ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
อรไพลินเห็นทั้งสามคนเดินกลับมาที่ร้านเธอสั่งให้พนักงานเอาเครื่องดื่มมาให้ชายหนุ่มที่เธอสนิทด้วยอย่างรู้ดีว่าเขาชอบอะไร
“ไงอร ร้านรุ่งเรืองดีนี่นา” ทักหญิงสาวที่ยืนอยู่อย่างคุ้นเคย ขณะที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับน้องสาวกับมนปริยา
“เรื่อยๆ แหละว่าแต่จินเถอะหายไปตั้งนานไม่แวะมาบ้างเลยนะ” บ่นเขาอย่างงอนๆ
“โธ่...ช่วงนี้มันยุ่งน่ะ ...เออใช่...อิ่มนี่ไพลินเพื่อนผมเองแล้วก็นี่อิ่มผู้ช่วยผม” เขาแนะนำอย่างเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเสียมารยาทแค่ไหน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณอิ่ม”
“เช่นกันค่ะ”
“นั่งก่อนดีกว่านะคะพี่จิน” จิณห์วราท้วงขึ้นเบาๆ เมื่อทั้งหมดยังยืนอยู่ที่เดิม
“เชิญอิ่มนั่งก่อนนะครับ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้มนปริยานั่งก่อนและเขานั่งลงข้างๆ เธอส่วนน้องสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย สายตาจ้องหญิงสาวไม่วางตา
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาอะไรดีครับ” เขาถามอย่างใส่ใจ
“ไม่ดีกว่าค่ะอิ่มอยู่เลย” เธอบอกย่างรู้สึกผิดเมื่อครู่เธอทานเยอะไปหน่อยตอนนี้เลยไม่เหลือท้องไว้ทานอะไรได้แล้ว
“ผมก็ว่าอย่างนั้นละ”
“พี่จิน...จะไม่แนะนำใหจินนี่รู้จักหน่อยเหรอคะว่าสาวสวยคนนี้เป็นใคร?” หลังจากที่เงียบไปนานพี่ชายก็ไม่แนะนำให้รู้จักเสียทีเธอเลยต้องถามเอาเอง
“ใช่ซิ ลืมไปเลยอิ่มนี่น้องผมเองจินนี่ครับ ส่วนสองสาวคนขาวนั่นวี อีกคนก็มิ้มเป็นเพื่อนรักของจินนี่เขาครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะเรียกพี่อิ่มก็ได้ค่ะ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง มองทั้งสามคนอย่างเอ็นดู ‘นี่คงอยากรู้เรื่องพี่ชายแน่ๆ เลยดูมองเธอเข้าซิ’
“ค่ะ...พี่อิ่มเป็นแฟนพี่จินเหรอคะ?” ถามออกไปโต้งๆ มนปริยายิ้มอย่างเอ็นดู
“เปล่าค่ะ พี่เป็นผู้ช่วยคนใหม่ค่ะไม่ได้เป็นแฟนหรอก อย่าเอ็ดไปนะคะคนอื่นได้ยินพี่ตายแน่ค่ะ” เธอขยิบตาให้ทั้งสามสาวอย่างน่ารัก และขี้เล่น
“แหม..น่าเสียดายนึกว่าใช่แล้วซะอีก” ทั้งสามสาวที่หน้าเสียดายเต็มที่
“มันเป็นไปไม่ได้เหรอกค่ะ ไม่นานพี่ก็ไปแล้ว”
“ไป? ไปไหนเหรอคะ?”
“อ้าว?...พอคุณเนกลับมาพี่ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่เดิมน่ะซิ”
“แหมจินนี่ก็นึกว่าพี่อิ่มจะไปไหนเสียอีกค่ะ ดูทำหน้าตาจริงจังเชียว” ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พี่อิ่มมาทำงานที่บริษัทพี่ยัยจินนี่นานแล้วเหรอคะ?” สาวหมวยถามอย่างสนใจ คนอะไรยิ่งมองยิ่งสวย ทั้งที่ไม่ได้แต่งอะไรมากมายแท้ๆ น่าอิจฉาชะมัดเลย
“แปดเดือนแล้ว”
“เหรอคะ..เก่งจังนะคะที่เข้าบริษัทนี้ได้น่ะค่ะ วีเองก็อยากทำงานด้านนี้เหมือนกันนะคะ ท่าทางจะรุ่งแน่ๆ”
“เรียนจบก็ลงสมัครดูซิ ไม่แน่นา...”
