ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Jaejoong]ฮู่ล่า!!!! ผมรักแฟนคลับตัวเอง

    ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องราวตอนที่ 1 สาวน้อยอ่อนกว่าวัย

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 53


    เรื่องราวตอนที่ 1

    ต้นเดือนพฤษภาคม......ฤดูร้อนที่แสนจะร้อนอบอ้าว  ใครจะไปคิดว่าประเทศไทยจะร้อนได้รุนแรงปานจะถอดเสื้อเดิน  หลายคนแทบไม่อยากแม้แต่จะกระตุกตัวเองออกมาจากบ้านเพราะกลัวรังสีความร้อนที่ดวงอาทิตย์สาดใส่ 

    แต่ทว่าสำหรับวันนี้แล้ว  หลายคน.........ไม่สิ.......หลายพันคนกลับกระตุกตัวเองออกมายืนตากแดดอาบความร้อนจนหัวแดง  เนื้อหนังที่ต้องสัมผัสกับคนอื่นที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและบางทีก็ยังมาพร้อมกับกลิ่นอันน่าคลื่นไส้ที่ทุกคนขยะแขยง.............มันกับกลายเป็นเรื่องธรรมดา  นี่มัน..........บ้าไปแล้วหรอ 

     

    “ได้บัตรมาหรือเปล่า”

    “ได้สิ...........ก็มารอตั้งแต่ตีห้าแบบนี้จะไม่ได้ได้ยังไงหล่ะ” อีกเสียงพูดอย่างภูมิใจและโบกบัตรเข้างานล่อหน้าไปมาอย่างมีความสุข

    “มารอตั้งแต่ตีห้า.............อย่างเธอเนี่ยนะ  เป็นไปได้ยังไง  เขาไม่ได้หาให้เธอหรอ”เจ้าของเสียงแรกพูดด้วยเสียงตกใจปนเหยียดหยามเล็กน้อย

    “ฉันไม่อยากรบกวนเขาหรอก  ถึงเขาจะอยู่วงใน  แต่ก็ควรทำตัวให้เหมือนแคสคนอื่น  ฉันไม่อยากเป็นแกะดำ”

    “ฉันก็นึกว่าเธอจะสงสารเขาซะอีก  เธอเนี่ยมันใช้ไม่ได้เลยนะ  มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วยังชอบผู้ชายคนอื่นอีก”

    “มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย  ฉันชอบคิม แจจุงก็จริง  แต่ฉันไม่ได้รักแจจุงนี่หน่า  ฉันมีความรักให้แฟนฉันคนเดียว  ชอบกะรักไม่เห็นจะเหมือนกันเลย”

    “เธอนี่นะอายุปาเข้าไปยี่สิบหกแล้วยังมองโลกเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้  ถ้าแฟนเธอไปชอบนักร้องผู้หญิงคนอื่นเธอจะรู้สึกยังไง”

    “ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ  มันก็เป็นเรื่องธรรมดา  ไม่เห็นแปลกเลย  เธอคิดมากจังเลย”

    “แล้วถ้าพี่ชอบผู้หญิงคนอื่นหล่ะ”เสียงชายหนุ่มนุ่มลึกดังมาจากข้างหลังสองสาวที่ยืนเถียงกันอย่างมันปาก

    “หา...............จะชอบผู้หญิงคนอื่นหรอ”

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วม่อนจะว่าอะไรไหมหล่ะ”

    “ถ้าไม่รักแล้วม่อนจะว่าอะไรได้หล่ะ  แต่ตอนนี้ไม่ได้แอบกิ๊กคนอื่นอยู่ใช่ไหมหล่ะ”

    “กิ๊กคนอื่นหรอ.............ถ้ามีจริงๆเรื่องอะไรพี่จะบอกม่อนหล่ะ  เดี๋ยวม่อนก็งอนพอดี”

    “งอนหรอ.......ม่อนเป็นคนขี้งอนหรือไง  ถ้าพี่มีนกิ๊กคนอื่นอยู่จริงๆม่อนก็แย่อ่ะดิ  อย่ากิ๊กคนอื่นได้ไหมอ่ะ  ม่อนรักพี่มีนน้อยไปหรือไง”สาวน้อยพูดแล้วทำหน้ามุ่ยอย่างน้อยใจ

