ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WONKYU Ft.JOOYEON l RAIN OF BLADES

    ลำดับตอนที่ #2 : I____.RAiN OF BLADES.

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55


     






    I____.RAiN OF BLADES.









    1




                การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ผู้ป่วยพักฟื้นอีกสักเดือนหนึ่งคงจะเป็นปกติ โชคดีที่เหล็กไม่ได้แทงเข้าไปถูกจุดสำคัญ ไม่อย่างนั้นผมคงได้คุยกับเขาอีกครั้งในความรู้สึกที่แย่กว่าเดิม ผมเดินนำจูยอนเข้าไปในห้อง 341 เพื่อที่จะตรวจเช็คร่างกายตามหน้าที่ของแพทย์เจ้าของคนไข้

                "จูยอน คนไข้ฟื้นหรือยัง" ผมเอ่ยถามในขณะที่กำลังจะเดินไปถึงยังห้องจุดหมาย

                "ยังเลยค่ะ แต่เห็นคนที่มาด้วยบอกว่าต้องการพยาบาลพิเศษ เพราะเขาคงดูแลไม่ไหว"

                "แล้วแจ้งเรื่องแล้วหรือยัง"

                "เรียบร้อย ~ เห็นบอกว่าจะให้ซอฮยอนไปเป็นนี่คะ หมอไม่ต้องห่วงหรอกซอฮยอนมือเบาจะตาย"

                "ใครจะเหมือนเธอ" ส่ายหัวแล้วเดินเข้าห้องไปปล่อยให้พยาบาลสาวย่นจมูกอย่างหมั่นไส้กับคำหยอกล้อของอีกคนก่อนจะเดินตามเข้าไป

     

     

     

     

     

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ร่างสูงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องยังคงหลับสนิทอยู่เช่นเดิม จูยอนกำลังเปลี่ยนสายน้ำเกลือให้ใหม่ ในขณะที่ผมกำลังก้มลงตรวจร่างกายเขา ผมแอบลอบมองใบหน้าของซีวอนอยู่ครู่หนึ่ง

    ไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลยนะ

    .. ผมได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ

                ไม่นานนักเปลือกตาของคนตรงหน้าเริ่มขยับก่อนที่ดวงตาคู่สวยถูกลืมขึ้นแล้วจ้องมองมาที่ใบหน้าผมพอดี นั่นทำเอาผมสะดุ้งอยู่เล็กน้อย รีบยืดตัวขึ้นก่อนจะเอ่ยทักทาย

                "ตื่นแล้วเหรอครับ คุณหลับไปสองวันแล้ว" สงสัยว่ายานอนหลับจะออกฤทธิ์แรงไปหน่อย

                ผมได้รับเพียงใบหน้าที่ยังดูงงกับสถานที่รอบๆ ตอบกลับมา ก่อนที่ใบหน้านั้นจะเปลี่ยนเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ

    "ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือนี่"

    "สงสัยว่าคุณจะอ่อนเพลียด้วยครับเลยทำให้คุณหลับนานไปขนาดนี้"

    ซีวอนพยายามจะยันตัวลุกขึ้นให้อยู่ในท่านั่งแต่ไม่ทันไรก็ต้องร้องโอดครวญขึ้นมาเพราะบาดแผลผ่าตัดที่ยังไม่หายดี

    "คุณพยาบาลช่วยปรับเตียงให้ผมหน่อยครับ"

                เขาพูดเชิงขอร้องเพื่อให้ตนเองได้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น

                "ปรับนิดเดียวพอ" ผมหันไปสั่งจูยอน "..แผลคุณยังไม่หายดี คุณควรใจเย็นกว่านี้" ส่งสายตาตำหนิให้

                "พอดีผมมันเป็นคนใจร้อนแก้ไม่หายซะด้วย" ถึงจะพูดด้วยใบหน้าเรียบๆ แต่ผมก็ยังคงก็เดาออกจากน้ำเสียงที่ยังคงยียวนเหมือนเดิม นี่ตั้งใจจะกวนประสาทผมสินะ

