ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    >>.'IS AIR เพราะนายคืออากาศ.'<< { [Fic] WonCin*KiHae*KyuMin}

    ลำดับตอนที่ #2 : ::: IS AIR ::: ChapTer 1 ::: ถือว่าตอบแทนบุญคุณ...!!

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 52


    ::: IS AIR ::: ChapTer 1 ::: ถือว่าตอบแทนบุณคุณ...!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ด๊องนายนอนห้อง เรียวอุคแล้วกันนะ”

    “ฮะ”

    “ส่วนเสื้อผ้าเรียวอุคก็อยู่ในตู้น่ะ ถ้ามีใครมาเรียกให้เปิดประตูถ้าไม่ใช่ฉันหรือว่าเรียวอุคอย่าเปิดนะ”

    “ฮะ”

     

     

     

    ฮีชอลเดินเข้าไปในห้องของน้องชายอย่างเรียวอุคและสั่งกำชับทงเฮไม่ให้เปิดประตูให้ใครเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินไปลูบหัวทงเฮเล่น แล้วกอดปลอบเบาๆ มือบางเอื้อมไปลูบหัวอย่างห่วงใย

     

     

     

    “นอนซะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยว่ากันใหม่”

    “ฮะ ราตรีสวัสดิ์”

    “นี่มันจะเช้าแล้ว”

    “ฮะ เอิ่ม ฝันดีเจ๊-_-^^

    “คิคิ”

     

     

     

    หลังจากฮีชอลแกล้งทงเฮได้ก็เดินยิ้มร่าไปที่ห้องของตัวเอง ในใจก็นึกหวั่นๆเรื่องที่อีทึกกับเด็กขายขนมครกพูด แต่ทำไมคนอย่างเค้าต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ ฮีชอลยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงหรูอย่างเหนื่อยอ่อน

    จนเวลาล่วงเลยมา เข็มนาฬิกาเข็มสั้นใกล้จะชี้ไปที่เลขหนึ่ง ผู้หญิงที่ดูมีอายุนั่งจิบน้ำผลไม้พลางอ่านหนังสือกอซซิบอย่างสบายใจ ร่างบางที่วิ่งตรงหรี่เข้ามากอดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดา((อีกคน)) อย่างคิดถึง

     

     

     

    “แม่เล็ก~~

    “ซองมินกลับมาได้ไงลูก อ่าวลูกเขยแม่^^

    “ฮะสวัสดีฮะ คุณนายคิม”

     

     

     

    ร่างสูงที่เดินถือกระเป๋าใบใหญ่มาสองใบ ร่างสูงวางกระเป๋าไว้ข้างตัว ก่อนจะก้มหัวน้อยๆกับหญิงวัยกลางคน หญิงวัยกลางคนเอื้อมมือมาลูบหัวลูกอีกคนของตัวเองอย่างรักใคร่

     

     

     

    “ซองมินกลับมาคราวนี้คงอยู่นาน ฝากดูแลลูกสาวแม่ด้วยนะ”

    “ครับ”

    “ซองมิน เมื่อคืนฮีชอลกลับบ้านร่วมตีห้า นี่ก็จะบ่ายโมงอยู่แล้ว ไปปลุกไป”

    “เอ่อ...ครับ”

     

     

     

    หญิงสาววัยกลางคนว่าก่อนจะดันซองมินให้เดินขึ้นบันไดไป ส่วนตัวเองก็จูงมือคยูอยอนมานั่งที่เก้าอี้รับแขก ก่อนที่คนรับใช้จะวางน้ำดื่ม หญิงสาววัยกลางคนจิบน้ำผลไม้ที่เหลือก่อนจะเอ่ยถาม ร่างสูงตรงหน้าอย่างใส่ใจ

     

     

     

    “คยูฮยอนอาการซองมินเป็นยังไงบ้าง”

    “ดีขึ้นบ้างฮะ ผมเพิ่งจะบอกประวัติของคนที่เกี่ยวข้องไปน่ะครับ จำได้บ้างแล้วน่ะฮะ”

    “คราวนี้อย่าให้พลาดล่ะ อยากให้เรามาเป็นลูกเขยแม่จัง อิอิ”

     

     

     

