ทุกเดือนเมษา เอาหมาไปฉีดวัคซีน |
เรื่องของหมาบ้ามีอีกความเชื่อหนึ่งที่น่าทำความเข้าใจเสียให้ถูกต้อง คือความเชื่อที่ว่า โรคพิษสุนัขบ้ามักระบาดหนักในช่วงฤดูร้อน ผมเองก็เข้าใจอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ตอนเด็กๆ พ่อแม่ปู่ย่าตายายจะคอยพร่ำเตือนให้คอยระมัดระวังหมาบ้าโดยหมั่นสังเกตหมาที่เข้ามาใกล้ว่า มีอาการคอแข็งๆ วิ่งตรงทื่อๆ โดยเฉพาะน้ำลายฟูมปากหรือไม่ ถ้าเจอะก็ต้องรีบหนีให้ห่าง เพราะเป็นหมาบ้า
คำเตือนเรื่องหมาบ้าที่ว่านี้จะบ่อยครั้งเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อน ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอมของพวกเราพอดี เด็กรุ่นผมไม่มีศูนย์การค้า ไม่มีสวนสนุก ไม่มีวิดีโอเกมให้เล่น ฯลฯ ดังนั้น เรื่องสนุกของพวกเราก็คือ การออกสู่ชีวิตกลางแจ้ง นัดกันไปโดดน้ำเล่นที่ต้นก้ามปูชายหมู่บ้านบ้าง เข้าป่าทำทีเป็นผจญภัยแบบที่เห็นจากหนังกลางแปลงบ้าง ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้ คำเตือนเรื่องหมาบ้าของผู้ใหญ่ จึงมีผลต่อการใช้ชีวิตช่วงปิดเทอมของเราไม่น้อย ไอ้คนไหนที่ขี้ปอด (ซึ่งมีไม่มากนัก) ก็พาลยกเลิกนัดหมายกับเพื่อนทโมนทัวร์ไปเสียดื้อๆ หากมีข่าวหมาบ้ามาเพ่นพ่าน แต่โดยทั่วไปแล้ว เรื่องของหมาบ้ากลับทำให้การใช้ชีวิตโลดโผนโจนทะยานประสาเด็กต่างจังหวัดของเรามีรสชาติมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ คอยจับผิดหมาที่ผ่านไปมา ใครเจอะหมามีพฤติการณ์น่าสงสัยก็จะรีบไปรายงานให้ผู้ใหญ่ทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
ยุคที่ยังไม่มีโทรทัศน์ ทั้งหมู่บ้านมีเครื่องรับวิทยุเพียงเครื่องเดียวที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน หนังกลางแปลงก็เดือนหนึ่งจะมีมาฉายสักครั้งหนึ่ง ดังนั้น ข่าวการค้นพบหมาบ้าในหมู่บ้านจึงเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ค้นพบหมาบ้าจะกลายเป็นวีรบุรุษประจำหมู่บ้านไปทันที
เพราะทั้งผู้หลักผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่รวมทั้งเด็กเล็ก ต่างจะพากันมารุมถามไถ่ขอทราบรายละเอียดกันยกใหญ่ วีรบุรุษผู้พบหมาบ้าก็จะยืดอกแล้วให้สัมภาษณ์ด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อนฝูงร่วมก๊วนก็พลอยได้โหนกระแสคอยให้ข้อมูลเพิ่มเติมและตีไข่ใส่สีเพิ่มความตื่นเต้นอลังการให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ทุกวันนี้ เราบ่นกันมากขึ้นเรื่องหมาจรจัด และดูจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังซึ่งยังหาทางออกที่ชัดเจนไม่ได้ คนส่วนหนึ่งก็คอยเอาอาหารไปให้ตามตรอกซอกซอยที่มีหมาเหล่านี้อยู่ ในขณะที่คนบางส่วนแม้จะรักหมา แต่ก็ไม่เห็นด้วยวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกทาง ฯลฯ
เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็น "คนเมือง" ไปแล้วอย่างสมบูรณ์ เป็นหนึ่งในชาวหมู่บ้านจัดสรร ช่วงปิดเทอมทีไรก็ยังเห็นทโมนทัวร์แบบที่เคยยึดถือปฏิบัติ เด็กเล็กพอปิดเทอมทีหนึ่งก็จับกลุ่มกันใช้จักรยานเป็นพาหนะถีบเที่ยวในหมู่บ้าน บางครั้งก็ขยายพิกัดเดินทางไปหมู่บ้านอื่นที่ยังคงมีหมาจรจัดเป็นปัญหาอยู่
แม้จะมีรายงานจากทางคุณหมอว่า ปีนี้ทั้งปีทั่วประเทศเรามีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าเพียง 6 รายเท่านั้นก็ตาม แต่ความน่ากลัวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของโรคนี้ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียวของพ่อแม่ผู้ปกครองจนต้องคอยพร่ำบ่นตักเตือนลูกหลานให้คอยระมัดระวังหมา ทั้งที่บ้าและไม่บ้า ความเข้าใจว่า หมามักบ้าในหน้าร้อนนั้น หมอปานเทพท่านฟันธงว่า...ผิดนะคร้าบ
หมาบ้าไม่เลือกฤดูกาล ได้รับไวรัสหมาบ้าเข้าไปเมื่อไรก็มีอาการได้ทั้งนั้น ส่วนเหตุผลที่ว่า ทำไมชาวเราจึงเข้าใจว่า โรคพิษสุนัขบ้ามักระบาดในหน้าร้อนนั้น หมอวิเคราะห์ว่า คงใช้ความรู้สึกของคนไปกำหนด ด้วยเห็นว่าหน้าร้อนบ้านเรา โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่มี 2 แบบ คือ ร้อน กับร้อนบรรลัย จนคนเราแทบจะเป็นบ้านั้น หมาก็คงแบบเดียวกัน ยิ่งพระเจ้าสร้างหมาให้ใส่เสื้อขนสัตว์อยู่ตลอดเวลานั้น มันต้องบ้าแน่ๆ แม้ทางการแพทย์จะยืนยันชัดเจนว่าไม่เกี่ยวกัน หมาไม่ได้บ้าเพราะอากาศร้อน แต่บ้าเพราะรับเชื้อไวรัสเข้าไปต่างหากก็ตาม
นอกจากนั้น คุณหมอยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เนื่องจากหน้าร้อนเด็กๆ ปิดเทอม พ่อแม่ผู้ปกครองห่วงใยลูกหลานจอมทโมนทั้งหลาย จึงต้องคอยเตือนให้ระมัดระวัง เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นานๆ เข้าจึงกลายเป็นความเข้าใจว่า หมาจะบ้าในฤดูร้อนเท่านั้น ฤดูหนาว ฤดูฝน ไม่ต้องห่วง ซึ่งไม่ถูกต้อง |
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น