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ยัยม่อนน้อยขี้งอนแล้ว  พี่มีนรักม่อนคนเดียว  รักคนเดียวจริงๆ  ไม่เอาน่าคิ้วผูกเป็นโบว์หมดแล้ว  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ยัยเด็กไม่ยอมโต...............โตได้แล้ว  โตเดี๋ยวนี้นะ”ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี  เขาหยิกแก้มแฟนสาวผู้ไร้เดียงสาของเขาเบาๆ แล้วโอบกอดอย่างถะนุถนอมปานลูกนกในอ้อมกอด

    “ไม่เอา.........ไม่ให้กอดหรอก  ทำแบบนี้ไม่น่ารักอ่ะ  พี่มีนจะมากอดม่อนง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ ม่อนเป็นผู้หญิงนะ  ไม่เอาไม่เอา”ม่อนพูดไปส่ายหน้าไป  เธอจับมือของแฟนหนุ่มออกจากหัวไหล่ของเธอเบาๆ  แต่เธอก็ไม่ได้ปล่อยมือจากมือเขา

    “ยัยม่อน.........เธอกับพี่มีนเป็นแฟนกันนะ  คบกันมาสองสามปีแล้ว  เธอจะไม่ให้พี่เขากอดเธอเลยหรือไง  นี่เธอรักพี่มีนหรือเปล่าเนี่ย”

    “นัน..........อย่าว่าม่อนเลยน่า.......  จริงๆพี่ก็ไม่ควรจะทำแบบนั้น  ถึงม่อนจะเป็นแฟนพี่  พี่ก็ต้องให้เกียรติเหมือนกัน  ไม่เป็นไรหรอก..........”มีนพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ  เขามองแฟนสาวอย่างน้อยใจ  แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเธอ

    “พี่มีน......ม่อนขอโทษนะ  แต่ม่อนอยากเก็บคุณค่าของม่อนให้พี่มีนคนเดียว  ถึงวันที่เราได้อยู่ด้วยกัน  ม่อนก็จะให้พี่มีนทุกอย่าง  อย่างอนเลยนะ”ม่อนพูด  เธอพยามปลอบใจชายหนุ่มของตัวเองและหยกแก้มเขาเบาๆ

    “อึ้ม...........พี่เขาใจ  ไม่เป็นไรหรอก  ใช่............พี่มีของให้ม่อนด้วยนะรับรองม่อนต้องชอบสุดๆ”มีนพูดแล้วดึงมือแฟนสาวให้วิ่งตามไป

    .

    .

    .

    .

    คนเสื้อดำ  คนเสื้อสีดำเดินกันยุ่งเหยิ่งไปหมด  บางคนคนของเข้าออกห้องนั้นห้องนี้  บางคนก็ใส่หูฟังอันใหญ่แล้วก็ทำท่าเหมือนพูดคนเดียว  บางคนก็เดินขนเสื้อผ้าเข้าไปในห้อง  ยุ่งจริงๆ  ยุ่งเหยิ่งมากๆ

    “ลงเครื่องหรือยัง”คนเสื้อดำสนทนาทางโทรศัพท์อย่างกังวลใจ

    “ลงเครื่องแล้ว  ใกล้จะถึงแล้ว  เตรียมสถานที่ให้เรียบร้อยนะ”คู่สนทนาของเขาตอบกลับมา

    “รู้แล้ว  โอเค  เตรียมตัวรับมือแฟนคลับที่จะไปออหน้ารถด้วยนะ  ระวังอย่าไปขับรถชนเข้า”

    “โอเค  ทางนั้นก็เตรียมให้ดีหล่ะ”คู่สนทนาของเขาพูดแล้ววางสายไป

     

     

    “ห้องรับรอง......... ทำไมไม่มีคนคอยไปรับรอง  ใครมีหน้าที่นี้  ใคร!!!!!!!!”เสียงหนึ่งตะโกนดังลั่นจนทุกคนต้องหยุดไปมอง

    “ขออภัยด้วยครับ..........คนที่จะมาคอยรับรองป่วยกะทันหัน  พึ่งโทรมาลาเมื่อกี้เองครับ”คนเสื้อดำอีกคนพูดอย่างหวาดๆ

    “โอ๊ย...........แล้วคราวนี้ใครจะไปทำว่ะเนี่ย  กลุ้มจริงๆ”เจ้าของเสียงพูดอย่างอารมณ์เสีย  พลางเดินไปเดินมาอย่างกลุ้มใจ

    .

    .
    .

    .

