คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16
Chpter 16
“ไมมานั่งคนเดียวไอ้จินอ่ะ” พี่นัมจุนหยุดยืนมองชูก้าที่นั่ง ติสท์รับประทานถ่ายรูปอยู่บนม้าหินใต้ตึกคณะหลังจากเรียนภาคเช้าเสร็จ
“จินมันไม่มีเรียนวันนี้อ่ะพี่” ชูก้าลดกล้องลงก่อนหันตอบคำถามรุ่นพี่หน้าโหดที่ว่า
“อ๋อออ..เอ่อ!ว่าจะถาม..ไอ้วีอะไรนั้นเรียนดุริยางค์ใช่ม่ะ”
พี่นัมจุน..ถามหาไอ้วีทำไม
“อืมมม ทำไมอ่ะพี่”
“ดีเลย..พี่จะวานมันมาขึ้นงานเฟรชชี่ไนท์ที่จะถึงเนี่ย” งานเฟรชชี่ไนท์หรืองานปาร์ตี้เล็กๆในคณะ ซึ่งจะมีทุกปีหลังปิดว๊ากปิดเชียร์ปีหนึ่งซึ่งเป็นหน้าที่ของพี่ว๊ากปีสามที่เป็นคนจัดร่วมกับพี่ๆปีสองเหมือนเป็นงานฉลองให้กับน้องเฟรชชี่ปีหนึ่ง ซึ่งคณะเขาก็เพิ่งปิดว๊ากหรือการประชุมเชียร์นั้น ไปก่อนจัดค่ายแนะแนวไปไม่กี่วัน เรียกว่าพองานวิชาการหมดงานสนุกต้องมา
“ไอ้วีเนี่ยนะ”
“อื้ม วันเสาร์หน้าอ่ะ ฝากถามให้ด้วยนะกัน..รีบบอกพี่นะขออย่างช้าคืนนี้ ไปละเดี๋ยวโดนล็อคห้อง” รุ่นพี่หน้าโหดพูดจบก็วิ่งออกไปทันทีสงสัยจะเรียนวิชาอาจารย์โหดๆที่มาสายเป็นต้องล็อคห้องไม่พอนะยังมีการเอาเก้าอี้มาดันหน้าห้องอีก ชูก้าเคยโดยมาแล้ว ฮรึก T_T
อย่างช้าคืนนี้ อย่างเร็วนี่ไม่สิบนาทีหลังจากนี้เลยไง
ชูก้าหยิบเอาโทรศัพท์มากดหาปลายสายอย่างวี ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อสัญญาณตอบกลับนั้นบอกว่าเจ้าตัวปิดเครื่อง เขาเลยต้องจำใจเดินไปถึงคณะเผื่อหาคำตอบให้รุ่นพี่ที่เคารพรัก
ขาเรียวก้าวไปเรื่อยๆ เดินรับแสงแดดในมหาลัยเล่นอย่างไม่กลัวผิวสวยๆจะหมอง ก่อนที่ประสาทการรับเสียงของเขาจะเริ่มทำงาน เสียงดนตรีแลดลอดออกมาจากตึกคณะตรงหน้า ทั้งเปียโน แซ็กโซโฟน กลอง เสียงทุกอย่างตีกันไปหมดแต่แปลกที่มันฟังดูไม่น่ารำคาญแถมยังดูเป็นเอกลักษณ์ อีกต่างหาก
แล้วนี่เขาจะไปหามันเจอได้ไงนี้ ตั้งแต่รู้จักหรือง่ายๆตั้งแต่มันมาตามตื้อเขา เขายังไม่เคยมาหาด้วยตัวเอง เลยซักครั้ง แล้วจะให้ไปหาที่ไหน
เรียวขาบางพาตัวเองเดินเข้าสู่ตัวคณะ ตึกเรียนที่แบ่งออกเป็นสองข้าง เว้นตรงกลางเพื่อเป็นทางเดิน ห้องเรียนที่แบ่งเป็นห้องเล็กๆ สร้างด้วยวัสดุพิเศษทึบเสียงอย่างดี เรียงติดกันมีเพียงกระจกบานเล็กๆที่หน้าประตูเท่านั้นที่ทำให้สามารถมองเห็นภายในได้ ชูก้าลองมองไปทีละห้อง ภาพของคนแปลกหน้าที่กำลังอินในบทเพลงของตัวเองผ่านหน้าเขาไป ทีละห้องๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับบางคนที่เขากำลังตามหา ร่างขาวหยุดอยู่ที่ยืนริมประตู สอดสายตามองลอดผ่านกระจกเข้าไป
ใบหน้าคมที่ตอนนี้หลับตาพริ้มพร้อมกับขยับริมฝีปากได้รูปไปตามเนื้อร้อง น้ำเสียงนุ่มทุ่มคอลเสียงดนตรีลอดออกมาจากหน้าประตูพอที่มินยุนกิที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นได้ยิน
เสียงดีใช่เล่น
ปึก!!