“เรื่องนั้นอยู่แล้วค่ะ แต่อีกตั้งนานกว่าจะเรียนจบ” ทำหน้าเสียดายเต็มที
“แป๊บเดียวเองไม่นานหรอกจ้ะ” บอกด้วยรอยยิ้ม
“ว่าแต่...คุณไพลินเป็นอะไรรึเปล่าคะอิ่มเห็นเงียบตั้งนานแล้ว?” เธอหันไปถามเพื่อนเจ้านายอย่างใส่ใจ
“เปล่าค่ะ...ก็ฟังคุณอิ่มกับน้องๆ คุณกันไงคะ ใช่มั้ยจิน” หันไปถามเพื่อนเธอเอง จริงๆ เธอก็ไม่ได้ฟังเสียเท่าไหร่หรอก เพราะมัวแต่มองชายหนุ่มที่กำลังมองหน้าหญิงสาวนามอิ่มไม่วางตาตะหาก
“เออ...ใช่ ว่าแต่ไพลินละจะไปงานเลี้ยงรุ่นมั้ย?”
“ไปซิ จินละ?” เธอถามกลับเผื่อว่าเขาจะชวนเธอไปเป็นเพื่อนก็เป็นได้
“เรายังไม่รู้เลย ไม่รู้จะชวนใครไปด้วยน่ะ”
“เหรอ” ตอบเสียงเศร้าถ้าเขาบอกอย่างนี้แสดงว่าไม่คิดจะชวนเธอน่ะซิ
“ว่าแตะไพลินละ จะไปกับใครเหรอ?”
“ยังไม่แน่น่ะ”
“ชวนเมธซิมันน่าจะว่างอยู่นะ”
“ไม่รู้ซิ ขอคิดก่อนว่าจะชวนใครดี ตัวเลือกเยอะน้า” เธอแกล้งทำเหมือนร่าเริงไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอรู้สึกไม่ดีแค่ไหนที่เขาแนะนำคนอื่นให้เธอ
“พ่อ! บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่ายัยอิ่มอยู่ที่ไหน” มนต์ธัชแฝดผู้น้องถามเสียงลั่นในห้องทำงานของพ่อ
เขาเพียรตามหาน้องสาวคนเล็กมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่กลับขากเบอร์ลินด์ครั้งนั้น พอกลับมาไม่เจอน้องสาว และไม่มีใครยอมบอกเขาเลยว่าน้องสาวหายไปไหนกัน ไม่ว่าจะตามหาที่ไหนก็ไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อย
“น้องคนเดียวหาไม่เจอเหรอตาธัช?” ถามยิ้มๆ มาร์โครู้ว่าลูกชายคนนี้เป็นคนร้อนไม่เหมือนคนพี่ที่เย็นเป็นน้ำแข็ง เขารู้ว่าทั้งคู่เป็นห่วงน้องคนนี้มาก แต่เขาไม่อยากให้ทั้งคู่ไปทำให้เสียเรื่อง
“ผมตามหาทั่วหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่ายัยอิ่มอยู่ที่ไหนจนต้องมาหาพ่ออยู่นี่ไวครับ” บ่นอย่างหัวเสีย ไม่รู้ว่าน้องสาวคนเล็กเขาเป็นอย่างไรบ้าง ของทุกอย่างยังอยู่ที่บ้านบัตรเครดิตก็ไม่มีการใช้จ่ายแม้แต่ครั้งเดียว
“เอาน่า รู้แค่ว่าอิ่มสบายดีไม่มีอะไรเดือดร้อนก็น่าจะพอนี่นา”
“ผมไม่สน ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองผมไม่วางใจหรอก พ่อก็รู้ดีนี่นาว่าอิ่มเป็นคนยังไงยังปล่อยให้ไปอยู่คนเดียวอีกเหรอครับ?”
“ปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวบ้างก็ดีนะ เกิดเราเป็นอะไรน้องจะได้อยู่ได้ไงละ” พยายามหาเหตุผล
“ผมรู้ว่าอิ่มเข้มแข็งพอ แต่พ่อครับ...”
“เอาน่าธัช พอถึงเวลาน้องก็กลับมาเองละ แต่รู้อย่างนึงนะน้องไม่เป็นอะไร”
“ฮึ้ย!...” เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากเดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาอยากรู้ว่าน้องสาวไปไหน และอยู่กินอย่างไรบ้าง ไม่ว่ายังไงเขาต้องรู้ให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง..
