ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 51


    ตอนที่ 7 


    ก๊อกๆ ก๊อกๆ 



    “เข้ามา” 


    “ขออนุญาตค่ะ” มนปริยาเอ่ยปากขอเข้าห้องหลังจากที่ไปเก็บของที่โต๊ะของเธอแล้วย้ายมาที่ห้องนี้โดยมีวิชญาดามาช่วยด้วยอีกคนหนึ่ง 


    “เป็นไงบ้างอิ่มเก็บของมาที่นี่คงเยอะซินะ?” เขาวางปากกาที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่มองเธอตรงๆ เธอเล่นหายไปตั้งแต่เช้ากลับมาตอนสิบโมงเช้าเนี่ย
     

    “เปล่าค่ะ มัวแต่ตอบคำถามในแผนกอยู่ค่ะ เลยเสียเวลา” เธอตอบตรงๆ ยังไงซะเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอเก็บของไม่มากอย่างที่คิด 


    วิชญาดาถึงกับอ้าปากตาโตเมื่อได้ยินเพื่อนตอบคำถามเจ้านายใหญ่อย่างนั้น เธอมองที่ชายหนุ่มอย่างหวาดเกรงแต่เขากลับทำให้เธอแปลกใจนอกจากจะไมถือสาแล้วเขากลับระบายยิ้มเสียนี่ 


    “เหรอ ผมก็คิดอย่างนั้น คุณคงเป็นคุณวิชญาดาที่เป็นเพื่อนสนิทของอิ่มเขาซินะ”
     

    “คะ..ค่ะท่านประธาน...เอ่อดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอรีบหลบฉากในทันทีเมื่อวางของทุกอย่างเสร็จแล้ว อยู่ที่นี่รู้สึกกดดันอย่างไรไม่รู้เหมือนกัน อย่างนี้ขอไปตั้งหลักก่อนละกัน 


    “ฉันไปก่อนนะอิ่ม” 


    “เออ...อย่าลืมมาเรียกไปทานข้าวด้วยละ” 


    “ไม่ต้องหรอกนะคุณวิชญาดา เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกคงทานจากด้านนอกมาเลยเพราะอิ่มเขาต้องไปกับผมด้วย” บอกขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินสองสาวนัดแนะกันเรียบร้อย 


    “ค่ะ ไปก่อนนะเดี๋ยวโทรหา”
     

    “อืมไปเถอะ” โบกมือลาเพื่อนก่อนจะหันมาสนใจของๆ ตัวเองที่วางอยู่ต่อ โดยลืมหันไปมองอีกคนที่ยังคงอยู่ในห้องทำงานเดียวกับเธอนี้ 


    “เพื่อนคุณนี่แปลกๆ นะ?” 


    “คะ?” 


    “ผมหมายความว่าเขาดู...กลัวผม” เขาพยายามใช้คำที่เข้าใจง่ายที่สุด และไม่อยากให้เธอเข้าใจเขาผิดด้วย 



    “อ๋อ...” เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “เรื่องที่จะกลัวคุณจินไม่แปลกหรอกคะ ใครๆ ในตึกนี้เขากลัวกันหมดนั่นล่ะค่ะ” เธอตอบสบายๆ อย่างเห็นเป็นเรื่องที่ลุกน้องกลัวเจ้านายเป็นเรื่องที่ปกติ
     

    “แต่คุณไม่...” 


    “ไมรู้ซิคะ คงชินกับคนดุๆ มั้งคะ อิ่มเลยไม่กลัวคุณจินเหมือนคนอื่นเขาเป็นกันน่ะคะ” เธอยักไหล่น้อยๆ เมื่อคิดถึงคนที่เธออยู่ด้วยเป็นประจำแล้วอย่างเขาเด็กๆ ไปเลยทีเดียว 



    “ใครเหรอ...บอกผมได้มั้ยรึว่าแฟนคุณ?” เขามองเธอนิ่งขรึมแต่ในใจเขากลับร้อนรนเกรงว่าเธอจะมีคนรักอยู่แล้ว
     

    “เปล่าค่ะ!” เธอตอบเสียงสูงอยู่ๆ ก็จะให้เธอมีแฟนซะงั้น คนยิ่งห่างเรื่องพวกนี้อยู่
     

    “แล้วใครครับที่ทำคุณชินจนไม่กลัวผมน่ะ” 


    “ก็..พ่อ พี่ชาย แล้วก็อาๆ เพื่อนพ่อน่ะค่ะ พวกนั้นดุกว่านี้เยอะ แค่มองก็สั่นแล้วค่ะ” 


    “งั้นเหรอ...ชักอยากเจอแล้วซิ ไม่รู้ว่าผมจะมีโอกาสเจอรึเปล่า?”
     

