ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Security Computer

    ลำดับตอนที่ #8 : ชื่อไวรัสบอกอะไรได้บ้าง?

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 53


    ชื่อไวรัสบอกอะไรได้บ้าง
    เคย สงสัยกันบ้างไหมว่าชื่อของไวรัสที่เห็นทั่วไปนั้น มีความหมายว่าอย่างไรทำไมบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมป้องก ันไวรัสจึงตั้งชื่อแตกต่างกัน​ไป ทั้งๆที่ไวรัสที่ค้นพบนั้นเป็นตัวเดียวกันอย่างไรก็ต ามแม้ว่าชื่อจะเขียนไม่เหมือนกันทุกตัวอักษร แต่ความหมายที่แปลได้จากชื่อนั้น​เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น W32.Klez.h@mm W32/Klez.h@MM WORM_KLEZ.H I-Worm.Klez.h ​เป็นต้นบทความนี้จะอธิบายถึงส่วนต่างๆ ของชื่อไวรัสเพื่อทำให้ผู้อ่านสามารถจำแนกแยกแยะประเ ภทของไวรัสจากชื่อของไวรัส ความสามารถเด่นๆตลอดจนวิธีการแพร่กระจายตัวของไวรัสไ ด้

    1. ส่วนแรกแสดงชื่อตระกูลของไวรัส (Family_Names) ส่วนใหญ่จะตั้งตามชนิดของปัญหาที่ไวรัสก่อขึ้นหรือภา ษาที่ใช้ในการพัฒนา เช่น เป็นม้าโทรจัน ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic scripts หรือเป็นไวรัสที่รันบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 32 บิต เป็นต้นซึ่งชื่อของตระกูลของไวรัสที่ค้นพบในปัจจุบัน Family_Names ​ความหมาย

    WM ไวรัส​ที่​เป็นมาโครของโปรแกรม Word
    W97M ไวรัส​ที่​เป็นมาโครของโปรแกรม Word 97
    XM ไวรัส​ที่​เป็นมาโครของโปรแกรม Excel
    X97M ไวรัส​ที่​เป็นมาโครของโปรแกรม Excel 97
    W95 ไวรัส​ที่มีผลกระทบ​กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95
    W32/Win32 ไวรัส​ที่มีผลกระทบ​กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 32 บิต
    WNT ไวรัส​ที่มีผลกระทบ​กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ NT 32 บิต
    I-Worm/Worm หนอนอินเทอร์เน็ต
    Trojan/Troj ม้าโทรจัน
    VBS ไวรัส​ที่ถูกพัฒนาด้วย Visual Basic Script
    AOL ม้าโทรจัน America Online
    PWSTEAL ม้าโทรจัน​ที่มี​ความ​สามารถในการขโมยรหัสผ่าน
    Java ไวรัส​ที่ถูกพัฒนาด้วยภาษาจาวา
    Linux ไวรัส​ที่มีผลกระทบ​กับระบบปฏิบัติการลินุกซ์
    Palm ไวรัส​ที่มีผลกระทบ​กับระบบปฏิบัติการ Palm OS
    Backdoor เปิดช่องให้ผู้บุกรุกเข้าถึงเครื่อง​ได้
    HILLW บ่งบอกว่าไวรัสถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูง

    2. ส่วนชื่อของไวรัส (Group_Name) เป็นชื่อดั้งเดิมที่ผู้เขียนไวรัสเป็นคนตั้ง โดยปกติจะถูกแทรกไว้อยู่ในโค้ดของไวรัส และในส่วนนี้เองจะเอามาเรียกชื่อไวรัสเปรียบเสมือนเร ียกชื่อเล่น ตัวอย่างเช่น ชื่อของไวรัสคือ W32.Klez.h@mm และจะถูกเรียกว่า Klez.h เพื่อให้สั้น​และกระชับขึ้น​

    3. ส่วนของ Variant รายละเอียดส่วนนี้จะบอกว่าสายพันธุ์ของไวรัสชนิดนั้น ๆ มีการปรับปรุงสายพันธุ์จนมีความสามารถต่างจากสายพันธ ุ์เดิมที่มีอยู่ variant มี 2 ลักษณะคือ
    Major_Variants ​จะตามหลังส่วนชื่อของไวรัส เพื่อบ่งบอกว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นหนอนชื่อ VBS.LoveLetter.A (A เป็น Major_Variant) แตกต่างจาก VBS.LoveLetter อย่างชัดเจน
    Minor_Variants ​ใช้บ่งบอกในกรณีที่แตกต่างกันนิดหน่อยในบางครั ้ง Minor_Variant เป็นตัวเลขที่บอกขนาดไฟล์ของไวรัส ตัวอย่างเช่น W32.Funlove.4099 หนอนชนิดนี้มีขนาด 4099 KB.

    4. ส่วนท้าย (Tail) ​เป็นส่วนที่จะบอกว่าวิธีการแพร่กระจาย ประกอบด้วย
    @M หรือ @m บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้เป็น "mailer" ที่จะส่งตัวเองผ่านทางอี-เมล์เมื่อผู้ใช้ส่งอี-เมล์เท่านั้น​
    @MM หรือ @mm บอกให้รู้ว่าไวรัสหรือหนอนชนิดนี้​เป็น "mass-mailer" ​ที่​จะส่งตัวเองผ่านทุกอี-เมล์แอดเดรสที่อยู่ในเมล์บอกซ์ตัวอย่าง W32.HILLW.Lovgate.C@mm แสดงว่าอยู่ในตระกูลที่มีผลต่อระบบปฏิบัติการวินโดวส ์ 32 บิต และถูกคอมไพล์ด้วยภาษาระดับสูงชื่อของไวรัส​คือ Lovgateที่มี variant คือ C มีความสามารถในการแพร่กระจายผ่านทางอี-เมล์โดยส่งไปยังทุกอี-เมล์แอดเดรสที่ อยู่ในเมล์บอกซ์