“ไง...ไม่ได้เรื่องละซิ” มนต์ธรแฝดผู้พี่ถามอย่างรู้ทันเมื่อเห็นน้องชายฝาแฝดเดินออกจากห้องทำงานผู้เป็นบิดาอย่าหัวเสีย
“ไม่ต้องมาย้ำเลย ไม่ห่วงยัยอิ่มเหรอ?”พาลเอากับพี่ชายที่ดูท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับใครเขา
“ห่วง..แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกขนาดนายนี่นา เรามีวิธีของเราแล้วกันน่า...” บอกอย่างเจ้าเล่ห์
“ยังไง?”
“ถามพ่อไม่ได้เรื่องเราก็คอยตามเอาซิ ยังไงก็ต้องมีทางที่พ่อกับแม่ต้องติดต่อเรื่องยัยอิ่มอยู่แล้ว นายก็รู้ใช่มั้ยว่าแม่น่ะห่วงอิ่มกว่าเราเสียอีกท่านต้องคอยตามข่าวน้องอยู่แล้ว ตอนนั้นเราค่อยสืบอีกทะว่าอิ่มอยู่ที่ไหน”
“นั่นซิ..ทำไมเราคิดไม่ถึงนะ” บอกอย่างเห็นด้วย
“เพราะนายมันวู่วามน่ะซิถึงเข้าทางพ่อน่ะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นาน เราห่วงน้องน่ะ..”
“เราก็ห่วง แต่ไม่ต้องทำให้คนอื่นรู้ก็ได้ ...ไม่ได้เรื่องกันพอดี”
“เออ..เราผิดเอง”
“คราวหน้าอย่าทำให้ใครจับได้ละ”
“ได้”
“ไม่ต้องห่วงนะเราให้คนคอยตามพวกท่านเอาไว้แล้ว ไม่นานเราจะได้รู้ว่าอิ่มอยู่ที่ไหนกันแน่” บอกน้องชายอย่างเยือกเย็น
“ว่าแต่นายรู้มั้ยว่าทำไมอิ่มต้องออกไปอยู่คนเดียวแล้วตัดขาดกับพวกเราขนาดนั้นน่ะ” อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดถึงมีเรื่องเกิดขึ้นได้
“อันนี้ไมรู้เหมือนกัน” ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา คนที่รู้เรื่องทุกคนต่างปิดปากเงียบไม่ยอมบอกอกเหตุผลกับเขาแม้แต่คนเดียว
“แปลกขนาดนายยังไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้ไงเนี่ย?”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกเราต้องรู้ให้ได้ว่าอิ่มทำอะไรอยู่”
“เรารออยู่นะ ธรนายเองเถอะเห็นว่าช่วงนี้ต้องไปเบอร์ลินบ่อยเหรอ มีปัญหา?...”
“ไม่มีอะไรหรอก แต่พอดีว่าช่วงนี้เขากำลังออกแบบสินค้าใหม่อยู่เราเลยไปดูรายละเอียดให้ดีน่ะ ไม่อยากให้งานผิดพลาด”
“งั้นก็แล้วไปเถอะเราคิดว่างานมีปัญหาซะอีก” ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่ต้องห่วงถ้าเกิดเรื่องจริงเราจัดการได้ง่ายๆ อยู่แล้ว นายก็รู้ดีนี่นา”
“เออ รู้แต่เป็นห่วงนี่นา”
“ขอบใจ...ว่าแต่นายเถอะเห็นช่วงนี้เป็นอะไรไป เบื่อสาวๆ แล้วเหรอเห็นหนีซะขนาดนั้น” ปกติน้องชายฝาแฝดไม่เคยวิ่งหนีสาวๆ แต่มีช่วงนี้เท่านั้นที่มนต์ธัชไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับใครจนผิดสังเกต
“คงงั้น...” ทำหน้าตาเบื่อโลกเสียเหลือเกิน
“ห๋า! อย่างนายเนี่ยนะเบื่อสาวๆ ที่เหมือนดอกไม้หอมที่นายชื่นชอบยิ่งกว่าอะไรเสียอีก” มนต์ธรอุทานอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินกับหู
“มัน...ไม่มีอารมณ์น่ะเห็นใครก็เบื่อไปหมด เลยไม่เจอดีกว่า”
“เพราะอิ่มเหรอ?” เขาตั้งข้อสังเกต
“อาจจะมีส่วน หรือไม่ก็คงเป็นช่วงอิ่มตัวมั้งเลยไม่ค่อยสดชื่นเท่าเก่าน่ะ”
“หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นเราสงสารสาวๆ พวกนั้นวะ”
“อย่าไปสงสารเลย เราไม่เคยบังคับใครให้มาคบด้วยซะหน่อยทุกคนต่างรู้ดีว่าเราเป็นยังไง ในเมื่ออยากเข้ามาเองก็ต้องรับกติกาที่เราตั้งขึ้นมาได้” บอกอย่างร้ายกาจ
