ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ่้ีรับบททดสอบ
ปราการด่านหัวใจ
บทนำ
“ไวทย์ อย่าทำหน้าแบบนี้สิคะ”
เสียงอ่อนหวานเอ่ยปลอบประโลมชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้ม ที่มีเครื่องหน้ารับกันเหมาะเจาะทั้ง คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง และริมฝีปากหยักได้รูป ทว่าบัดนี้ใบหน้าของเขามีแววเหมือนกำลังกลัดกลุ้มอย่างหนัก
“น้ำ ผมทำให้คุณต้องลำบากใจหรือเปล่า” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อไวทย์ เอื้อมมือไปมากุมมือเล็กของหญิงสาวเอาไว้ พลางมองสบตาเธอ เขามองเห็นแววตาสดใสฉายแววรื่นเริงอยู่เป็นนิจปรากฏอยู่
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธทันที ด้วยต้องการยืนยันให้คนรักได้รู้ว่าเธอไม่ลำบากใจสักนิดกับเรื่องที่เขาเอ่ยขอร้องมา
“ไม่เลยค่ะ น้ำไม่ลำบากใจเลย ถ้าเรื่องที่ไวทย์ขอให้น้ำทำ มันจะทำให้ความรักของเราได้รับการเห็นชอบจากแม่ของคุณ”
“ขอบคุณมากน้ำ ขอบคุณมากที่ยอมทำตามที่แม่ผมยื่นข้อเสนอมา”
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับหญิงสาวแล้วโน้มกายดึงเอาร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ผมรักน้ำมากรู้ไหม และแล้วผมก็มั่นใจว่าผมเลือกรักถูกคนแล้ว น้ำเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ผมเคยเจอมา” ไวทย์เอ่ยกับหญิงสาวในอ้อมกอด
“น้ำก็รักไวทย์นะ ไวทย์เป็นคนที่ดีที่สุดของน้ำเหมือนกัน”
“อดทนหน่อยนะครับเพื่อความรักของเรานะครับ” ไวทย์ขยับกายถอยห่างออกมาจากหญิงสาวนิดหน่อยหนึ่งเพื่อมองสบตากลมโตของเธอ แล้วเขาก็เห็นว่าหญิงสาวก็ส่งยิ้มหวานกลับมาให้
“ค่ะ น้ำจะอดทนให้มากๆ”
“ขอบคุณครับคนดีของผม” กล่าวจบไวทย์ก็ยื่นใบหน้าไปจุมพิตหน้าผากมนของน้ำรินแผ่วเบา แล้วก่อนคว้าร่างบางมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเรื่องที่เขาเอ่ยร้องขอให้คนรักทำนั้น หากใครได้ยินก็คงอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย และแล้วเขาก็ไม่กล้าคิดด้วยว่าคนรักของตนจะยอมรับเงื่อนไขนี้ ถ้าหากว่าวันนี้น้ำรินไม่ยอม เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรยังไงดี ในเมื่ออีกฝ่ายก็คือแม่ และฝ่ายนี้ก็คือคนที่เขารักสุดหัวใจ
ไม่รู้ว่าเมื่อเขาและเธอหญิงสาวทำตามเงื่อนไขของแม่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาได้แต่หวังว่าทุกอย่างงคงจะเรียบร้อยโดยเร็ว และหวังว่างานวิวาห์ที่เขากับและน้ำรินรอคอยกันมาหลายปีจะมีได้เกิดขึ้นเสียที
“อะไรนะ พี่น้ำจะไปบ้านพี่ไวทย์เหรอ” ภูหรืออิงภูเอ่ยถามด้วยอารมณ์เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“อื้อ ใช่แล้วจ้ะ”
“ไปตั้งสามเดือนนี่นะ แล้วแน่ใจได้ไงว่าแม่พี่ไวทย์เขาจะไม่ฆ่าพี่ซะก่อนน่ะ”
“โอ๊ย ภู แม่ของไวทย์เขาไม่ได้โหดขนาดนั้นหรอกน่า นายก็พูดเกินจริงไปแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับที่หัวเราะออกมาด้วย เพราะดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะกลัวเกินเหตุเสียแล้ว
ถูกล่ะว่าแม่มารดาของไวทย์นั้นไม่ค่อยชอบหน้าเธอนัก เพราะจากการได้เจอหน้าท่านสองสามครั้ง ท่านก็แสดงออกให้เธอเห็นอย่างชัดเจน ผิดกับบิดาของเขาลิบลับ ที่มีท่าทางเป็นมิตรกับเธอมากกว่า
ทว่าหากน้ำรินก็ไม่ได้นึกขุ่นข้องหมองใจ กับการที่มารดาของคนรักจะออกอาการเช่นนั้นกับเธอ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมารดาแม่สามีกับลูกสะใภ้ รายไหนรายนั้นเป็นต้องมีอาการไม่ถูกกันแบบนี้ไปเสียทุกที
คนที่เคยเป็นที่รักมาก่อนย่อมกลัวว่าคนมาใหม่จะมาแย่งตำแหน่งนั้นไปเป็นธรรมดา
“ไว้ใจได้ที่ไหน ก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่ชอบหน้าพี่ซะขนาดนั้น” อิงภูเองก็รู้ดีว่ามารดาของไวทย์นั้นมีทีท่าไม่ค่อยจะชอบหน้าพี่สาวนัก
เขาเคยได้เจอญาติๆ ของไวทย์มาบ้างแล้ว จากงานรับปริญญาโทของอีกฝ่ายชาย และแล้วก็ตอนงานอุปสมบทของไวทย์เมื่อปีก่อน ในงานนั้นเขากับพี่สาวดูเหมือนจะไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากมารดาของชายหนุ่มมากนัก แค่มองตาของสาวใหญ่เจ้าของตำแหน่งภรรยาของกำนันแห่งตำบลบางปลาหมอ อิงภูก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชื่นชอบพี่สาวของเขาเลย แถมยังออกอาการกันท่าและหวงลูกชายยังกับจงอางหวงไข่ก็ไม่ปาน
โดยเฉพาะยายยัยน้องสาวตัวแสบของไวทย์ที่ชื่อตะวันวาด นั่นละล่ะตัวดี รายนั้นทั้งปากเก่งทั้งชอบส่งแววสายตาเชือดเฉือน เขาไม่รู้เลยว่าหากพี่สาวต้องไปอยู่ที่นั่นเป็นเวลาร่วมสามเดือน พี่สาวเขาจะต้องเจอด่านทดสอบอะไรบ้าง
“พี่ไวทย์ก็เหลือเกิน ยอมทำตามคำสั่งแม่ทุกอย่าง ไม่เห็นใจแฟนตัวเองมั่งเลย นี่ถ้าเขาสั่งให้เลิกกัน พี่ไวทย์เขาไม่ต้องขอเลิกกับพี่ตามคำสั่งแม่หรอกหรือ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า”
“ไม่รู้ละล่ะ ยังไงผมก็เป็นห่วง แล้วทำไมต้องไปช่วงนี้ด้วย ตอนนี้มหาวิทยาลัยก็ยังไม่ปิด แล้วใครจะไปช่วยพี่รับมือกับคนบ้านนั้นล่ะ” อิงภูยังไม่วายกังวลเรื่องของพี่สาว ซึ่งวและความกังวลนั้นก็ฉายชัดอยู่บนใบหน้า
หลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่พ่อถูกย้ายไปประจำการอยู่ที่ต่างจังหวัด บ้านในที่กรุงเทพฯ หลังนี้จึงมีเพียงเขากับพี่สาวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ สองหรือสามเดือนนั่นละล่ะบุพการีทั้งสองถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้านสักที หรือไม่เขากับพี่สาวจะพากันก็ไปเยี่ยมท่าน ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน เขาจึงต้องคอยดูแลปกป้องพี่สาวด้วยตัวเอง แม้แต่ตอนที่มีชายหนุ่มมาป้วนเปี้ยนขายขนมจีบให้พี่สาว ก็เขาอีกนั่นละล่ะที่จะเป็นด่านแรก คอยคัดกรองคนที่จะเข้ามาในชีวิตของพี่สาว และไวทย์ก็คือชายหนุ่มคนเดียวที่สามารถสอบผ่านทุกด่านในการมาเป็นคนรักของพี่สาว
แม้ตัวเองจะคอยตั้งด่านและบททดสอบต่างๆ ในการคัดเลือกชายหนุ่มที่จะมาขอเป็นแฟนของพี่สาว แต่พอพี่สาวต้องไปเข้าสู่ด่านทดสอบต่างๆ บ้าง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้กำนันบ้านบางปลาหมอ อิงภูก็คิดว่ามันไม่เข้าท่าเลยสักนิด
