ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Projects Love แผนรักกับดักร้าย [ยงซอ]

    ลำดับตอนที่ #15 : Fic:Projects Love ตอนที่13.ตกเป็นรอง

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 56




    [Fic] Projects Love แผนรักกับดักร้าย

     



    CN Blue - Love Revolution

    -----------------------------------------------------------------------
    ตอนที่13.ตกเป็นรอง




           ฉันมานั่งรอยงฮวา อยู่ที่ลาน
    เอ็น โซลทาวเวอร์  เพียงไม่นานฉันก็มองเห็นใบหน้าหล่อเหลา เดินมาตั้งแต่ร้อยเมตรนู้น

     

           หน้าตาหล่อคมคายแบบนี้   ถึงจะอยู่ไกลแค่ไหน มันก็ใกล้ต่อการมองเห็นของฉันอยู่ดีนั้นแหละ ><

     

           เพราะเขาน่ะ  อยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลาอยู่แล้ว  (ไรเตอร์ :ฮิ้วววว)

     
           "พี่คะ ฉันโบกมือทักทาย และแสดงตัวให้ยงฮวาเห็นว่าฉันนั่งสวยอยู่ตรงนี้

            ตอนนี้ฟ้าเริ่มสลัวๆแล้ว แต่ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายอยู่ที่บริเวณนี้ บรรยากาศอบอวนไปด้วยคู่รักหลายต่อหลายคู่ ที่เดินจูงมือกันไปคล้องกุญแจคู่รัก หรือขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของกรุงโซล บน เอ็น โซลทาวเว่อร์ ในยามเย็น เป็นบรรยากาศที่โรเเมนติก และก็ไม่ต่างจากละครฉากหนึ่งเลย

     

           แต่คนที่เดินหน้าเซ็งมาเนี่ยซิ   จะพลอยทำให้บรรยากาศของที่นี่เสียไปเปล่าๆ น่ะซิ

     

           "ฉันมาแล้ว จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะ และได้รีบๆกลับ" ยงฮวาเอามือล่วงกระเป๋า แล้วหันไปมองทางอื่น ตอนที่พูดกับฉัน 

     

           นี่เขาพูดกับฉันอยู่ หรือพูดกับดินฟ้าอากาศกันแน่เนี่ย  =..='
     

           ไม่รอให้ยงฮวาทำหน้าเซงใส่ฉันอีกรอบ  ฉันรีบลากเขาเข้ามานั่งในร้านอาหารข้างล่าง เอ็นโซลทาวเว่อร์ทันที  

            และก็เช่นเคย ฉันก็ได้รับเสียงบ่นตามมาเหมือนทุกที

     

           "เธอนี่ลีลาเหลือเกินนะ เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าเธอจะขออะไรจากฉัน" ใช่เขารู้ดี ว่าฉันจะขออะไร เราสองคนต่างรู้อยู่แกใจ  แต่ฉันชวนเขามาที่นี่ก็เพราะเหตุผลอย่างอื่นน่ะซิ

     

           "ค่ะ ฉันรู้ว่าพี่รู้  ว่าฉันจะขออะไร  งั้นสั่งอาหารทานกันก่อนดีกว่า" ^^

     

           ฉันหันไปหยิบเมนู และสั่งอาหารของตัวเอง ส่วนยงฮวา ก็แค่สั่งน้ำเปล่ามาดื่ม ไม่หิวก็ตามใจ  แต่วันนี้ฉันจะอยู่ที่นี่อีกหลาย ชั่วโมงเลย

     

           "พี่ไม่สั่งอย่างอื่นบ้างเหรอคะ วันนี้พี่ต้องอยู่กับฉันอีกนานนะ จะดื่มแค่น้ำเปล่าอย่างเดียวเหรอ" ฉันบอกพรางยกแก้วน้ำแอปเปิ้ลปั่นขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์

     

           ยงฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแต่เขาถอดหายใจแรงๆ  เหมือนกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ซะมากกว่า

     

           ฉันมองบรรยากาศรอบตัวที่อบอวนไปด้วยคู่รักหลายคู่ บ้างก็นั่งจับมือ โอบกอดชมวิวยามค่ำคืนของโซลอย่างหวานชื่น มองลงไปจาก  เอ็น โซลทาวเวอร์  จะเห็นทั้งบ้านเรือกตึกสูงสง่า และตลาดเมี่ยงดง ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก

     

           คนเกาหลี เชื่อว่า ถ้าคู่รักได้มาที่ แล้วได้คล้องกุญแจร่วมกัน จะทำให้คู่นั้นรักกันยืนยาวตลอดไป ไม่มีวันหลุดขาดหรือพลัดพรากจากกันไปได้ เหมือนกุญแจที่คล้องติดกันไว้ไง และฉันก็เชื่อมันแบบนั้นนะ

     

     

           "พี่คะ..." ฉันเรียกยงฮวาให้หันกลับมาสนใจฉัน เพราะเขาก็คงกำลังเหม่อมองวิวที่สวยงามนี้เช่นกัน ถึงได้เงียบไป

     

           "..ถึงพี่จะรู้อยู่แล้วว่าฉันจะขออะไรจากพี่ แต่ฉันก็อยากจะบอกให้พี่ได้แน่ใจในสิ่งที่ฉันต้องการ.."    ฉันหยุดพูดก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาสีนิลที่มีเสน่ห์เกินบรรยายเพื่อจะตอกย้ำในคำพูดของฉัน ว่าฉันจริงจังมากแค่ไหน

     

     

            เขาเพียงแต่จ้องมองฉันกลับมานิ่งๆ เพื่อรอฟังคำพูดของฉัน

     

           "..ฉัน อยากให้พี่ยอมรับ และเชื่อว่าฉันเป็นแฟนของพี่จริงๆซักที ให้พี่ทำกับฉันเหมือนว่าฉันเป็นคนสำคัญของพี่  อย่าเย็นชา หรือใจร้ายกับฉันอีกต่อไปเลยนะคะ กลับมาดีกันเถอะนะ  นะคะ"

     
           ฉันเอื้อมมือออกไปกุมมือของยงฮวาที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ดวงตาของฉันกำลังสั่นไหว  ฉันไม่ได้บังคับหรือเรียกร้องตามข้อเสนอที่ฉันควรจะได้

     

            แต่ในตอนนี้ ฉันกำลังขอร้องเขา ให้เขายอมรับในตัวฉัน

     

           ยงฮวานิ่งไปเหมือนกำลังจะคิดหาคำตอบ ทั้งที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าฉันจะขอเขาเรื่องอะไร แต่เขาก็คงไม่คิด ว่าฉันจะจริงจัง และเปลี่ยนมาเป็นอ้อนวอนเขาแบบนี้

     
           ถ้าการที่เรารักใครสักคน คำว่าทิฏฐิ จะเกิดขึ้นและนำมาใช้ทำไม ในเมื่อเราก็รักเขา และอยากให้เขายอมรับและเห็นสิ่งที่เราทำบ้าง ถ้ามัวแต่มานั่งใส่ ทิฏฐิให้  โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมให้กันเลย

     
           แล้วเราจะมีความสุขได้ยังไงกัน

     
           ฉันไม่เร่งรัดเพื่อเอาคำตอบจากยงฮวา ปล่อยให้เขาได้คิดทบทวน และบอกกับฉันออกมาเองจะเป็นผลดีกว่า



           พนักงานยกอาหารมาเสริฟ ทำให้ฉันต้องดึงมือออกจากยงฮวา และเบือนหน้าไปมองยังวิวยามค่ำคืน

     

           ผ่านไปหลายวินาที ยงฮวาจึงเป็นคนทำลายความเงียบลง

     
           "เพราะอะไรถึงทำให้เธอปักใจเชื่อ ว่าฉันเป็นแฟนของเธอจริงๆล่ะ"เขาหนร่สายตากดต่ำเหมือจะถามและประเมินฉันจากสายตาไปด้วย  น้ำเสียงเรียบ แต่สายตายังคงจ้องมองมาที่ฉัน  อย่างหาคำตอบ

     

     

            "ถึงพี่จะบอกกับฉันอยู่เสมอ ว่าฉันความจำผิดเพี้ยน หรือสมองเสื่อมก็แล้วแต่ แต่ทันทีที่ตื่นลืมตาขึ้นมา ภาพของพี่ยังฉายชัดขึ้นมาในหัวของฉัน  ถึงฉันจะจำอะไรบนโลกนี้ไม่ได้ หรือจำใครต่อใครไม่ได้เลย แต่คนที่ฉันไม่มีวันลืม คือก็พี่ พี่คนเดียวเท่านั้น"