                "ผมขอคุยกับคนไข้เป็นการส่วนตัว คุณออกไปก่อนได้ไหมครับ" ผมหันไปบอกกับจูยอนเมื่อเห็นว่าเธอจัดการเปลี่ยนน้ำเกลือ และผมก็ตรวจเสร็จร่างกายเรียบร้อยแล้ว เธอได้แต่เพียงพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

               

                ผมหันไปมองประตูที่ถูกปิดจนกระทั่งแน่ใจแล้วจึงหันกลับมาคุยกับคนตรงหน้าเหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกไป ก็ถูกคนไข้แทรกขึ้นเสียก่อน

                "สบายดีนะ คยูฮยอน"

                "ที่ผมบอกว่าส่วนตัว ไม่ได้หมายถึงว่าผมจะมาคุยเรื่องเก่าๆ ของเรานะครับ"

                "ผมดีใจนะที่คุณจำผมได้"

                "……..." ให้ตายสิ ผมน่าจะแกล้งลืมเขาไปจริงๆ พลาดครั้งใหญ่เลยล่ะคยูฮยอน

                "จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ"

                "เรามีเวลาคุยกันอีกเยอะครับ" ผมเว้นวรรค "..เพราะยังไงคุณก็ต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่อีกนาน"

                …….

     

                ผมใช้เวลาอยู่ภายในห้องนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องเดินออกมาตรวจคนไข้รายต่อไป ผมพยายามไม่หยิบยกเรื่องส่วนตัวออกมาพูดในขณะที่เขายังคงคอยที่จะรื้อฟื้นมันอยู่ตลอดเวลา แต่ในเวลาสั้นๆ นี้ มันก็ยังทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่าเขาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยจริงๆ ..ถ้าพูดถึงด้านนิสัยน่ะครับ

     

                ขาของผมก้าวมาหยุดที่หน้าห้องเดิมที่ผมเข้ามาตรวจเมื่อตอนบ่าย ไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ถึงจะมาพบกับซีวอน คงเป็นเพราะตั้งแต่มาทำงานที่นี่ผมไม่ค่อยได้พบเจอกับคนที่รู้จักกันบ่อยสักเท่าไหร่ สังคมนี่ที่ของผมก็มีแค่จูยอน จองซู ฮีชอล ที่ค่อนข้างจะสนิทกับผมอยู่บ้าง

               

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก ..

     

                ผมเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไปเห็นอีกคนกำลังนอนอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันอยู่ในห้องที่ถูกปิดทั้งดวงไฟและปล่อยเพียงให้แสงจากภายนอกหน้าต่างออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คนที่นอนอยู่บนเตียงละความสนใจจากหนังสือพิมพ์ในมือลง ก่อนจะยิ้มให้ผมเป็นเชิงทักทาย ซึ่งผมก็ได้ยิ้มบางๆ ตอบกลับไป

                "ออกเวรแล้วเหรอ"

                "ครับ วันนี้ผมเข้าเวรเช้าน่ะ" ผมเดินเลยเตียงของเขาออกไปเลื่อนผ้าม่านออกให้แสงเข้ามาได้สักหน่อย หวังว่าคงไม่แยงตาเขาสักเท่าไหร่

                "นึกว่าจะเข้ามาตรวจผมอีกรอบซะอีก" หัวเราะออกมาเบาๆ คงกลัวว่าจะเจ็บแผล

                "ถ้าเกิดตอนนี้คุณเป็นอะไรไปผมคงต้องทำอย่างนั้นผมยิ้มแล้วเดินไปยืนอยู่ข้างๆ เตียงของอีกคน

                "ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอนายที่นี่"

                ผมก็ไม่คิดเหมือนกันล่ะน่า ..

                "คุณปวดแผลบ้างหรือเปล่า" ผมเปลี่ยนเรื่องทำให้เขาส่ายหน้าเล็กน้อยในความเอาแต่ใจ

                "ตั้งแต่ตื่นมาก็นอนไม่หลับอีกเลย" กำลังบอกทางอ้อมใช่ไหมว่าปวดมาก -_-.