    จากส่วนประกอบของชื่อไวรัสที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น จะเห็นได้ว่าชื่อของไวรัสนั้นสามารถบอกถึงประเภทของไ วรัส ชื่อดั้งเดิมของไวรัสที่ผู้เขียนไวรัสเป็นคนตั้งสายพ ันธุ์ต่างๆ ของไวรัสที่ถูกพัฒนาต่อไป และวิธีการแพร่กระจายตัวของไวรัสเองด้วย

    เรื่องเดิม ๆ แต่ไม่เคยตกยุคเกี่ยวกับไวรัส
    ไวรัส คอมพิวเตอร์ (Computer virus) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเต อร์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับ ระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
    ไวรัสคือ
    ไวรัสเป็นโปรแกรมประเภทที่ สามารถแพร่ขยายตัวเองได้ วิธีการในการจำแนกว่าส่วนของโปรแกรมนั้นเป็นไวรัสหรื อไม่ นั้นดูจากการที่โปรแกรมสามารถแพร่กระจายตัวได้โดยผ่า นทางพาหะ (โฮสต์)

    บ่อย ครั้งที่ผู้คนจะสับสนระหว่างไวรัสกับเวิร์ม เวิร์มนั้นจะมีลักษณะของการแพร่กระจากโดยไม่ต้องพึ่ง พาหะ ส่วนไวรัสนั้นจะสามารถแพร่กระจายได้ก็ต่อเมื่อมีพาหะ นำพาไปเท่านั้น เช่น ทางเครือข่าย หรือทางแผ่นดิสก์ โดยไวรัสนั้นอาจฝังตัวอยู่กับแฟ้มข้อมูล และเครื่องคอมพิวเตอร์จะติดไวรัสเมื่อมีการเรียกใช้แ ฟ้มข้อมูลนั้น

    เนื่อง จากไวรัสในปัจจุบันนี้ได้อาศัยบริการเครือข่าย บนคอมพิวเตอร์ เช่น เวิลด์ไวด์เว็บ อีเมลล์ และระบบแฟ้มข้อมูลร่วมในการแพร่กระจากด้วย จึงทำให้ความแตกต่างของไวรัสและเวิร์มในปัจจุบันนั้น ไม่ชัดเจน

    ไวรัส สามารถติดพาหะได้หลายชนิด ที่พบบ่อยคือ แฟ้มข้อมูลที่สามารถปฏิบัติการได้ของซอฟต์แวร์ หรือส่วนระบบปฏิบัติการ ไวรัสสามารถติดไปกับบูตเซ็กเตอร์ของแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ แฟ้มข้อมูลประเภทสคริปต์ ข้อมูลเอกสารที่มีสคริปต์มาโคร นอกเหนือจากการสอดแทรกรหัสไวรัสเข้าไปยังข้อมูลดั้งเ ดิมของพาหะแล้วไวรัสยังสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเดิมใ นพาหะ และอาจแก้ไขให้รหัสไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานเมื่อพาห ะถูกเรียงใช้งาน

    ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์
    บูตไวรัส
    บูต ไวรัส (Boot Virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่าง เริ่มบูตเครื่อง ส่วนมากมันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำ ลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร ์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู้เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทัน ที
    บูต ไวรัสจะติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคอร์ด (Master Boot Record ) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏ ิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ไฟล์ไวรัส
    ไฟล์ไวรัส (File Virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม

    ไวรัสมาโคร
    ไวรัส มาโคร (Macro Virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโ นมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น

    โทรจัน
    มาโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง การะทำการบางอย่างในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของมาไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดตั้ง ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจันจุถูกแนบมากับอีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไ ซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

    หนอน
    หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงท ี่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น


    การป้องกัน
    โปรแกรมป้องกัน ไวรัส (Antivirus Software) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันและกำจัดไวรัสคอ มพิวเตอร์ (ต่อจากนี้จะเรียกว่าไวรัส) จากผู้ไม่หวังดีทางอินเทอร์เน็ต โปรแกรมป้องกันไวรัสมี 2 แบบใหญ่ๆ

    1. แอนติไวรัส เป็นโปรแกรมโปรแกรมป้องกันไวรัสทั่วๆ ไป จะค้นหาและทำลายไวรัสในคอมพิวเตอร์ของเรา
    2. แอนติสปายแวร์ เป็นโปรแกรมป้องกันการโจรกรรมข้อมูล จากไวรัสสปายแวร์ และจากแฮ็กเกอร์ รวมถึงการกำจัด Adware ซึ่งเป็นป๊อบอัพโฆษณาอีกด้วย

    โปรแกรมป้องกันไวรัสจะค้นหาและทำลายไวรัสที่ไฟล์โดยต รง แต่ในทุกๆ วันจะมีไวรัสชนิดใหม่
    เกิด ขึ้นเสมอ ทำให้เราต้องอัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสตลอดเวลาเพื่อ ให้คอมพิวเตอร์ของเราปลอดภัย โดยแอนติไวรัสจะมีรูปแบบตามบริษัทกันไปและแต่ละบริษั ทจะมีการอัพเดทและการป้องกันไม่เหมือนกัน แต่ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวไม่ควรมีโปรแกรมป้องกัน ไวรัส 2 ตัว เพราะจะทำให้โปรแกรมขัดแย้งกันเองจนไม่สามารถใช้งานไ ด้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×