เรื่องอะไรพี่สาวเขาต้องไปทำเรื่องแบบนั้นด้วย ในเมื่อเขาเชื่อมั่นมาตลอดว่าคุณสมบัติของน้ำรินผู้เป็นพี่นั้น ดีเยี่ยมที่สุดแล้ว
แม้ถึงตระกูลของเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังหรือร่ำรวยมากมาย หากทว่าก็เป็นตระกูลข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ไม่คดโกง น้ำรินเองก็เป็นหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี กิริยามารยาทแม้จะไม่ถึงขั้นเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้ แต่หากก็ไม่ได้กระโดกกระเดกจนเกินงาม
รูปลักษณ์หน้าตาแม้ไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่ใบหน้าเรียวเล็ก รูปไข่ ของพี่สาวก็ดูน่ารักสดใสเย็นใจน่ามอง จิตใจหรือก็โอบอ้อมอารี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร การงานแม้ไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่ง แต่กับอาชีพนักเขียนนิยายก็สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เรียกได้ว่าสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องคิดเกาะให้พึ่งพาสามีคอยเลี้ยงดูเป็นคนเลี้ยงดูให้ใครมาดูถูกได้
แล้วแบบนี้น้ำรินพี่สาวยังจะต้องไปเข้ารับบททดสอบอะไรนั่นอีกหรือ ให้ตายเถอะ เขาไม่เข้าใจจริงๆ
“ภูไม่ต้องกังวลนะ พี่เชื่อว่าแม่ของไวทย์คงจะต้อนรับพี่แน่นอน ถ้าเราได้มีเวลาศึกษากันสักพัก” น้ำรินให้ความเชื่อมั่นกับน้องชาย
“ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา เพราะรู้ดีว่าไม่สามารถขัดขวางหรือห้ามปรามพี่สาวได้แล้ว
อย่างที่เขาว่ากัน
“ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดออกจากคอกไป บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง”
“ไงแม่ปรานี จัดห้องเตรียมรับว่าที่ลูกสะใภ้หรือไง” กำนันชิดเอ่ยหยอกล้อภรรยาสาวใหญ่ที่กำลังยืนมองคนงานในบ้านปัดกวาดกว้างห้องเล็กในบ้านเรือนไทยหลังนี้ ซึ่งมีตัวเรือนห้าหลังเข้าตำราเรือนไทย
“ว่าที่ลูกสะใภ้ที่ไหนกันพี่กำนัน อย่างแม่เด็กนั่นน่ะหรือจะมาเป็นลูกสะใภ้ฉัน ฉันไม่ยอมรับหรอก” ปรานีเอ่ยกับสามีด้วยสำเนียงเหน่ออันเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น ก่อนจะส่งค้อนให้สามีวงใหญ่
“อ้าว ไม่ยอมรับแล้วทำไมต้องออกมาดูกำไลเขาจัดห้องด้วยตัวเองเลยล่ะ” กำนันชิดเอ่ยถาม
“ก็พ่อไวทย์น่ะสิ มาขอให้ฉันทำ นี่ถ้าลูกไม่ขอ ฉันจะให้ไปอยู่เรือนเล็กกับกำไลเลยด้วยซ้ำ”
“โอ๊ย แม่ปรานี อะไรมันจะขนาดนั้น ยังไม่ทันไรเลยก็ออกแววแม่ผัวโหดแล้วหรือเนี่ย” กำนันหัวเราะร่าเลยทีเดียวที่เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา
แต่ไหนแต่ไรปรานีได้ชื่อว่าเป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารีนัก คอยช่วยเหลือลูกบ้านที่เดือดร้อน ใครขาดเหลืออะไรก็มาออกปากขอได้ แม่ปรานีไม่เคยขัด เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่ที่อีกฝ่ายออกอาการร้ายให้เห็น สงสัยจะเป็นเพราะหวงลูกชายเป็นแน่แท้ ภรรยาเมียของเขาถึงได้เป็นแบบนี้