           "แต่ถ้าวันหนึ่ง.....ฉันไม่ใช่คน คนนั้น ของเธอจริงๆ ล่ะ"

           "จะวันนี้ หรือวันไหนๆ คนๆเดียวที่ฉัน  อยากจะอยู่เคียงข้าง ก็คือพี่คะ พี่ยงฮวา  และฉันก็มั่นใจ ว่าพี่คือคนคนนั้นของฉัน" 

          ทั้งที่พูดความจริงออกไปแบบนั้น แต่ฉันกลับรู้สึกเสียใจขึ้นมา อย่างบอกไม่ถูก ยงฮวาคิดว่าฉันสมองเสื่อมจริงๆ และดูเหมือนจะเขาลังเล ที่จะยอมรับฉัน

     

    ฉันขอโทษ ที่ต้องโกหกพี่แบบนี้นะคะ

     

     

     

    ฉันขอโทษยงฮวา

     

     

     

     
           อยู่ๆ ความเงียบก่อตัวขึ้นในแบบที่เราสองคนก็ต่างไม่ได้มองตาซึ่งกันและกัน  ฉันเงียบเพราะตั้งใจรอฟังคำตอบจากยงฮวา  แต่ที่ยงฮวานิ่งเงียบ จะด้วยเหตุผลอไรฉันไม่ค่อยแน่ใจ

     

     

     

     

     

     
           "ในเมื่อเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันก็คงปฏิเสธไม่ได้ซินะ"

     
           ฉันแอบอมยิ้มให้กับท่าทางขัดใจของเขา  ถ้าไม่ใช่ยงฮวาทำ ฉันยังนึกภาพไม่ออกเลย ว่ามันคงดูไม่จืดเลยที่เดียว

     
           "ฉันจะถือว่าพี่ตกลงแล้วนะคะ"

     

         "แต่..."

     

         "ทำไม พี่ต้องมีข้อแม้ตลอดเลย"   ฉันเปลี่ยนโหมดมาทำหน้ามุ้ยใส่เขาอีกรอบ  อยู่ๆ เขาก็พาฉันเปลี่ยนอารมณ์จากหวานซึ่ง มาโหดซะงั้น ฉันแทบตามไม่ทัน

     

     

           "ฉันจะยอมเธอ  แค่เดือนเดียวเท่านั้นนะ"

     

           "เห๊ะ อะไรกัน เป็นแฟนกันที่ไหน  เขาเเบบเป็นๆ เลิกๆ  กันด้วยเล่า" ฉันกอดอกพร้อมกับสะบัดหน้าเชิดไปอีกทาง  ที่ถูกเขาขัดใจ

     

           "นอกจากจะสมองเสื่อมเธอยังขี้ลืมอีกนะยัยตัวแสบ"

           "อะไรกัน"

     

           "เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่านี่คือข้อตกลงที่ฉันให้เธอขอได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะให้เธอตลอดทั้งชีวิตนะ"

     

            เอ๋ฉันได้แต่ทำปากพะงาบๆ เถียงอะไรเขาไม่ออก เพราะสิ่งที่เขาพูดมามันก็มีส่วนถูก และฉันก็พึ่งมารู้ตัว ว่าเสียรู้ยงฮวาจอมเจ้าเหล่ อีกจนได้

           ฮึ่ย น่าเจ็บใจชะมัดเลย

     

         แต่ก็เอาเถอะ  การที่เขายอมรับมันก็ถือว่าเขาคงเริ่มรู้สึกอะไรกับฉันขึ้นมาบ้างแล้ว

         เเละอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าต่อจากนี้  มันก็คงไม่ยากเกินไปที่ฉันจะคว้าหัวใจของเขามาครอบครอง 

     

        สวยๆ อย่างซอจูฮยอน คนนี้ มีหรือที่จะทำไม่ได้!