                "ปวดมาก ? ผมน่าจะให้มอร์ฟีนคุณสักเข็ม ..หรือสักสิบเข็มไปเลยเป็นไง" ผมพยายามพูดให้มันดูตลก มันอาจจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศอึดอัดได้บ้าง จะว่าไปแล้วมันก็ไม่น่าอึดอัดสักเท่าไหร่ถ้าหากว่าผมคุยกันให้มากกว่านี้ ผมควรเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยดีไหม  ...

                ประโยคเมื่อกี้ได้ผล ซีวอนหัวเราะออกมา รอยยิ้มของเขานั่นทำให้ผมพลอยหัวเราะตามเขาไปด้วย แปลกจริง ..คนที่ไม่เจอกันสิบกว่าปีนี่สนิทกันได้เร็วขนาดนี้อีกครั้งหนึ่งเลยเหรอ หรือว่ามันจะเป็นข้อยกเว้นไว้เพียงแค่สำหรับผมกับซีวอนกัน

                "ถ้าให้ซะขนาดนั้นผมว่าผมต้องนอนอยู่ที่นี่ตลอดไปแน่เลย"

                "ครับ คุณจะเสพติดมันแน่ .. ผมว่าอย่างคุณแค่เข็มเดียวคงจะพอ คุณดูแข็งแรงออก"

                "แต่จะว่าไปมันก็ดี จะได้เจอนายบ่อยๆ ไงคยูฮยอน"

                "………."

                ประโยคนั้นทำผมถึงกับเงียบไปสักอึดใจหนึ่ง .. ชเว ซีวอน คุณคิดอะไรอยู่กันแน่ .. มันก็จริงอยู่ที่เขาเป็นอดีตคนรักของผม แต่ใช่ว่าผมและเขาจะจบความสัมพันธ์กันด้วยความเลวร้ายสักหน่อย

                เมื่อครั้งที่ผมยังเรียนอยู่ในนิวยอร์กผมได้เพื่อนที่มาจากเกาหลีเพียงคนเดียวนั่นคือซีวอน ตลอดระยะเวลาสี่ปีในนั้นคนที่ผมสนิทที่สุดคงจะมีเพียงเขาคนเดียว เพราะผมเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ในตอนนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ จะเรียกว่าแย่ที่สุดเลยด้วยซ้ำ ผมเคยได้ยินใครสักคนได้กล่าวไว้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับคนรัก มันจะมีเพียงเส้นบางๆ กั้นอยู่ ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะก้าวข้ามเส้นเหล่านั้นไป และหลายคนที่ว่านั่นคงจะรวมผมกับซีวอนไว้ด้วย

               

     

     

     

     

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

     

    ผมนั่งคุยกับเขาอยู่ไม่นานเท่าไหร่ก็ขอตัวออกมาพาจูยอนไปทานข้าวก่อน เธอรู้แล้วว่าผมกับซีวอนรู้จักกันมาก่อน เลยไม่ได้ติดใจอะไรนักกับการที่เข้าไปคุยกับเขาบ่อยๆ จะมีเพียงแต่การซักถามอดีตของผมที่ไม่เคยเล่าให้เธอฟังออกไปเลยสักครั้งก็เท่านั้น และผมก็ไม่ปฏิเสธตอบคำถามของเธอ ยกเว้นในบางเรื่องเรื่องเดียวเท่านั้น

                "หูยย ซีวอนนี่เก่งจังเลยนะคะ แล้วทำไมเขาถึงมาเป็นช่างภาพล่ะ"

                "เขาชอบถ่ายภาพมานานแล้ว ตอนอยู่ที่นั่นไม่ว่าจะไปไหนเขาก็จะเอากล้องถ่ายรูปติดตัวไปตลอด จะว่าไปพี่เคยทำกล้องเขาพังไปสองตัว .." ผมหัวเราะให้กับความซุ่มซ่ามและความเอาแต่ใจของตัวเอง กล้องถ่ายรูปตัวแรกของเขาผมจำได้ว่าผมพลั้งมือไปปัดมันจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ โอเคสำหรับตัวนั้นผมรู้สึกผิดจริงๆ ส่วนอีกตัวคงต้องโทษเขาล่ะครับ ขยันถ่ายภาพเฟลๆ ของผมตลอด

