คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Can't forget 70%
แนะนำเปิดเพลงนี้ไปด้วยขณะอ่านพาร์ทนี้ - -ll
ผ่าน ไปร่วมห้าชั่วโมงสำหรับการทำความสะอาดห้อง ร่างบางนอนพักอยู่บนโซฟาสีครีมด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือจะดังขึ้น ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นมากรอกเสียงหวานลงไป
“ฮัลโหล”
‘เป็นไงบ้างลูก หาที่พักได้แล้วใช่มั๊ย ?’ เสียงปลายสายผู้เป็นแม่เอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยน
“ครับแม่ ผมทำความสะอาดห้องจนเรียบร้อยแล้วล่ะ” พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
‘ถ้าเหนื่อยมากก็นอนพักบ้างนะลูก อยากได้อะไรเพิ่มบอกแม่นะ’
“คงไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ”
เพราะห้องนี้มันสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ..
‘แค่นี้ล่ะลูก พักผ่อนเยอะๆ นะ’ ปลายสายเอ่ยด้วยความห่วงใย ทำให้รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากสวย
“ครับ รักแม่นะครับ” ร่างบางพูดขึ้นก่อนจะตัดสายไป
ยังไม่ทันที่ร่างบางวางโทรศัพท์ลง เบอร์แปลกๆ ก็โทรเข้ามา ร่างบางกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล”
‘..’
“ใครน่ะ ?”
‘..’
“ซีวอนรึเปล่า ? ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องแล้วนะ” ร่างบางพูดขึ้นเพราะในใจนึกว่าปลายสายเป็นซีวอน
ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ..
ร่าง บางดึงโทรศัพท์ที่แนบกับหูอยู่เมื่อปลายสายตัดสายไป พลางครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ซีวอนเป็นอะไรไป ? เขาเอาเบอร์ใครโทรมา . หรือว่าปลายสายไม่ใช่ซีวอน ..
ร่าง บางหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋ามาแขวนไว้ในตู้ไม้ไวท์โอ๊คก่อนจะเหลือบตาไปเห็นผ้า ปิดตาผืนสีน้ำตาลผืนเดิมที่โผล่ออกมาจากลิ้นชักใต้ตู้ ร่างบางทรุดลงกับพื้น มือสั่นระริกค่อยๆ เอื้อมไปเปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบมันขึ้นมา น้ำใสๆ ที่เอ่อล้นอยู่เต็มเบ้าตาค่อยๆ ไหลออกมาอาบแก้มคนสวย ..มันนานเท่าไหร่แล้วนะ ร่างบางเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ ลิ้นชัก แล้วเปิดมันให้กว้างขึ้นก่อนจะพบว่ามีของบางอย่างอยู่อีก
.. ดาวในโหลแก้ว ..
ฉัน กำลังนอนเลื้อยดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟากลางห้อง จู่ๆ ประตูห้องได้ถูกเปิดออก จองซูที่กำลังถือของพะรุงพะรังอยู่ส่งยิ้มหวานให้ ฉันรีบวิ่งเข้าไปช่วยเขาวางของจัดเก็บให้เข้าที่
“ลีทึก ถุงนี้ไว้วางไว้ไหน ?” ฉันจับหูหิ้วถุงกระดาษสีน้ำตาลชูขึ้นเหนือศรีษะ
“ไม่ต้องวาง เอามานี่” จองซูที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟานุ่มกวักมือเรียก ฉันถือถุงใบเดิมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ก่อนจะเอนคอซบไหล่อีกคน
จอง ซูหยิบถุงกระดาษที่อยู่ในมือฉันไปก่อนจะหยิบของออกมาวางไว้บนโต๊ะกระจกด้าน หน้าทีละชิ้น จนโต๊ะที่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบรกไปหมด
“กรรไกร โหลแก้ว กระดาษพับดาว ยา พลาสเตอร์ ”
“หือออ .. ” ฉันหันไปมองใบหน้าใสๆ ของอีกคนด้วยความแปลกใจ
“หืออะไรฮีชอล ?”
“นายจะซื้อพลาสเตอร์กับยามาทำไมเนี่ย ?”
