ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS] PINK THEORY : ทฤษฎีนี้สีชมพู (JINKOOK)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 57




    Chapter 7
     











    ตึงดึ้ง~

     



     

    เสียงเตือนและแรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์ร้องเรียกให้เจ้าของที่กำลังเคลิ้มเพราะเสียงของอาจารย์ที่บรรยายอยู่หน้าห้องสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะดันตัวขึ้นจากโต๊ะเรียน บิดซ้ายทีขวาทีเพื่อคลายความตึงของร่างกายจากการฟุบตัวลงนอนกับโต๊ะเรียนตัวจิ๋ว ซอกจินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาออกมาดูว่าใครกันที่มารบกวนเวลานอนของเขา

     




     

    จองกุก






    สายตาคมไล่อ่านตัวอักษรที่ขึ้นบนหน้าจอพร้อมอ่านออกเสียงออกมาเบาๆ ก่อนนิ้วเรียวจะสไลด์หน้าจอทันทีที่สมองประมวลผลได้ว่าเป็นน้องชายคนนึงที่หายไปเลยตั้งแต่เขาช่วยงานคราวนั้น







    Jungkook : พี่จิน



    ซอกจินมองหน้าจอโทรศัพท์นิ่ง ก่อนจะรีบพิมพ์ตอบกลับไป



    Jin : ว่าไง


    เพียงไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมข้อความจากคู่สนทนาของเขา

     

    Jungkook : ผมจะบอกว่าผมชนะเลือกตั้งประธานสีฮะ



    เพิ่งคิดจะมาบอกหรอวะ หรือ เพิ่งนึกได้หรือไง ซอกจินอ่านข้อความที่ขึ้นก่อนรอยยิ้มเล็กๆจะผุดขึ้นที่มุมปาก

     

     

    Jin : ยินดีด้วยนะครับบบบบ


    อ่านแต่ยังไม่ตอบ...จินจ้องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือนิ่งๆ

     



     

    ทำไมยังไม่ตอบ






    ห้านาทีผ่านไปแล้ว ยังคงไร้การตอบกลับจากเครื่องมือสื่อสารในมือ 
    ตอนนี้จินไม่รู้สึกง่วงอย่างในตอนแรกความสนใจทั้งหมดของเขาตอนนี้ขึ้นอยู่กับ แอปพลิเคชั่นการสื่อสารสีเขียวนั้นอย่างเดียวก่อนที่ความข้องใจเหล่านั้นเพราะข้อความสั้นๆที่ทำให้โทรศัพท์เขาสั่นอีกรอบ 




     

    jongkook  : ผมอยากเลี้ยงขอบคุณพี่จินอ่ะ

     


     

    นัด ?

     
     

    จินอ่านข้อความนั้นอีกรอบพลาง คิดว่าวันนี้เค้าไม่มีอะไรพอที่จะไปตามนัดของคนที่ชวนหรือเปล่า 






     

    _____________________________________



     


     

     

                           ร้านขนมที่ถูกตกแต่งเป็นอย่างดีด้วยสีสันของขนมมากมายวางเรียงรายกันแค่ก็ไม่ได้หวายหยดย้อยถึงขั้นผู้ชายอย่างเขาจะไม่กล้านั่ง ทันที่ที่เปิดประตูเข้ามาในร้านสายตาคมก็กวาดหาที่นั่งที่ดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายก็ได้มาเป็นโต๊ะในสุดริมหน้าต่าง ซอกจินเดินไปนั่งพักเพื่อรอคนที่นัดเขา ซึ่งยังไม่มีวี่เเวว






    สงสัยผลัดกันรอสินะ 








    กริ๊ง~




    เสียงกระดิ่งจากประตูร้านดังขึ้นเรียกความสนใจของซอกจินที่นั่งอยู่มาก ใบหน้าคมเงยขึ้นไปก่อนพบกับเด็กมอปลายที่เขาคุ้นหน้า 
    จองกุกเดินมาหาเขาพร้อม ฉีกยิ้มกว้างสดใสเหมือนครั้งเเรกที่เขาเห็นในชุดหมีนั่น



     


    “รอนานไหมครับบ” จองกุกเอ่ยก่อนนั่งลงตรงข้าม






    “ก็ไม่เท่าไหร่นะ" 



    พนักงานเดินเอาเมนูมาวางตรงหน้าคนทั้งคู่ ก่อนจะกวาดสายตาเพื่อที่จะเลือกเมนูที่ถูกใจ 

    “กุกชอบทำกิจกกรรมหรอ”  พี่จินพูดขึ้นหลังจากสั่งขนมกับพนักงานเสร็จเรียบร้อยจนทั้งโต๊ะเหลือเเค่เขาสองคน

     

    ในเมื่อมีโอกาสแล้วจอนจองกุกจะไม่ทิ้งเด็ดขาด เอาว่ะ!!!




