คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 ฉันเปล่าน้า...เขามาเอง
ตอนที่ 8 ฉันเปล่าน้า....เขามาเอง
อาการง่วงหงาวหาวนอนเป็นอาการปกติของนักศึกษายามฟังบรรยายจากอาการย์ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาสอน เพียงแค่เสียงกริ่งเตือนหมดเวลา ก็ทำให้หลายคนที่จะหลับแหล่มิหลับแหล่ตาสว่างขึ้นมาทันที
“เฮ้อ...หมดเวลาซะทีเหนื่อยเป็นบ้าเลย” เสียงบ่นของสรวิชดังขึ้นมาหลังจากที่อาจารย์เดินออกจากห้องบรรยายแล้ว
“อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลยไอ้เบียร์ฉันเห็นแกหลับตั้งแต่อาจารย์เริ่มบรรยายน่ะ” ญาณศรณ์เบรกอีกฝ่ายทันที เขาเตรียมลุกออกจากห้อง
“หูย...แกอย่าเบรกกันอย่างนี้ซิแกไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนกว่าจะได้นอกหลังจากที่ต้องเคลียร์เรื่องวุ่นๆ ที่ไอ้ราฟสร้างไว้น่ะ” เขาทำหน้ายู่เมื่อคิดว่ากว่าเขาจะเคลียร์เรื่องเสร็จ
“อิๆ พูดมากน่าไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ หิวแล้วอะ” อัญชิษฐายืนรออยู่พร้อมหนังสือในมือ เธอแทบจะไม่ได้นอนเลยไหนจะต้องลากพวกเพื่อนๆ กลับบ้านแล้วต้องตื่นขึ้นมาจัดการอาการเช้าให้พวกเขา เมื่อคืนเธอเลือกให้พวกเขานอนที่ห้องของเธอแทนการขับรถไปส่งพวกเขาทีละคนไม่งั้นพวกเธอคงไม่ได้นอนเป็นแน่แท้
“จะไปกินที่ไหนดี” กันตยศเดินมาหาหญิงสาวแล้วยื่นมาถือหนังสือในมือเธอพร้อมแย่งกระเป๋าเธอไปสะพายเอาไว้อย่างที่เคยทำ
“โรงอาหารแล้วกันวันนี้มีเรียนช่วงบ่าย”
พิชญ์นรีเห็นว่าหลายคนเดินออกไปจากห้องแล้ว และตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วทุกคนต่างก็ไปหาอะไรทานกันพวกเธอก็ไม่ต่างกันนัก พวกเธอก็เดินออกไปไม่ต่างจากคนอื่นนัก
แค่เดินออกมาจากตึกทีมีบรรดานักศึกษาทั้งในคณะและต่างคณะต่างหันมามองที่กลุ่มพวกเขาอย่างสนใจ หลายคนส่งสายตาเชิญชวนมาที่หนุ่มๆ ที่เดินหน้านิ่งไม่สนใจใครของพวกเขา
ไวน์สังเกตเห็นว่าไอ้กันต์เพื่อนสนิทของเธอเดินตามประกบยัยจีนไม่ห่างเลย แค่มีหนุ่มๆ มองมาที่ร่างบางของเพื่อนสาวเขาก็ส่งสายตาเหี้ยมทำเอาหนุ่มๆ พวกนั้นหลบตาแทบไม่ทัน ไอ้กันต์เอ้ย...มัวแต่หวงก้างจนหนุ่มๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ตัวเองก็ไม่ทำอะไรให้ชัดเจน อย่างนี้มีหวังยัยจีนต้องอยู่เป็นโสดไปจนตายแน่
“พวกเธอสองคนไปนั่งจะเอาอะไร?” กันตยศบอกให้ทั้งสองสาวนั่งลงที่โต๊ะเมื่อเห็นว่า
“ไวน์แกเอาเหมือนเดิมรึเปล่า?” ภัทรดนัยถามอย่างเคยชินเพราะเห็นเพื่อนสาวสั่งอยู่อย่างเดียว
“อือ...เอาน้ำส้มด้วยนะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ แล้วก็เห็นว่าเขาเดินออกไปสั่งอาหารให้เธอช่วงนี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่อีกเดี๋ยวคงเต็มโรงอาหารแน่
“เราเอาเหมือนเดิมนะกันต์” อัญชิษฐาเองก็สั่งเหมือนเดิม แล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้แล้วไปสั่งให้เธอเหมือนกัน
“แกเจอแม่ดาวบริหารรึยังวะ...เมื่อเช้าเหมือนเห็นหล่อนแวบๆ นะ” ตอนที่เธอมาเรียนเมื่อเช้าเธอเห็นว่าอีกฝ่ายมาดักรอที่หน้าตึก แต่เธอไม่แน่ใจว่าหล่อนได้เจอกับคนที่มารอรึเปล่า