“นายน่ะมันศัตรูของสตรีเพศชัดๆ”
“ไม่เคยมีใครว่าอย่างนายซักคน สาวๆพวกนั้นต่างวิ่งเข้าหาฉันเองนะ” บอกหน้าใสซื่อ “ระวังเอาไว้แล้วกัน พอถึงเวลารักใครจริงๆ แล้วจะไม่สมหวังเพราะความกะล่อนเป็นเหตุ”
“ไม่มีวันนั้นหรอกน่าพี่ชาย” ตอบออกไปอย่างมั่นใจโดยรู้ว่าในภายหน้าจะเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเหนื่อยใจบ้าง
“แล้วเราจะรอดูแล้วกัน ถ้ามีเรื่องนะ เราจะไม่ช่วยจริงๆ ด้วย”
“อย่าใจร้ายนักเลย ไม่สงสารน้องชายตาดำๆ บ้างเหรอ?” ทำหน้าละห้อยหน้าสงสาร อย่างที่ใครมองก็รู้ว่าแกล้งทำ
“อย่างนายน่ะมันต้องเจอของจริง แล้วพอถึงวันนั้นเราจะรอดูนายสิ้นท่าเพราะผู้หญิงคนนั้น”
“แช่งจิรง....”
“อย่างนายมันน่ามั้ยละ?”
“เราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายว่าซะหน่อย”
“มากกว่าละซิ”
อรไพลินเห็นทั้งสามคนเดินกลับมาที่ร้านเธอสั่งให้พนักงานเอาเครื่องดื่มมาให้ชายหนุ่มที่เธอสนิทด้วยอย่างรู้ดีว่าเขาชอบอะไร
“ไงอร ร้านรุ่งเรืองดีนี่นา” ทักหญิงสาวที่ยืนอยู่อย่างคุ้นเคย ขณะที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับน้องสาวกับมนปริยา
“เรื่อยๆ แหละว่าแต่จินเถอะหายไปตั้งนานไม่แวะมาบ้างเลยนะ” บ่นเขาอย่างงอนๆ
“โธ่...ช่วงนี้มันยุ่งน่ะ ...เออใช่...อิ่มนี่ไพลินเพื่อนผมเองแล้วก็นี่อิ่มผู้ช่วยผม” เขาแนะนำอย่างเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเสียมารยาทแค่ไหน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณอิ่ม”
“เช่นกันค่ะ”
“นั่งก่อนดีกว่านะคะพี่จิน” จิณห์วราท้วงขึ้นเบาๆ เมื่อทั้งหมดยังยืนอยู่ที่เดิม
“เชิญอิ่มนั่งก่อนนะครับ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้มนปริยานั่งก่อนและเขานั่งลงข้างๆ เธอส่วนน้องสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย สายตาจ้องหญิงสาวไม่วางตา
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาอะไรดีครับ” เขาถามอย่างใส่ใจ
“ไม่ดีกว่าค่ะอิ่มอยู่เลย” เธอบอกย่างรู้สึกผิดเมื่อครู่เธอทานเยอะไปหน่อยตอนนี้เลยไม่เหลือท้องไว้ทานอะไรได้แล้ว
“ผมก็ว่าอย่างนั้นละ”
“พี่จิน...จะไม่แนะนำใหจินนี่รู้จักหน่อยเหรอคะว่าสาวสวยคนนี้เป็นใคร?” หลังจากที่เงียบไปนานพี่ชายก็ไม่แนะนำให้รู้จักเสียทีเธอเลยต้องถามเอาเอง
“ใช่ซิ ลืมไปเลยอิ่มนี่น้องผมเองจินนี่ครับ ส่วนสองสาวคนขาวนั่นวี อีกคนก็มิ้มเป็นเพื่อนรักของจินนี่เขาครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะเรียกพี่อิ่มก็ได้ค่ะ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง มองทั้งสามคนอย่างเอ็นดู ‘นี่คงอยากรู้เรื่องพี่ชายแน่ๆ เลยดูมองเธอเข้าซิ’
“ค่ะ...พี่อิ่มเป็นแฟนพี่จินเหรอคะ?” ถามออกไปโต้งๆ มนปริยายิ้มอย่างเอ็นดู
“เปล่าค่ะ พี่เป็นผู้ช่วยคนใหม่ค่ะไม่ได้เป็นแฟนหรอก อย่าเอ็ดไปนะคะคนอื่นได้ยินพี่ตายแน่ค่ะ” เธอขยิบตาให้ทั้งสามสาวอย่างน่ารัก และขี้เล่น
“แหม..น่าเสียดายนึกว่าใช่แล้วซะอีก” ทั้งสามสาวที่หน้าเสียดายเต็มที่
“มันเป็นไปไม่ได้เหรอกค่ะ ไม่นานพี่ก็ไปแล้ว”
“ไป? ไปไหนเหรอคะ?”
