สีตีไข่ในแบบที่เกิดความเป็นจริงหลายขุม

     

           "แต่ข่าวบอกว่าเธอกำลังเดทอยู่กับรุ่นพี่จองยงฮวานะ กรี๊ด ฉันแทบจะช๊อคเลย เมื่อเจอข่าวนี้  ตอนแรกไม่อยากจะเชื่อนะ แต่พอเห็นภาพแล้วต้องกรีดร้องเลยล่ะ"

     

     

           "ฉันนึกว่าเธอจะไม่ชอบใจ ที่ฉันไปเดทกับไอดอลของเธอ เหมือนกับพวกคนอื่นแบบนั้นซะอีก"  

     

           "จะบ้าเหรอ ฉันเป็นเพื่อนเธอนะ จะทำแบบนั้นได้ยังไง แต่ก็แค่อิจฉาอย่างแรง ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก สวยๆ อย่างเธอฉันยอมได้ ฉันยังมีรุ่นพี่อีจงฮยอนเป็นตัวเลือกอีกทาง"  คนที่มั่นใจในตัวเองซะเต็มประดา เอาไหล่ของเธอ มากระแทกฉันเบาๆ  เป็นเชิงหยอกล้อ

     

           "นิ ตกลงแอบไปเดทกันตอนไหน เมื่อสองเดือนก่อนฉันยังเห็นเธอตามตื้อเขาอยู่เลย ไหนได้มานั่งดินเนอร์ใต้เสียงเทียน สวยๆ แบบนี้ซะล่ะ" มุนอาหรี่สายตากดต่ำ เหมือนจะจองจับผิดฉัน เสียใจด้วยนะเพื่อนจ้า เธอคาดคั้นผิดคนแล้ว

     

           "ก็แค่ไปกินข้าว ตามประสาแฟนกันก็เท่านั้นแหละ"  ฉันลอยหน้าลอยตาพูดกับมุนอา  สองสามเดือนที่คบกับเธอมา ฉันว่าเธอก็ดูโอเค และนิสัยใช้ได้เลยนะ  และมันก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องทำตัวห่างเหินหรือไม่สนิทกับเธอ

     
           "ยอมรับอะ แรงนะยะ ฮ่าๆ"

     

           "เรื่องจริงยะ ฮ่าๆ"

     

           แต่เสียงเจื้อยแจ้วของเราก็หยุดลง เมื่อมีผู้หญิงสองถึงสามคนเดินมาหยุดอยู่ที่ม้านั่ง ตัวที่ฉันนั่งอยู่กับมุนอา

     

           "หัวเราะชอบใจกันเข้าไปเถอะ  มันก็เเค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของเขานั้นแหละ" ผู้หญิงคนนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับกอดอกมองฉันอย่างไม่เป็นมิตร

            สามวิแรกฉันยังงงกับคำพูดของเธอ แต่แล้วก็กลับนึกขึ้นมาได้ เธอคงจะหมายถึงเรื่องของฉันกับยงฮวาซินะ


      

           "นิ!...."  มุนอาลุกขึ้น  และเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โดนฉันยกมือเป็นเชิงห้ามไว้ซะก่อน

     

           ที่ห้ามไม่ใช่เพราะฉันจะยอมหรอกนะ แต่เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของฉัน เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง  ฉันส่งสายตาบอกมุนอาไปแบบนั้น

        ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนเต็มตัว และหันไปประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม พร้อมกับกอดอกมองประเมินฝ่ายตรงข้ามนิ่งๆ 

     

           "ถ้าฉันเป็นของเล่นให้กับเขา  มันก็ยังดี ที่เขายังอยากจะเล่นล่ะนะ..  ไม่เหมือนพวกที่วิ่งเต้นไปเสนอ.." ฉันปรายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของผู้หญิงที่ไม่เป็นมิตรตรงหน้าเชิงประเมิน และจงใจพูดเน้นย้ำไปที่พวกเธอ  "..อย่าว่าเเต่ของเล่นเลย แค่ปลายตามอง เขาจะทำหรือเปล่าเหอะ!"