     

     

     

     
           "นี่คะ" ฉันยืนกุญแจ คู่รักให้กับยงฮวาหนึ่งอัน ส่วนของฉันก็มีอีกหนึ่งอัน ตอนนี้ฉันกับยงฮวาเราเป็นแฟนกันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

     

         "การที่ฉันยอมรับเธอ ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะต้องถูกเธอลากไปไหนมาไหนได้นะ ซอจูฮยอน"

     

          "อย่าพูดแบบนี้ซิคะ  การที่เราเป็นแฟนกันแล้ว เราก็ต้องเดท ทำอะไรด้วยกัน และไปไหนมาด้วยกันบ้าง"

     

           "ทำอะไรด้วยกัน เธอความว่ายังไง" ยงฮวาถามฉันเสียงเข้มพร้อมกับทำหน้าดุๆ ใส่ฉันอีกแล้ว  เมื่อฉันพูดประโยคที่คุมเครือออกไป

     

          "นี่ไงคะ" ฉันยกกุญแจขึ้นมาตรงหน้าอย่างเจ้าเหล่ห์ "ฉันก็หมายถึง คล้องกุญแจด้วยกันอยู่นี่ไง หรือพี่คิดว่าอะไรคะ"

     

           "เธอนี่มัน..."  เขาทำเหมือนจะสันหาคำเจ็บเเสบมาด่า  แต่ไม่ทันละ เพราะฉันลอยหน้าลอยตาหนีเขาไปหามุมคล้องกุญแจสวยๆ ดีกว่า


           "พี่คะมาทางนี้ค่ะ  เอามุมตรงนี้แหละคะ" ฉันชี้ไปมุมสามเหลี่ยมของราวกั้นพอดี

     

         "รีบคล้องแล้วก็รีบๆ ไปเหอะหนา บนนี้อากาศมันเริ่มเย็นมากแล้ว" ทำหน้าหงุดหงิดทั้งปีเลย

     

         "ก็เพราะพี่มัวแต่พูด ไม่มาคล้องกุญแจสักที แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ลงไปข้างล่างกันละค่ะ"

     

     

        กริ๊ก~

     

        เอ้า   ยงฮวาเดินดุ่มๆ เข้ามาคล้องแจ แล้วก็เดินออกไปเลย ไม่รอให้ฉันได้อธิฐาน หรือรอคล้องพร้อมกัน ฉันละเซ็งเขาจริงๆ ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลยผู้ชายคนนี้

     
           ฉันตั้งจิตอธิฐาน ก่อนจะสอดคล้องกุญแจไปที่ตัวกุญแจของยงฮวา ให้ (กุญแจ) เราเกี่ยวพันกันไว้แบบไม่แยกออกจากกัน


           ก่อนจะโยนลูกกุญแจทิ้งลงเขาไป  โดยมียงฮวายืนมองการกระทำของฉันนิ่งๆ

           "กลับกันได้หรือยัง"

     
           "ยังคะ เพราะเราต้องขึ้นไปชมวิวบนนู้น"  ฉันชี้ไปที่หอ เอ็น โซลทาวเว่อร์   และพอหันกลับมามองหน้าคนข้างๆ เท่านั้นแหละ แทบสยอง!

     
           เพราะตอนนี้ยงฮวาจ้องฉันแบบจะกินเลืดกินเนื้อเลยน่ะซิ  เขาจ้องฉันแบบไม่กระพริบตาเลยเหมือนกระทิงที่มันพร้อมจะวิ่งพุ่งชนผ้าแดงยังไงยังงั้นเลย  ฮือ ออมม่า ช่วยซอจูด้วย

     

     

     

           เเชะๆ

     

           และในที่สุด ฉันก็ได้ขึ้นมาถ่ายรูปอยู่กับวิวสวยๆ บนหอเอ็น โซลทาวเว่อร์   มองจากตรงนี้ลงไป เห็นวิวโซลทั้งหมดเลย แสงไประยิบระยิบ ในยามค่ำคืนอันสวยงามกระกรานตา และตื่นตาตื่นใจฉันมาก ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาที่นี่ ก็เมื่อสิบปีก่อน พร้อมพ่อและแม่

     

           คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันก็เศร้าใจทุกที

     

           "เป็นอะไร ไม่ถ่ายรูปแล้วหรือยังไง"  ยงฮวาถามขึ้นมาเสียงเรียบ เขาคงจะสังเกตุเห็นสีหน้าเศร้าๆของฉัน

     

          "ฉันคิดถึง พ่อกับแม่น่ะค่ะ"  ฉันตอบออกไปทั้งที่สายตายังมองทอดยาวไปยังวิวเบื้องหน้า "เมื่อ สิบปีก่อน ฉันเคยมาที่นี่กับพวกท่านค่ะ  เรามีความสุขมาก ภาพนั้นฉันยังจำไม่เคยลืม"