ลึกๆ แต่เขาก็ยังแอบหวังว่าภรรยา อีกฝ่ายคงจะไม่ใจร้ายกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม แฟนของลูกชายคนรองมากนัก เพราะเขาเองก็ออกจะถูกชะตากับเด็กนั่นไม่ใช่น้อย ท่าทางเรียบร้อยดี ไม่มีท่าทีก้าวร้าว หรือแสดงออกกับลูกชายเขาจนน่าเกลียดเหมือนที่หญิงสาวหลายๆ ในคนในบางนี้พยายามจะจับลูกชายเขาจนตัวเนื้อตัวสั่น นี่เขายังอดนึกชมความตาแหลมของลูกชายไม่ได้ ที่เลือกหญิงผู้หญิงสาวมาเป็นแฟนได้เหมาะสมนัก
ตอนนี้ก็คงต้องคอยมองอยู่ห่างๆ ไปก่อน เพราะเขามอบสิทธิ์การดูแลเรื่องราวในบ้านให้ภรรยามานานแล้ว และสัญญาว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องราวของกันและกัน แต่ถ้าหากว่าอะไรๆ มันเกิดเกินเลยไป ถึงเวลานั้นเขาค่อยจัดการอีกทีก็แล้วกัน
“พี่กำนัน อย่ามาว่าฉันนะ แม่ผงแม่ผัวโหดที่ไหนกัน ฉันนี่ออกจะใจดี ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งบ้างบาง”
“จ้า ใครๆ เขาก็รู้ว่าเมียของกำนันชิดน่ะแสนดี แสนเก่ง ถ้าจะร้ายก็คงเป็นคนร้ายที่เพิ่งเริ่มฝึกปรือฝีมือล่ะมั้งละมั้ง”
“นี่แน่ะ อย่ามาล้อเลียนฉันนะพี่กำนัน” นางปรานีตีแขนสามีดังเพี้ยะ ดังเผียะ ก่อนจะทำตาค้อนประหลับประเหลือก กำนันชิดเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วกอดเอาใจเธอ
“แหม แม่ปรานี อย่าโกรธฉันเลย ฉันก็แค่หยอกเล่นแค่นั้นล่ะ ละ เอาล่ะละ จะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าลืมนึกถึงหัวใจของลูกมากๆ หน่อยก็แล้วกันนา ลูกน่ะเราเลี้ยงเขาได้แค่ตัวนะ เรื่องไปบังคับกะเกณฑ์หัวใจกันมันคงจะไม่ได้ ฉันฝากแค่นี้ล่ะ ละ ไปแล้วนะ” กล่าวจบกำนันหนุ่มใหญ่ก็ปล่อยแขนจากภรรยาแล้วเดินลงจากเรือนไป
“เชอะ ทำเป็นเจ้าคารมดีนัก ไม่รู้ล่ะ ละ อยากจะมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ ถ้าไม่ผ่านด่านฉันล่ะละก็อย่าหวังเลย แม่น้ำรงน้ำรินอะไรนั่น” ปรานีสาวใหญ่ทำหน้าหงิกงอเมื่อเอ่ยถึงแฟนสาวของลูกชายคนรอง ลูกชายที่คนที่เขารักมากที่สุด
“เร็วๆ กำไล ไม่ต้องทำอะไรมากนักหรอก แค่จัดเตียงจัดตู้นิดหน่อยก็พอ แล้วรีบมานี่ฉันจะปรึกษาหาทางต้อนรับแฟนของไวทย์เขาหน่อย”
“จ้าพี่นี” สาวใหญ่ผิวคล้ำร่างป้อมร้องรับคำออกมาจากในห้องเล็ก แล้วครู่เดียวร่างอ้วนๆ ก็เยื้องย่างตามคนเป็นนายไปที่หอนั่ง ซึ่งเป็นเรือนนั่งเล่นตรงกลางหมู่เรือน
“เขาทำอะไรกันโหวกเหวกอยู่บนเรือนกันนั่นน่ะเจ้าเต้ย” ย่านวลซึ่งนั่งอยู่บนแคร่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ไม่ไกลจากเรือนมากนัก เอ่ยถามเด็กชายวัยสิบขวบที่กำลังบีบนวดขาให้อยู่
“เห็นว่ากำลังจัดห้องให้แฟนพี่ไวทย์น่ะครับย่า”
“อ้อ นี่แม่ปรานีเขายอมจัดให้ด้วยหรือ เห็นว่าไม่ค่อยชอบหน้านี่นา” ย่านางนวล ผู้เป็นแม่สามีของนางปรานีขยับแว่นสายตามองขึ้นไปบนเรือน เพราะรู้ว่าลูกสะใภ้ไม่ใคร่จะชอบหน้าแฟนของไวทย์มากนัก
“ไม่อยากยอมหรอกครับย่า แต่เมื่อวานพี่ไวทย์เขามาขอร้องให้ทำน่ะครับ”
