คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ๏ ch.11 ๏ ๛ The End.[100%]
11
ผมเอาแต่นั่งนิ่งหลังจากที่ได้รู้ว่าครอบครัวจงอินมีอิทธิพลมากแค่ไหน แบคฮยอนเล่าว่าพ่อจงอินหัวแข็งไม่น้อยหลังจากที่เคยต่อกรกับพ่อของจงอินเรื่องหุ้นของผับเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังดีที่ตอนนี้ยังคุยกันได้โดยไม่มีการบาดหมางกัน ซึ่งก็ดีไปอีกเปราะเพราะแบคฮยอนคงสามารถคุยเรื่องจงอินได้แบบเป็นการส่วนตัว
“พี่แน่ใจนะว่าจะไม่เป็นอะไร ถ้าพี่จะไปจริงๆ” เซฮุนถามด้วยสีหน้ากังวล
“แน่นอน” แบคฮยอนยังคงยืนยันคำเดิม
“ไปจริงๆนั่นแหละ นัดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะคุยเรื่องหุ้นของผับที่ทำร่วมกันแล้วก็ว่าจะคุยเรื่องนี้ซะด้วย ไหนๆก็เจอกันทั้งที”
“นายจะไม่เป็นอะไรแน่นะ” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแน่ๆ แบคมั่นใจ” แบคฮยอนยกสองนิ้วขึ้นมาแล้วยิ้มแป้นแล้นให้ ผมยิ้มให้เขาบางๆแล้วลุกขึ้นไปส่งแบคฮยอนที่กำลังจะออกไปหาพ่อจงอิน ส่วนผมก็ต้องอยู่ดูแลเซฮุนที่คอนโด
“นายอย่าเป็นอะไรนะ” พอถึงหน้าประตูผมด็เอ่ยออกมา
“แบคไม่ตายง่ายๆหรอก คยองเป็นห่วงแบคใช่มั้ยล่ะ” แบคฮยอนยื่นมือมาลูบหัวเบาๆ ริมฝีปากชมพูแนบกับริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบาๆ ก่อนที่จมูกโด่งของเขาจะฝังที่แก้มของผม
“ถ้านายตายฉันจะตามไปแช่งนายถึงหน้าหลุมศพแน่ๆ คอยดูเถอะ”
“=[]=!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ผมเดินเข้ามาในออฟฟิศของผับที่หุ้นร่วมกันกับพ่อของไอ้เด็กเวรจงอินโดยที่มีโฮย่ากับแอลตามมาด้วย หลังจากที่เมื่อวานผมส่งให้ลูกน้องจับไอ้เด็กนั่นเข้าคุก คุณอึนฮยอนซึ่งเป็นพ่อของมันก็งงเป็นไก่ตาแตกเมื่อตำรวจโทรไปแจ้งว่าลูกตัวเองโดนจับ พอไปประกันตัวออกมาก็ดูเหมือนจะเข้าไปกระทืบลูกตัวเองก่อนจะลากออกมาคุกนั่นแหละ
เอาจริงๆคุณอึนฮยอกก็ไม่ได้หัวแข้งอะไรมากมายหรอก แค่แข็งเรื่องธุรกิจเท่านั้นแหละ
“มาตรงเวลาดีนี่พ่อร้อยล้าน”
“-_-” นี่คือชื่อผมที่คุณอึนฮยอกเรียกมาตั้งแต่รู้จักกัน
“ตกลงจะเอายังไงเรื่องหุ้น ฉันจำเป็นต้องหุบผับนี้เป็นของตัวเองจริงๆนะ”
“เชิญเลย ผมให้คุณ”
“แหงล่ะ ก็แกมันรวยอยู่แล้ว แบ่งให้ฉันสักอย่างขนหน้าแข้งคงไม่ล่วงหรอก”
“แต่ที่ผมต้องการจะคุยจริงๆคือเรื่องของลูกคุณ” ว่าจบคุณอึนฮยอกก็หรี่ตามองแก้วเหล้าตัวเองที่ถืออยู่พลางครุ่นคิด
“ว่าไงล่ะ ลูกฉันไปทำร้ายคนของแกรึไง”
“ใช่ ลูกคุณฆ่าเพื่อนสนิทตัวเองซึ่งเป็นรู้จักของผมและแฟน แล้วก็คิดจะแย่งแฟนผมไปด้วย”
“ระยำจริงๆ” คุณอึนฮยอนพูดเสียงเข้มพลางวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะด้วยแรงโมโห “แล้วไอ้ศพไอ้เด็กนั่นอยู่ไหน เดี๋ยวฉันรับผิดชอบ”
“ยังไม่ตายแต่แค่เกือบตาย ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่กับหมอส่วนตัวของผม ว่างๆคุณต้อง...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบโฮย่าก็เดินเข้ามาในออฟฟิศอย่างตื่นตระหนก
และพูดในสิ่งที่ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น...