     

               

              "อะไรกัน ไม่เห็นตลกตรงไหนเลย น่ารักดีออก 55555555555555555"

              "ไม่ตลกบ้าอะไร อ้าปากหาววอดๆ แบบนี้น่ะนะ"

              ผมกำลังวิ่งยื้อแย่งกล้องตัวใหญ่สีดำสนิทของเขาอย่างมุ่งมั่นถึงมันจะยากเพราะส่วนสูงที่ค่อนข้างจะแตกต่างระหว่างเขากับผม ในที่สาธารณะที่ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านสักเท่าไหร่ เราไล่ต้อนกันจนกระทั่งมาหยุดอยู่บริเวณสระน้ำเล็กๆ วินาทีนั้นผมกำลังจะจับกล้องได้ แต่ไม่รู้ว่าโชคร้ายอะไรทำให้เราต้องลื่นล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่ กล้องตัวนั้นถูกปล่อยกระเด็นไปอยู่กลางสระและจมลงไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตกใจของผมกับซีวอน เพียงเพราะซีวอนต้องการจะโอบผมไว้เท่านั้น ..

     

     

              "พี่ พี่คะอา พี่โกรธต้องโกรธฉันแน่เลย" น้ำเสียงรู้สึกผิดของจูยอนดังเข้ามาในโสตประสาทของผม ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดนั้น "ฉันขอโทษนะคะที่ว่าพี่ไปเมื่อกี้ ไม่คิดว่าพี่จะโกรธ" เธอพูดต่อ สงสัยว่าเมื่อกี้ที่ความทรงจำเก่าๆ ลอยเข้ามาในห้วงความคิดจะทำให้ผมเงียบไป

                "หืม เมื่อกี้เราว่าอะไรนะครับ" ละสายตาจากถนนโล่งๆ ด้านหน้าแล้วหันมาสบตาอีกคน

                "ฉันขอโทษค่ะ .."                       

                "ไม่ใช่ พี่หมายความว่าก่อนหน้านั้น"

                "ฉันบอกว่าพี่นี่นิสัยไม่ดีจริงๆ .. พี่เลยโกรธฉันใช่ไหมคะ"

                "อะไรกัน พี่จะโกรธเราด้วยเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ" ผมหัวเราะให้กับความคิดมากของเธออยู่ยกใหญ่ ทำเอาคู่สนทนาเริ่มเปลี่ยนจากสีหน้าเครียดมาเป็นหมั่นไส้ผมแทน

     

               

    ผมขับรถเข้ามาในห้างสรรพสินค้าขนาดกลางในเมือง ผมและจูยอนแยกกันเดินเธอบอกว่าจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวเล็กน้อย ส่วนผมเลือกที่จะเข้าร้านหนังสือเพื่อเลือกหนังสืออ่านเวลาว่าง ... และคงจะซื้อไว้เผื่อใครสักคนที่ต้องนอนในโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือนๆ

    ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหมวดหนังสือเกี่ยวกับภาพถ่าย สาบานได้ว่าตอนนี้ผมกำลังนึกถึงเขาอยู่เต็มๆ เอื้อมมือหยิบหนังสือปกสีทึมแต่ทว่ามันกลับดูโดดเด่นกว่าเล่มอื่นในที่นั้นออกมา ภาพถ่ายภายในหนังสือเล่มนั้นดูเป็นศิลปะชั้นเลิศ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาจากหนังสือราวกับว่ามันมีชีวิต

     

    มันคงต้องยกย่องให้กับความสามารถของผู้ถ่าย

     

    ผมเปิดดูมันผ่านๆ ไปเรื่อยจนกระทั่งถึงหน้าเกือบจะสุดท้ายของหนังสือ เป็นธรรมดาของหนังสือพวกนี้ที่จะเขียนบรรยายเรื่องราวตลอดการจัดทำของเจ้าของหนังสือไว้ด้านหลังเล่ม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันน่าสนใจมาก ในขณะที่หลายคนไม่คิดที่จะอ่านมันเลยก็เถอะ ผมกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะมาถึงบรรทัดสุดท้าย

     

     

    .. Siwon Choi

     

