ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทส่งท้าย : 'สิ้นสุดการชำระ'
- บทส่งท้าย : 'สิ้นสุดการชำระ' -
"เธอ....ต้องการอะไร?" หน่าพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
"ในวันนั้น...เธอเอาความลับของเราไปเล่าให้คนอื่นฟังทำไม?" หญิงสาวร่างเกรียมพูดขึ้นช้าๆ
"ท..ทำไมเธอถึงรู้?" หน่าพูดออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว
"เพราะคนอย่างเธอมันไว้ใจไม่ได้ยังไงล่ะ..." ใบมีดแหลมๆเริ่มถูขึ้นมาเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่ตรงท้ายทอยของหน่า
"ฉัน..ฉันผิดไปแล้ว!! ฉันขอโทษ!!" หน่าพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
"ฮึ..มายอมรับผิดตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วล่ะ!! ที่พวกเราต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ!!" สาวร่างเกรียมพูดขึ้นด้วยความโมโห และรอบๆตัวก็เกิดมีลมพัดเข้ามาอย่างรุนแรง
"หึ!!! แต่ถึงยังไง เธอก็ไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก!!" หน่าหันไปผลักสาวร่างเกรียมที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหยิบของบางอย่างในเป้ออกมา
"..." สาวร่างเกรียมยังคงยืนนิ่งๆไม่โต้ตอบอะไร
"ฉันน่ะ เปลี่ยนไปแล้ว!!" หน่าพูดพลางหยิบสิ่งที่เรียกว่า 'ข้าวสารเสก' ออกมาจากเป้ จากนั้นก็ท่องคาถาพึมพำๆเบาๆก่อนจะโยนมันใส่สาวร่างเกรียม
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!"
สาวร่างเกรียมกรีดร้องอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆหายไปจากตรงนั้น
"หึหึ เรื่องในอดีตก็ปล่อยมันไป จะไปรื้อฟื้นมันทำไม... เล่นกับใครไม่เล่นนะ" หน่าพูดขึ้นอย่างสะใจก่อนจะเดินออกไปจากจุดนั้น
ทางด้านตูน
"นี่...ทำไมพามาที่นี่ล่ะ? แล้วเพื่อนของฉันที่ตกลงมาล่ะ?" ตูนถามไปยังเด็กสาวผิวซีดตรงหน้าอย่างแปลกใจ
"เพื่อนของพี่สาวน่ะปลอดภัยแน่จ๊ะ..แต่ว่าหนูน่ะ..มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่สาวหน่อย..." เด็กน้อยผิวซีดพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"มีเรื่องอะไร? งั้นหรอ?" ตูนถามกลับด้วยความสงสัย
"พี่ยังจำอาจารย์พิรัชครูสอนวิทยาศาสตร์ได้ไหมคะ?" เด็กสาวร่างซีดถามตูนอย่างใจเย็นและยิ้มแย้มอยู่ตลอด
"อาจารย์....ห๊ะ!!!!" ตูนพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจเบาๆ
"ใช่แล้วค่ะ...อาจารย์คนที่ใกล้ชิดพี่สาวมากที่สุดไงล่ะคะ..." เด็กสาวตัวซีดเริ่มพูดจาเสียงทุ้มต่ำลง ใบหน้าเริ่มเคร่งเครียด และดูเหมือนจะอาละวาดออกมาได้ตลอดเวลา
"อ...ค..คือ....." ตูนเริ่มพูดตะกุกตะกักอย่างชัดเจน เธอนึกได้ถึงอดีตอันโหดร้ายที่เธอเคยก่อไว้กับคนที่เธอเรียกว่า 'อาจารย์'
"พี่สาว...พี่ช่วยตอบได้มั้ยคะ? พี่ทำอะไรกับพ่อของหนู..." ใบหน้าของเด็กสาวผิวซีดเริ่มเปลี่ยนจากใบหน้ายิ้มแย้มกลายเป้นใบหน้าดำทะมึนที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
"ไม่นะ...ฉันไม่ได้ทำอะไร..ฉันไม่ฆ่าเค้า..ฉันไม่ได้ฆ่าอาจารย์" ตูนตอบกลับอย่างหวาดกลับพลางถอยหลังออกมาเล็กน้อย
"หนูไม่เชื่อ.... พี่ฆ่าพ่อของหนู!! หนูเห็นพี่ออกมาจากห้องของพ่อเป็นคนสุดท้าย!!แถมตัวยังเปื้อนเลือดด้วย!! พี่ฆ่าพ่อหนู!!!" เด็กสาวผิวซีดเริ่มโกรธจัดจัด ดวงตาสดใสกลายเป็นสีแดงเดือด
"ไม่!!ฉันไม่ได้ทำ!!!" ตูนตะโกนใส่พลางหยิบมีดคัตเตอร์ในกระเป๋าออกมาแล้วชูไปทางเด็กสาว
"พี่ทำแบบนั้นทำไม !!!!!" เด็กสาวพุ่งตัวไปบีบคอขอตูนอย่างไว
"อึก....ฉัน..ไม่ได้.!!!" ตูนเริ่มหายใจไม่ออกและพยายามที่จะแกะมือของเด็กสาวออกโดยที่มืออีกข้างยังคงถือคัตเตอร์ไว้อยู่
"พี่ฆ่าพ่อหนูทำไม!!!!" เด็กสาวผิวซีดบีบคอตูนแรงขึ้น
"ฉันเปล่......" ตูนพยายามดึงมือเด็กสาวออกแต่ไม่สามารถทำได้ จึงตัดสินใจใช้มืออีกข้างที่กำคัตเตอร์ไว้แทงเข้าไปที่มือของเด็กสาว เพื่อหวังที่จะให้เด็กสาวยอมปล่อยเธอ แต่ก็พลาด ทันทีที่ตูนใช้คัตเตอร์แทงเข้าไป ร่างของเด็กสาวก็ได้หายไป ทำให้คัตเตอร์ของเธอ แทงเข้าไปที่คอของเธอแล้วแทงไปโดนหลอดลมตรงคอของตัวเองอย่างจัง
จึก!!!!