“ไม่...ทำไมเหรอ..นี่ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ...” เธอได้แต่สงสัยว่าสาวๆ พวกนี่มีความพยายามเหลือเกิน ขนาดผู้ชายเขาแสดงออกชัดเจนแล้วว่านะว่าไมเอายังไม่ยอมเลิกราอีก
“ไม่รู้เหมือนกันคงมาตามตื้อราฟละมั้ง” เธอแต่ไหวไหล่น้อยๆ
“นี่ข้าว...กับน้ำ” ทั้งสองหนุ่มถือข้าวที่สั่งให้ทั้งสองสาวแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอ
“ขอบใจนายไม่ทานเหรอ?” เธอเห็นว่ามีเพียงข้าวของเธอจานเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหยิบขวดน้ำส้มของเธอไปดื่ม
“งั้นกินด้วยกันซิ...ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” เธอเลื่อนจานไปไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย
“ป้อนหน่อย” อีกฝ่ายบอกหน้านิ่ง แววตาพราวที่มองหน้าอีกฝ่ายที่ทำหน้าเหวอเมื่อเขาบอกเธอไปแล้ว
“ห๋า...ป้อนเหรอ?” เธอไม่คิดว่าเขาจะคิดอะไรแบบนี้ คิดว่าเขาอยากจะล้อเธอเล่นมากกว่า แต่อย่าคิดว่าเธอไม่กล้านะ...หน่อยตาราฟกล้าพูดกับเธอในยามที่คิดว่าเธอไม่รู้ตัว
“อืม...ทำไมรังเกียจ?”
“เปล่า...งั้นก็อะ...” เธอผัดพริกเผาไก่ให้อีกฝ่าย ดูเหมือนว่าราฟจะอึ้งไม่น้อยที่เธอตักข้าวให้เขาต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้
ชายหนุ่มอ้าปากกินข้าวที่ไวน์ป้อนสายตาเขามองไปรอบๆ ด้านที่ดูเหมือนพวกเขาจะตกเป็นเป้าสายตา มีเสียงกรี้ดเบาๆ ออกมาให้ได้ยินด้วย มีบางคนหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปขณะที่กำลังป้อนข้าวอยู่ เขาอดจะยิ้มอย่างสมใจไม่ได้เมื่อเห็นสายตาผู้ชายหลายคนมองมาที่พวกเขาอย่างเสียดาย และอิจฉาที่ไวน์ทำท่าทีสนิทสนมกับเขาอย่างนี้
“ไอ้ราฟ...แกจะสบายเกินไปแล้วนะเว้ย...ดูซิให้ยัยไวน์ป้อนซะสบายเชียว” แท๊ปที่เดินกลับมาหลังจากที่ไปสั่งข้าวของตัวเองมา แล้วทันได้เห็นว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรอยู่
“หึ...อิจฉาละซิ...” เขามองเพื่อนด้วยหางตาแล้วยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างมีความสุข และดูเหมือนว่ายัยไวน์จะไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นมากนักเธอยังคงตั้งใจป้อนเขาต่อไป
“เว้ยๆ สนใจสายตาชาวบ้านเขาหน่อยซิวะตาร้อนกันหมดแล้ว” เบียร์เองก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น
“ต้าย!!! ราฟเป็นอะไรคะถึงให้แม่คนหน้าไม่อายป้อนข้าวคะเนี่ย...เดี๋ยวให้ศศิเป็นคนทำให้ดีกว่านะคะ” ดาวบริหารเดินมาเห็นสิ่งที่ทั้งสองคนทำต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ สิ่งที่เธอเห็นมันไม่ต่างจากคนรักที่กำลังเอาอกเอาใจต่อกันเลยซักนิด และสิ่งที่เธอได้ยินเสียงหลายคนต่างพูดถึงสิ่งที่เห็นมันทำให้เธอตาร้อนอย่างมาก คนอย่างภัทรดนัยไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนมาทำอย่างนี้หรือทำกับใคร
คนหน้าไม่อายมองหน้าคนที่เข้ามาแทรกอย่างไม่แสดงความทุกข์ร้อนอะไร
“ไม่ได้เป็นอะไร..แล้วก็ไม่ต้อง” เขาบอกเสียงเรียบแล้วก็ไม่สนใจอีกฝ่ายอีกเลย