    อา .. คนชื่อนี้มันมีอยู่ทั่วโลกเลยจริงๆ สินะ

                     

     

    และแล้วผมก็ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนั้นกลับมาพร้อมกับหนังสืออื่นๆ อีกประมาณหกถึงเจ็ดเล่มหลังจากนั้นก็มานั่งรอจูยอนอยู่ในร้านอาหาร ไม่นานนักเธอกับเดินเข้ามาพร้อมกับบรรดาถุงกระดาษมากมายในมือ ผมเห็นกระเช้าผลไม้สีสดในมือของเธอด้วย นั่นทำเอาผมรีบเดินออกไปช่วยแทบไม่ทัน ทำไมผมไม่เดินไปช่วยเธอเลือกซื้อของพวกนี้ด้วย แย่จริง .

    "ฉันซื้อผลไม้มากะว่าจะเอาไปเยี่ยมคุณซีวอนน่ะค่ะ" เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานเช่นเคยเมื่อเราเดินมาจนถึงโต๊ะอาหารแล้ว ผมเลื่อนเก้าอี้ให้เธอก่อนจะเดินกลับมานั่งฝั่งตรงข้าม

    "คืนนี้พี่จะไปพบเขา เราไปด้วยกันดีไหมครับ"

    "ดีเลยค่ะ จะว่าไปฉันยังไม่ได้แนะนำตัวกับเขาอย่างเป็นทางการสักที"

    มันก็จริงที่ผมยังไม่ได้แนะนำจูยอนกับซีวอน ตอนนี้เขายังรู้จักแค่เพียงเธอเป็นพยาบาลคนหนึ่งในโรงพยาบาลเท่านั้น ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้แนะนำเธอกับซีวอน แต่ถ้าหากพาเธอไปแนะนำด้วยตัวเองก็น่าจะดีกว่า ผมควรจะทำหน้าอย่างไรตอนนั้นดี .

     

    เราใช้เวลาในร้านอาหารอยู่ไม่นานเท่าไหร่เพื่อที่จะมาเยี่ยมซีวอนให้ทันเวลาพักผ่อน จะว่าไปแล้วซีวอนไม่ใช่คนขี้เซาแต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้รับอุบัติเหตุมา ประกอบกับการที่ต้องนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ทั้งวันอาจจะทำให้เขานอนเร็วขึ้นก็ได้

    ผมถือกระเช้าผลไม้และถุงกระดาษที่มีหนังสือหลายเล่มรวมไว้ในนั้น เคาะประตูแล้วค่อยๆ เปิดมันอย่างเบามือก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมๆ กับอีกคน ผมสังเกตว่าซีวอนกำลังหลับอยู่ จึงนำกระเช้าผลไม้ไปวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ แต่คงเป็นเพราะผมที่ไม่ระวังเองทำให้กระเช้านั้นไปชนกับเหยือกน้ำสีใสที่ถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนหน้านั้นลงตกมาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

    เพล้ง !          

    "ชู่วววววว.." จูยอนหันมาส่งเสียงเป็นเชิงตำหนิ "เดี๋ยวคุณซีวอนก็ตื่นหรอกค่ะ ให้เขาพักผ่อนก่อนดีไหม แล้วเราค่อยมากันใหม่วันพรุ่งนี้"

    ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแค่พยักหน้าน้อยๆ ได้เพียงแต่ก้มลงเก็บเศษแก้วที่กระจายอยู่ตรงนั้น เพียงแต่จู่ๆ มือคู่เรียวสวยของจูยอนก็มาช่วยผมอีกแรง

    "พี่ไปหาผ้ามาเช็ดน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้ฉันทำเอง" เธอนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับเก็บเศษแก้วนั้นอย่างเบามือ

    "ระวังมือด้วยนะ"

    เดินวนรอบห้องเพื่อหาผ้าสักผืนที่คิดว่ามันพอจะนำมาเช็ดแทนกันได้ แต่เมื่อเห็นว่ามันไม่มีจึงเปลี่ยนจุดหมายไปยังห้องน้ำแต่ก็กลับมาแห้วตามเดิม เพราะมันมีแต่ผ้าเช็ดตัวของซีวอนที่ยังไม่สามารถอาบน้ำได้แขวนไว้เพียงผืนเดียวเท่านั้น ..จะเอามาใช้แทนผ้าถูพื้นมันก็คงไม่ดีอยู่

