ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์ลวงใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 56


     

                ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ร่มรื่น หมู่เรือนไทยประยุกต์หลังขนาดลางงดงามถูกขนาบข้างด้วยเรือนที่ขนาดเล็กลงมาหน่อยตั้งเด่นอยู่บนพื้นที่ส่วนกลางของเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 7 ไร่ โดยที่เกือบครึ่งของพื้นที่นั้นเป็นส่วนของเหล่าต้นไม้ดอกไม้ต่างๆ ที่ทั้งตั้งใจปลูกและต้นไม้เก่าที่อยู่คู่กับที่ดินผืนนี้มานาน บ่งบอกถึงความชื่นชอบเอาใจใส่และความรักธรรมชาติเป็นอย่างยิ่งของเจ้าของบ้าน

                เท้าเล็กลอยอยู่เนื้อพื้น แกว่งไกวเบาๆในขณะที่เจ้าของเท้าน่ารักคู่นั้นเอนตัวนอนอยู่บนกองหมอนอิงในแปลสานตัวใหญ่ที่ผูกไว้อย่างแน่นหนากับต้นมะม่วงสองต้นข้างเรือนหลังเล็กที่เยื้องไปทางซ้ายมือจากเรือนกลางของตัวบ้าน  โดยมีหนังสือเล่มหนาวางไว้อยู่บนตัก เพราะรูปร่างที่เล็กบางและผิวที่ขาวจัดทำให้สาวน้อยที่นอนเอนกายอยู่นั้นเหมือนจะจมหายไปกับกองหมอนสีขาวเลยทีเดียว

                "มองอะไรอยู่เหรอนิล"เสียงห้าวทุ้มเบาดังขึ้นที่ริมหู พร้อมกับอ้อมกอดที่คุ้นเคย ทำให้นิลลิดาที่กำลังยืนมองสาวน้อยบนแปลอยู่บนระเบียงบ้าน ต้องรีบหันไปยิ้มให้กับเจ้าของเสียงนั้นอย่างดีใจ

                "กลับมาเมื่อไหร่คะ นิลไม่ได้ยินเสียงรถเลย"หญิงสาววัยกลางคนที่ยังคงความงดงามอ่อนหวานอย่างสาวเหนือแท้ๆไว้ได้ ถามสามีอย่างแปลกใจพลางหันไปสวมกอดเจ้าของตัวอุ่นๆนั้นกลับอย่างงอนง้อที่ไม่ทันสังเกตว่าสามีที่เดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศ และมีกำหนดการณ์กลับอย่างเป็นทางการในอีกสามวันข้างหน้า ได้กลับมาก่อนเวลาที่กำหนดไว้

                "พอกันเลยทั้งแม่ทั้งลูก อุตส่าห์รีบกลับมาเพราะคิดถึง แต่ดูสิไม่เห็นมีใครรู้ตัวสักคนว่าผมกลับมาถึงบ้านแล้ว งอนดีกว่า"ถึงน้ำเสียงจะดูตัดพ้อ แต่สายตาที่ภัทร ภีระดำรงค์ มองไปยังภรรยานั้นก็ยังแสดงถึงความรักอย่างท่วมท้นอยู่เช่นเดิมแม้จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 18 ปี แล้วก็ตาม

                "อย่างอนเลยค่ะ คุณก็รู้ว่าลูกสาวคุณ ถ้าได้จดจ่อกับอะไรแล้ว ไม่มีอะไรดึงยัยปั้นออกมาจากความสนใจของแกง่ายๆ นี่ก็เพิ่งได้หนังสือเล่มใหม่มาจากคุณปู่ เห็นว่าเป็นหนังสือเก่า นี่แกนั่นอ่านอยู่ตรงนั้นแต่เช้าจนตอนนี้จะกลางวันอยู่แล้วนคะยังไม่ยอมลุกไปไหนเลย"นิลลิดาพูดพลางมองไปยังลูกสาวคนเดียวของเธออย่างแสนรัก แต่ก็แฝงไปด้วยความกังวลใจ ที่แน่นอนว่าสามีคู่ทุกข์คู่ยากของเธอย่อมมองถึงความกังวลนั่นออก

                "แปลว่านิลก็มายืนแอบมองลูกอยู่บนนี้ตั้งนานแล้วใช่ไหม คุณก็รู้ชานเรือนตรงนี้มันไม่มีหลังคา นิลจะไม่สบายเอานะ"สามีที่ทั้งรักทั้งหวงภรรยาเป็นหนักหนาอดจะต่อว่าไม่ได้ เพราะด้วยภรรยาเป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร

                "นิลขอโทษค่ะ นิลกลุ้มเรื่องลูก ไม่อยากให้ลูกไปเรียนต่อเลยค่ะ มันรู้สึกใจไม่ค่อยดี"ภัทรมองภรรยาที่หันกลับไปทำหน้ากังวลเหมือนก่อนที่เขาจะเข้ามาทักเธออย่างอ่อนใจ

