คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ภาษารักสื่อใจเรา ตอนที่ 24
ตอนที่ 24
เสียงโทรศัพท์ดังถี่ๆเป็นเวลานานกว่าเจ้าของโทรศัพท์จะควานหาต้นตอของเสียงเจอและหยิบขึ้นมากรอกเสียงงัวเงียๆลงไป
“ฮัลโหล”ภัทรดลพูดทั้งที่ยังหลับตา
“พี่ภัทรยังไม่ตื่นนอนอีกหรอคะ” น้ำเสียงใสๆของภารดีดังมาตามสายรู้สึกแปลกใจเพราะปกติภัทรดลไม่เคยตื่นสายแบบนี้แม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม
“แพมหรอ โทรมาทำไมแต่เช้าเนี่ยยายตัวยุ่ง” ภัทรดลปิดปากหาวหวอดๆ
“เช้าที่ไหนละคะพี่ชาย นี่มันบ่ายแล้วเจ้าค่ะ” ภัทรดลต้องค่อยๆลืมตาและปรับเข้ากับแสงสว่างของแสงแดดด้านนอกซึ่งส่องเข้ามายังห้องนอน
“เออ บ่ายแล้วจริงๆด้วย แฮะ ” ภัทรดลหัวเราะกลบเกลื่อน
“เมื่อคืนดื่มหนักล่ะสิ ถึงได้นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้น่ะ” ภารดีซักไซร้ไล่เลียงพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง
“เปล่า แค่นอนดึกไปหน่อยแค่นั้นเอง” ภัทรดลมองร่างนุ่มนิ่มสาเหตุที่ทำให้เขานอนดึกด้วยแววตาเปี่ยมสุข อนินดาหลับตาพริ้มสนิท ภัทรดลเอื้อมมือไปลูบไล้แขนนุ่มเล่นไปมา
“อือ คุณภัทรอย่ากวนนิสิคะ นิจะนอน” อนินดาปัดมือซุกซนนั้นออกเมื่อถูกรบกวน
“ฮึ ฮึ” ภัทรดลหัวเราะขำคนนอนขี้เซา
“ขำอะไรคะพี่ภัทร แล้วเป็นอะไรคะถึงนอนไม่หลับน่ะ ไม่สบายรึเปล่า” ภารดีถามอย่างเป็นห่วงโดยไม่รู้ว่าพี่ชายที่รักกำลังสนุกกับการได้แกล้งคนนอนข้างๆ
“พี่สบายดี แพมล่ะเป็นไงบ้าง ทุกคนสบายดีรึเปล่า” ภัทรดลหันมาสนใจคนในสายต่อ
“แพมและทุกคนสบายดีค่ะ พี่ภัทรหายไปเลยนะคะไม่ยอมมาเยี่ยมกันบ้างเลยไม่รู้ที่พัทยามีอะไรดีพี่ชายแพมถึงติดใจนักหนา คุณตาคุณยายฝากมาถามด้วยนะคะว่าเมื่อไหร่จะมาเยี่ยมท่านบ้าง”ภารดีตัดพ้อพี่ชายด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“ฝากบอกคุณตาคุณยายด้วยนะจ๊ะว่า ประมาณเดือนหน้าพี่จะไปเยี่ยม แล้วนี่เราโทรมามีธุระอะไรรึเปล่าหรือแค่คิดถึงพี่”
“มีค่ะ เจ๊ลิลลี่ติดต่อมาว่าอยากสัมภาษณ์และถ่ายแบบพี่ภัทรลงนิตยสารค่ะแพมคิดว่าคอนเซปต์น่าสนใจก็เลยตอบตกลงไปแล้วล่ะค่ะ” ภารดีสาธยาย
“นี่ไม่คิดจะถามพี่ก่อนเลยรึไงฮึยัยตัวยุ่ง”
“แพมรู้ค่ะว่ายังไงพี่ภัทรก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว เพราะหนังสือที่จะลงบทสัมภาษณ์พี่ภัทรน่ะเป็นหนังสือเกี่ยวกับนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงและประสบความสำเร็จด้านการบริหาร จะได้เป็นการโปรโมทโรงแรมเราอีกด้วย เห็นมั้ยคะว่าแพมน่ะ ฉลาดแค่ไหน“ ภารดีคุยโว
“คิดแทนพี่เสร็จสรรพเลยนะยัยตัวยุ่ง แล้วอย่างนี้พี่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้อีกตามเคยใช่มั้ย” ภัทรดลประชดน้องสาวตัวแสบ
“ถูกต้องแล้วคร้าบ จริงๆแล้วแพมก็อยากไปอยู่ดูแลพี่ภัทรระหว่างถ่ายแบบนะคะแต่ช่วงนี้แพมก็งานยุ่งคงจะไปไม่ได้ “
“ถ้าพี่อยู่ใกล้เราคงได้เขกหัวไปแล้วนะเนี่ย รับงานมาแล้วก็ชิ่งหนีไปซะงั้น” ภัทรดลต่อว่าภารดีไม่จริงจังนัก เพราะเข้าใจเหตุผลที่น้องสาวอธิบายให้ฟังเป็นอย่างดี