    “พี่มีนนี่มันหลังเวที  พี่พาฉันมาทำไม”

    “ก็นี่ไงหล่ะของที่พี่จะให้ม่อน”

    “พี่มีน..................อย่าบอกนะว่าพี่จะ.............................พระเจ้า!!!!!!!!

    “ตอนนี้เข้าห้องรับรองไปแล้ว  แต่ยังไม่มีใครไปรับรองเลย  ผมพูดภาษาเกาหลีไม่เป็น  ทำไงดีอ่ะพี่”หนุ่มเสื้อดำหน้ามนพูดกับเจ้าของเสียงจอมโวยวายอย่างกังวล

    “พี่......ตอนนี้สามคนนั้นอารมณ์เสียนิดๆแล้วหล่ะพี่  หน้ามุ่ยเป็นจวักเลยคะ”สาวเสื้อดำอีกคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา

    “โอ๊ย............อยากจะบ้า..............โทรตามล่ามคนอื่นมาได้บ้างไหม”

    “โทรแล้วคะ......แต่............ไม่ว่างจริงๆ”

    “งานเข้าแล้วไหมหล่ะคราวนี้..........ถ้าเวลาเกินเราต้องเสียค่าตัวสามคนนั้นเพิ่มอีกเท่าตัวเลย  ก็รู้หนิว่าค่าตัวแทบจะคิดเป็นวินาทีอยู่แล้ว.............กลุ้ม!!!!!!!!!”เจ้าของเสียงโวยวายพูดอย่างกลุ้มใจสุดจะทน

    “นี่ไงครับพี่ล่ามคนใหม่”มีนพูดกับคนเสื้อดำทั้งสามที่ยืนกลุ้มใจอยู่

    “มีน..............อ้าว.......ม่อนหนิ”

    “อ่อ..............สวัสดีคะ”ม่อนพูด

    “จริงสิ..........ม่อนพูดเกาหลีได้  โอเค........เคลีย  ม่อนเข้าไปในห้องเลย”คนเสื้อดำจอมโวยวายพูดแล้วผลักม่อนเข้าไปในห้องรับรอง

    “อย่าคะ...........ไม่เอาคะ..........ม่อนไม่พร้อม   พูดไม่ได้หรอกคะ  พี่มีน...........ไม่เอาม่อนไม่เอาแบบนี้  พี่มีน!!!!!!!!!!!”ม่อนตะโกนลั่นและพยามขัดขืนไม่เข้าไปในห้อง  แต่ทว่ามันก็สายไปแล้ว  ไม่ทันแล้ว....................พระเจ้าช่วย!!!!!!!!!!

    .

    .ภาพตรงหน้า..................................... หญิงสาวท่าทางเอ๋อๆ 

    เธอสวมชุดเอี๊ยมหมีกางเกงขาสั้นสีดำทับอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถ้ามองผ่านตาอาจคล้ายเสื้อนักศึกษามหาวิทยาลัย  ผมสีดำหยักศกถูกมัดขึ้นสูงเอียงไปข้างหนึ่งของศรีษะพร้อมหน้าม้าตรงที่ปิดบังหน้าผาก  มองลงต่ำไปอีก............รองเท้าผ้าใบสีชมพูที่ครอบถุงเท้าข้อสั้นสีขาว............นี่มันผู้หญิงอายุยี่สิบหก  หรือว่า........อนุบาลเด็กโข่ง 



    ชายหนุ่มหน้าหวานมองอย่างแปลกใจ  มองตั้งแต่หัวจรดเท้า  แล้วหยุดสายตาตรงใบหน้าเอ๋อๆของสาวน้อย  แล้วยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    “เออ...............สวัสดีคะ  ฉันเป็นล่ามที่จะมาทำหน้าที่รับรองพวกคุณตอนพักผ่อนหลังเวที  เออ....ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย  และโลกของแคสสิโอเปียนะคะ”

     

    “อ่.........อ่อ......... ข......ขอบ..............ขอบคุณครับ  พวกเรายินดีมากครับ”ชายหนุ่มหน้าหวานพูดตะกุกตะกักเพราะไม่คิดว่าสาวหน้าเอ๋อข้างหน้าเขาคือล่ามที่จะมารับรองเขาและน้องชายสุดหล่อของเขาอีกสองคนที่นั่งยิ้มกรุ่มกริ่มหัวเราะเบาๆอย่างแปลกใจอยู่เช่นกัน

     

     

    “น้องจริงๆหรอครับที่จะมารับรองพวกพี่”จุนซูถามขำๆ  เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาสาวน้อยตรงหน้าและตบบ่าเธอเบาๆแกมหยอกล้อและหัวเราะ