    “อือ มันได้ประสบการณ์เยอะนะพี่จิน ได้เจออะไรดีๆ หลายอย่างเลย เหมือน.....ที่ได้เจอพี่จินนี่ไง”

     

    ประโยคนี้เหมือนจะเคยคิดไปแล้วแต่ไม่เคยพูดออกมาในเมื่อมีโอกาส ครั้งนี้จอนจองกุกก็เลือกที่จะพูดมันออกไปแอบเห็นหน้าพี่จินเหวอนิดๆด้วยอ่ะ แต่แบบบอกเลย ตอนนี้จอนจองกุกรู้สึกกระดากปากตัวเองมาก รู้สึกผิดต่อแม่นิดหน่อย



     

    “เออ..มะ ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”   ยังไม่ทันที่จองกุกจะได้หยอดอะไรเพิ่ม พนักงานก็เอาขนมมาเสริฟตรงหน้า เค้กแต่ละอันน่ากินมาก จองกุกเลยขอที่จะเลือกขนมก่อน เด็กน้อยที่มัวแต่สนใจขนมตรงหน้า จนไม่ได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าตัวเองตอนนี้กำลังทำหน้าตายังไง

     

     

    ซอกจินที่กำลังมองเด็กน้อยตรงหน้ายิ้มขึ้นอย่างเอ็นดู  เด็กน้อยที่ดูจะมีความสุขเหลือเกิน เกินที่เขาจะสามารถละสายตาจากภาพตรงหน้าได้

     

     

    “งั้นเอาอย่างงี้ไหมละ”



    รูปประโยคแปลกๆจากปากคนพี่ดังขึ้น ดึงความสนใจคนน้องตรงหน้าขึ้นมาได้

     

     

    “มันจะมีค่ายจัดสำหรับเด็กมอปลายที่อยากเข้านิเทศอ่ะ ความจริงมันปิดรับสมัครเเล้วละเเต่ถ้าสนพี่จะจัดการให้ ไปม่ะละ” ค่ายประจำปีที่คณะเขามักจะจัดขึ้น การเวิคร์ช้อปในสายวิชาต่างๆถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่นักเรียนมอปลายจากหลายๆโรงเรียนที่มักจะแย่งชิงกันเข้ามา  บางคนอยากเรียนรู้จริงๆ หรือบางคนอาจแค่อยากมาสนุกๆ ซึ่งปกติแล้วต้องมีการตอบคำถาม เหมือนการสอบเข้านิดๆเป็นแนวๆข้อสอบจิตวิทยาที่ไม่มีคำตอบตายตัว หรือเอากันตรงๆก็ขึ้นอยู่กับ รุ่นพี่ที่อ่านด้วยซ้ำว่าถูกชะตากับใคร แต่ตอนนี้คิมซอกจินรู้สึกเหมือนจะถูกชะตากับคนตรงหน้า จนอยากจะรับเข้าโดยไม่ต้องตอบคำถามอะไรเลย 






    “จริงอ่อพี่นี่สนนะ”



     

    อือ ถ้าไปเดี๋ยวพี่เพิ่มชื่อให้”

     

     

    “งั้นไป”  ไม่มีการคิดใดๆเเล้ว จอนจองกุกตอบตกลงกลับไปทันทีที่จบประโยค



    โอกาสของจองกุกที่จะรุกพี่จินลอยมาขนาดนี้แล้วไม่คว้าก็บ้าแล้วว!!




    .






    .







    .