     

           "เธอจำมันได้เหรอ" ยงฮวาถามฉันอย่างตื่นตัว  ฉันสะดุ้งให้กับคำถามของเขาเมื่อนึกถึงคำพูดของตัวเองกับประโยคเมื่อครู่

     

           ฉันตกใจ แต่ก่อนที่ยงฮวาจะจับทางฉันได้ ฉันก็ปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งเช่นเดิม

     

           "ฉันจำได้คะ เพราะเรื่องบางเรื่องของฉันอยู่ๆ ภาพต่างๆ ก็ลอยเข้ามาในหัว"  ฉันรีบแก้ตัวกับยงฮวา

     

           "จริงซินะ หมอเคยบอกฉันว่า  เธอแค่ความจำผิดเพี้ยนไปก็เท่านั้น" ฉันได้แต่พยักหน้ารับคำ เกือบไปแล้วฉัน

     

           ดีที่ตอนให้สัมภาษกับหมอ ฉันยังบอกว่ายังจำเรื่องส่วนตัวของตัวเอง  และจะ(แกล้ง) ทำเป็นลืมก็มีแต่เรื่องที่ไม่สำคัญเท่าไหร่ ยงฮวาก็เลยเข้าใจตรงที่หมอบอกไปแบบนั้นละมั้ง

     

           "แต่หลังจากที่พ่อกับแม่ฉันเสีย ตอนฉัน อายุสิบหก ฉันก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลยค่ะ"
           ฉันหันกลับมาเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเองให้ยงฮวาฟัง  ทั้งที่ฉันไม่เคยไว้ใจที่จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ใครฟังเลย แต่ฉันกลับเลือกที่จะระบายมันกับยงฮวา เพียงเพราะฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ที่เป็นเขา

     

           "เธออยู่คนเดียวมาตั้งแต่สิบหกปี เลยซินะ"

     

           "ใช่คะ ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งแต่สิบหกปี พอพ่อกับแม่เสีย  เพราะแค่สมบัติของพ่อกับแม่กับแม่ที่ทิ้งไว้ให้ก็อาจจะช่วยได้แค่ให้ฉันเรียนจบ มหา'ลัย ฉันเลยต้องตัดใจให้คุณลุงช่วยจัดการเรื่องขายบ้านให้ และมาซื้อคอนโดเล็กๆอยู่น่ะค่ะ"

     

           "เธอมีลุงด้วยเหรอ"   ยงฮวารีบโพล่งถามออกมา ทำเอาฉันขมวนคิวสงสัย แต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

     

           "ใช่คะ เป็นญาติคนเดียวของฉันเลย  แต่ท่านพึ่งเสียไป เมื่อปีที่แล้วเองค่ะ ทำไมเหรอคะ"

     

           "ป่าว  ไม่มีอะไร"  แต่ในคำตอบของยงฮวา ฉันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่นะ แต่ช่างเถอะ บางทีฉันอาจจะคิดมากเกินไป

            เพราะเห็นเขาว่ากันว่า คนที่ทำผิด หรือโกหกอะไรไว้ มักจะตื้นตัว และร้อนตัวไปเองมากกว่า ฉันจะต้องนิ่งๆ ไว้ก่อนจะดีกว่า ตราบใดที่ยงฮวาก็ยังไม่แสดงท่าทางอะไร ฉันก็ควรจะเฉยไว้



           "พี่ค่ะ ถ่ายรูปกับฉันหน่อยนะคะ" ฉันขยับตัวเขาไปหายงฮวา และจัดการคล้องแขนเขาอย่างรวดเร็ว  ส่วนยงฮวาก็ได้แต่ปัดป้องมือฉันออกไม่หยุดย่อน

     

           "ออกไปห่างๆ ฉันเลยนะ ยัยมือปลาหมึก"

     

          "ไม่ค่ะ"

     

     

     

           แชะ แชะ แชะ

     

           ฉันรัวแฟลชกล้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขนาดที่ยงฮวาก็ยังพยายามแกะมือฉันออกจากแขนของเขาไม่ยอมหยุด

     

           พอฉันเอารูปที่ถ่ายเสร็จมาดูเท่าแหละ

     

     