    หญิงสาววัยกลางคนพูดอย่างอารมณ์ดี มือบางของเธอเอื้อมไปลูบหัวร่างสูงเบาๆ ก่อนจะดันหลังเป็นเชิงบอกว่า ให้ตามซองมินไปได้แล้ว ร่างสูงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป

    ไม่นานคนใช้ก็วิ่งมายืนหอบข้างๆของหญิงสาววัยกลางคน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่ดูก็รู้ว่าดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว หญิงสาวหอบหายใจเป็นพักๆ

     

     

     

    “คุณผู้หญิงคะ คุณเรียวอุคโทร.มาบอกว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นค่ะ”

    “ก็จัดไว้ด้วยสิจ๊ะ เอ๊ะ!เตรียมของไว้เดี๋ยวฉันจะลงครัวเอง”

    “ค่ะ คุณผู้หญิง”

     

     

     

    หญิงสาวพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหยิบวารสารและอื่นๆมาอ่าน อย่างฆ่าเวลา ในหัวก็นึกถึงแผนการปะเลาะลูกชายหน้าหวานที่นอนตายอยู่บนห้องอย่างเจ้าเล่ห์

     

     

     

    ก๊อกๆๆๆๆๆๆ

    “พี่ฮีชอลฮะตื่นได้แล้วนะฮะ”

    “...”

    “พี่ฮีชอลฮะตื่นได้แล้วนะฮะ”

    “...”

    “ไม่ตอบเลย จะทำไงดีล่ะคยู”

     

     

     

    ร่างบางหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าเป็นอย่างดี ร่างสูงหันไปทำหน้าครุ่นคิด เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ตัวเค้าเองก็ไม่สามารถจะปลุกฮีชอลได้ เพราะซองมินเป็นคนเดียวปลุกได้ ร่างสูงเห็นแม่นมของบ้านเดินมาเลยฝากของไปเก็บ

     

     

     

    “เดี๊ยว! นมช่วยเอาของผมกับซองมินไปเก็บทีนะครับ”

    “แล้วคุณ...”

    “ผมกลับมาแก้ตัว ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะฮะ^^

    “สู้ๆค่ะ คุณชาย”

     

     

     

    ซองมินหันไปมองหน้าทั้งสองอย่างไม่เข้าใจกับบทสนทนา ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ได้สนใจ คยูฮยอนเกาท้ายทอยอย่างหาความคิด ก่อนจะใช้มือหนาเคาะไปที่ประตูไม้สีขาวอย่างแรง เพื่อช่วยซองมินที่ตะโกนแข่งกับเสียงเคาะประตูของ คยูฮยอน

     

     

     

    “พี่ฮีชอลฮะตื่นซักทีสิ ผมเหนื่อยแล้วนะ”

    “พี่ฮีชอลถ้าไม่ตื่นผมจะจับน้องสาวพี่กดนะ!!

    “มีอะไร?”

     

     

     

    ฮีชอลที่เดินมาเปิดประตูพร้อมชุดคลุมอาบน้ำ คลายความสงสัยของทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี คยูอยอนที่ค้างมือที่กำลังจะทุบประตูอยู่กลางอากาศ หันไปทำสีหน้าแหยๆให้ฮีชอลทันที ก่อนจะรีบชักมือกลับ ซองมินที่มองฮีชอลตั้งแต่หัวจรดเท้าเสร็จ ก็เริ่มพูดออกมา

     

     

     

    “อาบน้ำอยู่เหรอ แม่ให้มาปลุกน่ะฮะ”

    “จ้ะๆ ไอ้คยูถ้าแต่ทำอะไรซองมินนะ โอกาสของแกจะไม่เหลือเลยชิ”

    “ครับ คุณหญิงไปนั่งเล่นที่อื่นกันเถอะซองมิน”

    “อ่า...ฮะ”

     

     

     

    ซองมินได้แต่ยืนหวาดๆกับสายตาที่ฮีชอลส่งไปให้คยูฮยอน แม้ว่ามันจะถูกส่งให้คยูฮยอนก็ตาม หลังจากคยูฮยอนพูดจบก็รีบที่จะคว้าข้อมือบางของซองมินวิ่งไปที่อื่นทันที ทิ้งให้ฮีชอลส่ายหัวอย่างเอือมๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนซองมินคงจะวีนที่คยูฮยอนมาจับมือเค้าแบบนั้น ฮีชอลยิ้มบางๆกอนจะเดินเข้าห้องไป

     

     

     

    “ด๊อง นี่พี่เอง”

    “เจ๊เหรอ? เดี๊ยวผมไปเปิดประตูให้นะ”

    “เร็วสิโว้ย!