“ไม่ซื้อได้ไง คนแถวนี้ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” พูดจบจองซูก็หัวเราะขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมฉันที่ทำหน้าบูดบึ้งอยู่เบาๆ “พับดาวกัน”
ฉันกับจองซูใช้เวลานั่งพับดาวกันทั้งคืนจนเต็มโหลแก้ว จองซูจับกระดาษพับดาวแยกออกจากกันเป็นสองส่วน ส่วนที่อยู่ด้านเดียวกับฉันคือส่วนที่พับผิด อีกส่วนคือเศษกระดาษที่ถูกตัดออก ฉันได้แต่ส่งยิ้มเหยๆ ให้
“ตีสาม” จองซูพูดขึ้นในขณะที่สายตากำลังจ้องอยู่กับนาฬิกาเรือนใหญ่
“ลีทึกไปนอนได้แล้ว” ฉันชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง
“นายนั่นแหละไปนอน เดี๋ยวผมเอาโหลไปเก็บก่อน”
“ไม่ต้องนะ ฉันเก็บเอง” ฉันเอื้อมมือไปคว้าโหลแก้วใส่ดาวมาไว้ด้านหน้า
“ไป – นอน” จองซูพูดขึ้นแล้วส่งสายดุๆ มาที่ฉัน
“ก็ได้..” ฉันละมือจากโหลแก้วก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน ในขณะเดียวกันจองซูเดินมากอดเอวฉันไว้แล้วกระซิบบอกฝันดีฉันที่ข้างใบหูก่อน จะเดินไปหยิบโหลแก้วไปวางไว้บนตู้กระจกใส
ร่าง บางมองสภาพตัวเองในกระจกดวงตาที่บวมและแดงก่ำจากการร้องไห้หนัก มือขาวเลื่อนไปเปิดก๊อกน้ำแล้ววักน้ำใส่หน้าตัวเองยกใหญ่จนเปียกปอนไปทั้ง ตัว
“ฉันคิดถึงนาย ปาร์คจองซู ฉันคิดถึงนาย ฉันรักนาย ปาร์คจองซู !” ร่างบางตะโกนใส่เงาในกระจกก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นห้องน้ำ เขาได้แต่ใช้มือทั้งสองข้างปิดตาไว้ .. ไม่มีจองซูที่คอยปลอบโยนเค้าแล้ว ร่างบางได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างนั้น จนไม่รู้ว่าเวลานั้นผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว
มันเป็นอย่างนี้มากี่ครั้งกี่หนแล้วนะ ทำไมฉันยังทำใจไม่ได้สักที
เสียง ริงโทนจากไอโฟนสีขาวด้านนอกดังขึ้นหลายครั้ง จนกระทั่งร่างบางตั้งสติได้จึงรีบปาดน้ำตาลวกๆ แล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงดังไม่หยุด ร่างบางกดรับสาย ยังไม่ทันจะพูดอะไร ปลายสายก็ชิงเริ่มการสนทนาขึ้นทันที
“รับโทรศัพท์ช้า เป็นอะไรไปรึเปล่าฮีชอล” เสียงนุ่มทุ้มจากปลายสารเอ่ยขึ้น
“หึ ไม่มีอะไรหรอก ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ” ร่าง บางกลั้นเสียงสะอื้นและปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุดเพราะกลัวว่าปลายสายจะจับ ได้ว่าเขาร้องไห้ คนปลายสาย ไม่ชอบการที่เห็นเขาร้องไห้ที่สุด
“อยู่ที่คอนโดนั้นใช่เปล่าครับ ? เดี๋ยวผมจะไปหา”
“นายไม่ต้องมาหรอกซีวอน ..” พูดจบ ปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้น
“..แล้วฮีชอลทานอะไรยัง ?”
“ยัง” ร่าง บางพูดตามความจริง เพราะเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ซ้ำยังหมดพลังงานไปกับการร้องไห้อีกตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่มีน้ำเมือกเคลือบกระเพาะอยู่ป่านนี้น้ำย่อยไปย่อยกระเพาะจนพรุนไปหมด แล้วมั๊งน่ะ
“งั้นรอผมอีกสิบนาทีผมจะรับออกไปทานข้าว ฮีชอลอยู่ห้อง 683 นะครับ ?”