“นายท่านครับ พวกเราได้รับแจ้งมาว่าคอนโดของนายท่านโดนมาเฟียบุกล้อมเอาไว้ด้านในตัวตึกทุกชั้น”
“มาเฟีย?” ผมหันไปสบตากับคุณอึนฮยอกอย่างสงสัย มาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในโซลและทีเพียงกลุ่มก็คือคุณอึนฮยอก อย่าบอกระว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันไปหาเรื่องอีกแล้ว!!
“มันคงอยากได้แฟนแกมาก... ถ้าให้เดามันคงแอบสั่งลูกน้องให้ไปตามมันโดยไม่ให้ฉันรู้”
“ถ้าแฟนผมเป็นอะไรไป ผมจะฆ่าลูกคุณ” ผมมองเขานิ่งอย่างหงุดหงิดก็จะลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับไปที่คอนโดทั้งๆที่ออกมาได้ไม่นาน
“ไม่ต้องไป แกนั่งลงตรงนี้กับฉัน” คุณอึนฮยอกว่าเสียงนิ่ง “จงอินมันโง่จะตาย ป่านนี้ลูกน้องคงลากมันออกมาให้นายแล้วล่ะ”
“อย่าบอกนะว่า...”
“ที่ฉันเคยสัญญากับแกว่าลูกน้องฉันกับลูกน้องแกรวมกันเป็นหนึ่งเดียวไง” ผมทำหน้าถึงบางอ้อทันที ถ้าเขาไม่พูดถึงผมก็คงไม่รู้หรอก หรืออาจจะไม่ได้เลยนั่นล่ะ แต่ถ้าเขาเป็นคนเริ่มพูดเองแสดงว่าคงเป็นคนรักษาคำพูดไม่น้อยเลยทีเดียว
“ดูเหมือนเรื่องนี้จะจบง่ายแฮะ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ยังไม่วายโทรถามความคืบหน้าว่าที่คอนโดเป็นยังไงบ้าง
“ลูกน้องนายว่าไงล่ะ” คุณอึนฮยอกถามหลังจากที่ผมคุยเสร็จ
“ดูเหมือนว่าลูกคุณจะยังไปไม่ถึงฝั่งก็โดนจับให้กลับบ้านซะก่อน” และดูเหมือนว่าเซฮุนกับคยองซูก็ยังไม่รู้เลยว่าสถานการณ์นอกห้องเป็นยังไง
“หึ ฉันกักบริเวณมันไว้เลยล่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะทำตัวแบบนี้ ส่วนไอ้เด็กเพื่อนสนิทนั่นที่ฉันเห็นหน้าบ่อยๆ ฉันเองก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะรักลูกฉัน”
“เด็กคนนั้นชื่อเซฮุน น่ารักนะ นิสัยดีมาก” ผมเล่าให้เขาฟังเหมือนที่คยองมักสาธยายเรื่องของเซฮุนให้ฟังเสมอว่าเด็กคนนี้เป็นคนขยัน เรียนเก่ง แถมยังใจดี ส่วนเรื่องของไอ้เด็กเวรจงอินก็เล่านะ ดีเลิศประเสริฐศรี แต่พอเจอแบบนี้คิดว่ามันน่าจะตรงข้ามกัน
“ลูกฉันมันโง่จริงๆ...” เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนผมก็ได้เอาแต่มองเขานิ่ง ถ้าผมรู้ว่าจะมีลูกแบบนี้ ขอฆ่าทิ้งตั้งแต่มันเพิ่งเกิดดีกว่า
“ไม่คิดจะพาเข้าคุกรึไง” ผมถามไปตรงๆ
“ฉันก็รักลูกของฉันว่ะ ถ้าเป็นแก... หัวอกคนเป็นพ่อทั้งที แกจะกล้าทำลงจริงๆหรอวะไอ้แบค”