"อึก.!!!" ตูนเริ่มล้มลงช้าๆ ตอนนี้ตูนกำลังทรมานกับความผิดพลาดของตัวเอง ตูนเขวี้ยงมีดคัตเตอร์ทิ้งและเริ่มร้องไห้ออกมาเบาๆ
ทางด้านแนคและภูมิ
"ปันทำไมนายถึง?" แนคถามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
"ไม่รอดแน่!! พวกนายไม่รอดแน่!! ฮ่าๆๆ" ร่างชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาพูดขึ้นพลางหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
"อะไรน่ะ!!เกิดอะไรขึ้น!!" ภูมิที่ยืนอยู่ข้างแนคพูดขึ้นอย่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า
"โอ้ย!!เสียเวลาจริงๆ!!" แนคบ่นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินออกจากห้องๆนั้นไป
"เดี๋ยวสิรอด้วย!!" ภูมิไม่รอช้ารีบวิ่งตามแนคไปทันที และทันทีที่ทั้งสองเดินออกจากห้องนั้นไปก็ได้พบกับบุคคลปริศนาที่ยืนอยู่อีกฝั่งของทางเดินขึ้นไปชั้น 5 ของอาคาร
"นั่นใครน่ะ!!" ภูมิตะโกนถามบุคคลปริศนาพลางใช้ไฟฉายส่องไปยังที่ๆมีบุคคลปริศนายืนอยู่
"ไหน..มีใครตรงไหน" แนคพูดพลางสอดส่องสายตามองไปตามแสงไฟฉายที่ฉายไป
"คนๆนั้นน่ะ ดูคุ้นๆจังแฮะ.." ภูมิพูดในขณะที่ยังมองไปยังบุคคลปริศนา ซึ้งไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถระบุตัวบุคคลคนนั้นได้ชัดเจน
"เราไปดูกันเถอะนะ เผื่อจะเป็นคนของพวกเรา" แนคพูดแล้วรีบเดินนำหน้าไป โดยที่มีภูมิเดินตามมาติด และเมื่อยิ่งเดินไปใกล้เท่าไหร่ บุคคลคนนั้นก็ดูเหมือนจะเดินหนีเขาไปเรื่อยๆ
"ด..เดี๋ยวก่อนสิ! จะรีบไปไหน!!" แนคและภูมิพยายามวิ่งตามบุคคลคนนั้นไปแต่แล้วทุกคนก็ลงมาหยุดที่ด้านหลังโรงเรียน ที่เดิมที่พวกเขาเข้ามาในตอนแรกนั่นเอง..
"หายไปไหนแล้ววะ!!" แนคพูดขึ้นด้วยความหัวเสียพลางหันไปมองรอบๆ
"เดี๋ยวก่อนนะ!! คนๆนั้นถึงพาเรามาที่นี่ล่ะ?" ภูมิพูดทักเมื่อส่องไฟฉายมองไปรอบๆก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ที่เดิมที่พวกเขาเคยมาในตอนแรก
"นั่นสิ..แล้วไอ้คนๆนั้นมันหายไปไหนแล้ววะ" แนคพูดแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
"นั่นไง!!" ภูมิพูดพลางส่องไฟฉากไปที่บุคคลปริศนาที่กำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่ง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถมองได้ชัดเจนว่าคนๆนั้นเป็นใครกันแน่
"ใครกันวะ!!" แนคเริ่มอารมณ์เสียกับบุคคลที่ตัวเองไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเป็นใคร จึงรีบวิ่งเข้าไปที่ม้านั่งตัวนั้น เมื่อไปถึงก็พบว่าบุคคลคนๆนั้นคือคนๆที่เขาคุ้นเคยและเคยรู้จักมาก่อนนั่นเอง
"อาจารย์.....พิรัช...." แนคพูดขึ้นพลางทำสีหน้าหวาดกลัว ซึ่งบุคคลที่อยู่ต่อหน้าของเขาในตอนนี้นั้น เป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ที่เขานับถือแต่อยู่ในสภาพที่เน่าเปื่อยและเละจนผิดมนุษย์มนา
"ใครน่ะแนค?" ภูมิที่ตามมาทีหลังวิ่งเข้ามาสมทบพลางหอบยกใหญ่ และทันทีที่เขาเงยหน้ามองบุคคลปริศนา ก็ทำให้เข้าเขาต้องถึงกับตะลึงตาค้างและหวาดกลัวไปอีกราย
"อาจารย์... ทำไมถึงพาพวกผมมาที่นี่ล่ะครับ?" แนคพยายามสื่อสารกับบุคคลตรงหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับมาแต่อย่างใด
"หรือว่าอาจารย์ต้องการจะบอกอะไรกับพวกเราแต่บอกไม่ได้..เลยพาเรามาที่นี่!!" ภูมิพูดเรื่องที่ตัวเองสันนิษฐานขึ้นมาอย่างใจเย็น และทันทีที่พูดจบร่างกายของบุคคลปริศนาที่ถูกเรียกว่าอาจารย์นั้นก็ล้มลงแล้วกลายเป็นปุ๋ยผงหายไปในที่สุด
"เฮ้ย!!! อะไรวะ" แนคอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
"บางทีที่นี่อาจจะมีเบาะแสอะไรสักอย่างก็ได้ เรามาช่วยกันหาเถอะ" ภูมิหันไปบอกกับแนค และทั้งสองก็พยักหน้าตกลงพร้อมกัน ก่อนจะค่อยๆเดินไปดูตามทางต่างๆ
ทางด้านไม้ที่ถูกจับตัวไป
"โอ้ยย!! นี่ฉันอยู่ที่ไหนวะเนี่ย!!" ไม้ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงด้วยอารมณ์ที่สุดจะโมโห แต่พอไม่นานกลุ่มควันสีดำในห้องที่เขาอยู่ก็เริ่มจางหายไป และเขาก็ได้พบว่าความจริงแล้วเขายังอยู่ในห้องเดิม เพียงแต่ที่ผ่านเขาเพียงแค่โดนกลุ่มควันสีดำปิดกั้นระหว่างเขากับกลุ่มเพื่อนไว้ก็เท่านั้น
"เอ๊ะ!!นี่เราอยู่ที่เดิมตลอดเลยหรอเนี่ย?" ไม้พูดขึ้นอย่างโล่งใจก่อนจะเดินออกไปจากห้องๆนั้นเพื่อตามหาทุกคนต่อไป แต่ทว่า... ทันทีที่เขากำลังจะเดินออกไปก็มีบางสิ่งบางอย่างรั้งแขนเขาไว้
"อย่าออกไปนะ!!มันอันตราย!!" หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งดึงมือของไม้ไว้พลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแบบคนไม่มีแรง
"เธอเป็นใคร!!" ไม้หันมามองสาวปริศนาที่ดึงแขนเขาไว้
"อย่าออกไปนะ อย่าออกไป" หญิงสาวพยายามพูดและฉุดรั้งไม้เพื่อไม่ให้ไม้ออกจากห้องนี้ไป แต่ว่าไม้กลับไม่สนใจและเมินเฉยใส่เธอ
"ไม่!!ฉันจะต้องออกไปตามหาเพื่อนๆของฉัน.. อันตรายแค่ไหนฉันก็ไม่กลัว" ไม้พูดด้วยความมุ่งมั่นและสะบัดแขนหญิงสาวออกอย่างแรง และทันทีที่ไม้ก้าวขาออกมาจากห้องๆนั้นก็ได้เจอกับฝูงค้างคาวจำนวนมากที่บินมาทางเขา จนเขาหลบแทบไม่ทัน แถมยังไม่ทันสังเกตถึงบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งมาทางเขาพร้อมกับฝูงค้างคาวนั่นด้วย
ฉึก!!!