“ฮะฮะฮะ โชคดีที่แพมไม่ได้อยู่ใกล้พี่ภัทร แต่แพมว่าพี่ชายแพมน่ะทั้งหล่อทั้งเก่ง ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกค่ะแค่นี้นะคะแล้วแพมจะโทรมาหาใหม่” ภารดีพูดจบก็ชิงวางสายเพราะกลัวว่าพี่ชายจะเปลี่ยนใจ
“เดี๋ยวก่อนยัยตัวยุ่ง วางสายซะแล้วยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย” ภัทรดลส่ายหัวขำๆกับความเจ้าเล่ห์ของน้องสาว
“กี่โมงแล้วคะคุณภัทร” อนินดาถามเสียงอ้อแอ้เหมือนคนละเมอ
“บ่ายโมงครับที่รัก “ ภัทรดลกระซิบเบาๆริมหูของอนินดาทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่เพราะความสยิว
“ทำไมคุณภัทรไม่ปลุกนิล่ะคะ นี่หิวรึเปล่าคะ เดี๋ยวนิไปทำอะไรให้ทาน” อนินดามองสายตากรุ้มกริ่มของสามีที่จ้องมายังเธออย่างรู้ทัน ภัทรดลคว้าเอวบางมากอดไว้ก่อนที่อนินดาจะหนีเขา หอมแก้มนวลแรงๆเป็นการลงโทษ
“จะหนีไปไหนครับที่รัก ที่ผมหิวน่ะไม่ใช่ข้าวหรอกครับผมหิวนิต่างหากล่ะ”
ภัทรดลเริ่มคลอเคลียจมูกโด่งกับซอกคอขาวผ่องของอนินดา
“อะไรกันคะ เมื่อคืนคุณภัทรก็กวนนิทั้งคืนเลยนะคะ” อนินดาตัดพ้อสามีหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่แสนหวานที่ภัทรดลปรนเปรอความสุขให้เธอจนไม่ได้หลับได้นอน กว่าเขาจะยอมปล่อยให้เธอหลับก็เกือบสว่าง แล้วนี่ก็ทำท่าว่าจะเริ่มอีกแล้วพ่อเจ้าประคุณเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันนักหนานะอนินดาคิด
“เป็นความผิดของนินั่นแหล่ะ เวลาผมอยู่ใกล้นิทีไรก็อดใจไม่ได้ซักที” ภัทรดลจูบบ่านวลเนียนของภรรยาสาวสุดที่รักแผ่วเบา เนื้อตัวที่หอมนุ่มนวลของอนินดาทำให้เขาคลั่งไคล้ใหลหลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นี่แน่ะ มาโทษนิได้ยังไงคะ นิก็อยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย คุณภัทรต่างหากล่ะ” อนินดาหยิกแขนที่เต็มด้วยกล้ามหมับเข้าให้ แก้มเนียนแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก ภัทรดลยิ้มพึงพอใจเมื่อเห็นอาการเขินอายของภรรยาสาว
“รู้มั้ยเมื่อคืนนี้ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลย” ปลายเสียงของภัทรดลทุ้มนุ่มลึกเมื่อกระซิบแผ่วเบาข้างๆหูของอนินดา ฟังดูเซ็กส์ซี่จนหญิงสาวต้องห่อไหล่ ภัทรดลจับบ่าบอบบางให้หันหน้ามามองเขา อนินดาหลุบเปลือกตามองที่แผงอกกว้างไม่กล้าสบตา ภัทรดลเชยคางมนขึ้นมาสบตาไล่จุมพิตตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา และแก้มนวลทั้งสองข้างก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากแดงระเรื่อคล้ายกลีบกุหลาบของเธอ ภัทรดลดื่มด่ำความหอมหวานจากเกสรกุหลาบนั้นเนิ่นนาน อนินดารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ หญิงสาวโอบรอบคอสามีไว้แน่นกลัวว่าจะตกลงมา แล้วสองหนุ่มสาวก็จูงมือกันล่องลอยไปกับอารมณ์พิศวาสที่ทั้งเขาและเธอรู้ว่ามันน่าพิศมัยขนาดไหน
00000000
อนินดาออกมาจากห้องน้ำและกวาดสายตามองหาสามีตัวดีรอบๆห้อง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า