ผมนิ่งเงียบเพราะไม่รู้จะเสวนาอะไร มันก็คงจะจริงนั่นแหละ เอาเข้าจริงใครมันจะกล้าทำร้ายลูกตัวเองได้ลงคอ ยกเว้นกระทืบนะ -_-
“อ่ะ เอาไปเซ็นสักทีเถอะ จะได้หมดธุระรีบกลับบ้านไปหามัน” คุณอึนฮยอกยื่นใบมอบสิทธิ์ที่เป็นเจ้าของผับให้เซ็น
หลังจากหมดธุระ เราสองคนก็แยกย้ายกันกลับทันที เมื่อถึงคอนโดผมก็วิ่งไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็ว
คิดถึงคยองเว้ย!
เวลาที่ผมจะไปหาคยองทีไร ผมมักจะวิ่งตลอดเพราะกลัวไปไม่ทัน แล้วก็ไม่อยากจะช้าเลยสักนิด อยากจะไปเห็นน่าคนน่ารักของผมไวๆไงล่ะ ไม่สนหรอกว่าที่ผมจะทำตัวแบบนี้ให้ใครๆเห็นแล้วจะว่ายังไง ผมสนแค่คยองคนเดียวเท่านั้น
ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าแค่เจอคยอง ผมก็พยายามทำตัวดีตั้งแต่แรกเจอ ลุ่มหลงตั้งแต่แรกเห็น ปกติแค่เด็กหกล้มตรงหน้าผมยังเมินเลย แต่นี่ไม่ใช่ ผมหยุดแล้วทำแผลให้เขาอย่างนุ่มนวล
พอได้เป็นแฟนกันจริงๆอย่างที่หวัง นั่นยิ่งทำให้ผมมีความสุข ผมหวังความรักทุกอย่างจากคยองมาก
“กลับมาแล้ว!” ผมพูดเสียงดังเมื่อเข้ามาในห้อง
“เบาๆสิ เซฮุนหลับอยู่นะ”
“ไม่ได้ยินหรอก เซฮุนอยู่ในห้องนอนนะคยอง” ว่าไปอย่างนั้น แต่ผมเองก็ลดเสียงลงนั่นแหละ “ดูอะไรอยู่” ผมมองไปยังหน้าจอไอแพดที่คยองกำลังมองกล่องวงจรปิดออนไลน์ในคาเฟ่จของตัวเอง
“ดูเทาสิ เอาแต่จีบพี่ซูโอฮ ไม่คิดจะออกไปทำงานบ้างเลยรึไง”
“ไอ้เทามันชอบพี่ซูโฮจริงๆด้วยแฮะ”
“นายรู้หรอ”
“มันโทรมาบอกตั้งแต่เจอพี่ซูโฮครั้งแรกแล้วล่ะ หน้าอย่างมันจีบติดแน่นอน”
“แต่ดูเหมือนพี่ซูโฮไม่เล่นด้วยเลยนะ” นิ้วเล็กชี้ให้ดูว่าพี่ซูโฮปัดมือเทาที่กำลังจับไหล่ออก
เออว่ะ สงสัยคนนี้คงจีบยากแน่ๆ ปกติไอ้เทามันจีบติดทุกคนตลอด แต่นี่พี่ซูโฮดูไม่เล่นด้วยสักนิด แถมยังทำหน้าบึ้งใส่อีก แต่ไม่ว่าจะทำหน้าแบบไหนก็ดูสวยไปซะหมด นี่เป็นผู้ชายจริงๆหรอ สวยโคตร
“ทำไมนายมองแบบนั้นฮะ!” มือเล็กปิดหน้าจอไอแพดทันที
“อะไรของคยองเนี่ย แบคมองแบบไหน ทำไมต้องปิดหน้าจอด้วย”
“มองแบบหลงใหล”
“แบคมองคนอื่นแบบหลงไหลแต่ก็มองคยองด้วยความรักนะ”
“ไม่ต้องมาปากหวาน ตกลงเรื่องจงอินเป็นยังไงบ้าง”
“ก็จบง่ายกว่าที่คิดน่ะ โดนกักบริเวณแล้วเรียบร้อย”
“จริงหรอ จะได้โล่งใจหน่อย” คยองระบายยยิ้มออกมา ก่อนที่จะหันมาหอมแก้มผม
แฟนผมนี่น่ารักจริงๆเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักชะมัด!