    “อันนั้นเป็นเรื่องของอนาคตค่ะอิ่มตอบแทนไม่ได้หรอกบางทีคุณจินอาจจะเคยเจอแล้ว แต่ไม่รู้มากกว่าว่าเขาเกี่ยวข้องกับอิ่มน่ะคะ”
     


    “คงจะใช่”
     

    “คุณจินงานอิ่มละคะ?” เธอเปลี่ยนเรื่องที่เมื่อเห็นว่ากำลังเข้าตัวเธอทุกทีแล้ว และชายหนุ่มก็รู้ว่าเธอพยายามเปลี่ยนประเด็นอยู่เขาก็ยอมตามเธอไปเพราะเห็นแก่เธอเหมือนกัน ซักวันเขาคงจะรู้เรื่องส่วนตัวเธอมากกว่านี้ และเขาอยากจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ 



    “งานผมให้เขาเอามาให้แล้วครับอิ่มค่อยๆ อ่านก่อนก็ได้เพราะเดี๋ยวเราจะออกไปเจอลูกค้าข้างนอกกัน เอาแฟ้มเกี่ยวกับคนที่เราจะไปเจอก่อนก็ได้จะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาจะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย” เขาชี้ไปที่แฟ้มสีฟ้าที่วางอยู่โดดๆ บนโต๊ะคงเดตรียมไว้ให้เธออ่านนั่นเอง
     

    “ได้ค่ะ” รับคำและเดินไปที่โต๊ะและหยิบเอาแฟ้มขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจเต็มที่ เมื่อเธอรับที่จะทำงานด้านไหนแล้วเธอไม่ชอบคำว่าล้มเหลวหรือยอมแพ้ ทุกงานเธอต้องทำให้ได้อย่างดีเยี่ยม ใครที่เคยทำงานกับเธอจะรู้เรื่องนี้ดี 


    จิณณ์วัตรนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองพลางมองไปที่โต๊ะที่มนปริยาก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่อย่างตั้งใจ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องความมุ่งมั่นในการทำงานของเธอมาบ้างว่าเธอเป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้ไม่ว่างานไหนต้องทำให้ดีเยี่ยมไม่ว่างานนั้นจะยากแค่ไหนก็ตาม คนอย่างนี้แหละเหมาะที่จะเป็นนายคน 


    “คุณจิน...ไปกันยังคะ?” เธอเงยหน้าขึ้นมาหลงจากที่นั่งเงียบมานานตั้งใจอ่านแฟ้ม 


    “อืม..อิ่มอ่านเสร็จแล้วเหรอ? ถ้าเสร็จก็ไปกันเลย” 


    “ค่ะ เสร็จแล้ว” เธอลุกขึ้นไปและเตรียมตัวเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อออกไปด้านนอกด้วยกันกับเขา 


    “ไปครับ” เขาเดินนำออกไปก่อน 


    “ท่านประธานคะ จะให้ดิฉันไปด้วยมั้ยคะ” สาลินีถามเร็วๆ เมื่อเห็นเจ้านายออกมาจากห้อง เพราะเนติธรไม่อยู่นึกว่าเขาจะให้เธอติดตามแทน 



    “ไม่ต้องวันนี้ผมจะไปกับคุณอิ่มคุณอยู่นี่ละนะ” เขาบอกเรียบๆ 


    “ค่ะ” 


    “เอ่อ...ต่อไปคุณอิ่มเขาจะมาเป็นผู้ช่วยของผมนะยังไงคุณก็คอยช่วยเหลือเธอหน่อยละกัน” 


    “ได้ค่ะ” รับคำอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เมื่อเจ้านายสั่งอย่างนี้จะให้ทำยังไงได้ละ แม้ว่าเธอจะไม่พอใจแค่ไหนก็ตามทีเถอะ
     

    “ไปเถอะอิ่มเดี๋ยวไม่ทันนะ” เขาหันมาสั่งคนที่เดินตามหลังมา 



    “ค่ะ” 


    “คุณนี่แปลกนะอิ่ม ทีอย่างนี้คุณดูนิ่งๆ แล้วก็ใจเย็น แต่ถ้ามีอะไรมากระทบคุณ นั่นละคุณจะกลายเป็นไฟทันที” เขาบอกตามที่เห็น 


    “ก็...คนเรามันก็ต้องมีมุมมืดของตัวเองค่ะ จะดีเป็นนางเอกละครหลังข่าวเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” 


    “ครับ อย่างนี้น่าสนุกนะครับ”
     