     

     

           "กรี๊ด~~" คนตรงหน้าฉันดีนดิ้นอย่างกับโดนน้ำร้อนสาด  เมื่อถูกจี้จุดเดือดของเธอ ฉันได้แต่กอดอกมองอย่างผู้ชนะ 

     

            "จุจุ  อย่าร้องเสียงดังไปนะ  เดี๋ยวผู้ชายเขาจะแตกตื้นเอา.."  สามคนตรงหน้าได้แต่ทำหน้างงงวย ฉันเลยเฉลยข้อสงสัย ของคำพูดสวยหรูด้วยการบอกกับเธอๆพวกนี้ไป

     

           "ก็ถ้ามัวแต่ เรียกร้องหาสามี เอ้ย! มัวเเต่กรี๊ดๆ อยู่แบบนี้ ผู้ชายคงจะแตกตื่น และหนีไปหมดก่อนน่ะซิจ๊ะ"^^

     

           "ก.. !!!" ผู้หญิงตรงหน้ากำลังจะกรีดร้องอีกรอบ แต่หยุดเสียงไว้ได้ทัน แล้วเปลี่ยนมาชี้หน้าฉันแทน "อย่างแก มันก็สวยได้เพราะมีดหมอทั้งนั้นแหละ นังหน้าซิลิโคลน!"

     

           ฉันไม่เข้าใจจิตใจของคนเกาหลีบางคน ที่เห็นคนสวยกว่า  ดีกว่า ก็หาว่าผ่านมือหมอมาทั้งนั้น

     

           "เฮ้อ..." ฉันส่ายหน้าอย่างระอา พร้อมกับยกยิ้มเย้ยยันส่งไปให้ ผู้หญิงสามคนตรงหน้า 

     

           "ถ้าฉันต้องพึ่งมีดหมอแล้วสวยเด้งแบบนี้ ฉันก็ยอมหรอกนะ แต่ถ้าเป็นพวกเธอ ต่อให้ทำทั้งหน้าคงไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย นอกซะจาก...."  ฉันลากเสียงยียวนและกวนโมโหในแบบที่ถนัดส่งไปให้ฝั่งตรงข้าม  แล้วจงใจหยุดคำพูดไว้แค่นั้น

     

           "จากอะไร!"  ทั้งสามคนกระแทกขึ้นมาพร้อมกัน

     

           หึ  ฉันหันไปมองมุนอา ก่อนที่เธอจะเบ้ปากแล้วต่อประโยคถัดมาให้กับฉันอย่างรู้เท่าทันความคิดภายในใจของฉัน

     

           "ก็นอกซะจาก ไปตายแล้วเกิดใหม่ไง! ฮ่าๆ"  มุมอาเสริมอย่างออกรส

     

           "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พวกแก!"

     

           ฉันกับมุมอาไม่สนใจ  เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของคนพวกนั้น และเดินออกมาจากวงล้อมของผู้คนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่  อย่างผู้ชนะ

     

           ทิ้งแค่เสียงซุบซิบนินทา และเสียงกรีดร้องของฝั่งตรงข้ามไว้เบื้องหลัง 

           เหอะ! คิดจะเป็นศัตรูกับฉัน สิบปี ยังเร็วไปเลย!

     

     

     

     

     

     

     

           "เธอนี่แสบไม่ใช่เล่นเลยนะซอฮยอน"  ทันที ที่เราเดินพ้นจากความวุ่นวายตรงนั้น มุนอาก็หันมาคุยกับฉัน

     

           "ฮ่าๆ  คนแบบนั้นมันต้องเจอกับฉันเนี่ยแหละ ถึงจะถูก  ฉันปรับสีหน้าให้จริงจัง และแสดงให้เห็นว่าฉันกำลังจะพูดเรื่องนี้ พร้อมทั้งยืนสองมือไปกุมบีบมือยุนอาเบาๆ

           "เรื่องของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอเดือนร้อนไปด้วยน่ะ"

     

           "ได้ยังไงกัน ฉันเป็นเพื่อนกับเธอนะ ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งเธอหรอก เป็นไงเป็นกันซิ" ในขนาดที่ฉันตั้งใจจะพูดอย่างจริงจัง แต่มุนอาก็ทำเหมือนกับว่าเป็นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอมาก

     

     

           "อืม ขอบใจนะ" ^^

     

           ฉันเดินจับมือกับมุนอาขึ้นไปในคลาสเรียน ระหว่างทางเราก็คุยกันนู้นนี่ไปเรื่อยจนมาถึงเรื่อง ผู้หญิง ที่ชื่อ.....