    “ห๊ะ........น้อ.......น้อง  หรอ  ฮ่าๆๆๆๆ คะ  ใช่ฉันจะมารับรองพวกคุณ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”ม่อนหัวเราะเสียงดังจนจุนซูต้องหยุดหัวเราะและมองด้วยความแปลกใจยิ่งกว่าเดิม

    “มันมีอะไรน่าขำนักหรอ”แจจุงถาม  เขามองม่อนด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจทั้งๆที่ตอนแรกเขาแอบยิ้มให้เธอด้วยซ้ำ

    “โอ๊ะ...........ขออภัยจริงๆคะ  ฉันไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่พวกคุณนะ  แต่อยากจะขอบคุณมากๆเลย  คุณจุนซูเป็นผู้ชายน่ารักอย่างที่เขาล่ำลือจริงๆ”ม่อนพูดแล้วยิ้มหน้าบานจนแจจุงเองต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง

    “หมายความว่ายังไงหรอ  ที่อยากขอบคุณผม”จุนซูถาม

    “คุณจุนซูคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่หรอ”ม่อนถาม

    “อืม...........อย่างมากก็น่าจะยี่สิบมั้ง  เต็มที่อ่ะยี่เอ็ด”จุนซูตอบอย่างมั่นใจที่สุด

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ จริงหรอ  ฉันดูเด็กขนาดนั้นจริงๆหรอ  ฮ่าๆๆๆๆ ดีใจจังเลย”ม่อนพูดแล้วหัวเราะอีกครั้ง

    “ท่าทางนายจะทายผิดแล้วหล่ะ  ฉันว่า............น่าจะ  สิบแปดมากกว่า”ยูชอนพูดแล้วลุกขึ้นมองรอบๆตัวม่อนอย่างครุ่นคิด

    “โอ้ว...........สิบแปดจริงๆหรอ”ม่อนพูดด้วยความดีใจมากกว่าเดิม

    “แล้วตกลงว่าอายุเท่าไหร่หล่ะ  อย่าบอกนะว่ามากกว่าพวกเรา”แจจุงพูด

    “ไม่.........ไม่มากอย่างนั้นหรอก  ว่าแต่คุณแจจุงคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่หล่ะคะ”ม่อนแกล้งถามแจจุง

    “ทำไมฉันจะต้องรู้ด้วยหล่ะ  แต่เอาเถอะทายเล่นฆ่าเวลาก็ได้  ฉันว่าเธอ..............อายุ”

    “ถ้าพี่แจจุงทายถูก  คุณจะให้อะไรตอบแทนหล่ะ”จุนซูพูด

    “ห๊ะ.......”ม่อนส่งเสียงแสดงความสงสัยออกมาและจ้องหน้าจุนซูอย่างครุ่นคิด

    “ถ้าฉันทายถูกเธอต้องทำตามที่ฉันต้องการโอเคป่ะ”แจจุงพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับยิ้มหวานให้ม่อนอย่างไม่เกรงกลัว

    “เรื่องนั้น...............มันมากไปมั้ง  แค่เล่นๆไม่ได้หรอ  น่ากลัวอ่ะคะ”ม่อนพูดและส่ายหน้าอย่างหวาดๆ

    “นี่มันคือเกมส์................เธอหน่ะน่าจะอายุมากแล้ว  แต่ยังแอ๊บแบ๊วเป็นเด็ก  เธอหน่ะ.........อายุ.......... อายุน่าจะประมาณยี่สิบ...........ยี่สิบหกได้แล้วมั้ง  ไม่น่าจะประมาณฉัน”แจจุงตอบอย่างมั่นใจแล้วจ้องหน้าม่อนอย่างต้องการคำเฉลย

    .

    .

     “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใช่จริงๆด้วย  เธออายุยี่สิบหกจริงๆด้วย  ฮ่าๆๆๆๆ ทายถูกจนได้  ฉันนี้มันเก่งจริงๆ”แจจุงหัวเราะและพูดเสียงดังอย่างมีความสุข

    “อ......อะไร  อาจไม่ใช่ก็ได้”ม่อนพูดแล้วก้มหน้าอย่างกลุ้มใจ

    “นี่เงยหน้าซิ”แจจุงพูดแล้วใช้นิ้วชี้เชิดคางม่อนขึ้นมาแล้วยิ้มหวานให้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×