     

     

     

    ฮีชอลที่ยืนโวยวายอยู่หน้าห้องของน้องชาย แต่หากว่าในนั้นกลับไม่ใช่น้องชาย กลับเป็นเด็กตัวแสบที่เค้ารู้จักมาหลายปี ฮีชอลหย่อนก้นลงบนเตียงนุ่มก่อนจะหันมามองทงเฮ ที่เช็ดหัวอยู่

     

     

     

    “แล้วคนในบ้านรู้หรือยังฮะ??”

    “ก็จะมาพาไปบอกเนี่ยล่ะ อ้ะนม!

     

     

     

    ฮีชอลต้องถึงกับสะดุ้ง เพราะแม่นมพรวดพราดเข้ามาในห้อง ไม่ใช่กลัวว่าจะถูกจับได้หรืออะไร เพราะทงเฮแค่มาค้าง แต่เค้าอยากจะทงเฮมาอาศัยด้วยซ้ำ เลยทำให้เกิดอาการหวากๆเล็กน้อย

     

     

     

    “ตายแล้วคุณทงเฮ ไม่ได้เจอนานสวยขึ้นเยอะเลยนะ”

    “ฮะ แหะๆ”

    “ว่าแต่...”

     

     

     

    หลังจากที่แม่นมไม่ได้หันไปสนใจสีหน้าตื่นๆของฮีชอลเลย เอาแต่หันไปลูบๆคลำๆทงเฮที่เริ่มทำหน้าไม่ถูก ฮีชอลเอามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ หลังจากที่นมเริ่มเอ่ยถามฮีชอล ดูเหมือนฮีชอลจะสมองไวกว่าเลยชิงตอบไปเสียก่อน

     

     

     

    “เค้าจะมาเป็นน้องผมอีกคน”

    “ดีจังเลย ทงเฮของนม^^

    “จัดอาหารไว้ให้ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะลงไป”

    “ค่ะคุณหนูใหญ่ แล้วเมื่อไหร่คุณหนูเล็กจะกลับมาล่ะคะ”

     

     

     

    แม่นมถามฮีชอล ก่อนจะแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กของทงเฮ มาเช็ดผมสีน้ำตาลที่หมาดๆอยู่ ปากกันไปถามฮีชอล ที่เดินไปดูกรอบรูปประจำตระกูล ที่เรียวอุคขอให้ผู้เป็นมารดาล้างออกมาสองใบและให้เรียวอุคเก็บไว้รูปหนึ่ง ซึ่งเค้าก็เลือกที่จะมาติดไว้ที่ห้องนอน

     

     

     

    “เห็นบอกว่าตามตัวลูกหนี้แถวไหนอยู่ไม่รู้ ตอนนี้เพิ่งจะย้ายบ้านหนี”

    “ค่ะ นมขอตัวนะคะ”

     

     

     

    หลังจากรู้คำตอบของฮีชอล และผมของทงเฮก็เริ่มจะแห้งขึ้นมาแล้ว แม่นมก็ก้มหัวน้อยๆและเดินออกจากห้องไป ฮีชอลเหลือบตามองทงเฮที่วุ่นวายกับตู้เสื้อผ้าอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ

     

     

     

    “ทงเฮถามอะไรอย่างสิ”

    “ฮะ?”