    “หือ... กินยังไงเนี่ย ปากเลอะหมดเเล้ว”

    มือคู่สวยเอื้อมไปเพื่อป้ายคราบครีมที่ติดอยู่ที่มุมปากของคนตรงหน้า






     

    เหตุการณ์เมื่อกี้ถามว่า ใครทำ

    ถ้าคิดว่าพี่จินแล้วละก็....เสียใจด้วยค่ะคุณไม่ได้ไปต่อ







     

    จองกุกที่อยู่ๆก็เอื้อมมือไปปาดครีมที่เปื้อนอยู่ที่มุมปากของพี่จิน ใจกล้าดีนะ แต่ทว่ายังไม่ทันทีที่ จองกุกจะเอานิ้วกลับมา เพื่อเช็ดครีมที่เลอะปลายนิ้วตัวเอง กลับถูกมือที่ใหญ่กว่าขว้าไว้ได้ก่อนที่จะ

     

    “อืม..”

     

    ปลายนิ้วที่เปื้อนเค้กได้ถูกพี่จินจับมาปาดลงไปที่ริมฝีปากล่างก่อนที่ ปากอิ่มจะเม้มลงมาเพื่อสัมผัสกับรสครีมนั่น


     

     

    “เสียดายของ”



    “เสียดายของ”




    “เสียดายของ”



    “เสียดายของ”






    จองกุกรู้สึกเหมือนจะหายใจติดขัด หน้าร้อนขึ้นมาแบบทันที เลือดในกายสูบฉีดอย่างรุนแรง

    พะ พะ พี่จิน ทำไมทำแบบนี้  สงสารหัวใจน้องชายคนนี้บาง มันคิดไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้วนะ






     

    _______________________________________

     



     

    หลังจากวันนั้นที่แทฮยองบอกจะจีบผม ผมก็ไม่เจอมันอีกเลย ไม่ใช่ว่าวีมันหายหน้าหายตาไปนะ แต่ยอมรับเลยที่ไม่เจอนั้นก็เพราะ  ผมหลบหน้า มันเองครับ ไม่ใช่ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้านะแต่แบบ....มีใครมาพูดอะไรแบบนั้น อยู่ๆมาบอกจะตามจีบเขา ใครกันจะกล้าเจอหน้า ยิ่งสายตาแวววับระยิบระยับปานดาวลูกได่เจ็ดดวงนั้นอีก เห้อ...นี่ก็เพิ่งวิ่งหลบเข้ามา วันนั้นก็หลบจนไอ้จินมันสงสัยแล้วดันเผลอหลุดไปอีก เลยได้เเต่จำใจจนต้องเล่าให้มันฟัง แล้วดูมันมีหน้ามาหัวเราะอีก




     

    “ดีซะอีก มึงจะได้มีแฟนซะที”



     

    ไอ้บ้าหนิ กูจะปรึกษากับไม่ได้อะไรที่ดีขึ้นเลย แต่มันก็บอกนะว่าจะจัดการให้

     

    “เออๆ มึงไม่ต้องหวงเดี๋ยวกูหาทางจัดการให้เว้ย”

     

     

    ซึ่งไอ้คำว่าจัดการจากปากของมันเนี่ยคืออะไรก็ไม่มีใครรู้ ถามไปแม่ งก็ไม่ตอบ ผมละเซ็งจริงๆ





    ชูก้าที่เพิ่งวิ่งหลบวีมาหมาดๆ  เดินเข้ามานั่งที่ม้านั่งหลังตึกคณะ ซึ่งในเวลานี้ คนไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆในชีวิตของชูก้า สายตาเรียวมองหาที่นั่งก่อนเลือกม้านั่งเล็กๆใต้ต้นไม้ ร่างบางเอนกายพิงลงกับพนักพิงก่อนจะหลับตาลง พักผ่อนไปกับเสียงเงียบๆของธรรมชาติที่เหมือนใช้ความเงียบขับกล่อม

     



     

    “เฮ้อ...”

     

     



     

    “ถอนหายใจมากเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอกครับ”

     

     

    “เฮ้ยยยยย!!!!!!!!!!!!!...มึง”




     

    “โหยยยยยย พี่ก้าอะ พูดไม่เพราะเลย”

     

    ชูก้าที่หอบหายแรงจากอาการตกใจ ที่อยู่ๆไอ้คนที่เขาหลบหน้ามาหลายวันก็มาโผล่ตรงหน้าในชนิดที่ว่า แค่คืบ!!!