เสียงประตูที่ดูจะพิเศษกว่าปกติสำหรับห้องซ้อมดนตรีดังขึ้นก่อนตามมาด้วยใบหน้าหล่อ ของเจ้าของเสียงที่มินยุนกิกำลังฟังอยู่
“แอบฟังผมร้องเพลง นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ”
เพราะระดับพื้นห้องที่ต่างกันทำให้แทฮยองตอนนี้ต้องโน้มตัวลงไปเพื่อนคุยกับรุ่นพี่ตัวขาว เป็นเหตุให้ใบหน้าตอนนี้อยู่ใกล้กันไปนิดนึง มือบางผลักใบหน้าของอีกฝ่ายออก ก่อนจะถอยออกมายืนห่างจากเดิมแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่
“แอบอะไรไม่ได้แอบซะหน่อย”
แทฮยองหัวเราะขึ้นก่อนยืดตัวขึ้นเต็มความสูง จากเดิมที่เป็นฝ่ายสูงกว่าอยู่แล้วตอนนี้มินยุนกิแทบจะเงยหน้าคุยกันเลยก็ว่าได้
“พี่นัมจุนให้มาบอกว่าจะให้ไปขึ้นงานเฟรชชี่ไนท์นิเทศหน่อยว่างป่ะเสาร์นี้”
“เสาร์นี้” แทฮยองทวนคำถามอีกรอบ
“อือ”
“คิดดูก่อนแล้วกัน”
“อือยังไงก็บอกด้วยละกันพี่เขาขอก่อนคืนนี้” ชูก้าพูดก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับออกไป
หมดหน้าที่แล้วนี่
แต่ก็ช้ากว่าคนที่ยืนเหนือกว่า ข้อมือหนาคว้าข้อมือชูก้าไว้ได้ ทำให้เจ้าตัวที่กำลังจะเดินออกไปหงายหลังกลับมากระแทกกับอกแกร่งของแทฮยองที่ยืนสูงกว่าทันที
“ผมว่าง”
“ห้ะ ?”