“อะไรกันคะ...คนเป็นแฟนกัน...โกรธอะไรศิเหรอคะ” เธอยังคงปั้นหน้ายิ้มให้ชายหนุ่มที่เธอหมายตา แววตาชิงชังที่ส่งไปยังผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขา นังนี่มันมีอะไรดีเขาถึงได้เอาใจมันนัก และยอมทำทุกอย่างที่นังนี่พูด
“ผมว่าผมพูดไปชัดแล้วนะว่าศศิพจีว่าคุณกับผมไม่ได้เป็นอะไรกัน...อย่ามาแอบอ้าง...ผมไม่อยากจะพูดอะไรมากขอให้ถือว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมต้องพูดแบบนี้” ภัทรดนัยพูดเสียงดังฟังชัดเขาเบื่อหน่ายที่จะต้องพูดอย่างนี้เหลือเกิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเลิกราแต่โดยดี
“กรี้ด...ราฟคะพูดอย่างนี้ได้ยังไงกันกันเรารักกันอยู่ดีๆ เพราะนังคนนี้ใช่มั้ยคะที่มันทำให้คุณเป็นอย่างนี้มันยั่วคุณใช่มั้ยคะ” เธอเสียหน้าที่เขาพูดตัดเยื่อใยเธออย่างนี้ แต่เธอไม่ยอมเสียคนเดียวหรอก
“อ้าว..ปากหมานี่หว่า” พิชญ์นรีเลิกคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายทันทีทั้งที่ตอนแรกเธอไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะเป็นเรื่องของราฟมากกว่า
สายตาเกือบทุกคู่ในโรงอาหารต่างมองมาอย่างสนใจ ใครทำอะไรอยู่ก็หยุดเอาไว้หมดต่างมองมากลุ่มหนุ่มหล่อที่กำลังมีเรื่องราวเสียงดังอยู่ตอนนี้ใครๆ ต่างก็สนใจอยากเกาะติดกระแสข่าวเพราะเป็นผู้อยู่ในเกตุการณ์ทั้งนั้น
“หล่อนนั่นแหละหุบปากไปซะ...ราฟน่ะเป็นของฉันหล่อนมายั่วยวนเขาละซิ..หนอย..คิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้รึไงว่าหล่อนตั้งใจจะงาบราฟอยู่...” แววตากร้าวมองไปยังผู้หญิงทีเธอเกลียดขี้หน้าอย่างมาก
“หึ...ฉันไม่จำเป็นต้องยั่วใคร...แค่อยู่เฉยๆ ใครๆ ก็คงยอมคุกเข่าแทบเท้าฉันมั้ง” เธอแสยะยิ้มอย่างกวนอารมณ์ เธอกอดอกมองหน้าอีกฝ่าอย่างถือดี เธอรู้ตัวตัวเองมีหน้าตาและหุ่นยั่วใจชายแค่ไหน
“หน้าไม่อาย...”
“โห...ช่างกล้าพูดเนาะ...คิดดูให้ดีๆ นะว่าตอนนี้คนที่หน้าไม่อายน่ะใครกันแน่ฉันอยู่ของฉันดีๆ ผู้ชายเขาพูดออกมาชัดเจนแล้วนะว่าไม่เอาเธอ...ยังหน้าด้านตามตื้อเขาอยู่อีก” ใครดีมาเธอดีกลับแต่ใครร้ายมาเธอไม่ยอมอยู่เฉยแน่
เธอลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าอีกฝ่าย แววตากร้าวที่เธอส่งไปทำให้เธอฝ่ายผงะถอยหลังไปไม่คิดว่าผู้หญิงที่เธอคิดว่าหงอไม่สู้คน ไม่มีปากเสียงกับใครกลับมีสายตาที่เย็นเยียบแทบจะฆ่าคนได้อย่างนี้
“อยะ...อย่าเข้ามานะหล่อนจะทำร้ายฉันไม่ได้นะ...” เธอกลัวแววตาอีกฝ่ายที่มองมามันทั้งคุกคามและแข็งกร้าว
“อาไร้...ฉันยังไม่ได้แตะตัวเธอเลยนะ...แน่จริงอย่างเก่งแต่ปากซิ...แล้วก็เลิกก่อกวนราฟได้แล้ว...ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวซะหน่อยแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรระหว่างเธอกับเขาก็ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าอะไรเป็นอะไร” เธอไอ้แต่บอกไปอย่างเบื่อหน่ายขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอต้องมาเจออะไรอย่างนี้ เธอไม่ถือเรื่องก่อนที่เขาจะสารภาพรักเธอตอนที่เขาคิดว่าเธอหลับมาเป็นอารมณ์แต่หลังจากนี้ไปเธอเอาตาย...