ก้อนหินขนาดใหญ่ที่เหมือนจะมาพร้อมกับฝูงค้างคาวแทงทะลุเข้าไปในดวงตาข้างซ้ายของไม้เข้าอย่างจัง
"โอ้ย!!!" ไม้ร้องขึ้นเสียงดังพลางเอามือปิดตาตัวเองไว้ โดยที่ร่างกายของเขาแทบจะทรุดลงตรงนั้นไปซะให้ได้ "อะไรวะเนี่ย!!" ไม้แบมือของเขาออกมาดูก็พบว่ามือของเขานั้นได้เปื้อนไปด้วยเลือดที่มาจากดวงตาของเขานั่นเอง
"ใครมันมาเล่นอะไรแบบนี้วะ!!" ไม้ตะโกนด่าออกไปด้วยความโมโห
"แน่จริงมึงออกมาดิ ออกมาสิวะ!!" ไม้รีบวิ่งไปทางที่มีค้างคาวโผล่มาอย่างไว แต่ทว่าด้วยความที่มองเห็นเพียงข้างเดียวจึงทำให้เขาพลาดและมองไม่เห็นว่าเบื้องหน้าของเขานั้นคือบันไดลงไปชั้น 3 นั่นเอง
"เฮ้ยยยยยย!!" ไม้ร้องขึ้นเสียงหลงในขณะที่ร่างกายของเขากำลังกลิ้งลงไปตามขั้นบันไดทีละขั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย และในขณะที่กลิ้งตกลงมาตามขั้นบันไดนั้น ไม้ก็ได้มองไปเห็นหญิงสาวที่ตัวเองเจอตอนอยู่ในห้องกำลังมองเขาอยู่ตรงด้านบนชั้น 4
ไม้เริ่มเจ็บปวดกับการที่ร่างกายของตัวเองได้ขูดกับบันไดโดยบางทีก็โดนขูดจนเกิดแผล จนกระทั่งลงมาถึงชั้นที่ 3 ร่างกายของเขาเริ่มจะทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม้เริ่มร้องไห้กับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญ... เรื่องราวในอดีตเริ่มย้อนเข้ามาในจิตใต้สำนึกของเขา ตอนนี้เขากำลังนึกถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคย ซึ่งในเหตุการณ์ในวันที่ไฟไหม้ตอนนั้น เขาเคยผลักเด็กผู้หญิงผมแกละคนหนึ่งตกบันไดจนเสียชีวิตนั่นเอง ไม้นอนนิ่งและมองไปที่บางสิ่งที่กำลังนั่งทับร่างของเขาอยู่ เด็กสาวผมแกละกำลังยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรพลางพูดออกมาเบาๆว่า
“ขอบคุณนะคะ..พี่ชาย”
ทางด้านหน่า
หญิสาวผมสั้นออกสีน้ำเงินกำลังวิ่งหาทางออกจากโรงเรียนนี้ แต่เพราะการที่เขาตกลงมาจากที่สูงเลยทำให้เขาเดินและวิ่งได้ลำบากเพราะขาข้างนึงของเขาดูเหมือนกระดูกด้านในจะหักเอาเสียแล้ว
"ไม่ยงไม่อยู่แล้วที่นี่...รีบหนีก่อนดีกว่า!!" หน่าพยายามควานหาทางออกอย่างไร้ความหวัง ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเขาก็พบเพียงแต่ความมืด แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เดินขึ้น หน่าได้เดินไปชนกับบางอย่างซึ่งก็ทำให้เข้าต้องหันไปมอง
"แนน!!" หน่าร้องขึ้นด้วยความตกใจ
"..." ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ตอบอะไร แต่พยายามวิ่งเข้ามาหาหน่าแทน
"ออกไปนะ โดนเมื่อกี้ยังไม่เข็ดใช่มั้ย?" หน่าพูดพลางเอามือล้วงไปหยิบข้าวสารเสกในกระเป๋าออกมาอีกครั้ง
"..." ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม แต่คราวนี้กลับมีเลือดจำนวนมหาศาลไหลออกมาจากคอของเขา
"นี่คิดจะขู่ให้กลัวหรอ?" หน่าพูดด้วยความอารมณ์เสีย พลางปาข้าวสารเสกใส่ฝ่ายตรงข้าม
"..." ฝ่ายตรงข้ามยังคงนิ่งและไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอะไรเลยสักนิด
"เป็นไปไม่ได้น่า!! เมื่อกี้ยัง..." หน่าพูดออกมาด้วยความตกใจ..