“คิดแล้ว ผมยินดีที่จะขึ้นให้ครับ” แทฮยองไม่พูดเปล่าหากแต่เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คนตัวขาวที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเองตอนนี้ด้วย
“ถ้าจะคิดเร็วขนาดนี้ จะบอกว่าคิดดูก่อนเพื่อ! แล้วเนี่ย!จะเนียนอีกนานม่ะ ปล่อย!!” น้ำเสียงอู้อี้ดังออกมาจากร่างเล็กที่ตอนนี้ก้มหน้างุดคางชิดอกตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“พูดกับผมก็มองหน้าผมสิ” วีก้มหน้าลงมาอีก ใบหน้าขาวสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดหน้าเขาอยู่ มินยุนกิกำลังจะหายใจไม่ทัน จู่ๆก็รู้สึกร้อนเหมือนหน้าจะระเบิด ใบหน้าขาวขึ้นริ้วสีแดงอ่อนๆเป็นภาพที่แทฮยองแทบจะทนไม่ไหว
ฟันขาวขบริมฝีปากตัวเองน้อยๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่จ้องเขาอยู่
ดวงตาเป็นหน้าตาของหัวใจ....มินยุนกิเข้าใจแจ่มแจ้งก็วันนี้แหละ
“ปะ...ปล่อยได้ยังเล่า!!” ชูก้าหลับหูหลับตาโวยออกไป ก่อนจะรู้สึกได้ถึง พันธนาการเมื่อครู่ได้หลุดออกไปแล้ว
“ยิ้มอะไร” ชูก้าที่อมยิ้มนิดๆ เพราะเขิน เออ!เขายอมรับเลยเขินมาก ก่อนหันไปถามไอ้คนที่ยืนยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอยู่ตรงหน้า
“พี่แม่ ง น่ารักวะ”
“ยะ..อยู่แล้วแหละ” เสียงจะสั่นทำไมเนี่ยยยยย
“แล้วพี่ไม่รักผมบ้างหรอ”
“.....”
มึงเห็นกูเป็นขนมครกหรือไง เจอหน้าเป็นหยอด เจอหน้าเป็นหยอดตลอด
“ธุระหมดแล้วกลับละ” ชูก้าเอ่ยขึ้นทันทีก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปแต่ก็เหมือนมีหนังฉายซ้ำ มินยุนกิโดนดึงไว้อีกแล้วแต่แค่ครั้งนี้ไม่ล้มเพียงแค่แรงดึงเบาๆให้หันหน้ากลับมาเท่านั้น
“ไหนๆก็มาแล้วอยู่ต่อไม่ได้หรอ” ไม่พูดป่าวทำตาปริบๆนั้นคืออะไร
“อะ...เออฉันมีเรียน”
“พี่ไม่มีเรียน อย่าลืมผมมีตารางพี่”
“นะ นะ ผมดีใจมากนะที่เห็นพี่มาหาถึงแม้จะไม่ได้เต็มใจก็เหอะ” คิมแทฮยองพูดก่อนท้ายประโยคจะลดเสียงลงน้อยให้รู้ว่าแอบน้อยใจนิดๆ
“นะ”
.
.
ช่วงนี้ผมรู้สึกตัวเองใจอ่อนจัง
______________________________________
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน.....แต่นี่มันไม่เช้าแล้วววววววววววว
คิมซอกจินที่ยังคงสลึมสลืออยู่บนเตียง ควานหานาฬิกาปลุกที่เขาเลื่อนแล้วเลื่อนอีกไปหลายรอบ เหตุที่ตื่นสายขนาดนี้ก็เพราะเอาแต่คิดเรื่องเด็กที่เพิ่งบอกชอบเขาแล้วยังทำตัวร่าเริงได้ขนาดนี้อีก จินใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการตัดสินใจในเรื่องนี้ และก็ได้ข้อสรุปที่ว่า
ถ้าเป็นแบบที่วีบอก
สีชมพูของผมอาจจะตกกระป๋องไปแล้วละ
ซอกจินชอบตัวเองเวลาอยู่กับจองกุก
ซอกจินชอบเห็นจองกุกยิ้ม
ซอกจินมีความสุขเวลาได้อยู่กับจองกุก
และถ้าคิดจริงๆ ซอกจินชอบจอนจองกุกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นตอนอยู่ในหุ่นหมีแล้ด้วย
“เห้ยยยยย” จินโวยวายทันที่ที่เห็นเข็มนาฬิกามันชี้มายังจุดที่เรียกว่าจะเย็นแล้วด้วยซ้ำ ร่างสูงเด้งตัวจากเตียงเข้าห้องน้ำทำธุระก่อนจะรีบคว้ากุญแจรถออกไปบึ่งน้องพิงค์หรือมอเตอร์ไซต์สีหวานทรงอ้วนออกไปทันที
ซอกจินอยู่ในสุดสบายกางเกงขายาวสีดำ เสื้อยืดสีขาวยืนพิงกำแพงโรงเรียนอยู่ข้างๆ รถสีหวานของตัวเอง เป็นภาพที่คนผ่านไปผ่านมาคงสับสนน่าดูว่าจะบอกว่า หล่อ หรือจะ แบ๊วดี
ร่างสูงยืนมองคนนู้นทีคนนี้ทีผ่านหน้าไปคนแล้วคนเล่าก็ยังไม่เห็นคนที่เขาต้องการเจอ นานไปแล้วนะ หรือจะกลับไปแล้ว แต่ก่อนจะได้คิดอะไรต่อสายตาคมจะสะดุดเข้ากับคนคนนึงที่คุ้นๆว่าจะเป็นเพื่อนของจองกุก
“เอ่อ..น้องครับ” ซอกจินเอ่ยทัก
“อ้าวพี่จิน!”