“ทำตัวน่ารักเกินไปแล้วนะคยอง” ผมกอดเอวเล็กเอาไว้ในอ้อมกอดถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ข้างๆ
“กะ... ก็เป็นแฟนนายแล้วทั้งที ถ้าทำเหมือนเดิมมันก็เหมือนไม่ใช่แฟนน่ะสิ” แก้มใสแดงระเรื่อถึงแม้ใบหน้าจะพยาพยามทำนิ่ง
คยองน่ะเป็นพวกพูดขวานผ่าซาก ชอบเก็กสีหน้าเวลาเขิ๊นนนนนนเขิน เรื่องนี้ผมรู้ดีที่สุดเพราะผมสังเกตการกระทำของคนที่ผมรักอยู่ตลอดเวลา
“คิดถึงแม่จัง”
“รายนั้นน่ะปล่อยไปเถอะ บอกว่าไปเที่ยวสองสัปดาห์นี่ปาจะครึ่งเดือนแล้วยังไม่กลับมาสักที”
“หรือว่าที่ไม่กลับมาเพราะอาจจะเป็นอะไรไป” ใบหน้าน่ารักเริ่มมีสีหน้ากังวลทันที นี่ก็คิดไปไกลจัง
“ไม่หรอก ล่าสุดแบคไปเจอที่อเมริกาตอนไปทำงานเนี่ยแหละ แม่บอกว่าจะกลับจนกว่าจะเที่ยวจนพอใจ”
“แบบนั้นคงนานแน่ๆ เพราะแม่ฉันเป็นคนชอบเที่ยว”
“ชอบเที่ยวทั้งสองคนนั่นแหละน่า”
“เฮ้อ ฉันไม่เห็นจะชอบเที่ยวเหมือนแม่เลย”
“แน่ใจนะ” ผมเลิกคิ้วถามคยองยิ้มๆ
“ใช่ ทำไมหรอ”
“ว้า ว่าจะพาไปเที่ยวทะเลสักหน่อย” ผมทำหน้าเสียดาย
“จริงหรอ *o*”
“จริงสิ แต่คงไปไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”
“ไปสิไป ฉันอยากไป”
“งั้นก็ให้คีย์มาดูแลเซฮุนแทนละกัน เพราะเราจะไปกันวันนี้”
“แต่ว่า...” คยองทำสีหน้าครุ่นคิด เขาคงจะหนักใจเรื่องที่ไม่ได้อยู่ดูแลเซฮุนแน่ๆ
“มีโอกาสแค่ครั้งเดียวนะ บางทีครั้งต่อไปแบคอาจจะติดงานก็ได้” มีทางเดียวคือต้องพูดล่อตาล่อใจให้อยากไปสักหน่อย ความจริงวันอื่นก็ไปได้นั่นแหละ แต่ผมอยากไปวันนี้เลยต่างหากล่ะ
“ไปก็ได้ แต่นายห้ามทำอะไรอย่างว่านะ” โถ่ อุตส่าห์วางแผนไว้ในใจแล้วนะ นี่ผมคิดดังขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย -_-
“ไม่อยู่แล้ว ถ้าคยองไม่ยอม แบคก็ไม่ทำ ^_^”
ไม่ทำหรอ...