"งั้นก็คงต้องใช้วิธีนี้แล้วล่ะ" หน่าใช้มือล้วงเข้าไปหยิบบางออกมาจากเป้ของเขา นั่นคือ 'มีดหมอลงอาคม' นั่นเอง
"..." ฝ่ายตรงข้ามยังคงเงียบและไม่มีทีท่าว่าจะกลัวด้วย
"หายไปซะ!!!" หน่าพุ่งตัวเองไปพร้อมกับนำมีดหมอไปเสียบเข้ากลางหัวใจของฝ่ายตรงข้าม
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด~"
ฝ่ายตรงข้ามร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
"หึ!! เป็นไงล่ะ มีดหมอลงอาคมของแม่หมอหน่า!!" หน่าพูดพลางมองไปยังบางอย่างที่นอนทรมาน และสักพักสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็เงียบลงแล้วกลายเป็นหญิงสาวผมเปียคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคย
"หา....!!!" หน่าอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด
"ตูน!! ตูน!!" หน่าก้มลงเขย่าตัวเพื่อนของเขา นี่เป็นสิ่งที่เขาทำพลาดที่สุด
"ตูน!! ตูนตื่นขึ้นมาสิ ตูน!!ฉันขอโทษ อย่าเป็นอะไรไปเลย ฉันไม่รู้ว่าจริงๆว่าเป็นตูนน่ะ!!" หน่าพูดออกมาพลางปล่อยโฮยกใหญ่ แต่ทว่าเพื่อนของเขาก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว เขาได้ฆ่าเพื่อนของเขาซะไปซะแล้ว...
"ไม่จริง...ฉันขอโทษนะตูน ฉันขอโทษ" หน่าเริ่มกลัวความผิดจึงรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นแล้วปล่อยให้ร่างเพื่อนของเขาอยู่นั้น และไม่หันไปมองอีกเลย หน่าได้วิ่งเข้ามาที่ห้องๆหนึ่งซึ่งเป็นห้องที่อยู่ติดกับทางออกมาที่สุด และเป็นโชคดีที่หน้าต่างที่ห้องนั้นแตกละเอียด และกว้างพอที่ตนจะออกไปได้ แต่ทว่า ทางหน้าต่างนั้นก็ไม่ได้ปลอดภัยไปซะทีเดียว เนื่องจากมีกิ่งไผ่ที่เหมือนจะถูกโค่นมากกว่าถูกเผาได้แทงเข้ามาในตัวห้อง ถ้าเขาพลาดเพียงนิดล่ะก็ เขาอาจจะต้องตายก็ได้ ในขณะที่หน่ากำลังพยายามผลักแท่งไผ่ที่แทงเข้ามานั้นออกไปแต่แล้วอยู่อยู่ประตูทางเข้าก็เกิดพังและตกลงไปกระทบกับพื้นอย่างเสียงดัง
ตุ้บบ!!
ทันทีที่ได้ยินเสียงหน่าก็เกิดอาการตกใจเลยหันไปดู แต่แล้วเธอก็พลาด กิ่งไผ่ที่เธอพยายามผลักออกไปนั้น ได้ดีดตัวกลับมาและแทงเข้าตรงหัวใจของหน่าอย่างจัง
จึก..!!!
ทางด้านแนคกับภูมิ
แนคและภูมิยังพยายามช่วยกันหาเบาะแส และแล้วแนคก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างตรงขาของเขา
กึก!!!
"อะไรวะ!!" แนคหันไปมองสิ่งที่ตัวเองสะดุด ภูมิจึงรีบใช้ไฟฉายส่องดูว่ามันคืออะไร
"กล่องนี่..!!" ภูมิพูดออกมาเบาๆ พลางหยิบกล่องที่เห็นขึ้นมาดู
"กล่องอะไรน่ะ!! หรือว่าจะเป็นกล่องใส่สมบัติของเจ๊ที่พวกนั้นกำลังตามหา?" แนคหันไปพูดกับภูมิ
"น่าจะใช่นะครับ ลองเปิดดูไหม?"
"แต่ว่ามันใส่รหัสไว้นี่นา..."
"แต่ถ้านี่เป็นกล่องที่เจ๊เอามาซ่อนไว้จริง รหัสก็ไม่ยากหรอกครับ.."
"นายรู้รหัสหรือไง?"
"ไม่รู้หรอกครับ แต่ก็พอเดาได้"
"งั้นก็รีบๆบอกมาสิ!!" แนคพูดด้วยความตื่นเต้น
"ทำไมถึงได้ดูตื่นเต้นแบบนั้นล่ะครับ?" ภูมิถามอย่างสงสัย
"นายก็คิดดูสิ ถ้าในนี้มีเพชรสีเขียวเหมือนที่ยัยเด็กนั่นบอกจริงๆ เราควรจะทำยังไงล่ะ?" แนคพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
"เราก็ต้องเอาไปคืนเขาตามที่เขาต้องการไง.." ภูมิพูดด้วยความใสซื่อ
"โอ้ยย!! ทำไมโง่จังนะ เราก็เก็บเอาไว้เองสิ คิดดูสิ!! ถ้ามีเจ้านี่เราต้องรวยกันแน่ๆ สัญญาเลยว่าจะแบ่งให้นายครึ่งนึง"
"มันจะดีหรอ? ถ้าผีพวกนั้นรู้ล่ะ?"
"ไม่รู้หรอก ถ้านายไม่บอกฉันไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอก"
"แต่ว่า..."
"เอาน่า!! รีบๆบอกรหัสมาเถอะ"
"ค..ครับ.. ถ้าเป็นเจ้ล่ะก็ ก็ต้องตั้งรหัสจากของที่ชอบสินะครับ.." ภูมิพูดอย่างใจเย็นพลางมองไปที่กล่องโดยไม่ละสายตา
"แล้วยัยเจ้นั่นชอบอะไรล่ะ? ใครจะไปรู้.." แนคพูดพลางเริ่มทำหน้าเครียด
"เค้กไงครับ..."
"เค้ก? แล้วเราจะใส่รหัสว่าเค้กยังไงล่ะ มันเป็นตัวเลขไม่ใช่หรอ?" แนคเริ่มเครียดหนัก
"เราก็นำคำว่าเค้กมาตีเป็นตัวเลขสิครับ..อาจารย์พิรัชเคยสอนผมไว้.."
"งั้นนายก็รีบๆเข้าสิ!!! เดี๋ยวไอ้ผีพวกนั้นก็มาเจอหรอก!"