           'ปาร์คชินเฮ'

     

     

     

           "ฉันรู้จักยัยคนนี้ดีเลยละ"

     

           "เพราะอะไร" ฉันถามมุนอาออกไปสั้นๆ  แต่ใจกลับจดจ่อรอฟังคำตอบจากเธออยู่ ที่อยู่มุนอาก็ไปถูกชตะกับชินเฮซะแล้ว

     

           "มีครั้งหนึ่ง ตอนปีหนึ่ง ข่าวของยัยนั้นกับยงฮวาก็ออกมาประมาณว่าเดทกันไรเงี่ย แต่ยงฮวาก็ออกมาบอกปัด  ว่ายัยชินเฮน่ะ  เป็นแค่เพื่อนสนิท ฉันน่ะสะใจที่สุดเลย  แต่จากนั้นก็เห็นสองคนนั้นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาก"  (มุนอาลากเสียงยาวสุดๆ)

           "นิติยสาร L ก็ทำข่าวมาตลอดนะ แต่ยงฮวาก็ไม่เคยยอมรับกับปากซักที ว่าคบยัยนั้นแบบไหนกันแน่"

           แต่ตอนนี้ฉันสะใจยิ่งกว่าที่ข่าวจาก L เป็นเธอกับรุ่นพี่จองยงฮวา แทนที่จะเป็นยัยนั้น!

     

     

           "อ้อ อย่างนี้นี่เอง เธอพูดเหมือนกับว่า ไม่ชอบ ปาร์คชินเฮ อย่างนั้นแหละ"  ฉันแกล้งถามแหย่เพื่อนสาวเล่นๆ แต่เธอกลับตอบฉันในแบบที่จริงจังสุดๆ ไปเลย

     

           "ฉันนี่แหละแกนนำตัวแอนตี้ยัยนั้นเลย"  มุนอาพูดพรางทำหน้าบูดเบี้ยว  อย่างกับว่าชินเฮเป็นตัวเชื้อโรคที่กำลังจะแผ่พันธ์เชื้อออกมาสู่เธอ

     

           "ตอนที่ฉันอยู่ grade10 (*โน๊ท*ที่เกาหลีเรียนกันเป็นเกรด หรือบ้านเราเรียกม.1 ม.2 แบบนั้นเลยคะ และเกรด10 คือ ม.4 คะ) ฉันก็ตามไปเชียร์ รุ่นพี่ยงฮวา และมีโอกาสได้ถ่ายรูปกับรุ่นพี่ แต่ต้องเสียโอกาสเพราะยัยบ้านั้นแหละ ที่เข้ามาขว้าง และไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้รุ่นพี่ยงฮวาเลย ฉันละหมั่นไส้ยัยนั้นเอามากๆ เธอรู้มั้ย"

     

           "ใจเย็นๆ แล้วพี่ยงฮวาละ ไม่ห้ามเหรอ"

     

           เขาก็เเค่มองๆ แต่เพราะคนมันเยอะช่วงนั้นเลยทำอะไรไม่ได้มาก ฉันก็เลยได้ถ่ายรูปกับรุ่นพี่จงฮยอนแทน วันนั้นแหละ ฉันเลยปันหัวใจให้มือกีต้าเสียงหวานคนนี้ไง ฮ่าๆ

     