    “ทำไมพ่อกับแม่นายถึงทิ้งนายไป”

     

     

     

    ทงเฮเงียบลง ก่อนจะนั่งลงข้างๆฮีชอล ที่ตอนนี้คนถามได้หลับตาพริ้มเหมือนกับรอคำตอบอยู่ ทงเฮถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปใหม่ และพูดออกมาพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่น

     

     

     

    “ไม่รู้ฮะ พอกลับมาบ้านเจ๊ห้องเช่าก็บอกว่าพ่อกับแม่ผมหนีไปแล้ว แถมเงินที่ผมเคยให้ท่านไปจ่ายค่าเช่า ก็ไม่ตกไปถึงมือเจ๊เจ้าของห้องเช่าเลย แต่แล้วผมก็นึกได้ว่าต้องไปเยี่ยมซองมิน เลยกะจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลซักพักก่อนน่ะ”

     

     

     

    หลังจากที่ฮีชอลได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆก็ยันตัวเองจากเตียงใหญ่ แล้วโอบกอดทงเฮเบาๆ ทงเฮไม่ใช่ลูกคนรวย แต่อย่างน้อยเค้าก็เรียนจบแล้ว และมันทำให้เค้ารู้สึกโล่ง แต่ถึงอย่างนั้นภาระมากมายก็เริ่มตกมาที่ทงเฮหลังเรียนจบ ทุกคนที่เอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ช่วยได้เพียงนิดหน่อย เพราะคนตรงหน้าค่อนข้างดื้อรั้น

     

     

     

    “เฮ้อ~! ทงเฮนายยังมีฉันนะ แล้วจะไปทำงานไหม?”

    “ไปสิ ยังไงที่นั่นก็เหมือนบ้านของผมอีกหลัง^^

    “งั้นไปกินข้าวไป เดี๊ยวฉันคุยกับแม่เอง”

     

     

     

    ฮีชอลลูบหัวทงเฮอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้ ทั้งสองเหลือบมองไปที่สวนหลังบ้าน ที่มีกระต่ายอ้วนพยายามฉีดน้ำจากสายยางส่งไปให้หมาป่าที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เรียกรอยยิ้มจากอุเคะทั้งสองได้ไม่น้อย ทั้งสองเดินลงมาที่โต๊ะอาหาร ก่อนฮีชอลจะพยายามเหลือบมองไปรอบๆ

     

     

     

    “แม่ละฮะนม”

    “ไปซื้อของค่ะ เห็นว่าวันนี้จะลงครัวเอง”

    “ก็ดีสิ ไม่ได้ทานอาหารฝีมือแม่มานานแล้ว”

     

     

     

    ฮีชอลว่าพลางยิ้มแป้น  ก่อนแม่แม่นมจะหยิบอาหารกลางวัน ที่ถูกฮีชอลและทงเฮเรียกว่าอาหารเช้าอออกมาให้ ทั้งสองกินข้าวไปได้ซักพัก แม่นมก็เดินเข้ามาพร้อมทำหน้ายิ้มแย้ม

     

     

     

    “คุณหนูเล็กกับคุณหนูรองโทร.มาบอกว่าเย็นนี้จะกลับมาทานข้าวบ้านด้วยนะคะ”

    “ดีเลย มาให้กดขี่ซะที”

    “ค่ะๆ^^

     

     

     

    จากนั้นห้องครัวก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ แต่ดูก็รู้ว่าทุกคนกำลังมีความสุข และทงเฮก็เรียกรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะได้ดีทีเดียว

     

     

     

    # อาหารเย็น #

    “ดีใจจังเลยค่ะที่คุณชเวมาทานอาหารที่บ้าน”

    “ครับ ยังไงก็ต้องขอฝากคยูฮยอนด้วยนะครับ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ คยูฮยอนผมจะถือว่านั่นเป็นลูกเขยอีกคน”

    “ฮ่าๆ”

     

     

     

    เสียงหัวเราะที่ดังมาจากห้องอาหารดังขึ้น จากชายหญิงที่ดูมีอายุ ที่กำลังพูดถึงบรรดาลูกๆของตัวเองอย่างออกรส และหนึ่งในนั้นก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งรวมอยู่ด้วย เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาสาวใช้หน้าใสได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

     

     

     

    “เด็กๆไปไหนหมดเนี่ย นมไปตามให้ทีสิ”

    “คุณฮีชอลออกไปผับคุณอีทึก ประเดี๊ยวคงมา คุณเรียวอุคอาบน้ำอยู่ค่ะ ส่วนคุณหนูเล็กเก็บของอยู่ค่ะ”