"ค..ครับ.. ถ้าตีคำว่าเค้กให้เป้นตัวเลข..ก็น่าจะได้.." ภูมิเริ่มคิดคำนวนในหัวพลางใช้นิ้วเขียนบนฝ่ามือตัวเอง
"167 ครับ!!" เมื่อคิดได้ภูมิก็พูดออกมาทันที
"167 ใช่มั้ย งั้นรีบใส่ให้ไวเลย!!" ว่าแล้วแนคก็รีบใส่รหัสลงไปที่ล็อค ปรากฏว่ากล่องนั้นสามารถเปิดออกมาได้จริงๆ
"อ่ะ.." ภูมิพูดออกมาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่ามันจะใช่จริงๆ
"ไหน..ขอดูหน้าตาของเพชรที่ว่าหน่อยสิ" แนคพูดแล้วเปิดกล่องออกมาช้าๆ
และเมื่อเปิดออกมาทั้งสองคนกลับต้องตกใจ เพราะในกล่องนั้นไม่ได้มีเพชรอย่างที่เลย แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นเพียงปากกาเปื้อนเลือดด้ามนึงกับผ้าเช็ดเปื้อนเลือดอีกสองสามผืนเท่านั้น
"อะไรวะเนี่ย!! นึกว่าจะมีเพชรซะอีก นี่มันอะไร ปากกาเนี่ยนะ!!" แนคพูดอย่างไม่สบอารมณ์สุดๆพลางเขวี้ยงกล่องทิ้งไป แต่ผิดกับภูมิที่ยืนทำหน้าตำใจและนิ่งเงียบ
"...ของพวกนี้..." ภูมิพูดขึ้นเบาๆ
"อะไรของนาย!! ผิดหวังจนพูดไม่ออกเลยหรือไง!!" แนคหันไปตะคอกใส่ภูมิ
"ไม่ใช่!! จำได้ไหม? ตอนที่อาจารย์พิรัชตาย.. อาจารย์ตายเพราะโดนใครบางคนใช้อะไรบางอย่างที่เหมือนปากกาแทงเข้าไปที่ท้ายทอยและที่ลำตัวซ้ำๆจนตาย..." ภูมิเล่าออกมาด้วยความหวาดกลัว
"อ่ะ..จริงด้วยสิ!! แถมยังไม่มีใครตามหาปากกาด้ามที่ว่านั้นเจอด้วย"
"แต่ว่า...ในกล่องนั้น..กล่องของเจ้..." ภูมิเริ่มตัวสั่นเทาและขนลุกไปทั่วตัว
"แสดงว่า...คนที่ฆ่าอาจารย์พิรัชน่ะ..." แนคพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
และแล้วก็มีเสียงปริศนาดังมาจากด้านหลังของพวกเขา
"โดนจับได้ซะแล้ว...." บุคคลปริศนาพูดเบาๆก่อนจะใช้ไม้หน้าสามทุบเข้าไปที่หลังของแนคอย่างแรง
"โอ้ย!!" แนคล้มลงไปด้วยความเจ็บ
"ความลับแตกแล้วสินะ..." ด้านหน้าของแนคและภูมิปรากฏหน้าหญิงสาวผมยาวหลอนที่กำลังยืนถือไม้หน้าสามพลางยิ้มแหยะๆเบาๆ
"จ...เจ้" ภูมิพูดพลางถอยออกมาสองสามก้าว
"ใช่แล้วล่ะ!! ฉันเป็นคนฆ่าทุกคนเอง.... ฝีมือฉันเอง ฮ่าๆๆ" หญิงสาวพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"เจ้ทำแบบนี้ทำไม!!" ภูมิถามออกไปด้วยความหวาดกลัว
"อยากรู้หรอ?...." หญิงสาวพูดพลางยิ้มแบบมีเลศนัย
ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้ว..
"ยูอิ ตูน !! นี่พวกเธอสองคนทำอะไรกัน รู้มั้ยว่ามันทำให้โรงเรียนเราเสียชื่อเสียงแค่ไหน" อาจารย์หนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนด่านักเรียนสองคนที่ทำความผิดในห้องพักครูของเขา
"แต่เราไม่ได้ทำไรผิดนะคะ !!! ก็เด็กโรงเรียนนั้นมาหาเรื่องพวกเราก่อนเอง อีกอย่างตูนก็เป็นเพื่อนหนู หนูก็ต้องปกป้องเพื่อนน่ะสิคะ!!" หญิงสาวผมยาวลอนลุกขึ้นมาพูดปะทะกับอาจารย์ของเขา
"ใช่ค่ะ..พวกนั้นมาหาเรื่องหนูก่อน.." เด็กสาวผมเปียที่ชื่อตูนออกมาเบาๆ
"แต่นี่มันก็เกินไปนะ ไปตีกันยังไงให้เลือดตกยางออก!! นี่ถ้าอาจารย์ไม่เจอเข้า เด็กคนนั้นต้องตายแน่ๆ"
"แต่เค้ามาทำร้ายพวกเราก่อนหนิคะ ที่แขนตูนก็มีรอยแผลในด้วยดูสิคะ!!"
"เอาล่ะๆ ! ถ้านี่มันเป็นครั้งแรกอาจารย์ก็พอจะให้อภัยพวกเธอได้ แต่นี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ อาจารย์จะไปบอกให้อาจารย์ใหญ่ไล่พวกเธอออก" อาจารย์หนุ่มพูดขึ้นอย่างใจเย็น
"ไม่ได้นะคะ!! อาจารย์จะไล่พวกเราออกไม่ได้ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ!!" สาวผมลอนยังคงต่อล้อต่อเถียงกับอาจารย์อย่างไม่หยุดหย่อน
"พอเลยนะเธอน่ะ!! ตูนก็ด้วยนะ!! อาจารย์ไม่คิดเลยว่าเด็กเรียนเก่งๆแบบเธอจะมาทำเรื่องไม่ดีแบบนี้"
"..." ตูนได้แต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้อะไร
"อาจารย์อย่ามาไล่พวกเราออกนะคะ ยังไงพวกหนูก็ไม่ยอมออกจากที่นี่เด็ดขาด!!"
"ก็แล้วแต่พวกเธอ จะอยู่ต่อก็ตามใจ แต่ยังไงคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ก็ถือเป็นคำเด็ดขาด" อาจารย์หนุ่มพูดขึ้นพลางเดินจากไป แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูห้องพักนั้น สาวผมลอนที่ชื่อว่า 'ยูอิ' ก็ได้หยิบปากกาบนโต๊ะของอาจารย์มาแล้วแทงเข้าไปที่ท้ายทอยของอาจารย์หนุ่มอย่างแรง
อึก!!!