           "ฮ่าๆๆ " ฉันหัวเราะท้องแข็ง เมื่อเห็นรูปทั้งหมด
           เป็นเพราะยงฮวาไม่ยอมมองกล้องเพราะเอาแต่เกะแขนของฉันอยู่ ส่วนฉันก็พยายามจะเกาะเขาแน่น รูปที่ออกมาคือ บางรูปเหมือนยงฮวาจะกินหัวฉัน เพราะมุมกล้องมันพาไป

     

          บางรูปเหมือนฉันกำลังแกร่งสุดๆ และยิ้มแบบที่เห็นฟันสามสิบสองซี่  ฮ่าๆ ตลกชะมัด

     

           ยงฮวาใช้จังหวะที่ฉัน กำลังหัวเราะจนน้ำตาไหล แย่งกล้องไปจากมือฉัน และกดดูรูป สีหน้าของเขาก็คือไม่เปลี่ยน แถมยังเข้าสู้โหมดดาร์กเข้าไปอีก

     

           "พี่จะทำอะไรน่ะ"  ฉันถามมือเห็นว่ายงฮวากำลังจะลบรูปพวกนั้นทิ้งไป เขาไม่ตอบ แต่มือกำลังทำงานกับปุ่มดีลิส

     

           "ฮือ ไม่ได้นะ ห้ามพี่ลบรูปพวกนี้นะ"  ฉันวิ่งเข้าไปแย่งกล้องกลับมา  แต่ยงฮวาก็หมุนตัวหลบทำให้ฉันพลาด และเซไปอีกฝั่ง

     

           "อย่าหนีนะ มานี้เลย"  ฉันกับยงฮวาวิ่งเล่นหลบไปหลบมา ก่อนที่ฉันจะกระฉากชายเสื้อของเขาไว้ และใช้มือหนึ่งโอบรอบตัวของเขาอย่างถือวิสาสะ  ช่วยไม่ได้นะ พี่อยากทำให้ฉันเป็นแบบนี้เอง

     

           ยงฮวาเบิกตากว้าง แต่เขาก็ไม่อยากยอมเเพ้   เขาแขยงตัวสุดปรายเท้าแล้วชู้กล้องให้สูงสุดมือ ซึ่งฉันเตี้ยกว่า เลยได้แต่กระโดดจั้มๆ เพื่อจะคว้ากล้องกลับมา

     

     

           แต่ฉันดันเสียหลัก เท้าพลิก ก็เลยลมไปกระแทกตัวกับยงฮวาที่แขยงให้สูงเหนือฉัน เป็นเพราะแรงกระแทกบวกกลับที่ยงฮวาทรงตัวไม่มั่นคง เราสองคนเลยล้มไม่เป็นท่า

     

     

     

           โคร้ม!

     

           เรียกสายตาของผู้คนที่ยืนชมวิวอย่างเพลิดเพลินให้หันมามองเราเป็นจุดเดียว

     

           แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น พอฉันล้มลงไปทับตัวยงฮวา หน้าของเราก็เกือบจะแนบชิดติดกัน ถ้าไม่ติดว่า...

     

     

     

           ริมฝีปากของฉัน มันฝั่งอยู่บนแก้มยงฮวาอยู่ก่อนแล้ว >////<

     

     

           ฉันกับยงฮวาได้แต่เบิกตากว้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ได้ตั้งใจกันแบบนี้ (คราวนี้เป็นเพราะอุบัติเหตุจริงๆ นะ ฉันไม่ได้แกล้งทำจริงๆ)

     

           เสียงฮือฮา  ดึงสติของเราสองคนกลับเข้าสู่ร่าง ก่อนจะฉันจะกระพริบตาถี่ๆ ด้วยความอึ้ง

     

          "ธเธอ จะลุกออกไปจากตัวฉันได้หรือยัง" ยงฮวาแค้นคำพูดออกมาอย่างลำบาก

    ฉันจึงรีบกระเด้งตัวขึ้นจากเขาทันที

     

           "น่ารักจัง.." เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้หันไปพูดกับ (ฉันคิดว่า)แฟนหนุ่มของเธอ

     

           "ผู้ชายหล่อมากเลยนะเธอ"

           "ผู้หญิงก็สวยใช่ย่อยนะ"

     

           หลายเสียงดังอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เราล้ม เสียงนิททา นี่จงใจให้ฉันได้ยินหรือไงกันนะ พูดซะดังเชียว

     