    “ดีเลย แต่แม่นมอย่าให้ฮีชอลพลาดล่ะ”

     

     

     

    เสียงของหญิงมีอายุถามหาผู้เป็นลูกของตัวเอง ก่อนจะได้คำตอบจากแม่นมซึ่งมีหน้าที่ลูกของเค้า ซึ่งคำตอบก็ทำให้หญิงวัยกลางคนโล่งอกไปได้บ้าง ก่อนจะหันไปสั่งแม่นมอย่าเจ้าเล่ห์

     

     

     

    “เห็นบ่นๆอยู่ว่าอยากทานอาหารฝีมือคุณท่าน คงไม่พลาด”

    “ดีเลย จะได้ง่ายๆหน่อย”

     

     

     

    หญิงสาวหันไปยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง พร้อมกับแม่นมที่เองก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ไม้แพ้กัน ทิ้งให้ทุกคนทุกคนที่มองมาอย่างหวาดๆกับมองมาอย่างไม่เข้าใจ เป็นปริศนา

     

     

     

    “ซองมินเป็นไงบ้างจ๊ะ หายดีหรือยัง”

    “หายดีแล้วครับ คุณแม่^^

    “ต๊ายปากหวาน”

    “แล้วเรียวอุคเป็นยังไงบ้างล่ะจ๊ะ?”

    “เรื่อยๆฮะ งานที่โรงพยาบาลก็สบายดีไม่ยุ่งยาก”

     

     

     

    เสียงของหญิงสาววัยกลางคนไล่ถามลูกสาว(??)หัวแก้วหัวแหวนของเพื่อนรักแต่ละคน อย่างรักใคร่ และแฝงไปด้วยความคิดถึง จนหนุ่มหน้าหล่อที่นั่งเงียบอยู่นานออกอาการแซวขึ้นบ้าง

     

     

     

    “กับเยซองล่ะ”

    “เอ่อ

    “ไปถามเรียวอุคแบบนั้นได้ไงกันซีวอน-_-+

     

     

     

    คยูฮยอนที่นั่งเอาอกเอาใจซองมินหันไปดุพี่ชายตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ซึ่งมันก็เรียกรอยยิ้มทุกคนได้ไม่น้อย ก่อนทุกคนจะได้ยินเสียงแว้ดๆ ดังมาจากห้องโถงและพบร่างบางที่กำลังหงุดหงิดเดินเข้ามา

     

     

     

    “อะไรกันเล่า!! จะบ้าเหรอ!!! นี่หยุดโทร.ตามซะที!!! เดี๋ยวไปน่า~ เออก็ได้ ถ้าไม่เห็นกับทงเฮนะ!!!!

    “ฮีชอลลูก=[]=!

     

     

     

    เสียงของผู้เป็นมารดาดังขึ้น เพราะน้อยครั้งที่ลูกคนโตจะอาละวาด และแผดเสียงดังๆ(เหรอ?) ตอนเวลาอยู่กับผู้เป็นมารดาออกจะสำรวมและดูอ่อนโยนด้วยซ้ำไป

     

     

     

    “ขอโทษฮะ พอดีอีทึกโทร.ให้ไปช่วยงานที่ผับ วันนี้สิ้นเดือนคนเลยเยอะนะฮะ”

    “งั้นมาทานข้าวก่อนสิจ๊ะ”

     

     

     

    ฮีชอลพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินตามแรงลากของผู้เป็นมารดาเสียไม่ได้ ฮีชอลหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มที่เค้าค่อนข้างจะคุ้นหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะความคิดพวกนี้มันรกสมอง ก่อนที่คนใช้และแม่นมจะยกอาหารทยอยมาเสิร์ฟ ร่างบางที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเบื่อๆ ก็ได้รับเสียงกระซิบกะทราบจากน้องคนเล็กผู้เย็นชา

     

     

     

    “พี่รู้อะไรไหม? เค้าจะจับพี่แต่งงานกับไอ้หล่อนั่น”

    พรวด!!!

    “อ่ะ คิบอมผ้า-_-^^

    “ขอบใจพี่เรียวอุค-_-;;

    “แกรู้ได้ไง?”