อาจารย์หนุ่มเอามือจับท้ายทอยแล้วล้มลง
"ยูอิ...นี่เธอกำลังจะทำอะไร!!" อาจารย์หนุ่มพยายามตั้งสติคุยกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ก็กันไม่ให้อาจารย์ไปบอกอาจารย์ใหญ่ให้ไล่พวกเราออกไงคะ!!" พูดจบยูอิก็พุ่งตัวไปและใช้ปากกาแทงเข้าไปซ้ำที่ตัวอาจารย์หนุ่มอีกหลายๆรอบ
"พอเถอะยูอิ...อย่าทำแบบนี้เลย..." ตูนที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเข้ามาดึงแขนยูอิไว้
"อย่ามาห้ามนะตูน!! คนแบบนี้ต้องจัดการให้อยู่หมัด"
"แต่ว่า...เดี๋ยวอาจารย์ก็ตายหรอก!!!" ตูนพูดขึ้นเสียงดังพลางร้องไห้ออกมายกใหญ่
"อ่ะ!!!" ยูอิเริ่มหยุดมือ และมองไปที่อาจารย์ที่นอนไม่มีสติ
"อาจารย์ .. อาจารย์คะ!!" ตูนวิ่งไปเขย่าตัวอาจารย์
"หึ...." ยูอิยืนมองพลางกำปากกาในมือไว้แน่น
"อาจารย์..." ตูนพูดพลางเอานิ้วจ่อที่จมูกของอาจารย์หนุ่ม "อาจารย์..ตายแล้ว.."
"ห๊ะ.....!!!!" ยูอิอุทานออกมาด้วยเสียงตกใจสุดขีด
"อาจารย์ตายแล้ว...." พูดพลางปล่อยโฮออกมายกใหญ่
"ไม่นะ!! อ..ออกไปซะตูน!! แล้วอย่าบอกใครว่าฉันทำเรื่องแบบนี้ ออกไปซะ!! ถือว่าตอบแทนที่ฉันเคยช่วยเธอไว้ตอนที่เธอกำลังโดนพวกโรงเรียนข้างๆนั้นทำร้าย ออกไปซะ ทางนี้ฉันจัดการเอง"
"แต่ว่า..."
"ออกไป!!!"
"ค..ค่ะ" ด้วยความหวาดกลัวตูนจึงรีบออกจากห้องพักครูไป หลังจากนั้นยูอิก็แบกร่างของอาจารย์หนุ่มไปไว้ที่บนเก้าอี้ให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็หนีออกทางหน้าต่างไป
หลังจากผ่านไปไม่นานข่าวการตายของอาจารน์หนุ่มก็แพร่ไปทั่วโรงเรียน
หลังจากนั้นไม่กี่วันยูอิก็ได้นำปากกาที่เธอใช้ฆาตกรรมนั้นใส่ไว้ในกล่องและหวังที่จะนำมันไปฝังหลังโรงเรียน
และเมื่อถึงเวลาพักเที่ยงของโรงเรียน เธอก็แอบไปที่หลังโรงเรียนเงียบๆคนเดียว แล้วใช้มือขุดดินให้เป็นหลุมขนาดใหญ่
"ทำอะไรน่ะยูอิ!!" เพื่อนสาวคนสนิทสามคนเดินมาที่ด้านหลังเธอแบบเงียบๆ
"อุ้ย!! หน่า แนน ขนุน..มาได้ไงอ่ะ" หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ
"ก็เดินมาน่ะสิ เห็นทำท่าลับๆล่อๆแต่เช้าแล้วนะ ว่าแต่นั่นกำลังจะฝังอะไรหรอ?" เพื่อนสาวร่างเล็กผมตรงยาวสีดำอมม่วงพูดกับเธออย่างยิ้มแย้ม
"อ..เอิ่ม...น..นี่คือ.."
"คืออะไรหรอ? สมบัติหรอ?" เพื่อนสาวผมแกละของเธอเข้ามาดูอย่างสนใจ
"ช..ใช่แล้วล่ะ นี่คือสมบัติประจำตระกูลของฉันน่ะ.. ข้างในมีเพชรสีเขียวที่มีค่ามากเลยนะ..แล้วก็ที่ต้องทำตัวลับๆล่อๆก็เพราะว่า.. ไม่อยากให้ใครรู้น่ะ" ยูอิพูดด้วยน้ำเสียงแห้งๆ
"โถ่เอ๋ย..แต่พวกเราก็รู้แล้วนี่นา ให้พวกเราช่วยไหม? สัญญาเลยว่าจะไม่บอกใครน่ะ" หญิงสาวผมยาวตรงที่ชื่อแนนก้มตัวลงมาพร้อมช่วยขุดดินเบาๆ
"จริงนะ!! พวกเธอจะไม่บอกใครจริงนะ!!" ยูอิหันไปถามเพื่อนๆของเรา
"ไม่บอกใครหรอก ว่าแต่..มาฝังไว้แบบนี้มันจะดีหรอ?" หญิงสาวอีกคนที่ผมสั้นออกสีน้ำเงินพูดขึ้น
"ดีสิหน่า!! การฝังสมบัติไว้ในดินเนี่ย มันเป้นวิธีโบราณเลยนะ" ยูอิพูดพลางยิ้มแห้งๆ
"งั้นเรามาช่วยกันเก็ยเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเถอะ!!" ขนุนพูดพลางหยิบกล่องไปใส่ในหลุม
"แค่นี้ก็คงจะลึกพอแล้วล่ะ..ดูสิ ขุดจนนิ้วพองไปหมดแล้ว" แนนบ่นขึ้นมาเบาๆ
"ขอบคุณทุกคนมากเลยนะ" ยูอิพูดพลางช่วยเพื่อนๆถมดินในหลุมนั้น
วันต่อมา
ทั้งสี่คนได้ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารรวม โดยที่ยูอิกับขนุนกำลังไปต่อแถวซื้อข้าวด้วยกัน ส่วนแนนกับหน่านั้นชอบห่อข้าวมาเองมากกว่า ทั้งสองคนเลยนั่งรอกันที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว
"นี่แนน...ในกล่องนั้นจะมีสมบัติอยู่จริงหรอ?" หน่าพูดกับแนนเบาๆในขณะที่กำลังรออีกสองคนมา
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ แต่ว่าถ้าเป็นยูอิล่ะก็ยังไงฉันก็เชื่อนะ" แนนพูดเบาๆพลางยิ้มให้หน่า
".. ถ้าในนั้นมีเพชรจริงๆล่ะก็..."