           มุนอาร่ายยาว ก่อนจะหัวเราะอย่างร่าเริง มีเธอเป็นเพื่อนก็ดีอยู่ไม่น้อย เพราะตลอดชีวิต ของฉัน ฉันจะมีเพื่อนสนิท อยู่ไม่กี่คนหรอก ถ้าเราสองคนสนิทกันมากจริงๆ ฉันคงรู้สึกดี และสบายมาก  อย่างน้อยๆ ในมหา’ลัยแห่งนี้ เพื่อนแท้ที่ฉันมีก็คือมุนอาเนี่ยแหละนะ

     

           "แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เธอก็เป็นตัวเเทนของฉันเข้าหาพวก CNBLUE แล้ว ฮ่าๆ"

     

           "เธอจะบ้าหรือไง ฉันไม่ใช่ตัวประกันนะยะ"

     

           อืม   แต่ซอฮยอนน่ะระวังตัวไว้ก็ดีนะ"

     

           "ทำไมต้องระวังด้วยล่ะ"

     

            "เธอก็รู้ดีนิ เหตุการเมื้อกี้นี้ มันแค่เบาะๆ นะ ซอฮยอน" ฉันพยักหน้ารับ  "ก็มันจะเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ  กับเธอนั้นแหละ พวกแฟนคลับที่รักแบบไม่เป็นก็จะบ้าคลั่งแบบนี้  แล้วก็ค่อยตามระรานคนที่เข้าใกล้ไอดอลของตัวเอง แต่ก็ส่วนน้อยละนะ คนดีๆ ก็มีอีกเยอะ"

     

           "นี่ขนาด ยงฮวา ยังไม่ได้เป็นนักร้องจริงๆน่ะเนี่ย" ฉันทำตาลุกว้าวแสดงท่าทางประกอบ

     

           "นิเธออย่าทำเป็นเล่นไปนะ  ถึง CNBLUE ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงนะ  พวกเขามีแฟนคลับตามติดทั้งใน มหา’ลัย  และข้างนอกอีกเยอะแยะ ฉันถึงเตือนเธอไง เพราะมันไม่ใช่แค่ที่นี่  น่ะซอฮยอน" พูดจบมุนอาก็ทำหน้าเศร้าใจขึ้นมาเลย 

           ฉันเข้าใจในเจตนาของมุนอาดี เธอคงหวังดีกับฉันจริงๆ ถึงได้เตื่อนกันแบบนี้

     

           "แต่ฉันไม่กลัวหรอก  เธอไม่เห็นคนพวกนั้นเหรอ ยิ่งเราทำเป็นกลัว คนพวกนั้นก็ยิ่งได้ใจนะ"

     

            อันที่จริงฉันก็หวั่นๆ นะ พอมาได้ยินเรื่องแฟนคลับของเขาแบบนี้ นี้ยังไม่เป็นศิลปินยังขนาดนี้ แต่ถึงเขาจะเป็นศิลปินเต็มตัวหรือต่อให้เด่นดังมากมายกว่านี้สักกี่เท่า

           แต่สำหรับ ฉัน.... 

          เขา   ก็ยังเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีความรู้สึก มีหัวใจ และยงฮวาสามารถจะทำอะไรตามที่เขาต้องการ ไม่เว้นแม้แต่การมีแฟน (สวยๆอย่างฉัน)
           เขา   ก็ทำมันได้ ในเมื่อชีวิตเป็นของเขา  เขาก็ควรจะได้เลือกหรือตัดสิ้นมันเองซิ จะใครหรือแฟนคลับที่รักเขามากมายแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิมากะกั้น หรือห้ามเขาไม่ให้ทำอะไรเพียงเพราะพวกเธอต้องการ  

     

           เพราะยงฮวาเป็นคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ หรือสิ่งของ ที่ต้องรอรับฟังคำสั่ง หรือตามใจ ใครทั้งนั้น

     

           "จ้า  ซอจูฮยอนคนเก่ง  ที่ฉันเตือนเพราะฉันเป็นห่วงและหวังดีกับเธอจริงๆ นะ ซอฮยอน"

     

           "ฉันรู้  แต่เพราะว่ามีเธออยู่ไง  ฉันถึงไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น" ฉันทำเป็นเอียงหัวไปซบไหล่ของมุนอา  แต่มุนอากลับหยักไหล่เบาๆให้หัวฉันกะเด้งขึ้น