“อ้าว?...พอคุณเนกลับมาพี่ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่เดิมน่ะซิ”
“แหมจินนี่ก็นึกว่าพี่อิ่มจะไปไหนเสียอีกค่ะ ดูทำหน้าตาจริงจังเชียว” ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พี่อิ่มมาทำงานที่บริษัทพี่ยัยจินนี่นานแล้วเหรอคะ?” สาวหมวยถามอย่างสนใจ คนอะไรยิ่งมองยิ่งสวย ทั้งที่ไม่ได้แต่งอะไรมากมายแท้ๆ น่าอิจฉาชะมัดเลย
“แปดเดือนแล้ว”
“เหรอคะ..เก่งจังนะคะที่เข้าบริษัทนี้ได้น่ะค่ะ วีเองก็อยากทำงานด้านนี้เหมือนกันนะคะ ท่าทางจะรุ่งแน่ๆ”
“เรียนจบก็ลงสมัครดูซิ ไม่แน่นา...”
“เรื่องนั้นอยู่แล้วค่ะ แต่อีกตั้งนานกว่าจะเรียนจบ” ทำหน้าเสียดายเต็มที
“แป๊บเดียวเองไม่นานหรอกจ้ะ” บอกด้วยรอยยิ้ม
“ว่าแต่...คุณไพลินเป็นอะไรรึเปล่าคะอิ่มเห็นเงียบตั้งนานแล้ว?” เธอหันไปถามเพื่อนเจ้านายอย่างใส่ใจ
“เปล่าค่ะ...ก็ฟังคุณอิ่มกับน้องๆ คุณกันไงคะ ใช่มั้ยจิน” หันไปถามเพื่อนเธอเอง จริงๆ เธอก็ไม่ได้ฟังเสียเท่าไหร่หรอก เพราะมัวแต่มองชายหนุ่มที่กำลังมองหน้าหญิงสาวนามอิ่มไม่วางตาตะหาก
“เออ...ใช่ ว่าแต่ไพลินละจะไปงานเลี้ยงรุ่นมั้ย?”
“ไปซิ จินละ?” เธอถามกลับเผื่อว่าเขาจะชวนเธอไปเป็นเพื่อนก็เป็นได้
“เรายังไม่รู้เลย ไม่รู้จะชวนใครไปด้วยน่ะ”
“เหรอ” ตอบเสียงเศร้าถ้าเขาบอกอย่างนี้แสดงว่าไม่คิดจะชวนเธอน่ะซิ
“ว่าแตะไพลินละ จะไปกับใครเหรอ?”