"หน่าติดใจอะไรงั้นหรอ?"
"ม..ไม่มีหรอกจ้า แหะๆ" หน่าพูดพลางยิ้มแห้งๆให้แนน ก่อนจะหยิบกล่องข้าวออกมาเปิด
"ถ้าเราได้มันมาล่ะก็..เราต้องรวยแน่ๆ ทีนี้จะได้ซื้อของแพงๆมาอวดทุกคนสักที..." หน่าคิดในใจพลางยิ้มคิกคักคนเดียว
วันต่อมาตรงกับวันเสาร์ของโรงเรียน
หน่าได้เข้ามาที่หลังโรงเรียนเบาๆแต่ทว่าเกิดมีคนจับได้ซะก่อน
"หน่า!! มาทำอะไรน่ะ!!" หนุ่มนักวิทยาศาสตร์ของห้องเดินมาเจอกับหน่าพอดี
"ปัน!! อ..เอิ่ม..ป..ป่าวสักหน่อยไม่ได้ทำอะไร พอดีจะไปสูดอากาศน่ะ"
"อากาศ? หลังโรงเรียนเนี่ยนะ"
"ช...ใช่ไง แหะๆ"
"มีพิรุธนะเราเนี่ย"
"มีพิรุธอะไร ไม่มี๊" หน่าพยายามพูดปฏิเสธแต่ก็หนีไม่พ้นสายตายจับผิดของคนที่เขาเรียกว่า 'ปัน'
"บอกมานะว่าคิดจะทำอะไรอยู่... ถ้าไม่บอกล่ะก็.. ฉันจะฟ้องอาจารย์ว่าเธอเคยแอบหลับในคาบเรียน แถมยังเคยทำสารเหลวระเบิดด้วย"
"อ่ะ!! ไม่ได้นะ !! อย่าฟ้องนะ ฉันจะบอกก็ได้!!" หน่าตัดสินใจบอกปันเกี่ยวกับเรื่องของสมบัติที่ยูอิเอามาฝังไว้ พอได้ฟังเท่านั้นแหละ ปันถึงกับตาลุกวาว ทั้งสองคนตกลงที่จะช่วยกันหาสมบัตินั้นโดยที่จะไม่ปริปากบอกใครเด็ดขาด
แต่พอไม่กี่วันต่อมา เรื่องราวสมบัติที่ถูกซ่อนไว้กลับถูกแพร่กระจายไปทั่ว คนเริ่มพูดถึงกันทั่วทั้งโรงเรียน บ้างก็ช่วยกันตามขุดไปทั่วหลังโรงเรียน แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่ไม่มีใครหามันพบเลย
"ใครกันที่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง!!!!" ยูอิวิ่งเข้ามาในห้องเรียนด้วยความโมโห
"ฉันเปล่านะ ไม่ใช่ฉัน!!" หน่ารีบปฏิเสธอย่างไว
"ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปบอกใครที่นา อีกอย่างฉันก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งเรื่องของเพื่อนด้วย" ขนุนพูดขึ้นเบาๆ
"ใจเย็นน่ายูอิ บางทีอาจจะมีใครมาแอบฟังเราตอนที่กำลังคุยกันก็ได้.." แนนพูดปลอบใจยูอิให้ใจเย็นพลางจ้องไปที่หน่า
"ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!ถ้ามีคนหาเจอล่ะก็....." ยูอิพูดพลางทำสีหน้าที่ไม่ดีนัก
"นี่ยูอิ...ฉันรู้นะว่าของมันสำคัญมาก แต่ว่า..."
"พวกเธอเงียบไปเลยนะ!!! ฉันรู้ว่าต้องเป็นพวกเธอที่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่นแน่ๆ เพื่อนกันทำไมทำงี้วะ!!" ยูอิพูดขึ้นอย่างโมโหพลางเอามือทุบโต๊ะ
"ยูอิ!!ฟังพวกเราหน่อยสิ ถึงแม้นั่นจะเป็นเพชรที่มีราคาหลายล้านก็ตามนะ ถึงแม้มันจะหายไป ถึงแม้จะมีใครเจอ มันก็ไม่เป็นไรหรอกน่า!!! เงินทองของนอกกายไม่ตายก็ยังหาได้" แนนเริ่มตะคอกใส่ยูอิ
"กูไม่น่าไว้ใจพวกมึงเลย ไอ้เพื่อนเลว ถ้ามีใครเจอกล่องนั้นล่ะก็..........ฮึ๋ย!!!" ยูอิพูอย่างโมโห จากนั้นก็วิ่งออกไปห้องไปทันที
ยูอิวิ่งมาหลบในห้องน้ำ เธอเข้ามานั่งอยู่คนเดียวในห้องน้ำพลางล็อคประตูไว้สนิท
"เอาไงดี...ถ้ามีคนเจอมัน เราต้องแย่แน่ ...." ยูอิเริ่มร้องไห้อย่างกะวนกะวาย
สักพักก็มีนักเรียนหญิงเข้ามาคุยกันในห้องน้ำประมาณสองสามคนได้
"เฮ้อแก เมื่อวานได้ดูข่าวมั้ยวะ ที่บ้านดาราคนนั้นโดนไฟไหม้อะแก" หญิงสาวคนใดคนนึงในกลุ่มพูดขึ้น
"เฮ้ยๆ ดูสิๆ น่าสงสารอ่ะ ดีนะที่ยัยดารานั่นไม่อยู่ในบ้านน่ะ ไม่งั้นคงโดนไฟครอกตายอนาถ" หญิงสาวอีกคนในกลุ่มพูดโต้ตอบ
แม้จะเป็นเพียงบทสนทนาสั้นๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่จุดประกายได้ดีทีเดียว
"ไฟ...สินะ" ยูอิที่ขังตัวเองในห้องน้ำแสยะยิ้มออกมาเบาๆ
"ถ้าไม่มีคน..ถ้าไม่มีโรงเรียน ถ้ามันไม่มี.. ก็จะไม่มีใครค้นพบ..เราก็ไม่ต้องติดคุก..งี้สินะ.." ยูอิยิ้มๆเบาๆก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินตรงไปที่ห้องพักครูซึ่งในเวลานั้นไม่มีอาจารย์คนไหนอยู่ในห้องเลย
"สิ้นสุดกันซะทีนะ พวกโลภมากทั้งหลาย" ยูอิมองลงไปยังด้านหลังของโรงเรียน ซึ่งมีคนหลายๆคนกำลังช่วยกันขุดดินอยู่