“เพราะหล่อนนั่นแหละที่เข้ามาแทรก...ไม่งั้นราฟเขาจะไม่ทำอย่างนี้หรอก” เธอถอยหนีอีกฝ่ายที่เดินหน้าเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ เพื่อนเธออีกสองคนก็พยายามสะกิดให้เธอออกจากตรงนี้เสียที
“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าศศิพจีคนที่เข้ามาแทรกคือคุณไม่ใช่ไวน์เขาอยู่ตรงนี้เสมอไม่เคยแทรกลางระหว่างใคร” คนที่พูดออกมาเป็นญาณศรณ์ที่ทนไม่ไหวที่เพื่อนสาวโดนกล่าวหาอย่างนี้ ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย
“ใช่ๆ ไวน์เขาไม่เกี่ยวซะหน่อย...ไอ้ราฟมันไม่ได้รักคุณแม้แต่นิดเดียวเป็นคนเองไม่ใช่เหรอที่เสนอตัวเองเข้ามาตั้งแต่แรก” สรวิชพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาทนไม่ไหวแล้วจะหาว่าเขารังแกผู้หญิงก็ยอมละคราวนี้ แต่ใครจะแตะเพื่อนเขาไมได้
“กรี้ดๆๆๆๆๆ ไอ้..ไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมีย รังแกผู้หญิง...” อีกฝ่ายกระทืบเท้าเร่าๆ ชี้หน้ากราดทุกคนที่ยืนขึ้นมองหน้าเธออย่างดูถูก พวกมันกล้าดียังไงกล้าว่าเธออย่างนั้น
“โถๆ คุณช่างกล้าพูดเนาะ ใครกันแน่ที่สมควรจะอาย มองดูรอบๆ ซิว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงที่ผู้หญิงคนหนึ่งมาตามตื้อผู้ชายทั้งที่เขาไม่แล” อัญชิษฐามองอีกฝ่ายเยาะๆ ปกติเธอไม่ชอบมีเรื่องกับใครแต่เมื่อมีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องเธอก็สู้คนนะ
“คอยดูนะฉันไม่ยอมให้แกฉกเขาไปง่ายๆ หรอก” ก่อนจะไปฝากคำขู่เอาไว้ซะหน่อย เธอไม่ยอมให้นังไวน์แย่งราฟไปง่ายๆ หรอก เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วเธอก็สะบัดหน้าหนีไป คราวนี้พวกนั้นทำให้เธออับอายคนทั้งโรงอาหาร แต่คราวหน้าเธอจะเอาคืน
“ฉันละเชื่อผู้หญิงคนนี้จริงๆ เลยวะ” สรวิชส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมจากไปแล้วทั้งหมดก็ออกไปจากโรงอาหารเหมือนกัน เพียงแค่ทั้งหกคนเดียวพ้นจากโรงอาหารเสียงเซ็งแซ่ก็ดังไปทั่วทั้งโรงอาหารต่างวิจารณ์เรื่องที่เพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็เห็นใจ บ้างก็สมน้ำหน้าหญิงสาวที่เพิ่งพ่ายไป
“เดี๋ยว...ไวน์แกโกรธฉันเหรอ?” เขาเห็นเธอเดินลิ่วมาไม่สนใจใครเลย จนเขาต้องคว้าข้อมือบางของเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินหนีเขาไปไกลกว่านี้ สีหน้าวิตกกังวลของเขาทำให้เธอยิ้มให้เขาน้อยๆ
“เปล่า...ทำไมต้องโกรธแกไม่ได้เป็นคนเริ่มนี่..ผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ถ้านายไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหล่อนแล้วนายก็ไม่ต้องกังวลหรอก”
“แน่นะ..” เขาละไม่อยากจะเชื่อหน้ายิ้มๆ ของอีกฝ่ายเลย
เพื่อนๆ ที่เหลือที่เดินตามมองสถานการณ์อยู่ห่างๆ ให้ทั้งสองคนคุยกันเองน่าจะดีกว่า พวกเขาเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนรอดูเหตุการณ์