     

           "นี่เธอเห็นฉันเป็นเกาะกำบังเหรอยะ"

     

           "ก็.....ไม่เชิง"

     

            ฮ่าๆๆ/ฮ่าๆๆ 

     

           เราหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน  ไม่น่าเชื่อ ว่าเราจะรู้จักกันเพียวสองถึงสามเดือน เป็นเพราะฉันกับมุนอาเราสนิทกันเร็วมาก มันเลยเหมือนฉันกับเธอรู้จักกันมานานหลายปี และสนิทกันมากๆ ทั้งที่เราพึ่งเจอกัน เมื่อสองสามเดือนก่อนเอง

     

     

     

     

            ถึงตอนเที่ยง ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว และหนาหู เพราะนิติยสาร L ของ มหา’ลัย เป็นนิติยสารที่มีชื่อเสียงกว่านิติยสารเล่มอื่นๆ  และที่สำคัญ L เลือกลงข่าวยงฮวากับฉันเป็นเจ้าแรกใน  มหาลัย ด้วย   แน่นอนว่าคนดังอย่างยงฮวา ต้องมีคนสนใจเรื่องของเขามากอยู่แล้ว

     

           ฉันเดินเข้ามาในแคนทีนของปีหนึ่ง  สายตานับพัน ก็จับจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว

           ชิ ใครสนกันละ

     

           "ซฮฮยอน เธอไหวนะ" มุนอาเดินเข้ามาจับที่ต้นแขนของฉันแล้วกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน

     

           "ไหวซิ ทำไมอะ"  ฉันหันไปตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะสั่งอาหาร และเดินไปนั่งโต๊ะ  

     

     

           แต่สีหน้ามุนอาดูจะไม่ไหวมากกว่าฉันอีกนะ

     

           "เธอต่างหากละ ไหวหรือเปล่ามุนอา"

     

           "โธ่!  เรื่องแค่นี้ จิ๊บๆ อย่าได้แคร์คะ"  มุมอาชู้สองนิ้ว ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

    จะว่าไปยัยนี้ก็เเรงดีนะ เธอก็นิสัยคล้ายๆ กับฉันเลย ไม่ค่อยจะแคร์โลกเท่าไรน่ะ ฮ่าๆ

     

             เราสองคนนั่งกินอาหาร ท่ามกลางสายตาจับจ้อง และเสียงซุบซิบของคนในแคนทีน โดยทีมีฉันเป็นเหมือนจุดเด่นในครั้งนี้ อยากทำอยากมอง อยากพูดอะไรก็เชิญนะ เพราะฉันไม่แคร์กับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว  เพราะนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดกับฉัน เพราะต่อให้หนักกว่านี้ ฉันก็เจอมาแล้ว

     

            ขอโทษนะคะ

     

           เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของฉัน เมื่อเธอเดินเข้ามาในซอกเก้าอี้ไม่ได้ ฉันจึงรีบขยับเก้ากี้ของตัวเองให้คนข้างหลังได้มีทางเดินเข้าไปนั้งที่โต๊ะ 

     

           แต่แล้วกลับไม่ใช่

     

           เมื่อฉันรู้สึกได้ถึงน้ำเย็นแก้วใหญ่ถูกเทลงมาบนหัวฉันจนเปียกไปทั้งตัว

     

           ซ่า~~~~~~~~

     

           อุ๊ย! ขอโทษนะ ขาฉันมันสะดุดกับเก้าอี้ที่เกะกะทางเดินของเธอนะ  ผู้หญิงคนที่จงใจเท่น้ำราดหัวฉันกำลังจิบปากจิบคอพูดอย่างนึกสนุก มากกว่าจะรู้สึกเสียใจ และขอโทษกับการกระทำของเธอเลย

     

           ทันที่เหตุการณ์เกิดขึ้น สร้างเสียงฮือฮาในแคนทีนนี้มาก บางคนก็ตกใจอย่างสุดขีด แต่บางกลุ่มก็หัวเราะเยาะฉันอย่างไม่ปิดบัง