ยูอิตัดสินใจจุดไฟเผากระดาษรายงานภายในห้องพักครูจากนั้นก็เขี่ยกระดาษให้กระจายไปทั่วพื้นด้านล่างที่ทุกคนกำลังขุดดินกันอยู่ จากนั้นไม่นาน ไฟก็เริ่มลามไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่หยุดแค่นั้น ยูอิได้วิ่งไปยังห้องวิทยาศาสตร์แล้วเข้าไปหยิบขวดน้ำมันที่ใช้ทดลองออกมา แล้วตรงไปยังห้องเรียนของเขา ก่อนจะราดน้ำมันนั้นลงที่หน้าประตูแล้วจุดไฟเผาห้องนั้นซะ ก่อนที่เธอจะหนีออกจากโรงเรียนมาโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
เวลาผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงทั่วทั้งโรงเรียนถูกไฟเผาจนเกรียม บางคนก็หนีออกมาได้ แต่บางคนก็ไม่รอด บางคนก็หนีไม่ทัน แต่ที่แน่ๆ... ตายไปไม่ใช่น้อย
เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนบางคนแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัว
กลับมา ณ ปัจจุบัน
"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือเจ้..." ภูมิพูดขึ้นอย่างหวาดกลัว
"ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ... ไหนๆความลับก็แตกแล้ว ฉันน่ะ..ไม่มีทางเก็บพวกนายไว้แน่" ยูอิพูดพลางชูไม้หน้าสามขึ้นเพื่อที่จะฟาดภูมิ
ฉั๊วะ !!!!!!
มีบางอย่างผ่าลงมาที่แขนของยูอิอย่างจัง
"อ่ะ.....ม..มือของฉัน" ยูอิมองมือขอตัวเองด้วยความตกใจ
ทางด้านข้างของยูอิได้เผยโฉมหน้าของแนคที่กำลังถือมีดออกมาอย่างช้าๆ
"พอเถอะ.... แค่เรื่องที่เธอทำร้ายอาจารย์ฉันก็รับไม่ได้แล้ว..นี่เธอยังจะทำร้ายเพื่อนตัวเองอีกหรอ?" แนคพูดอย่างใจเย็น
"แนค!!! ทำไมนายถึง...." ยูอิมองแนคด้วยสาตาอาฆาต
"ผมน่ะ...ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นแบบนี้.. ตอนนี้ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว"
"แนค.....นายเองก็อยากได้สมบัตินั่นไม่ใช่หรือไง?"
"ต..แต่!!"
"หึ.... นายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก.." ยูอิพูดพลางใช้มืออีกข้างต่อยหน้าแนคอย่างแรง
อั๊กกก!!!
แนคล้มลงไปตามแรงที่ถูกต่อย มีดที่ถือไว้ก็หลุดมือไปด้วย
"พอเถอะครับทั้งสองคน.... คนที่เอาข่าวนั่นไปปล่อยในตอนนั้นน่ะ.. คือผมเองครับ" ภูมิที่ยืนอยู่อีกทางพูดขึ้นมาช้าๆ
"ภูมิ...?" ยูอิหันไปมองพูดด้วยความอาฆาต
"ผมขอโทษนะ ผมผิดเอง... ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่..." ภูมิรีบล้มลงแล้วก้มตัว
"นี่นายเองหรอ!!!!" ยูอิตะคอกใส่ด้วยความโกรธ จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบมีดที่แนคทำตกแล้วแทงลงไปที่หลังของภูมิอย่างแรง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!
ภูมิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ยูอิก็ยังไม่หยุดแทงเขา และยังคงแทงซ้ำเรื่อยๆ
"เพราะนายคนเดียว!! นายทำให้ฉันต้องฆ่าเพื่อนๆของฉัน นายทำให้ฉันต้องฆ่าคนเป็นร้อย!! เพราะนายคนเดียว!!" ยูอิแทงภูมิซ้ำๆเรื่อยๆจนกระทั่งเขาสิ้นลมหายใจ
"ยูอิ...อย่าทำเรื่องไม่ดีแบบนี้อีกเลยนะ.. " แนคที่ล้มอยู่ข้างๆพูดขึ้น
"หุบปาก !! ไหนๆกูก็เลวแล้ว!!ขอเลวให้มันสุดๆไปเลยแล้วกัน...หึ" ยูอิพูดแล้วแสยะยิ้มน้อยๆพลางเดินตรงดิ่งไปที่แนค
"ไม่นะ!!! ไม่เอาน่า มีอะไรค่อยๆพูดกันสิ..." แนคเริ่มถอยหนีช้าๆ
"ลาก่อนแนค..." ยูอิพูดพลางพุ่งตัวไปทางแนคแล้วใช้มีดแทงเข้าไปกลางหัวใจของแนค จนแนคนิ่งแล้วล้มตัวลงไป
"หึ... จบแล้วสินะ.." ยูอิพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะหันหลังกลับไป
ปั้งงงงงงงงงงงงงงงงง!!
เสียงปืนดังขึ้นกระหึ่มไปทั่วทั้งบริเวณ
ร่างของหญิงสาวผมลอนถูกยิงทะลุร่างกายจนล้มลงไป แต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มแย้ม..
"มันยังไม่จบหรอก..." หญิงสาวพูดออกมาเบาๆก่อนจะหยุดหายใจ
เหล่าตำรวจวิ่งกรูเข้ามาพร้อมกับแสงจากไฟฉายที่ส่องสว่าง ..
ใครบางคนกำลังยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บนตึกที่มืดมิดพลางพูดออกมาเบาๆว่า
"เกมส์มันเพิ่งจะเริ่ม..เท่านั้นแหละ..."
Hatana Yuii
__________________________________________________________________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น