หึๆ หน้าอย่างแบคไม่พลาดเรื่องพวกนี้หรอกนะคยองงงง... -..-
35%
[D.O Talk]
เที่ยงของอีกวันผมก็นั่งเล่นอยู่ในบ้านหลังจากที่เตรียมเสื้อผ้าต่างๆนาๆเสร็จแล้ว ก็น่าแปลกอยู่หรอกที่จะไปทะเลในช่วงฤดูหนาว แต่ผมอยากไปเล่นทะเลหน้าหนาวนี่นา
“ฮึบ ไปบ้านแบคดีกว่า” ผมเดินออกจากบ้านทันที แล้วเปิดประตูบ้านออกไปอย่างรวดเร็ว
รถคันดำจอดอยู่หน้าบ้านแบคฮยอนอยู่คันหนึ่ง ให้เดาก็น่าจะเป็นเลขาสองคนสุดสนิท(?)สุดซี้(?)กับแบคฮยอนนั่นแหละ ผมเดินเข้ามาในบ้านอย่างถือวิสาสะเพราะขี้เกียจกดออดหน้าบ้าน ก็พบกับคุณเลขาสองคนที่กำลังนั่งก้มหน้า และนายท่านอีหนึ่งคนที่กำลังนั่งทำหน้าขรึม
“ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำแบบนี้”
“ผมผิดไปแล้วครับนายท่าน” โฮย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“ใครมันจะยกโทษให้กับไอ้เลขาปัญญาอ่อนสองคนที่ปาหิมะเล่นใส่กันในชุดยูนิฟอร์มบริษัทของฉัน แล้วยังมาเล่นหน้าบริษัทอีก ฉันเห็นแล้วขายขี้หน้าจริงๆที่มีเลขาแบบนี้” แบคฮยอนพูดเสียงขรึมแล้วมองโฮย่ากับแอลอย่างเย็นชา
“นายก็ปัญญาอ่อนเหมือนกันนั่นแหละแบคฮยอน” ผมว่าทำลายบรรยากาศในห้องรับแขกที่มารคุทันที
หมั่นไส้ไอ้ประธานขี้เก๊ก!!
“คยอง O_O” พอเจอหน้าผมเนี่ย ความเขร่งขรึมก็มลายหายไปทันที
“ไม่ได้เจอกันนานนะคยองซู” แอลหันมาว่า
“เมื่อกี้แกว่าไงนะ!!” แบคฮยอนถึงกับตวาดใส่แอลทันที
“ใจเย็นๆสิ นายตะคอกใส่แอลทำไมน่ะ”
“ก็ไอ้...”
“ก็ฉันบอกให้แอลกับโฮย่าเรียกฉันแบบนี้ ส่วนคำว่านายท่านเรียกนายคนเดียวก็พอ” ผมว่าอย่างรู้ทัน
“ฮึ่ย! พวกนายสองคนคิดจะประจบประแจงแฟนฉันงั้นหรอ” แอลกับโฮย่าส่ายหน้าเป๋นพัลวันเมื่อแบคฮยอนพูดอย่างหงุดหงิด
“ผมไม่ได้คิดจะประจบแฟนนายท่านครับ แต่ว่าคยองซูสั่งให้พวกผมพูดด้วยอย่างเป็นกันเองครับ”
“แล้วทำไมไม่ปฏิเสธ”
“ก็คยองซูบอกว่าถ้าไม่พูด เค้าจะบอกให้นายท่านทำโทษพวกผมครับ”
“งั้นก็ดี อยากจะทำโทษพวกแกอยู่พอดี”
“ชักไร้เหตุผลแล้วนะแบคฮยอน -_-” ผมมองหน้าแบคฮยอนอย่างเหนื่อยใจ
“ก็ไอ้สองคนนี้มันทำให้แบคโมโหมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้แบคก็อยากสั่งสอนพวกมันบ้าง” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงโดนขัดใจ ให้ตายเถอะ เอาแต่ใจซะจริงๆเลย
“ก็แค่เค้าไปเล่นหิมะเนี่ยนะ ทำงานกับนายก็ดูจะเขร่งเครียดอยู่แล้ว ถ้าเค้าจะไปหาอะไรสนุกทำบ้างมันก็เรื่องของเค้าไม่ใช่หรอ”
“แต่นี่มันหน้าบริษัทนะคยอง แบคอายเป็นบ้าเลยที่ได้ดูวิดีโอในกล้องวงจรปิด”