     

     

     

    ฮีชอลว่าก่อนจะทำหน้านิ่งและตาโตๆ กวาดมองไปรอบๆโต๊ะอาหาร ใบหน้าสวยเริ่มเจื่อนลง ก่อนจะทำเป็นตักข้าวเข้าปาก จนเจ้าน้องตัวดีที่นั่งข้างๆ หันมาสะกิดเบาๆอีกครั้ง

     

     

     

    “พี่คิดว่าผมโง่เหรอ ทำไมเราต้องไปชวนเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่มานั่งกินข้าว”

    “เรื่องธรุกิจดิ่ แล้วทำไมเค้าต้องเอาพวกเรามานั่งด้วย”

    “ถูกไหม แล้วดูสายตาที่คุณๆมองพี่สิ”

    “เอ่อ...แกกินต่อไปซะเถอะถ้าไม่อยากโดนจั่ว”

    “ไม่เชื่อไง ดูไอ้หล่อมองเราสองคนดิ่-_-^^

     

     

     

    คิบอมว่าก่อนจะทำปากยื่นให้ไปมองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างเสียไม่ได้ ฮีชอลเหล่ตามองก่อนจะหันมาทำหน้าเบ้ใส่คิบอม เล่นเอาคนรอบข้างต่างอมยิ้มเล็กๆไปด้วยทันทีกับความน่ารักของสองพี่น้องคู่นี้

     

     

     

    “นี่ฮีชอล ไปเอาของหวานมาสิลูก”

    “ฮะ เอ่อ...แม่ฮะผมขอคุยด้วยหน่อยสิฮะ”

    “ได้จ้ะ แม่ก็มีเรื่องจะคุยเหมือนกัน”

     

     

     

    ทั้งสองพูดคุยในสิ่งที่มีบางคนเท่านั้นที่รู้ คู่แม่ลูกเดินโอบกันไปในห้องครัว ก่อนฮีชอลจะไหยิบชามใบเล็กๆมาวางและช้อนคันเล็กๆอีกให้พอดีกับจำนวน ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

     

     

     

    “แม่ฮะ ผมมีเพื่อนที่ผับโดนพ่อแม่ทิ้งนะฮะ ผมจะให้เค้า...”

    “ทงเฮใช่ไหม นมเล่าให้ฟังแล้วล่ะจ้ะ สบายใจเถอะแม่จะอุปการะเค้าเอง”

    “ขอบคุณฮะ^^

     

     

     

    ฮีชอลตอบก่อนจะโผกอดผู้เป็นมารดาอย่างรักใคร่ ส่วนมารดาเองก็ลอบถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมาจางๆมือบางเอื้อมไปลูบหัวผู้เป็นลูกก่อนจะเอ่ยออกมาบ้างด้วยร้ำเสียงกล้าๆกลัวปนกลัดกลุ้ม

     

     

     

    “แต่ว่า ทำอะไรเพื่อพ่อกับแม่หน่อยสิ”

    “ครับ อย่างน้อยผมก็ไม่เคยทำอะไรให้กับครอบครัวเลย”

    “แต่งงานได้ไหม????”

    “...”

     

     

     

    ฮีชอลเงียบลง ใบหน้าหวานที่เคยซุกอยู่กับอกผุ้เป็นมารดาเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตที่ดูก็รู้ว่ากำลังไม่เข้าใจ ในหัวพลางนึกไปถึงเรื่องที่เจอกับตัวเองเมื่อคืน

     

     

     

    แล้วถ้าพ่อแกเกิดจับแกแต่งงานขึ้นมาล่ะ

    ขอบคุณครับ คุณคนสวย ขอให้แต่งงานไวๆนะครับ

     

     

     

    ร่างบางคลายมือออกจากเอวผู้เป็นแม่ก่อนจะก้มหน้าลงทันที ส่วนผู้เป็นแม่ได้เพียงแต่ หยิบมือบางมือกุมไว้แล้วบีบเบาๆ ก่อนผู้เป็นแม่จะเอ่ยเอื้อนออกมาอีกครั้ง

     

     

     

    “ไปคิดดูนะ แล้วเราจะทำอะไรให้ เดี๊ยวแม่ให้นมจัดห้องทงเฮไว้แล้วกัน”

    “ครับ”

    “ถือว่าตอบแทนบุญคุณจะได้ไหม? บริษัทพ่อกำลังแย่...แย่เกินไป...”