“เอ่อ..ชื่อจีมินใช่มั๊ย” เขาเพิ่งสังเกตตัวเองเหมือนกัน ทุกครั้งที่เขาเจอจองกุก ก็มักจะมีจีมินมาด้วยทุกครั้งแต่ทำไมเขาถึงจำได้แค่เรื่องราวของเด็กฟันกระต่ายนี่มากกว่านะ
“ใช่ๆครับมา...หาจองกุกหรอครับ” จีมินตอบกลับก่อนจะลองเชิงถามคำถามที่อยากรู้กลับไป
“อืมๆ”
“จองกุกมันไม่มาวันนี้อ่ะครับ มันไม่สบาย”
“ห้ะ” ไม่สบาย ไม่สบายได้ไงเมื่อวานยังดีๆอยู่เลย
“คืองี้ จองกุก อาหารเป็นพิษ สงสัยจะกินเยอะเกินไปมั้ง”
ควรสงสารหรือสมน้ำหน้าดีอ่ะ ซอกจินขำขึ้นนิดๆซึ่งก็ทำให้จีมินขำตาม ก่อนจีมินจะนึกบางอย่างได้
“นี่พี่จินจะไปหาจองกุกใช่ป่ะ งั้นผมฝากการบ้าน ไปให้หน่อยสิครับ นะ” จีมินพูดพร้อมส่งปึกกระดาษไม่บางแต่ก็ไม่หนามาให้ผม
“เห้ยยยจีมินน!!! กูหิวแล้วนะ”
“เอออออ แปปนึง! ...ผมไปแล้วนะพี่” ประโยคแรกหันไปพูดกับ โฮซอกที่ตะโกนแทรกเข้ามา แม่ งทำไมไม่ป่วยวะยังมีน่ามาหิวอีก ส่วนประโยคสองหันมาพูดกับผมก่อนจะวิ่งออกไป
หน้าบ้านจองกุก ตอนนี้ซอกจินยืนอยู๋หน้าบ้านจองกุก แล้วไงต่อทำไงดี แอบหันหลังกลับไปมองบ้านตรงข้ามที่พอมคุ้นชิน สงสัยไปก้าจะยังไม่กลับก่อนหันมาสนใจบ้านตรงหน้าอีกครั้ง มือหนาตัดสินใจกดลงไปบนปุ่มเล็กๆข้างประตูบ้านสงผลให้มันส่งเสียงเรียกคนในบ้านมาเปิดประตูให้กับเขา
แกร๊ก
“เอ่อ..สวัสดีครับ” ซอกจินทักทายคนตรงหน้าทันทีที่ประตูบานเล็กตรงหน้าเปิดออก
“เอ่อ...หนูที่มากับจองกุกวันนั้นนี่ที่เป็นเพื่อนหนูก้าใช่มั๊ยลูก” หญิงสาววัยกลางคนตรงหน้าที่เขารู้ว่าเป็นแม่ของเด็กที่ตนจะมาหาพูดขึ้น
“อ่อครับ” ซอกจินตอบกลับ
“คือวันนี้ผมเจอจีมิน เพื่อนน้องเขาหน่ะครับ แล้วเขาฝากการบ้านมาให้”
“อ่อออ..งั้นลูกเอาขึ้นไปให้เลยจ๊ะ น้องนอนปวดท้องอยู่ข้างบนหน่ะ” คุณแม่พาผมเดินเข้ามาในตัวบ้านก่อนจะเดินเลยไปทางห้องครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับถ้วยข้าวต้มในมือ