                ปั้นหยา ปนันยิตา ภีระดำรงค์ ลูกสาวคนเดียวของเขา แน่นอนว่านอกจากตัวเขาและภรรยาแล้ว ปั้นหยาไม่ได้ถือว่าเป็นแค่แก้วตาดวงใจแต่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของบ้านภีระดำรงค์เลยก็ว่าได้ สาวน้อยวัย 17 หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวอย่างสุขภาพดีอย่างชาวเหนือแท้ๆที่ได้จากมารดา ผมยาวสีดำที่ไม่ได้ปรุงแต่งอย่างเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกัน ดวงตากลมโตสีดำ ทำให้สาวน้อยคนนี้สวยงามราวกับตุ๊กตาเป็นที่ภาคภูมิใจของคนเป็นพ่อยิ่งนัก ประกอบกับนิสัยท่าทางกริยามารยาทที่ถูกอบรมมาอย่างดี ทำให้ไม่ว่าใครจะพบเห็นก็ต้องหลงรักหลงเอ็นดูสาวน้อยคนนี้ไปเสียหมดด้วยความที่เป็นที่รักขนาดนี้การที่ปั้นหยาสอบตรงติดในคณะจิตวิทยา ของมหาลัยรัฐชื่อดังของกรุงเทพฯ นั้นย่อมนำพาความปลื้มปีติมาสู่ทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันการที่ต้องรับรู้ว่าผู้เป็นแก้วตาดวงใจต้องเดินทางไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีไกลบ้านก็ทำให้ทุกคนอดเครียดไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกถึงความกังวลหรือคัดค้าน เพราะนั่นคือตั้งใจของสาวคนนี้เลยทีเดียว

                คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดเห็นจะเป็นภรรยาของเขา เพราะเธอมักพูดออกมาเสมอว่าการที่เธอไม่สบายใจในเรื่องที่ลูกสาวคนเดียวไปไกลหูไกลตานั้นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เธอกังวลขนาดนี้ แต่ความรู้สึกบางอย่างที่สัญชาตญาณความเป็นแม่ร้องบอกต่างหากที่ทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้อยากให้ลูกสาวต้องไปเรียนไกลเช่นกัน แต่เขารู้ดี ตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวคนนี้มา เธออาจจะเป็นเด็กที่ดูน่ารักอ่อนหวานว่าในสายตาคนอื่น แต่ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าสิ่งนั้นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดโดยแท้ ปั้นหยาว่างายเสมอกับความต้องการของพ่อแม่หรือปู่ย่าถ้าหากว่าเธอยอมรับได้และเห็นด้วย แต่ถ้าไม่ลูกสาวที่น่ารักคนเดียวของเขาจะไม่ยอมง่ายๆเพราะถ้าหากเป็นความต้องการที่เห็นว่าถูกต้องและสมเหตุสมผลแล้วนั้นลูกสาวเขาจะเดินหน้าไม่ยอมฟังใครทั้งนั้นจนกว่าจะได้รับเหตุผลที่เปลี่ยนความคิดของเธอ และนั่นก็จริง ภัทร ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะบอกลูกอย่างไรถึงสาเหตุที่ไม่อยากให้เธอไปเรียนต่อในสาขาที่ตั้งใจเอาไว้

                "อย่าคิดมากไปเลย ไม่มีอะไรหรอก ลูกสาวของเรากำลังจะไปเรียนต่อนะไม่ได้ไปทำอย่างอื่น สิ่งที่คุณกังวลคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก ทุกอย่างมันจบไปตั้งนานแล้ว แกกำลังจะได้ทำในสิ่งที่แกหวังไว้ นิลต้องอวยพรแล้วก็ให้กำลังใจลูกถึงจะถูกนะ"ภัทร แอบถอนหายใจอย่างตัดใจเช่นกัน อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด เขาเองก็กังวลมากเช่นกัน แต่จะทำอย่างไรได้ลูกสาวของเขาถึงจะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่เธอก็โตพอที่จะเลือกทางเดินชีวิตของเธอแล้ว

                "นิลกำลังพยายามค่ะ"นิลลิดาตอบสามามีอย่างแผ่วเบา

                ใช่เธอกำลังพยายามจริงๆกับการปล่อยลูกออกไปไกลอ้อมอกครั้งนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าครั้งนี้ทุกอย่างในชีวิตของลูกสาวเธอกำลังจะเปลี่ยนไป และเธอก็คิดว่าลูกสาวของเธอเองนั้นก็รู้ว่าอาจจะมีอะไรมากมายที่มากกว่าเรียนกำลังรออยู่ และเป็นลูกสาวของเธอเองที่เลือกจะเผชิญหน้ากับมัน นิสัยแบบนี้ช่างไม่เหมือนกับใครที่อยู่ที่นี่เอาซะเลย แต่กลับเหมือนผู้ชายคนนั้นเหลือเกิน นิลลิดาคิดอย่างท้อใจ



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×