“ยังไม่แน่น่ะ”
“ชวนเมธซิมันน่าจะว่างอยู่นะ”
“ไม่รู้ซิ ขอคิดก่อนว่าจะชวนใครดี ตัวเลือกเยอะน้า” เธอแกล้งทำเหมือนร่าเริงไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอรู้สึกไม่ดีแค่ไหนที่เขาแนะนำคนอื่นให้เธอ
“พ่อ! บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่ายัยอิ่มอยู่ที่ไหน” มนต์ธัชแฝดผู้น้องถามเสียงลั่นในห้องทำงานของพ่อ
เขาเพียรตามหาน้องสาวคนเล็กมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่กลับขากเบอร์ลินด์ครั้งนั้น พอกลับมาไม่เจอน้องสาว และไม่มีใครยอมบอกเขาเลยว่าน้องสาวหายไปไหนกัน ไม่ว่าจะตามหาที่ไหนก็ไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อย
“น้องคนเดียวหาไม่เจอเหรอตาธัช?” ถามยิ้มๆ มาร์โครู้ว่าลูกชายคนนี้เป็นคนร้อนไม่เหมือนคนพี่ที่เย็นเป็นน้ำแข็ง เขารู้ว่าทั้งคู่เป็นห่วงน้องคนนี้มาก แต่เขาไม่อยากให้ทั้งคู่ไปทำให้เสียเรื่อง
“ผมตามหาทั่วหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่ายัยอิ่มอยู่ที่ไหนจนต้องมาหาพ่ออยู่นี่ไวครับ” บ่นอย่างหัวเสีย ไม่รู้ว่าน้องสาวคนเล็กเขาเป็นอย่างไรบ้าง ของทุกอย่างยังอยู่ที่บ้านบัตรเครดิตก็ไม่มีการใช้จ่ายแม้แต่ครั้งเดียว
“เอาน่า รู้แค่ว่าอิ่มสบายดีไม่มีอะไรเดือดร้อนก็น่าจะพอนี่นา”
“ผมไม่สน ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองผมไม่วางใจหรอก พ่อก็รู้ดีนี่นาว่าอิ่มเป็นคนยังไงยังปล่อยให้ไปอยู่คนเดียวอีกเหรอครับ?”
“ปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวบ้างก็ดีนะ เกิดเราเป็นอะไรน้องจะได้อยู่ได้ไงละ” พยายามหาเหตุผล
“ผมรู้ว่าอิ่มเข้มแข็งพอ แต่พ่อครับ...”
“เอาน่าธัช พอถึงเวลาน้องก็กลับมาเองละ แต่รู้อย่างนึงนะน้องไม่เป็นอะไร”
“ฮึ้ย!...” เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากเดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาอยากรู้ว่าน้องสาวไปไหน และอยู่กินอย่างไรบ้าง ไม่ว่ายังไงเขาต้องรู้ให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง..
“ไง...ไม่ได้เรื่องละซิ” มนต์ธรแฝดผู้พี่ถามอย่างรู้ทันเมื่อเห็นน้องชายฝาแฝดเดินออกจากห้องทำงานผู้เป็นบิดาอย่าหัวเสีย
“ไม่ต้องมาย้ำเลย ไม่ห่วงยัยอิ่มเหรอ?”พาลเอากับพี่ชายที่ดูท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับใครเขา
“ห่วง..แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกขนาดนายนี่นา เรามีวิธีของเราแล้วกันน่า...” บอกอย่างเจ้าเล่ห์
“ยังไง?”
“ถามพ่อไม่ได้เรื่องเราก็คอยตามเอาซิ ยังไงก็ต้องมีทางที่พ่อกับแม่ต้องติดต่อเรื่องยัยอิ่มอยู่แล้ว นายก็รู้ใช่มั้ยว่าแม่น่ะห่วงอิ่มกว่าเราเสียอีกท่านต้องคอยตามข่าวน้องอยู่แล้ว ตอนนั้นเราค่อยสืบอีกทะว่าอิ่มอยู่ที่ไหน”
“นั่นซิ..ทำไมเราคิดไม่ถึงนะ” บอกอย่างเห็นด้วย
“เพราะนายมันวู่วามน่ะซิถึงเข้าทางพ่อน่ะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นาน เราห่วงน้องน่ะ..”