“ถ้างั้นแม่ฝากข้าวไปให้น้องด้วยได้มั๊ยจ๊ะ ยาอยู่ข้างๆหัวนอน ฝากดูแลน้องด้วย เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอกหน่อย”
มีแต่คนฝาก นี่เขาไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์นะ
จินรับมาไว้ในมือก่อนจะยิ้มตอบกลับเป็นมารยาท พลางเหล่สายตามองขึ้นไปทางบันได ร่างสูงพาตัวเองเดินขึ้นมายังชั้นสองของบ้านก่อนจะมองหาห้องที่คาดว่าจะเป็นห้องของลูกชายตัวดีของบ้าน เพราะเมื่อกี้ก็ลืมถามคุณแม่มาด้วยว่าอยู่ห้องไหน ก่อนสายตาคมจะไปสะดุดเข้ากับ พรมเช็ดเท้าสีแดงหน้าห้องและกระดาษตัวโตๆที่แปะไว้หน้าประตูที่ทำให้รู้ทันทีว่าเป็นห้องของคนที่นอนป่วยอยู่แน่ๆ
“ห้องของจอนจองกุกสุดหล่อ”
ซอกจินหลุดขำออกมาทันทีที่อ่านประโยคที่ติดอยู่ ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป
ผนังสีครีมรับกับเฟอร์นิเจอร์สีแดงโทนเข้มๆไม่ฉุดฉาดจนแสบตาแต่ก็ถือว่าสนองความต้องการของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงกลางห้อง ห้องทั้งห้องเงียบกริบไร้เสียงรบกวนคนป่วย มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆเท่านั้น
จินเลือกที่จะวางชามข้าวไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง
ใบหน้าหวานที่โผล่พ้นผ้านวมผืนหนาขึ้นมา เส้นผมยุ่งเหยิงไร้การจัดแต่ง เปลือกตาอ่อนที่ปิดสนิท แพขนตาหนา แก้มใสๆ ริมฝีปากแดงนั้น ทำให้จินเผลอมอง จนเหมือนหลุดไปอยู่ในภวังค์ครู่ใหญ่ น่ารักจริงๆ น่ารักจนรักแล้วเนี่ย มือหนาเลื่อนไปสัมผัสแก้มใสนั้นอย่างเบามือ
“ปวดท้อง...” ปากเล็กพึมพำออกมาเบาๆ
“ตื่นมากินข้าวก่อนมาแล้วกินยาจะได้หายปวด” จินพูดขึ้นหลังจากร่างเล็กนั้นส่งเสียงประท้วงจากอาการป่วยตอนนี้
“เห้ย” เปลือกตาที่ปิดสนิทเมื่อครู่เบิกขึ้นมาทันทีที่จบประโยคก่อนที่จองกุกจะลุกดันตัวขึ้นและถดตัวถอยออกห่างไปอีกมุมของเตียง
“พี่จิน...”