“อือ ห้องนั้นแหละ” ร่างบางตอบกลับปลายสายด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะกดตัดสายทิ้งไป
ร่าง บางสวมใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงลายสก๊อตบวกเข้ากับเสื้อโค้ชสีดำ กำลังหวีผมที่ยาวประบ่าอยู่ตรงหน้ากระจก ไม่นานนักเสียงกริ่งภายในห้องก็ดังขึ้น ร่างบางหยิบแว่นตาดำขึ้นมาใส่เพื่อปกปิดดวงตาที่บวมการจากร้องไห้แล้วเดินไป เปิดประตูห้อง
ร่าง สูงที่ยืนรออยู่ด้านนอกยื่นมือมารับหวังจะให้ร่างบางแตะที่มือของตน แต่เขากลับเพิกเฉย ซ้ำยังปิดประตูห้องแล้วเดินนำหน้าไปซะอีก ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไป
ใน ห้องส่วนตัวที่มีผ้าม่านสีเขียวอ่อนเป็นฉากกั้นแยกจากโต๊ะตัวอื่นๆ ทั้งคู่เดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีที่อยู่ติดริมกระจก ดวงตาคู่สวยทอดสายตาออกไปชมวิวทิวทัศน์ด้านนอก ที่เป็นท้องถนนมีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่าน ส่วนอีกด้านติดกับแม่น้ำที่ถูกประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ร่างบางเหม่อมองด้านนอกอยู่นานจนกระทั่งเสียงเพลงในห้องอาหารเปิดคลอขึ้น เบาๆ
I wonder where they are, The days we had, the songs we sang together
And oh my love, I'm holding on forever
Reaching for a love that seem so far
So I say a little prayer and hope my dreams will take me there
Where the skies are blue to see you once again, my love
Overseas from coast to coast to find the place I love the most
Where the fields are green to see you once again, my love
I try to read , I go to work , I'm laughing with my friends
But I can't stop to keep myself from thinking
ฉันสงสัยว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน วันที่เรามี เพลงที่เราเคยร้องด้วยกัน
ที่รักของฉัน ฉันจะยึดมั่นกับคุณตลอดไป
ตามหาความรักที่ดูจะห่างไกลเหลือเกิน
ฉันจึงอธิฐานเล็กๆ น้อยๆ และหวังว่าฝันของฉันจะพาฉันไปถึงตรงนั้น
ที่ที่ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ฉันจะเห็นเธออีกครั้งนึง ที่รักของฉัน
ข้ามทะเลจากฝั่งนึงไปสู่อีกฝั่ง เพื่อหาสิ่งที่ฉันรักมากที่สุด
ที่ที่ทุ่งหญ้าเป็นสีเขียวชอุ่ม ฉันจะเห็นเธออีกครั้งนึง ที่รักของฉัน
ฉันพยายามอ่าน ฉันพยายามทำงาน ฉันกำลังหัวเราะกับเพื่อนๆ
แต่ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองจากความคิดได้
ฮีชอล รู้สึกจุกที่ลำคอเล็กน้อย นั่นสินะ ความหมายของมันไม่ต่างอะไรจากเขาในตอนนี้มากเลย ป่านนี้ลีทึกจะอยู่ที่ไหน จะคิดถึงเขาไหม จะรักกันเหมือนเดิมรึเปล่า ..