“อืม...ไม่โกรธหรอกน่า...แต่ถ้าได้ไอศกรีมหวานๆ คงจะอารมณ์ดีขึ้นมาอีกหน่อย” เธอยิ้มเต็มหน้าทั้งแววตา เปิดยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเธอเห็นหน้าเซียวๆ ของอีกฝ่ายเมื่อเธอยิ้มให้เขา
“สบายมากเดี๋ยวเย็นนี้พาไปกิน” แค่เธอยิ้มให้เขาแค่นี้เขาก็ใจชื้นแล้ว รั้งร่างบางเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ “รู้รึเปล่าตอนที่ไวน์ทำหน้านิ่งๆ แล้วเดินลิ่วๆ เมื่อกี้น่ะใจเสียหมดเลย” เขาโอดออกมาเสียงเบา
“ว่าแล้วยัยไวน์แม่งหาเรื่องกินฟรีวะ...” สรวิชชายหนุ่มอารมณ์ดี เอ่ยออกมาเมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่น่ากังวลเลย ยิ่งเห็นว่าร่างบางอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มหล่ออย่างไอ้ราฟ คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองภาพนั้นอย่างสนใจ หลายคนอาจจะข้องใจกับสถานะของทั้งคู่แม้จะบอกว่าเป็นเพื่อนแต่การกระทำและการแสดงออกของทั้งคู่มันมากกว่านั้นเยอะ
“ไม่เห็นแปลกเลย...ไวน์ไม่โกรธน่ะดีแล้ว...ง้อยากจะตาย” กันตยศบอกอย่างไม่ค่อยห่วง ถ้ายัยไวน์โกรธจริงๆ เมื่อไหร่ค่อยน่าเป็นห่วงแต่เท่าที่เห็นเมื่อครู่ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงซักนิดเดียว
“เอ็งจะมีเหตุการณ์อย่างไอ้ราฟรึเปบล่า?” แท๊ปอดจะถามอีกคนที่มีคู่กรณีไม่น้อยไปกว่าอีกคนนัก และคนที่จะโดนก็เป็นคนที่อยู่ข้างๆ นั้นละเขาละอดมองหญิงสาวอีกคนไม่ได้เธอสวยจนไม่มีผู้ชายคนไหนมองผ่านเธอไปได้เลยแต่ที่เธอยังโสดมาจนทุกวันนี้ก็เพราะไอ้คนที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้างเธอมากกว่าที่คอยสกัดผู้ชายที่เข้ามา
“บอกไว้ก่อนนะฉันไม่ยอมใจอ่อนเพียงเพราะไอศกรีมถ้วยเดี๋ยวอย่างยันไวน์หรอก...” จีนมองหน้าคนที่อยู่ข้างตาขวาง หวังว่าเธอจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์อย่างเมื่อครู่
“ฮะๆ ไม่มีหรอก...สาวๆ ของฉันไม่น่ากลัวเหมือนไอ้ราฟแต่เลิกหมดแล้ว” บอกเสียงสูง ยิ่งเห็นตาขวางๆ ของอีกฝ่ายด้วยแล้ว เขาเคลียร์ตัวเองหมดแล้ว
“ให้มันจริงเถอะ..”
“สี่คนน่ะไม่เข้าเรียนเหรอจะได้เวลาแล้ว” พิชญ์นรีหันมาเรียกอีกสี่คนทีเหลือเมื่อเธอผละออกมาจากอ้อมกอดอุ่นของอีกคนได้เธอก็หันมาเรียกเพื่อนๆ ที่เหลือให้เข้าห้องเรียนกัน
พอเข้าห้องมาได้ก็ได้ยินเสียงเอ่ยแซวเรื่องที่เกิดที่โรงอาหาร เพื่อนหลายคนก็ไปกินข้าวและอยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เข้ามาหยอกล้อ บางคนก็เห็นใจที่เธอต้องโดนกระทำจากคู่ควงของราฟ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ราฟจะไม่ได้สลดเลยเขาบอกว่าเขาบอกเลิกไม่เกี่ยวกันแล้ว
ไวน์เดินมานั่งที่โต๊ะเธอเท้าคางมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่มุมโต๊ะพูดคุยกับคนอื่นที่เดินเข้ามาหาอย่างเป็นกันเอง แม้ว่ากับคนอื่นเขาจะดูนิ่ง เย็นชาแต่กับเพื่อนๆ แล้วเขาจะลดเกราะลงมาระดับหนึ่ง เธอมองไปที่เขาอย่างเผลอๆ ยิ่งรอยยิ้มน้อยๆ ของเขายิ่งดูน่ามองไปหมด
ความคิดเห็น