“คือขอโทษครับ ผมนึกว่าแม่” น้ำเสียงสั่นๆพูดขึ้น
“แม่ไม่อยู่หน่ะ มากินข้าวก่อนมา จีมินฝากการบ้านมาให้ด้วย พี่วางไว้บนโต๊ะแล้ว”
“ขะ ขอบคุณมากครับ พี่จินกลับเลยก็ได้ครับ” น้ำเสียงที่สั่นกว่าเมื่อครู่เอ่ยขึ้น ร่างเล็กที่ได้เเต่ก้มหน้าพูดออกไป เงยไม่ได้หรอก ตอนนี้เงยไม่ได้ ก็จู่ๆ ขอบตามันก็ร้อนขึ้นมาซะอย่างงั้น อย่าเพิ่งไหลนะ ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้จอนจองกุกยังไม่เสียน้ำตาสักหยด แต่ทำไมตอนนี้กลับมาคลอเต็มหน่วยตาขนาดนี้ มันหนักนะรู้มั๊ย...
“แม่ฝากให้พี่ดูเราก่อน”
แม่ฝากให้ดู มาที่นี่เพราะจีมินฝากของ ...
“ถะ..ถ้าไม่เต็มใจก็ ก็ไม่ตะ.ต้องอยู่หรอกครับ” ไม่ไหวแล้ว ฝืนร่าเริงไม่ไหวแล้ว ในเมื่อไม่อยากมาหรือไม่เต็มใจก็อย่าฝืนเลยดีกว่า ถ้าพี่จินไม่คิดอะไรกับเขา เขาก็พร้อมที่จะปฏิเสธการดูแลเอาใจใส่ที่จะทำให้เขาเผลอใจไปง่ายๆอีก
จอนจองกุกร้องไห้ ใบหน้าหวานที่มีความสุขตอนนอนเมื่อกี้หายไปแล้ว น้ำตาใสไหลอาบแก้มนวลที่เขาเพิ่งสัมผัสไปเมื่อครู่ ยิ่งมองทำไมยิ่งเจ็บ แล้วยิ่งถ้าต้นเหตุมันมาจากเขายิ่งทรมาน
“ขอบคุณที่มาหาผมเพราะจีมินฝากของมาให้ ขอบคุณที่บอกจะดูแลผมเพราะแม่สั่ง แต่พี่ก็รู้แล้วหนิว่าผมคิดยังไง ถ้าไม่คิดอะไร...” จองกุกที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มพูดขึ้นอย่างยากลำบากเพราะก้อนสะอื้นที่ต้องกลั้นเอาไว้ ก่อนตาคู่สวยจะหลับลงปล่อยน้ำตาให้ไหลลง และค่อยๆลืมขึ้นเพื่อพร้อมพูดในประโยคต่อมา
“อย่ามาทำแบบนี้กับผะ…!” ประโยคขาดช่วงไปเพราะแรงที่ไม่น้อยเลยโถมเขามาใส่ จินดึงจองกุกมากอดเพื่อให้หยุดการพูดจานั้น เขาไม่อยากฟัง รู้ว่าตัวเองผิดผิดที่ไม่ยอมเข้าใจตัวเอง จนต้องทำให้คนตรงหน้าเขาตอนนี้ต้องเสียน้ำตา
“ใครบอกว่าพี่ไม่เต็มใจ” จินเอ่ยขึ้นพร้อมๆกับกอดร่างที่สั่นเทาเพราะกำลังปล่อยโฮอยู่ในอ้อมแขนเขาก่อนจะลูบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบ
“หยุดร้องไห้นะ” เสียงสะอื้นหนักขึ้นสร้างความทรมานใจแก่คนเป็นพี่ที่ฟังอยู่จริงๆ เสียงสะอื้นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดนมีซอกจินที่คอยโอบกอดเอาไว้ ก่อนเสียงร้องไห้จะค่อยๆสงบลงเหลือเพียงเสียงสะอื้นน้อยๆเท่านั้น
“พี่ขอโทษ” จินเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเด็กน้อยในอ้อมแขนเขาสงบลงกว่าเมื่อครู่
“ขะ..ขอ..ฮึก...ทะ...โทษเรื่อง...ฮึก...อะไร”
“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ ขอโทษที่รู้ใจตัวเองช้าเกินไป”
“หมาย ฮึก...ความ วะ ว่าไง” เด็กน้อยดันตัวออกจากอกจินก่อนจะเงยหน้ามองคนเป็นพี่อย่างไม่เขาใจในสิ่งที่พี่ชายอย่างซอกจินจะสื่อ อย่ามาให้ความหวังได้ไหม เพราะประโยคแบบนี้มันทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง
“พี่ก็ชอบจองกุก”
“...”