“ก็ดีออก เป็นสีสันของบริษัท ^_^”
“กวนแบบนี้ อยากโดนทำโทษอีกคนมั้ยครับ” แบคฮยอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับสายตาที่มีเลศนัย
“จะ จะทำอะไรน่ะ โฮย่ากับแอลก็อยู่ที่นี่นะ มียางอายซะบ้างสิ”
“อะไร แบคยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ คิดไปไกลแล้วหรอเนี่ย ทะลึ่งชะมัด”
“ไอ้!!!!!” ผมถึงกับด่าไม่ออกเลยจริงๆ รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้
“เอาล่ะๆ สรุปว่านายท่านจะไม่ทำโทษพวกผมใช่มั้ยครับ” โฮย่าว่าแล้วขยิบตามาให้ผมในขณะที่แบคฮยอนกำลังเผลอไปมองทางอื่น
เป็นพวกแผนสูงกันทั้งประธานทั้งเลขาซะจริงๆ สมแล้วที่มาอยู่ด้วยกันเนี่ย
“ทำ! ฉันบอกตอนไหนว่าฉันจะไม่ทำ” แบคฮยอนหันมาพูดเสียงเข้ม
“ไม่ต้องทำหรอกแบคฮยอน ฉันว่าเราสองคนรีบไปกันเถอะนะ ฉันอยากไปเที่ยวทะเลแล้วล่ะ” ผมว่าเพื่อเกลี้ยมกล่อมให้แบคฮยอนเลิกคิดที่จะทำโทษเขาสองคน
“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องทำโทษ”
“ไม่เอาน่า สงสารโฮย่ากับแอลจะตาย ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้ เค้าทำงานแทบตายแล้วยังมาเจอนายทำโทษแบบนี้อีก ใจดำโคตรๆอ่ะ” ผมร่ายยยาวเป็นหางว่าวเมื่อแบคฮยอนไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน
แต่อยู่ดีๆสายตาของเขาก็มีเลศนัยจึ้นมาทันที
“แต่ว่า...”
“ว่า...” ผมว่าตามมเขาที่นิ่งค้างไปสักพัก ก่อนที่ริมฝีปากชมพูนั่นจะเข้ามากระซิบที่ข้างหูของผม
“คืนนี้ต้องทำให้แบคชื่นใจสักยกสองยกนะ”
ผมถึงกับเงียบกริบทันทีเมื่อได้ยิน ว่าเลขาแผนสูงแล้ว แต่ประธานของเนี่ยแผนสูงมาก!
“ว่าไง จะยอมไม่ยอมละคยอง” ผมโดนถามย้ำอีกทีเมื่อไม่ยอมตอบตกลงสักที
“แต่ฉันห้ามไปแล้วนะ”
“งั้นแบคจะทำโทษสองคนนี้”
“ก็ได้!”
ถ้ากลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะต้องได้ค่าตอบแทนสูงๆจากนายและแอลเลยนะโฮย่า T^T!
ณ ทะเลในฝันของดโยน้อย
แบคฮยอนจอดรถเทียบกับฟุตบาท เมื่อผมลงจากรถก็มีพนักงานในโรงแรมเดินมาเอาของไปเก็บไว้บนห้องที่เขาน่าจะจองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมยืนมองทะเลที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมพลางยิ้มอย่างดีใจ นานๆทีจะได้มาเที่ยวสักครั้ง เพราะมัวแต่ทำงานในคาเฟ่อยู่ตลอด
“ยิ้มใหญ่เลยนะคยอง” แบคฮยอนเดินมายืนข้างๆหลังจากเอารถไปจอดเสร็จเรียบร้อย
“ไปเดินเล่นตามลมเย็นๆกันเถอะ” ผมจูงมือแบคฮยอนให้เดินข้ามถนนไปด้วยกันอย่างดีใจ
ปรี๊นนนนนนน!!