“เมื่อกี้ยังนอนอยู่บนเตียงนอนนี่นา” อนินดาพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วหญิงสาวก็ได้รับคำตอบเมื่อได้ยินเสียงดังเข้ามาจาก หญิงสาวแง้มประตูต้นตอของเสียง พบแผ่นหลังเปลือยขาวบึกบึนของภัทรดลที่ใส่เฉพาะกางเกงนอนตัวเดียวและขณะนี้กำลังวุ่นวายกับการทำอาหารอยู่ อนินดาเพ่งพินิจมองด้านหลังสามียิ้มๆ ภัทรดลเป็นคนรูปร่างดีเพราะชอบออกกำลังกาย ผิวขาวอมชมพูของเขาที่ได้รับมรดกจาดทั้งพ่อและแม่นั้นดูน่ามองยิ่งนัก หน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์อย่างเขาใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง ทันใดนั้นเองภัทรดลก็หันมองมายังประตูเพราะรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ อนินดาตกใจรีบปิดประตูแทบไม่ทัน หัวเราะตัวเองที่แอบดูสามีของตัวเอง
“ที่รักแต่งตัวเสร็จรึยังครับ ผมทำอาหารเสร็จแล้ว ออกมาทานได้แล้วจ๊ะ” เสียงภัทรดลร้องเรียกอยู่หน้าห้องนอน
“เสร็จแล้วค่ะ กำลังจะออกไป อืม หอมจังเลยค่ะ คุณภัทรทำอะไรทานคะเนี่ย” อนินดาเปิดประตูออกมาก็พบกับสามีที่ยืนยิ้มหวานรออยู่ แต่อนินดากลับทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นอาหารที่โชยมาเข้าจมูกแทน
“ทำอาหารง่ายๆจ๊ะ ทานรองท้องไปก่อน ตอนเย็นเราค่อยไปหาอาหารอร่อยๆทานกันดีมั้ยจ๊ะ”
“ดีค่ะ แต่ตอนนี้นิว่าคุณภัทรไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ นิเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว จะได้มาทานข้าวพร้อมกัน” อนินดายิ้มให้ภัทรดลก่อนจะดุนหลังสามีที่ผมเผ้าหยุ่งเหยิงหน้าตามันแผล๊บเพราะเพิ่งทำอาหารให้เธอเข้าประตูไป ภัทรดลทำตามอย่างว่าง่าย
อนินดามองดูอาหารที่ภัทรดลครอบไว้แล้วก็ปลื้มใจ ความอบอุ่นและอ่อนโยนที่เขามอบให้เธอนั้นเป็นสิ่งวิเศษที่สุดในชีวิตซึ่งอนินดาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ภัทรดลใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ออกมาในมาดใหม่ กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อโปโลสีอ่อนที่เขาสวมใส่ดูสบายๆทำให้เขาหน้ามองมากขึ้น
“ทานข้าวกันเถอะครับที่รัก นิทานเยอะๆนะครับจะได้มีแรง” คำพูดมีเลศนัยของภัทรดลทำเอามือที่กำลังเปิดฝาชาม
ของอนินดาแทบหลุด หันไปค้อนวงใหญ่ให้สามีตัวดี
“ทะลึ่ง”
“ฮะฮะฮะ คนเค้าพูดความจริงก็หาว่าทะลึ่ง ผมหมายถึงทานข้าวเสร็จแล้วเราจะไปเที่ยวปราสาทสัจธรรมกันต่างหากล่ะ นิคิดไปถึงไหนเนี่ย ทะลึ่งนะเราน่ะ” ภัทรดลโยกศรีษะอนินดาหยอกล้ออย่างเอ็นดู
“งั้นก็รีบทานเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไปไม่ทัน” อนินดาชวนภัทรดลลงมือกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยเพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันทั้งคู่
0000000
“The Sanctuary of Truth ปราสาท สัจธรรม หรือวังโบราณ เป็นสถาปัตยกรรมที่ทำด้วย ไม้แกะสลัก ทั้งหลัง โดยไม่ใช้ตะปูตอกสักตัวเดียว และยังเป็นปราสาทไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะคะ” อนินดาเริ่มถ่ายทอดเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ประตูทางเข้า ภัทรดล กานดาและพอล ตื่นเต้นและทึ่งกับความสวยงาม อลังการของปราสาทเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสามที่ได้มา ส่วนตฤณและเอวิตานั้นเคยมาแล้ว แต่ที่ต้องมาเพราะภัทรดลลงทุนโทรไปตามเองด้วยเหตุผลที่ว่ามากันเยอะๆสนุกดี