พี่จินชอบเขา เรื่องจริงหรือเปล่า จองกุกนิ่งค้างมองคนตรงห้าตาปริบๆก่อนจะพยายามประมวลผลในสิ่งที่ได้ยิน หมายความว่า ที่พี่จินพูดวันนั้นไม่ได้ไม่ชอบเขา แต่แค่ขอคิดดูก่อนหรอ ?
“ยังชอบพี่อยู่มั๊ย หรือกินจนลืมพี่ไปแล้ว” จินพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะฉีกยิ้มกว้างกับประโยคที่ตนเองจงใจจะเซะเด็กน้อยตรงหน้า
จอนจองกุกส่ายหัวไปมาทันที จนหัวเล็กสั่นงกๆ
“ชอบๆ” หัวใจจองกุกเต้นรัวจนจะหลุดออกมาแล้ว ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีความสุขทั้งๆที่ตาบวมแดงช้ำซะจนน่าสงสาร จินกระชับอ้อมแขนให้มากขึ้น น้องตัวนิ่มมากมากซะจนไม่อยากจะปล่อยไปไหนเลย
“ว่าไงนะ” จินแกล้งถามอีกครั้ง
“ชอบบบบบบบ!” เสียงใสดังขึ้นเรียกว่าตะโกนเลยก็ได้ก่อนจะต้องหยุดเพราะอาการเจ็บจี๊ดที่ช่วงท้อง
“โอ๊ยยปวดท้อง”
“มานี่เลย” ซอกจินพูดก่อนจะผละออกมา แล้วจัดเด็กตรงหน้าให้พิงกับพนักเตียงก่อนจะหยิบถ้วยข้าวต้มมาถือไว้ในมือ
“กินข้าว แล้วจะได้กินยา ทำอะไรไม่เขาเรื่อง กินอะไรเยอะแยะแล้วทำไมต้องไปกินกันสองคนด้วยห้ะ”
ซอกจินบ่นไปเรื่อยมือก็คนถ้วยข้าวต้มในมือไปพลางๆ
“พี่จินหึงใช่ม๊า” จองกุกลองเชิงถามเล่นๆ
จินชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าเจ้าของคำถามที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างหน้า
“ใช่!” จินพูดพร้อมส่งช้อนไปจอปากของจองกุก
ไม่มีแล้วซอกจินคนที่เก็บอะไรตอนนี้ถ้าเป็นเรื่องของจองกุก เขาจะพูดมันทุกอย่าง
จองกุกหมดสิ้นคำพูดทุกอย่างทันที ก่อนจะงับช้อนที่ถูกยื่นมาจ่อปากแต่โดยดี จองกุกเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะสบตารุ่นพี่ตรงหน้าที่กำลังจะตักคำต่อไป จินไม่พูดอะไรแต่ส่งยิ้มกลับไปแทน ใบหน้าหวานของจองกุกขึ้นสีทันทีก่อนจะอ้าปากเพื่อรับคำต่อไป
“กินเยอะๆจะได้กินยา” ซอกจินยอมรับเลยว่าภาพตรงหน้านี่โคตรน่ารักกก หน้าแดงๆ จมูกแดงๆ จากพิษไข้อ่อนๆ น่าเอ็นดูและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน จินป้อนไปเรื่อยๆจนหมดชาม มือหนาวางชามข้าวเปล่าลงกับโต๊ะก่อนจะเปลี่ยนมาหยิบยาเม็ดสีดำที่คุณแม่ลูกชายตรงหน้าบอกเขาไว้
“อ่ะยา”
จองกุกแบมือรับยามาไว้ในมือ ตามด้วยแก้วน้ำที่ถูกส่งมาให้ พี่จินจัดการให้หมดทุกอย่าง จอนจองกุกคงจะหายเร็วเเน่ๆ
“มานี่มา” ซอกจินเอื้อมมือไปลูบหัวจองกุกเบาๆ ก่อนดึงเข้ามากอด
“ขอโทษจริงๆนะ”
“ไม่เป็นไรฮะ”
“ขอโทษแล้วก็...เป็นแฟนกันนะ”
“...”