เด็กเต้ยตอบแบบเด็กแก่แดด เพราะแม่มารดาของตนคือนางกำไลนั้น ซึ่งเป็นเหมือนกับเสมือนลูกสมุนมือขวาของนางปรานีเลยทีเดียว เวลาอีกฝ่ายปรานีสั่งงานอะไร มารดาแม่ของเขาเป็นต้องเอามานั่งเล่าให้เขากับบิดาพ่อฟังเป็นประจำ แม้แต่เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อน้ำริน ซึ่งกำลังจะมาอยู่ที่บ้านนี้เป็นเวลาสามเดือนก็เหมือนกัน นั่นก็เลยเท่ากับว่ามารดาแม่เขารู้เรื่องอะไร เขาก็รู้ด้วย เหมือนกัน
“เจ้าเด็กแก่แดดนี่รู้ไปซะทุกเรื่องเลยนะ” ย่านวลเขกหัวเด็กเต้ยเบาๆ
“แหะๆ ก็รู้บ้างน่ะครับย่า” เต้ยส่งยิ้มทะเล้นให้ผู้สูงวัยก่อนจะลงมือนวดเฟ้นขาให้ท่านต่อไป ส่วนย่านวลก็ทอดสายตามองไปบนเรือน เห็นลูกสะใภ้กับสมุนคู่ใจกำลังปรึกษาหาเรือกันอยู่ ก็ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เพราะพอจะรู้บ้างว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“ไม่ลืมอะไรนะน้ำ” ไวทย์เอ่ยถามน้ำรินหลังจากที่รับกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของเธอมาใส่ท้ายรถของเขา
“ไม่ลืมอะไรค่ะ โน้ตบุ๊กคก็อยู่นี่แล้ว” หญิงสาวส่งยิ้มให้คนรัก
“ห่วงแต่โน้ตบุ๊กคอย่างเดียวเลยนะ” ไวทย์ยกมือลูบเรือนผมนุ่มสลวยของเธอ
“อ้าว ก็นี่อุปกรณ์ทำมาหากินของน้ำนี่นา ถ้าไม่มีเจ้านี่น้ำก็ไส้แห้งพอดี”
“คิดหรือว่าไวทย์จะปล่อยให้น้ำไส้แห้งน่ะ รู้ไหมว่ารอเลี้ยงดูอยู่นี่ ไปเป็นคุณนายเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ดีกว่า เอาไหม ไม่ต้องอดนอนดึกๆ ดื่นๆ เขียนนิยายด้วย”
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวใครๆ เขาจะหาว่าไปเกาะไวทย์กินน่ะสิ” หญิงสาวทำจมูกย่นใส่ชายหนุ่ม ไวทย์เห็นอย่างนั้นเลยแกล้งยื่นมือไปบีบจมูกเล็กๆ ของเธอ ก่อนจะรีบปล่อยเมื่อน้ำรินร้องโวย
“ใครเขาจะว่า ลองมาว่าสิ ไวทย์จะจัดการเอง”
“ให้มันจริงเหอะ”
“จริง ไวทย์จะรัก จะปกป้องดูแลน้ำเท่าชีวิตเลย” ชายหนุ่มคว้าเอาตัวของน้ำรินมากอดไว้แนบแน่น
“น้ำรักไวทย์จัง” หญิงสาวพึมพำกับอกกว้างของชายหนุ่ม
“ขอให้รู้ไว้เลยว่าไวทย์รักน้ำมากกว่านั้นอีก” เขาบอกเสียงนุ่ม ก่อนจะก้มลงจุมพิตเรือนผมนุ่มของคนในอ้อมกอด
“ไปกันได้แล้วค่ะไวทย์ เดี๋ยวแม่กับพ่อและแล้วก็คนที่โน่นนะจะคอยนะคะ” น้ำรินเอ่ยกับคนรัก เพราะดูเหมือนว่าหากยังอยู่ยอมอยู่ในอ้อมกอดเขานานไปกว่านี้ ทั้งหน้าผาก แก้ม และริมฝีปากของเธอคงโดนไวทย์รุกรานมากกว่านี้แน่ๆ
“โอเค ไปกันได้ครับ” ไวทย์ยอมปล่อยร่างบางเป็นอิสระ ทั้งที่ในใจยังอดเสียดายไม่ได้ เพราะหลังจากวันนี้ไป โอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับคนรักคงจะเหลือน้อยเต็มที ทั้งความวุ่นวายจากหน้าที่การงาน แล้วก็และจากกฎที่แม่ของเขาตั้งเอาไว้
เขาจะต้องพักอยู่คนละที่กับน้ำริน ห้ามอยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสอง แม่อ้างว่าเพื่อความเหมาะสมและเพื่อรักษาเกียรติของหญิงสาว
นี่เป็นเรื่องที่เขายังไม่ได้บอกกับเธอ ได้แต่หวังเพียงว่าถ้าบอกไปแล้วหญิงสาวคงจะยอมรับเงื่อนไขนี้แต่โดยดี
เฮ้อ!
...........................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น