“คยอง!” แบคฮยอนกระชากผมให้กลับมาที่ฟุตบาท
หัวใจของผมเต้นระส่ำไม่หยุดเมื่อคิดว่าตัวเองจะตายจริงๆ ใจหายใจคว่ำหมดเลย T^T
“หัดดูซ้ายดูขวาซะบ้างสิ!!” แล้วคราวนี้ก็จะตายเมื่อโดนแบคฮยอนตะคอกใส่เนี่ยแหละ
“ขอโทษ ก็มันตื่นเต้น” ผมว่าน้ำตาคลอพลางช้อนตามองแบคฮยอนอย่างสำนึกผิด
“เฮ้อ ทีหลังก็ระวังบ้างละกัน แบคกับจะเป็นบ้าตายแล้วรู้มั้ย” นิ้วเรียวยกขึ้นมาปาดน้ำตาของผมช้าๆ ก่อนที่เขาจะพาข้ามถนนไปอย่างปลอดภัย
“หนาวเป็นบ้าเลย”
“แหงล่ะสิ ตอนนี้มันใกล้ค่ำแล้วนี่นา” อ้อมแขนแกร่งสวมกอดผมจากด้านหลังช้าๆ
“แต่อยากได้บรรยากาศแบบนี้นี่นา เงียบดี ชอบที่เงียบๆเปลี่ยวๆ มันสงบ”
“เปลี่ยวหรอ คิดจะยั่วอารมณ์แบครึไง ยั่วตอนนี้มันไม่ดีนะคยอง”
“อ๊ะ” ริมฝีปากอุ่นจูบที่หลังหูจนผมขนลุกซู่ “ไม่ได้ยั่วซะหน่อย”
“ไปเดินเล่นแถวนู้นกันเถอะนะ”
“ไม่เอา ขี้เกียจเดินไปไกลๆ ยืนตรงนี้แหละ ชอบตรงนี้” ผมส่ายหน้าไปมา
“งั้นก็ตามใจ จะได้กอดแบบนี้ไปนานๆ”
ผมยิ้มนิดหน่อยแล้วยืนมองทะเลผืนใหญ่ที่ไกลออกไปไม่มีสิ้นสุด พลางนึกย้อนไปถึงวันที่ผมกับแบคฮยอนเจอกัน ถ้าไม่มีวันนั้น วันที่ผมเจอแบคฮยอนเป็นครั้งแรก ผมคงไม่ได้เป็นแฟนเขาในตอนนี้หรอก
“ฉันรักนายจังเลย... แบคฮยอน” ผมเผลอพูดออกมาอย่างลืมตัว ให้ตาย น่าอายจริงๆ
“แบคก็รักคยอง”
แต่สักพักก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่กำลังดูดดุนที่ต้นคอ ก่อนจะพรมจูบไปทั่วลำคอขาวของผม
“หยุดนะแบคฮยอน” ผมพูดปรามเขาทันที
“อืม ไม่หยุด คยองบอกรักแบบนี้ รู้สึกเหมือนยั่วกันชัดๆ” นายมันเซ็กจัดต่างหากล่ะไอ้บ้า!
“ฮื้อ!” มือเรียวล้วงเข้ามาในสาบเสื้อเพื่อสะกิดยอดอกสีชมพูของผม รู้สึกเหมือนร่างกายเริ่มสั่นไม่มีแรงเมื่อโดนลุกล้ำเยอะขึ้นเรื่อยๆ มาถึงทะเลทั้งที น่าจะได้เล่นก่อนสิ ไม่ใช่มาทำแบบนี้ ให้ตาย...
“กลับโรงแรมกันเถอะนะ แบคอยากแล้วล่ะ”
“แต่ว่า...”