           พอยงฮวาลุกขึ้นมาได้ ก็รีบยัดกล้องใส่มือฉันแล้วเดินจั้มอ้าว ออกจากจุดเมื่อกี้ทันที่

     

           "พี่คะ รอฉันด้วยซิคะ" ฉันวิ่งตามยงฮวาไป  และเมื่อเขาหันหน้ากลับมาหาฉัน ฉันถึงกลับหลุดหัวเราะ ออกมา

     

           "อะไร" เข้าถามด้วยอารมณ์ที่ยังมาคุอยู่

     

           "ที่แก้มของพี่......มีลอยลิปสติกติดอยู่นะค่ะ คิก"

     

           ฉันแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เมื่อรอยลิปสติก ของฉันมันไปเเปะอยู่บนแก้มขาวๆ ของยงฮวา  ดีที่วันนี้ฉันแค่ทาสีชมพูนู้ด ถ้าเกิดฉันทาสีส้มขึ้นมา มีหวังคงเป็นรอยริมฝีปากฉันเข้มแน่ๆ

     

           ยงฮวาเช็ดมันออกอย่างลวกๆ ตามประสาผู้ชาย ฉันจึงส่ายหน้าเบาๆ แล้วหยิบผ้าชัดหน้าสีม่วงอมชมพู่ ขึ้นมาเช็ดให้เขาแทน

     

           "จะทำอะไร" ยงฮวาเอียงหน้าหนีไปเล็กน้อย เหมือนไม่ไว้ใจ

     

           "ก็จะชัดคาบลิปสติกให้พี่ไงคะ พี่เอามือมาเช็ดลวกๆ แบบนั้น มันยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่"  

     

           ฉันพูดเป็นเชิงบ่น แล้วยังยกผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดเบาๆ ที่แก้มของยงฮวา แต่เมื่อฉันเช็ดคาบลิปสติกเกือบหมดแล้ว แต่ไหน ยังเป็นวงกว้างสีชมพูแบบนี้ละ แต่พยายามเช็ดเท่าไหร่ก็เช็ดไม่ออก แต่มันสีชมพู่ละเรื่อแปลกๆ มันเหมือนกับคนที่เป็นเลือดฝาดที่หน้าเลยนะ แต่ก่อนหน้านี่ ฉันไม่ยักกะเคยเห็น

     

             อย่าบอกนะว่า.......

     

            เขากำลังอายจนหน้าแดงอยู่อะ   ฮ่าๆๆ สมัยนี้ยังมีคนที่อายเพราะถูกจุ๊บที่แก้มจนหน้าแดงแบบนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย คิก

     

           ที่รีบเดินหนีมาแบบนี้ ก็เพราะยังอายฉันซินะ น่ารักจังแฟนฉัน  พอฉันยงฮวาเป็นแบบนี้ฉันก็ยิ่งยากที่แกล้งเขาเข้าไปอีก

     

            ฉันใช้สองมือโอบรัดที่ต้นคอของเขาอย่างนึกสนุก ก่อนจะกระซิบที่ข้างแก้ม ของคนตัวสูงตรงหน้า ที่เบิกตากว้างอย่างตกใจ

     

           "แก้มของพี่ หอมติดจมูกฉันเลยคะ" เท่านั้นแหละ หน้ายงฮวาสีเด่นยิ่งกว่าลูกเชอรี่อีก ฮ่าๆๆ

     

           "พูดบ้าอะไรของเธอ!" เขาพลักฉันออก (เบาๆ) ก่อนจะรีบเดินหนีฉันไปอีก

     

             อ่า  วันนี้ยงฮวาทำตัวน่ารักอะ ชอบจัง  >.<















    จองยงฮวา: ใครหน้าแดง ใคร? ผมเหรอ ไม่มีทาง!







    ซอจูฮยอน: คิคิ วันนี้พี่ยงของเค้าน่ารักที่สุด ~~~~~~ ><



    ***----------------------------------------***


     

    2013/01/25
    Talk
    เหตุใดถึงมาอัพฟิคตอน ตี4 ไรเตอร์ก็งงตัวเอง ฮ่าๆๆ

    ตามไปกันต่อ กับซอจูคนสวย รุกอิพี่ยงได้ตล๊อดดดดด ฮ่าๆ


    ยังไงก็เม้นๆ โหวตๆ ให้กันเหมือนเดิมนะจ๊ะ

    Thank You^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×