     

     

           ทำไมฉันจะไม่รู้ ว่าเธอน่ะ  จงใจแกล้งเทน้ำราดหัวฉันมากกว่า

     

           ฉันกำหมัดแน่นด้วยอารมณ์ที่เดือนดานเต็มที่ มุมอาก็จ้องมองผู้หญิงคนนั้นอย่างโกธรเคืองเช่นกัน   ก่อนที่เธอจะลุกมายืนข้างๆ ฉัน

     

           ฉันเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดีนะ  แต่มันก็ระเบิดได้ไม่ยากเช่นกัน

     

           และฉันก็ไม่ใช่พวกจะมานั่งง้อมือง้อเท้าให้คนอื่นรุมแกล้งจนสะใจเล่นหรอกนะ เพราะนั้นไม่ใช่นิสัยของฉัน

     

           คนอย่างซอจูฮยอน ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน!

     

     

            "เหรอคะ งั้นก็ไม่เป็นไรนะ" เมื่อฉันบอกออกไปแบบนั้น  ฝ่ายตรงข้ามถึงกับกอดอกยกยิ้มอย่างพอใจ  แล้วลากเก้าอี้ออกมานั่ง แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว  

           ฉันไม่พูดพล่ามทำเพลง  

           ก่อนจะหยิบจานข้าวของตัวเองขึ้นมา  และคว่ำมันลงไปที่หัวสวยๆ กับผมดัดลอนของเธอ และละเลงมันอย่างสนุก!

     

            หึ เธอรู้จักฉันน้อยเกิดไปแล้ว ยัยหน้าปลาจรวด!

     

           กรี๊ด~~~~~~~~~

     

           คนตรงหน้าได้แต่กรีดร้อง พรางเอามือมาปัดป้องมือของฉัน เพราะลุกขึ้นไม่ได้  เพราะเธอโดนฉันกดหัวไว้ด้วยจานนี้ยังไงละ  เพื่อนเธออีกคนจะเข้ามาช่วย แต่โดนฉันหันขวบไปจ้องแทบจะกินเลือดกินเนื้อ เธอก็นิ่งไป ปล่อยให้ฉันได้เล่นสนุกต่ออย่างเมามัน

     

           "ได้ข้าวแล้ว ก็อย่าลืมน้ำนะจ๊ะ   เดี๋ยวจะติดคอ!"  พูดจบมุนอาก็เอาน้ำหวานในแก้วของเธอเทราดฝ่ายตรงข้ามลงไปเรียบร้อย  เรียกเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งลั่นแคนทีน

           มือถือนับร้อยตัวถูกยกขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างว่องไว้  อยากถ่ายก็ถ่ายไป  เพราะฉันไม่ได้เ
    ป็นคนผิด และฉันก็ไม่ได้เริ่มก่อนด้วย ถ้าจะเอาเรื่องกันจริงๆ อย่างน้อยๆ คนอีกครึ่งโรงแคนทีนก็คงเข้าข้างฉันอยู่ละนะ

     

           "อุ้ย!...." ฉันยกมืออีกข้างขึ้นป้องปากตัวเองอย่างนึกจริด ยัวให้ฝ่ายตรงข้ามได้หมั่นไส้ในท่าทางของฉันเล่นๆ "...ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทันระวัง พอดีขาฉันมันไปสะดุดกับเก้าอี้ที่เกะกะของเธอน่ะ"

     

           ฉันเรียนแบบคำพูดของ ผู้ไม่หวังดี และแสยะยิ้มแบบร้ายกาจกว่าไปให้เธอ ก่อนจะชวนมุนอาเดินออกมาจากตรงนั้น

     

           ทิ้งไว้เพียงสายตาอึ้งๆ และเสียงกรีดร้องไล่หลังที่แสนเจ็บปวด

     

     

           เสร็จไปอีกหนึ่งราย!

     

     

           แปะ! 