“เพลงเพราะดีนะครับ” คนที่นั่งตรงข้ามพูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน
“ฉันจะสั่งอาหาร” ร่าง บางตัดบท พูดจบ ประตูก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมบริกรหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านกำลังถือเมนูเล่มใหญ่ เข้ามา เขากางเมนูลงบนโต๊ะอาหารอย่างมีนอบน้อม
“อยากทานอะไรสั่งตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจผม”
“นายสั่งไปเหอะ สั่งเผื่อฉันด้วยล่ะกัน” ที่ฮีชอลพูดอย่างนั้นเพราะเมนูอาหารมันมากมายละลานตาเหลือเกินกลัวว่าตัวเองจะสั่งมากเกินไปจนกระทั่งกินไม่หมด “อ้อนี่ ฉันขอเลดี้เกรย์ด้วย” เขาสั่งชารสชาติเบาบางเป็นที่โปรดปรานเขา ทุกครั้งที่ฮีชอลรู้สึกแย่ เขาจะดื่มชารสนี้ทุกครั้ง
เล ดี้เกรย์ถูกเสิร์ฟพร้อมกับอาหารห้าหกอย่างถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ภายในจานมีการใช้ผักประดับประดา ทำให้ดูน่ากินอย่างบอกไม่ถูก บริกรคนเดิมกำลังรินชาเลดี้เกรย์ชั้นยอดให้ฮีชอล ถ้าเขาเดาไม่ผิด ราคาอาหารพวกนี้คงไม่ต่ำกว่าสี่หมื่นวอนเป็นแน่ ฮีชอลยกแก้วชาขึ้นมาจิบเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ลงมือจัดการอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่พูดคุยกัน แต่บรรยากาศภายในห้องไม่อึดอัดหรืออย่างไร เพราะปกติฮีชอลก็ไม่เป็นคนพูดมากกับซีวอนอยู่แล้ว
ผ่าน ไปสักพักไฟดวงเล็กๆ ที่ประดับอยู่ภายในห้องได้ดับลง เหลือไว้เพียงเทียนไขสีขาวขุ่นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโต๊ะ ซีวอนเดินออกไปรับช่อบูเก้ที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้นพรมด้านหน้าของอีกคน ฮีชอลได้แต่กระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง ทำยังไงได้ล่ะ ตอนนี้ฮีชอลรู้สึกประหม่าไปหมด สายตาของซีวอนไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย ..เขาจดจ้องเพียงแต่ใบหน้าหวานสวยของคนตรงหน้าเขาเพียงเท่านั้น
“ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่ผมได้พบเจอกับคุณ..”
“…”
“ผมรักคุณมาตลอด ถึงแม้ว่าคุณจะชอบเย็นชาใส่ผมมามากก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าผมจะล้มเลิกความตั้งใจเอาง่ายๆ..”
“…” นั่นคือสิ่งที่ฮีชอลรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว
“ผมอาจไม่ใช่คนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ผมคิดว่าผมพร้อมที่จะดูแลคุณ ผมพร้อมที่จะทำให้คุณมีความสุข”
“…” แต่ฮีชอลก็ยังคงไม่ยอมเปิดใจรับความสุขนั้น
“ฮีชอล เป็นแฟ ...” ซีวอนยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ฮีชอลก็แทรกขึ้นมาก่อน
“นายทำแบบนี้ทำไม ทั้งที่นายเองก็รู้นี่ว่าฉันรักลีทึก” ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและส่งสายตาเสมองไปทางอื่น
“แต่ผมเชื่อว่าผมสามารถเปลี่ยนคุณได้” เขาพูดด้วยความมั่นใจ
“นายเชื่อมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ สุดท้ายนายก็เปลี่ยนฉันไม่ได้ ..ไปรักคนที่เขารักนายดีกว่านะ” พูดจบฮีชอลก็ฝืนยิ้มให้ร่างสูงที่แววตาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดผิดหวังและเสียใจอยู่ด้านหน้า ก่อนจะเดินออกไป
คนที่ฉันรัก ..ไม่ใช่นาย ขอโทษด้วยนะ เชว ซีวอน
ฮีชอล ได้เพียงแต่พูดกับตัวเองเบาๆ แม้ว่าความในใจของเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ต้องทำร้ายคนดีๆ อย่างซีวอนไป แต่มันคือสิ่งที่เขาควรทำไม่ใช่หรอ ? .. แต่ถ้าเขาไม่ปฏิเสธไป มันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ฮ่ะฮ่ะ เขาคงมีความสุขมากงั้นสินะที่ต้องมาคบกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก มันเจ็บยิ่งกว่าการอดทนรอใครสักคนซะอีก ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แพล่มนิด รีดเดอร์รู้มั๊ยว่าตอนนี้มันไม่มีอะไรเลย แถมมันยังแปลกๆ ประหลาดๆ ด้วยซ้ำ =______=;;
พี่ทึกก็ยังไม่มา พาร์ทนี้วอนซินล้วนๆ กร๊ากกกกกกกก
หลายคนคงคิดว่าอิไรเตอร์มันแต่งวอนซินหรือทึกซินกันแน่วะ
ไรเตอร์คอนเฟิร์มทึกซิน วอนคยู แต่เรื่องนี้มันดราม่าเนอะๆ มันต้องมีปมเยอะนิดนึง
เอาความจริงคือไรเตอร์ตัน =____=;; ตันจริงๆ ในหัวมีแต่การบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้
ไรเตอร์แก้ตัวเอาตอนหน้าล่ะกันค่ะ
ความคิดเห็น