“ปราสาท สัจธรรมแห่งนี้ ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2524 ด้วยความตั้งใจของผู้สร้างที่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของศาสนา และปรัชญา และให้ตะหนักถึงสัจธรรมที่แท้จริงของชีวิต โดยผ่านความงดงามของสถาปัตยกรรมไทย และศิลปงานแกะสลักงานไม้ “ไกด์จำเป็นบรรยายต่อและนำคณะของตัวเองเดินสำรวจโดยทั่ว
“ภาย ในปราสาทสัจธรรม ไม้แกะสลักทุกชิ้นจะแฝงไปด้วยคติธรรม และหลักธรรม ปรัชญา โดยยึดเอา 7 สิ่งที่มนุษญ์ถือกำเนิด และต้องดำรงอยู่อย่างขาดไม่ได้ มาเป็นแกนหลักในการสร้างงานแต่ละชิ้น และยังสื่อให้เห็นถึงความดีงาม คุณธรรม จริยธรรมอีกด้วยค่ะ” ลูกทัวร์ทั้งสามยิ้มให้อนินดาก่อนจะแยกย้ายกันไปดูสิ่งที่ตัวเองสนใจตามอัธยาศัย
“ต้องขอโทษตฤณกับตาลด้วยนะจ๊ะ เบื่อรึเปล่า นิห้ามคุณภัทรก็ไม่ฟังบอกว่าตฤณกับตาลน่ะเคยมาแล้วคงไม่อยากมาหรอก” อนินดากล่าวกับเอวิตาและสามีที่ถูกภัทรดลรบกวนเวลาพักผ่อนในวันหยุด อย่างเกรงใจ
“อย่าไปว่าคุณภัทรเลยจ๊ะนิ ดีเหมือนกันได้มาดูของสวยๆงามๆแบบนี้ อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำใช่มั้ยคะตฤณ” เอวิตาหันไปถามสามีที่กำลังคุยกับภัทรดลและพอลอย่างถูกคอ
“ใช่ครับ “ ตฤณเห็นด้วย เพราะรู้สึกถูกชะตากับพอลและภัทรดลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน
“เห็นมั้ยนิ ผมบอกแล้วว่าคุณตฤณกับคุณตาลต้องอยากมาเที่ยวกับเรา” ภัทรดลได้ทีข่มอนินดา
“จ้าพ่อคนเก่ง “ อนินดาจิกสามีอย่างหมั้นไส้ จึงได้ยินเสียงหัวเราะประสานกันของบรรดาเพื่อนๆร่วมคณะ
“คุณตาลดูสิคะ คู่นี้เค้ารักกันจริงๆเลยนะคะ ฮะฮะฮะ” เอวิตาพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาละค่ะ ต่อไปเราออกไปดูด้านนอกกันต่อนะคะ เพราะนอกจากตัวปราสาทแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกสนานอีกมากมาย อาทิ โชว์โลมาแสนรู้ นั่งรถม้า ขี่ช้าง หรือจะนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์รอบตัวปราสาทค่ะ” ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่ออนินดาบอกเล่ารีบเดินตรงออกไปยังด้านนอกอย่างไม่รีรอ หนุ่มสาวทั้งสามคู่ต่างสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆและถ่ายภาพปราสาทสัจธรรมโดยสลับสับเปลี่ยนกันเป็นนายแบบและนางแบบกว่าจะออกจากปราสาทได้ก็เกือบถึงเวลาปิดนั่นแหล่ะ
“นิเหนื่อยมั้ยครับ” ภัทรดลยื่นขวดน้ำเย็นเจี๊ยบให้อนินดาเมื่อขึ้นนั่งบนรถตู้เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณภัทรสนุกมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ” อนินดารับขวดน้ำจากเขามาดื่มดับกระหาย
“สนุกมากครับ จริงๆแล้วที่พัทยานี่มีที่เที่ยวสวยๆตั้งมากมายเลยนะ”
“ใช่ค่ะ เอาไว้คราวหลังนิจะพาไปเที่ยวที่อื่นอีกนะคะ” อนินดาหันไปบอกบรรดาลูกทัวร์ที่ตอนนี้ต่างก็คุยกันถึงความน่าประทับใจของปราสาทสัจธรรมกัน
“ค่ะ ครับ ครูนิ” ทุกคนยิ้มรับ
“สมชายไปร้านอาหารริมทะเลนะ” ภัทรดลหันไปสั่งคนขับรถที่รอฟังบัญชาจากเจ้านายอยู่
“ครับ บอส” แล้วรถตู้สีขาวนวลก็มุงสู่จุดหมายปลายทางทันที
***** อัพเร็วตามคำขอนะคะ ยังไงก็เม้นกันมาเยอะๆนะจ๊ะ ชอบไม่ชอบยังไง น้อมรับทุกคำติชมค่ะ****
ความคิดเห็น