“หรือว่าอยากจะทำกลางแจ้งให้คนอื่นเห็น” ไม่พูดเปล่าแต่ลิ้นร้อนก็ลากเลียที่หูผมช้าๆ
“อะ อือ นะ ในโรงแรม”
จบคำพูด แบคฮยอนก็จูงมือให้เดินไปในโรงแรมทันที ระหว่างที่ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด เขาก็ยังไม่วายมาคลอเคลียผมอยู่ตลอด จนกระทั่งเข้ามาในห้องริมฝีปากร้อนก็เข้ามาประกบทันทีหลังจากปิดประตู
CUTTTTTTTTTT โดนแบนจ้ะ
ผมตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วลุกนั่งบนที่น้อง ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างห้องซึ่งมีทิวทัศน์ยามกลางคืนอยู่ตรงหน้านี้ แสงจันทร์ส่องสว่างเข้ามาในห้องทำให้เห็นภายในห้องได้พอลางๆ
“นึกยังไงตื่นขึ้นมากลางดึกครับ ฮึ” แขนแกร่งโอบรอบเอวของผมช้าๆ ใบหน้าเรียวซุกเข้าที่หน้าท้องของผมอย่างโหยหา ก่อนจะจูบเบาๆใกล้ๆสะดือ
“ไม่รู้สิ แต่มันตื่นมาแล้ว” ผมว่าพลางลูบหัวแบคฮยอน
ใบหน้าเรียวเลื่อนขึ้นมาก่อนจะกดหัวของผมให้ก้มลงประกบริมฝีปากของเขาอีกครั้ง
“อือ” ลิ้นร้อนลุกล้ำเข้ามาตักตวงเอาความหวานแล้วทดแทนความอ่อนโยนมาให้อย่างช้าๆก่อนจะถอนริมฝีปากออกไป
“ถ้าแม่กับพ่อของคยองกลับมาเมื่อไหร่ แบคจะสู่ขอเลยล่ะ”
“หะ หือ นายถามความคิดเห็นของฉันรึยังแบคฮยอน” ผมถามเขาอย่างงุนงง ขอแต่งงานก็ไม่ แล้วยังมีหน้าจะไปสู่ขอแม่ซะงั้น
“แต่งอยู่แล้ว แบครู้หรอกว่าคยองจะตกลง”
“ชิ!”
“ก็คนมันรู้ทันนี่” แบคฮยอนยิ้มกริ่มแล้วจูบที่ขมับของผมเบาๆ “แต่งงานกันนะ”
เพียงแค่คำพูดเดียว หัวใจมันก็พองโตอย่างมีความสุข ผมสบตาแบคฮยอนอย่างดีใจ เราทั้งสองยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น
ผมไม่รู้หรอกว่าถ้าคนอื่นได้ยินประโยคนี้แล้วจะรู้สึกยังไง แต่สำหรับผมนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน ทุกอย่างเหมือนแน่นิ่ง คำขอของเขาก้องเต็มในหัวไปหมด
คำๆนี้มันมีความหมายสำหรับผมมาก ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ได้ยิน มันทำให้เรามีความสุขขนาดนี้
ทำให้ผมยิ้มกว้างได้ขนาดนี้
“แต่งสิ อย่าหย่าล่ะ”
“รักขนาดนี้ จะหย่าทำไมล่ะ”
[The End]
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
บัตอาจจะแต่งไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ได้ดั่งใจ แต่บัตพยายามค่ะ
เรื่องผ่านๆมาที่เคยแต่ง มันเป็นแหล่งเรียนรู้ว่าบัตต้องปรับปรุงแก้ไขตรงไหน
และเรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ
ไม่ว่าจะยอดวิวคนอ่าน ยอดคนเฟบ ยอดคนแสดงความคิดเห็น มันบ่งบอกถึงคุณภาพนักอ่านและนักเขียนโดยตรงและอ้อมไปพร้อมกัน
และประโยคที่ว่ามามันทำให้บัตต้องแก้ไขหลายๆจุดอีกเยอะค่ะ
สุดท้ายนี้บัตต้องขอบคุณทุกคนมากจริงๆค่ะ ที่ได้เข้ามาอ่าน
ความคิดเห็น