    ความพยายามของผมมันไม่จบลงแค่นั้น ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงควานหาผ้าเช็ดหน้าที่สมควรมีติดตัวไว้สักผืน อาา .. ผมคิดไม่ผิดจริงๆ

    ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มถูกนำมาใช้แทนไม้ถูพื้น ให้ตายเถอะ มันจะเป็นการใช้ครั้งสุดท้ายของผมจริงๆ ผมให้จูยอนไปหากระดาษพอที่จะนำมาเก็บเศษแก้วเล็กๆ ไปทิ้งได้ และตอนนี้ผมก็ยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บหลักฐานที่ตนเองทำไว้เสียก่อน เวลานี้ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าซีวอนกำลังนอนหัวเราะให้กับผมอยู่เบาๆ จนกระทั่งจูยอนเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือพิมพ์เล่มใหญ่

    "อ้าว คุณซีวอนตื่นแล้วเหรอคะ สงสัยพี่คยูฮยอนจะทำให้คุณตื่น" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม

    "ผมได้ยินเหมือนเสียงใครทำอะไรตกน่ะครับ"

    "ผมเองล่ะที่เป็นคนทำ" เดินไปหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์จากมือหญิงสาวก่อนจะนำไปชุบน้ำในห้องน้ำแล้วเดินออกมาไปเช็ดกับพื้นบริเวณที่เหยือกตกแตก

    "พี่คะ เดี๋ยวฉันเช็ดให้ดีกว่า พี่ไปคุยกับคุณซีวอนเถอะ เดี๋ยวเขาก็หลับไปอีกรอบ" เธอแย่งกระดาษไปจากมือของผมแล้วก้มลงเช็ดเศษแก้วจนมั่นใจว่าพื้นนั้นสะอาดแล้ว เธอจัดการเก็บและจัดของทุกอย่างไว้ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ ผมที่กำลังนั่งคุยกับซีวอนอยู่

    "สวัสดีค่ะคุณซีวอน" เธอเอ่ยทักทาย

    "เธอชื่อจูยอน เป็นพยาบาลของที่นี่.."

    "สวัสดีครับจูยอน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" ซีวอนพยักหน้าให้

     "ค่ะ .." เธอเดินไปหยิบกระเช้าผลไม้มายื่นให้กับคนป่วยก่อนจะวางลงบนโต๊ะข้างเตียง "นี่ฉันกับพี่คยูฮยอนซื้อมาเยี่ยมค่ะ" เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ

    "ขอบคุณมากครับ" เขาเอ่ยตอบรับเบาๆ

     

    RRRRrrrrr

    เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังออกมาจากในกระเป๋าสะพายใบเล็กของหญิงสาว เธอรีบค้นหามันอย่างว่องไวก่อนจะหันมาสบตากับเราสองคนเป็นเชิงขอตัวแล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกระเบียงห้อง

    งั้นตอนนี้ภายในห้องก็เหลืองเพียงแค่ผมกับซีวอนสินะครับ ..

    "คยูฮยอน .."

    ผมจ้องมองไปยังใบหน้าของคนที่เรียกชื่อ

    "…"

    "เธอเป็นคนรักของนายงั้นหรือ" ซีวอนเอ่ยคำถามที่ผมไม่คิดว่าเขาจะคิดถึงมันออกมา ความรู้สึกหนึ่งทำให้ผมอยากจะตอบว่าไม่ แต่เสียงที่ดังออกมาจากลำคอของผมมันกลับตรงกันข้าม

    "ครับ เรากำลังจะแต่งงานกัน.."

    ก้มหน้ายิ้มให้คนบนเตียงแห้งๆ ผมไม่กล้าสบตาเขา ผมคิดไม่ออกว่าเขากำลังนึกอะไรอยู่ ..