“เราก็ห่วง แต่ไม่ต้องทำให้คนอื่นรู้ก็ได้ ...ไม่ได้เรื่องกันพอดี”
“เออ..เราผิดเอง”
“คราวหน้าอย่าทำให้ใครจับได้ละ”
“ได้”
“ไม่ต้องห่วงนะเราให้คนคอยตามพวกท่านเอาไว้แล้ว ไม่นานเราจะได้รู้ว่าอิ่มอยู่ที่ไหนกันแน่” บอกน้องชายอย่างเยือกเย็น
“ว่าแต่นายรู้มั้ยว่าทำไมอิ่มต้องออกไปอยู่คนเดียวแล้วตัดขาดกับพวกเราขนาดนั้นน่ะ” อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดถึงมีเรื่องเกิดขึ้นได้
“อันนี้ไมรู้เหมือนกัน” ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา คนที่รู้เรื่องทุกคนต่างปิดปากเงียบไม่ยอมบอกอกเหตุผลกับเขาแม้แต่คนเดียว
“แปลกขนาดนายยังไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้ไงเนี่ย?”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกเราต้องรู้ให้ได้ว่าอิ่มทำอะไรอยู่”
“เรารออยู่นะ ธรนายเองเถอะเห็นว่าช่วงนี้ต้องไปเบอร์ลินบ่อยเหรอ มีปัญหา?...”
“ไม่มีอะไรหรอก แต่พอดีว่าช่วงนี้เขากำลังออกแบบสินค้าใหม่อยู่เราเลยไปดูรายละเอียดให้ดีน่ะ ไม่อยากให้งานผิดพลาด”
“งั้นก็แล้วไปเถอะเราคิดว่างานมีปัญหาซะอีก” ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่ต้องห่วงถ้าเกิดเรื่องจริงเราจัดการได้ง่ายๆ อยู่แล้ว นายก็รู้ดีนี่นา”
“เออ รู้แต่เป็นห่วงนี่นา”
“ขอบใจ...ว่าแต่นายเถอะเห็นช่วงนี้เป็นอะไรไป เบื่อสาวๆ แล้วเหรอเห็นหนีซะขนาดนั้น” ปกติน้องชายฝาแฝดไม่เคยวิ่งหนีสาวๆ แต่มีช่วงนี้เท่านั้นที่มนต์ธัชไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับใครจนผิดสังเกต
“คงงั้น...” ทำหน้าตาเบื่อโลกเสียเหลือเกิน
“ห๋า! อย่างนายเนี่ยนะเบื่อสาวๆ ที่เหมือนดอกไม้หอมที่นายชื่นชอบยิ่งกว่าอะไรเสียอีก” มนต์ธรอุทานอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินกับหู
“มัน...ไม่มีอารมณ์น่ะเห็นใครก็เบื่อไปหมด เลยไม่เจอดีกว่า”
“เพราะอิ่มเหรอ?” เขาตั้งข้อสังเกต
“อาจจะมีส่วน หรือไม่ก็คงเป็นช่วงอิ่มตัวมั้งเลยไม่ค่อยสดชื่นเท่าเก่าน่ะ”
“หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นเราสงสารสาวๆ พวกนั้นวะ”
“อย่าไปสงสารเลย เราไม่เคยบังคับใครให้มาคบด้วยซะหน่อยทุกคนต่างรู้ดีว่าเราเป็นยังไง ในเมื่ออยากเข้ามาเองก็ต้องรับกติกาที่เราตั้งขึ้นมาได้” บอกอย่างร้ายกาจ
“นายน่ะมันศัตรูของสตรีเพศชัดๆ”
“ไม่เคยมีใครว่าอย่างนายซักคน สาวๆพวกนั้นต่างวิ่งเข้าหาฉันเองนะ” บอกหน้าใสซื่อ “ระวังเอาไว้แล้วกัน พอถึงเวลารักใครจริงๆ แล้วจะไม่สมหวังเพราะความกะล่อนเป็นเหตุ”
“ไม่มีวันนั้นหรอกน่าพี่ชาย” ตอบออกไปอย่างมั่นใจโดยรู้ว่าในภายหน้าจะเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเหนื่อยใจบ้าง
“แล้วเราจะรอดูแล้วกัน ถ้ามีเรื่องนะ เราจะไม่ช่วยจริงๆ ด้วย”
“อย่าใจร้ายนักเลย ไม่สงสารน้องชายตาดำๆ บ้างเหรอ?” ทำหน้าละห้อยหน้าสงสาร อย่างที่ใครมองก็รู้ว่าแกล้งทำ
“อย่างนายน่ะมันต้องเจอของจริง แล้วพอถึงวันนั้นเราจะรอดูนายสิ้นท่าเพราะผู้หญิงคนนั้น”
“แช่งจิรง....”
“อย่างนายมันน่ามั้ยละ?”
“เราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายว่าซะหน่อย”
“มากกว่าละซิ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น