     

    “ไม่ได้ตั้งใจเว้ย!  คนมันตกใจ แล้วนี่....รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ห๊ะ” 


    “ผมไม่รู้หรอกว่าพี่อยู่ไหน แต่เพราะผมเห็นว่าพี่วิ่งเข้ามาในนี้ต่างหาก ก็แค่เดินตามมาเท่านั้นเอง”


     

    ชูก้าพลาดเอง



     

    “ที่ผมไม่เจอพี่มาหลายวันก็เพราะอย่างนี้หรอ พี่ไม่อยากเจอผมขนาดนั้นเลยสินะ...”  วีที่ตอนนี้นั่งอยู๋ช่ข้างๆผม   ก้มหน้าลงไม่มองหน้าผม ทำให้ผมไม่สามารถเห็นได้เลยว่า ไอ้เด็กข้างๆผมตอนนี้ มันเป็นอย่างไง

     

    “พี่รำคาญผมมากหรอครับ”  ประโยคตัดพ้อกับน้ำเสียงที่เบาหวิวของวี นั้นทำให้ชูก้ารู้สึก เหมือน หายใจไม่ออกยังไงก็ไม่รู้ บรรยากาศมันน่าอึดอัดจนผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน ยิ่งการที่ไอ้เด็กพูดมากๆข้างๆมันเงียบขนาดนี้ ยิ่งทำให้ เกิดความร้อนใจเล็กๆขึ้นกับเขา

     

     

    “วี”

     


     

    “....”



    “วี”






    “...”




    ไหลของร่างที่นั่งข้าๆงเขา เริ่มสั่นเทาเบาๆยิ่งทำให้คนอย่างชูก้า ที่เหมือนจะเป็นต้นเหตุให้ไอ้คนพูดมากข้างๆเงียบได้ขนาดนี้ ถึงกับตกใจ แต่เพียงไม่นานก็ถึงบางอ้อ



    “แทฮยอง!!!!”

     

     

    “ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”  ไหลไหวเพราะขำไหลสั่นเพราะหัวเราะ วีเงยหน้ามา ใครที่คาดจะเห็นหน้าเศร้าๆบอกเลยไม่มีสักนิด มีเพียงเเต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุกที่ได้เห็นพี่ตัวขาวร้อนใจ

     

     

    “ย๊า!! คิมแทฮยอง”  “นี่แกล้งฉันเหรอ” ชูก้า ที่หน้าเริ่มแดงขึ้นไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่...




     

    “ พี่ห่วงผมใช่ม่ะ"

    "ถึงพี่จะรำคาญผมหรือยังไงผมก็ไม่แคร์หรอก เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมแคร์คือหัวใจของผมมากกว่า”

     


     

    เปลี่ยนอารมณ์เร็วไปมั๊ย




     

    “อย่าหลบหน้าผมเลยนะครับ มันทรมาน” 

     

    มันทรมานจริงๆ 
    เหมือนเป็นความเคยชิน สำหรับแทฮยองไปแล้วที่จะต้องได้เห็นหน้ารุ่นพี่ต่างคณะคนสวยคนนี้ ทุกวัน วันละครั้งก็ยังดี ครั้งแรกที่ได้เจอกับรุ่นพี่คนนี้คือ หน้าคณะตอนเขาเดินผ่าน รุ่นพี่ตัวเล็กตาเรียวคนนี้ มันช่างโดนใจคิมแทฮยองคนนี้จริงผิวขาวๆนั้นทำให้แทฮยองลงทุนตามสืบทุกวิธีทางจนรู้มาว่า พี่เขาชื่อ "มินยุนกิ" หรือที่เพื่อนๆเรียกว่า "ก้า" เขาเลือกที่จะนั่งมองพี่ชายคนนี้จากมุมหนึ่งในมหาวิทยาลัยมานานตั้งเเต่ที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่จนเพื่อนในกลุ่มเขาทนไม่ได้ จนหาเรื่องตะโกนบอกพี่เค้าไปซะได้ทว่า ผมก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธและทิ้งโอกาสที่จะได้รู้จักนางฟ้าของผมคนนี้ไปหรอก

     














     

    __________________________________________

                                                                                              สวัสดีเดือนเเห่งความรักเเละพระธรรม อิอิ
    สวัสดีกุมภาพันธ์ขอให้รีดเดอร์ทุกคนสมหวังในความรัก เพี้ยง!!!
    เหมือนเดิมขอบคุณทุกคนนะที่เป็นกำลังใจให้เลิ้บๆมากเลยย ♥
    ไม่รู้ดำเนินเรื่องช้าไปเปล่าเเต่เราคิดว่าคนเราชีวิตก็ไม่ได้เดินไปเร็วหนักหรอกเนอะ




     

    น้ำตาลอ้อยใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×