     

           ฮ่าๆ/ฮ่าๆ

           ฉันกับมุนอาแท็กมือกันอย่างสนุกสนาน ถึงงานนี้ฉันจะเปียก แต่คู่กรณีทั้งเปียก ทั้งเหนี่ยว และเหม็น สะใจยิ่งกว่า

     

           "ตอนแรกที่เธอบอกว่าไม่เป็นไรนะ ฉันแทบไม่อยากจะเชื้อหู"  มุนอาพูดอย่างออกรส ในขนาดที่เดินไปค้นๆ ตู้กระจกในห้องพยาบาล

     

           "เธอคิดว่าฉันจะปล่อยยัยคนนั้นไปหรือไง ฉันไม่ได้โง่พอจะดูไม่ออกหรอกนะ"

     

           "จ้า แม่คนฉลาด"หลังจากจบประโยคค่อนขอดของ มุมอาแล้ว   ผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวก็ลอยวือมาตกแมะคลุมหัวของฉันอยู่

     

           "จะทำไรอะ" ฉันรีบดึงผ้าออกจากตัวทันที

     

           "ก็เช็ดหัว ให้ลูกแมวตกน้ำตัวนี้ไง" มุนอาชี้นิ้วมาที่ฉัน ก่อนจะเอาผ้าเช็ดผมฉัน

           แต่ไม่ต้องแล้วล่ะ

     

           "ไม่ได้"  ฉันรีบยกมือขึ้นห้ามกับมุนอาทันทีพร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ  "เพราะฉันพึ่งจะนึกอะไรดีๆ ออกแล้วน่ะซิ" ใบหน้าเจ้าเหล่ที่ถูกปั้น พอส่งให้คนมอง เธอได้เเต่ทำเสียง จอจ๊ะ ในที 

     

           "นึกอะไรอีกอะ "

     

            ฉันไม่ได้ตอบคำถาม แต่ยกยิ้มอย่างเจ้าเหล่ห์ไปในแบบที่ฉันถนัด  ทำเอามุนอาได้แต่งงกับคำพูดปริศนาของฉัน


     

    ซอจูฮยอน: คิดจะเป็นศัตรูกับฉันงั้นเหรอ เหอะ สิบปี ยังเร็วเกินไปเลย!









    จองยงฮวา: ทำไมทุกคนต้องคอยว่าแต่ผมด้วยนะ หันไปเข้าข้างยัยตัวแสบกันหมดแล้วหรือไง 






    คยูฮยอน: หึ! กำลังรอผมกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ




     

    ****--------------------------------------------------------------------------------------------****

    2013-01-26
    Tank
    แอร๊ยยย ภาพโปรสเตอร์ชวนติดตามมาก ฮอตกันทุกคนจริงๆ

    ก้มหน้ามารับกรรม  แต่ขอกระซิบนักอ่านไว้ก่อน
    ว่าอย่าพึ่งเขวี้ยงอะไรมาใส่ไรเตอร์น้า TT  เขากลัวแล้ว
    เค้าไม่ได้จำทำร้ายน้องซอจริงจร๊ง (ล้ากยาว) แค่พล๊อคมันมาแบบนี้
    เค้าข้ามมันไม่ได้ เพราะอัพยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยนะคะ ครึ่งแรกอาจจะดูใจร้าย
    กับนุ้งซอ (ไปบ้าง?) แต่ขอบอกไว้ก่อน ว่าครึ่งหลัง น้องซอได้เอาคืนอิพี่ยง อย่างเจ็บแสบแน่ๆ
    และหนักด้วย!

    เขาแง้มได้แค่นี้นะ T.T 
    ตอนนี้แต่งเรื่องนี้ไปได้ 80 เปอร์เซนแล้วคะ แต่ต้องทิ้งเรื่องไว้
    เพราะกำลังใจมันหดหาย

    ยังไงก็อย่าลืมเม้นๆ โหวตๆ ติชมเข้ามาเลยนะค่ะ
    ไรเตอร์จะเก็บทุกคำตอบและทุกคำติ
    ไปแก้ไขและพัฒนาให้ฟิคดีขึ้นไปเรื่อยๆคะ

    Thank you^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×