    “...ผมจะไปคิดดู”

     

     

     

    ร่างบางว่าก่อนจะกอดผู้เป็นมารดาอีกครั้ง ในหัวก็นึกถึงคนขายขนมครกหน้าโรงพยาบาล กับคำพูดของอีทึก เรื่องมันเร็วซะจนร่างบางตรงหน้ารับไม่ไหว จากคำพูดลอยๆและคำอวยพรเมื่อวาน ทำไมมันถึงมาเกิดเอาวันรุ่งขึ้นได้ ความคิดที่เคยคิดว่ารกสมองไร้สาระ บัดนี้มันกลับกลายเป็นภาระใหญ่เกินกว่าคนอย่างเค้าจะรับได้

     

     

     

    “อ้าว!ซีวอนมาพอดีเลย มาช่วยฮีชอลถือขนมหน่อยเร็ว”

    “ครับคุณแม่”

     

     

     

    หนุ่มหน้าหล่อที่ฮีชอลคิดว่าอาจจะเป็นคนๆนี้ที่เค้าต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วย ก็เดินเข้ามา ฮีชอลมองหน้าผู้เป็นมารดาอย่างไม่พอใจ ส่วนคนที่ถูกมองหน้าก็ได้แต่แอบยกยิ้มแล้วเดินออกไป ทิ้งให้เค้าอยู่กับเมะอย่างหมอนี่สองต่อสอง ร่างสูงเดินตรงเข้ามาพร้อมกับหยิบถาดขนมที่ร่างบางถืออยู่

     

     

     

    “ผมช่วยถือนะ”

    “ดี ถือไปเลย ฉันจะไปข้างนอกแล้ว”

     

     

     

    ฮีชอลว่าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะกระแทกไหล่บางของตัวเองกับไหล่หนาของซีวอน และเดินฟึดฟัดเข้ามาเจอกับน้องชายที่พยายามหลบเสียงกรี๊ดหนวกหูจากคนรับใช้เข้ามาในห้องครัว ฮีชอลหยุดเดินก่อนจะพูดอย่างอารมณ์เสีย

     

     

     

    “คิบอม ไปผับกันไหม?”

    “ผมไม่อยากโดนสายตาโลมเลียจากคนมีอายุหรอกนะ-_-^

    “เออ ชิ ไปก่อนนะฮะคุณแม่ ไปล่ะป๋า ลาล่ะครับ”

     

     

     

    หลังจากได้รับคำตอบจากน้องชายผู้น่าเบื่อแล้ว ก็รีบสาวเท้าออกจากห้องอาหารที่น่าอึดอัดสำหรับฮีชอลขึ้นมาทันทีโดยไม่ลืมที่จะหันไปลาทุกคน แต่เสียงแจ้วๆที่ฮีชอลจำได้ดีและเริ่มรำคาญขึ้นมาตงิดๆก็ดังขึ้น

     

     

     

    “เดี๊ยวสิ! ฝากซีวอนไปด้วยสิลูก เห็นเค้าจะไปหาเพื่อนนี่นา”

    “มาสิ”

     

     

     

    ฮีชอลหันมาพูดกับซีวอนที่เริ่มยิ้มแป้น จนเห็นลักยิ้มนั่น ฮีชอลเผลอใจเต้นไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินลิ่วไปที่รถเฟอร์รารี่คันหรูทันที โดยที่มีซีวอนตามมาติดๆ

     

     

     

     

     

    ..

    .

    Writer Talk

    และแล้วก็ได้ฤกษ์มาอัพ=W=

    ต้องซอรี่ อย่างแรง เน็ตมันไม่ค่อยดี- -**

    ประกับคอมเม้นมันช่างTT

    แต่อย่างไรก็ตามขอฝากฟิคต่อไปค่ะ

    ถึงแม้ว่าคอมเม้นจะน้อยมากก็ตาม ((กำลังใจเริ่มหดหาย- -*))

    แต่ ขอเพิ่ม อีกซัก 8 เม้น อิมายผู้นี้จะมาอัพให้ด่วนๆเลยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×