     "ดีใจด้วยนะ"

    สบตากับคนที่กำลังยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มนั้นมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยจริงๆ ผมมั่นใจ ว่าผมไม่ได้คิดไปเอง.. ภายใต้รอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่นแฝงไปด้วยแววตาของเขาที่ดูเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย  

    ณ จุดนี้ผมไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไรดี ผมอาจจะดูโง่มากที่บอกความสัมพันธ์ระหว่างผมกับจูยอนออกไป แต่นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง.. แต่สำหรับซีวอนแล้ว..  ลึกๆ ผมยอมรับว่าผมยังคงรู้สึกดีกับเขาจริงๆ แต่ในเมื่อความรู้สึกนั้นมันยังจมอยู่ในอดีต ผมควรจะลืมมันไปแล้วอยู่กับปัจจุบันให้ได้ ผมเคยสัญญากับตัวเองไว้ ว่าผมจะไม่ทรยศเธอ ..

    "คุณอยากอ่านหนังสืออะไรไหม ผมจำได้ว่าคุณเคยชอบอ่าน" เปลี่ยนเรื่องสนทนาเพื่อหวังว่ามันจะคลายบรรยากาศอึดอัดที่กำลังก่อนตัวขึ้นเหมือนพายุ

    "จำได้ด้วยเหรอ ฮ่าๆ" ผมคิดว่าเขาก็กำลังแค่นหัวเราะออกมาเพื่อคลายบรรยากาศอึดอัดนี้เหมือนกัน

    "คุณชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับศิลปะ ...ผมซื้อหนังสือภาพถ่ายเล่มหนึ่งมา ผมคิดว่าคุณคงจะสนใจ" เดินไปหยิบถุงกระดาษที่บรรจุไปด้วยหนังสือที่ซื้อมาก่อนจะก้มลงเลือกหาหนังสือเล่มที่ว่านั่น

    หนังสือปกสีทึบถูกหยิบออกมายื่นให้กับอีกคน และเป็นดั่งคาดเขากำลังดูมีความสุขกับมันอย่างเต็มเปี่ยม

    "รู้หรือเปล่าว่าใครเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้" ซีวอนพูดขึ้นโดยที่สายตาเขายังจดจ้องอยู่กับหนังสือเล่มเดิมอยู่

    "ถ้าจำไม่ผิด เขาชื่อเหมือนคุณเลยล่ะซีวอน" บางทีมันก็ทำผมแอบคิดไปด้วยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาซะจริงๆ

    "ใช่ เขาชื่อ 'ชเว ซีวอน' ผมเคยอ่านเรื่องราวของเขามามากอยู่เหมือนกัน"

    "อ่า.. เคยอ่านเล่มนี้แล้วใช่ไหม" ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่คิดว่าซื้อหนังสือซ้ำๆ ให้กับเขา ซีวอนตอบคำถามผมด้วยแค่เพียงรอยยิ้มเท่านั้น ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

    "..หนังสือหลายๆ เล่มของเขาก็ถูกเขียนออกมาจากประสบการณ์จริง และถ่ายทอดความรู้สึกของเขาผ่านทางภาพถ่ายให้กับอดีตคนรัก โดยที่ไม่เคยหวังว่าคนคนนั้นจะได้มาพบเจอมันหรือไม่"

    "ฟังดูโรแมนติกดีนะครับ ผมชักจะชื่นชมเขาขึ้นมาแล้ว"

    "คยูฮยอน นายคิดบ้างไหม ว่าหนังสือเล่มนี้ผู้แต่งเขาเขียนถึงนาย.."

    "จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อผมเพิ่งรู้จักชื่อผู้แต่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง"

    "ถ้าผมบอกว่า หนังสือเล่มนี้ผมเป็นผู้เขียนมันขึ้นมาล่ะ นายยังจะคิดบ้างหรือเปล่า ?"

    "………..." ประโยคนั้น ทำผมถึงกับผงะไปชั่วขณะ ประมาณว่าเหมือนผมกำลังหงายหลังตกตึกเลยล่ะครับ

    "Reminiscences.." เขาอ่านชื่อหนังสือที่มุมบนของปกอย่างแผ่วเบา

               

     
     

     

     

     

     

     

     

     

    ทูบีคอน











     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×