“พูดจริงหรอ” จอนจองกุกถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะถึงเขาจะชอบพี่จินมากแค่ไหนถ้าพี่จินไม่ชอบเขา เขาก็ไม่ต้องการเหมือนกัน ความรักควรเป็นเรื่องของความรักของคนสองคนไม่ใช่ความรู้สึกผิดหรือแค่ตอบแทนความรักของอีกฝ่าย
“พี่ชอบเราก่อนเราชอบพี่อีก”
“ห้ะ..หมายความว่ายังไง”
“เรื่องมันยาวค่อยเล่าสรุปจะเป็นม่ะ” ซอกจินถามย้ำอีกครั้ง
รุกมาตั้งนาน มีหรือจะพลาด
“เป็นๆ” จองกุกพยักหน้ารัวๆก่อนจะยิ้มจนฟันหน้าโผล่
ซอกจินขำกับท่าทีของเด็กน้อยตรงหน้าก่อนหัวเราะออกมา ทำให้จองกุกเองอดหัวเราะตามไม่ได้ กลายเป็นว่าจากห้องเงียบๆเมื้อกี้กลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วย เสียงหัวเราะ เเละรอยยิ้มจากคนสองคน ไม่ต้องพูดอะไรมากแค่มองตาแล้วสื่อผ่านรอยยิ้มที่ความสุขเป็นพอ มือหนาของซอกจินเอื้อมไปปัดผมที่ปรกหน้าของจองกุกก่อนจะเลื่อนมาที่ดวงตาช้ำๆ ลูบเบาๆอย่างกับหวังว่าจะช่วยให้ดีขึ้นได้ ก่อนจะมองเขาไปในนัยน์ตาคู่สวยตรงหน้า เหมือนมีเวทมนต์สะกดหรือแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง ใบหน้าทั้งสองค่อยๆเลื่อนเขาหากันช้าๆก่อนเปลือกตาจะปิดลงตามสัญชาตญาณ ริมฝีปากอิ่มประกบเข้าหากัน สัมผัสอบอุ่นที่ไม่มีการล้วงล่ำใดๆ มีเพียงความรู้สึกที่ส่งผ่านหากันเท่านั้น
จอนจองกุกสมหวังแล้วนะฮะ
__________________________________
เกร้ดดดด จอนจองสมหวังเเล้วนะ ฮริ้งงง~
ช่วงนี้อากาศร้อน(มาก)เนอะ ยังไงก็ดูเเลตัวเองกันด้วยนะอย่าป่วยกันน้า
ขอบคุณหลายคนที่ยังติดตามกันนะ เเบบเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเลยกลัวจะเบื่อกัน
เเต่นั้นก็คือสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่ามันจะต้องไม่มีอะไร 5555
เเค่หลายคนบอกอ่านเเล้วยิ้มเราก็พอใจเเล้วละไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำ
มาลุ้นวีก้ากันต่อนะฮริ รู้สึกยังไงเม้นบอกกันสักนิดก็ดีเราอยากรู้
เลิ้บ♥
น้ำตาลอ้อยใจ
ความคิดเห็น