    ทั้งสองเดินออกนอกตึกด้วยกัน เป็นที่สนใจของทุกคน เพราะเป็นที่รู้ๆ กันอย่างส่วนใหญ่จิณณ์วัตรจะไม่ออกไปทำงานกับพนักงานที่เป็นผู้หญิงส่วนใหญ่จะออกไปกับเนติธรที่เป็นผู้ช่วยมากกว่า แต่นี่อะไรหญิงสาวที่เดินเคียงข้างเพิ่งย้ายมาทำงานด้วยวันนี้วันแรกแท้ๆ แต่เจ้านายกลับให้เธออออกไปทำงานด้วยซะได้ สร้างความริษยาให้กับหลายคนโดยเฉพาะนาราซึ่งเป็นคู่ปรับกับมนปริยาด้วยแล้ว
     

    “ท่าทางคุณจินดังในหมู่สาวๆ จริงๆ ด้วยนะคะมองกันแทบจะฆ่าอิ่มได้อยู่แล้ว” เธอมองเขาตาพราวเมื่อเห็นสาวๆ มองมาที่ทั้งคู่
     

    “ไม่รู้ซิครับไม่เคยเช็คเรทติ้งตัวเองซักที” เขามองตามสายตาที่มนปริยามองอยู่กำเห็นจริงดังที่เธอว่าแต่ไม่รู้ว่ามองด้วยสาเหตุอะไร 


    “คราวหน้าเช็คดูนะคะ” บอกอย่างนึกสนุก
     

    “ว่าแต่เราจะไปที่ไหนคะไม่เห็นบอกให้อิ่มรู้เลยค่ะ จะได้เตรียมตัวถูก”
     

    “อ๋อ...วันนี้เรานัดกับตัวแทนที่จะทำการผลิตเครื่องจักรตัวใหม่ครับ พอดีว่าเป็นช่วงที่ต้องปรับปรุงแล้ว เลยว่าจะคุยกันเสียหน่อยนัดไว้ที่...”
     


    “ห๋า...” ซวยแล้วมั้ยละไปที่นั่นได้ไงหวังว่าคงไม่เจอใครหรอกนะ 



    “เป็นอะไรไปรึเปล่าอิ่ม เงียบเชียวตื่นเต้นเหรอ?” เขาหันมาถามอย่างใส่ใจ เมื่อเข้ามาในรถด้านหลังเขาเห็นเธอเงียบเลย
     


    “ก็..มั้งคะ..” เธอยิ้มแหยๆให้เขา
     


    “เครื่องจักรเนี่ยต้องเปลี่ยนบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” เธอถามอย่างไม่เข้าใจเพราะอุปกรณ์พวกนี้ราคาสูงมากทีเดียว
     


    “เปล่าหรอก...แต่พอดีว่าเป็นช่วงของมันพอดีที่ต้องเปลี่ยนเอาตัวใหม่มาทดแทนเครื่องเก่าที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน ขืนดึงดันใช้ไปอาจจะได้ไม่คุ้มเสียหรอกนะ” 


    “อ๋อค่ะ” เธอรับคำอย่างเข้าใจในเหตุผลแล้ว 


    “ไปครับถึงแล้ว” มนปริยาลงรถไปก่อนโดยมีเขาลงตามมาทีหลัง 


    หญิงสาวยืนรอเจ้านายก่อนและทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงแรม S.K. ด้วยกัน ภายในใจของมนปริยานั้นตอนนี้ตีกันยุ่งไปหมด การมาที่นี่ไม่รู้ว่าเรื่องจะแตกรึเปล่าหวังว่าคงไม่มีใครที่จำหน้าเธอได้หรอกนะ 


    “คุณว่าเขามองเราผิดปกติรึเปล่าอิ่ม” จิณณ์วัตรถามหญิงสาวที่เดินมากกับเขาอย่างสงสัยถ้าเป็นที่บริษัทก็น่าจะเป็นเรื่องที่ปกติที่มีคนมองเขา แต่นี้เขาไม่รู้จักใครที่นี่นี่นา 


    “มองคนหล่อมั้งคะ” เธอตอบทีเล่นทีจริง 


    “คุณว่าผมหล่อเหรอ?” ถามอย่างสนใจความคิดของเธอว่าเธอมองเขาว่ายังไงบ้าง 



    “ใครไม่เห็นว่าคุณจนหล่อก็คงตาบอดแล้วค่ะ”
     

    “ก็แค่สงสัยว่าคุณคิดว่าไงเท่านั้นเอง” 


    “ต้องสงสัยหรอกค่ะ สายตาของอิ่มปกติดีเห็นเหมือนที่คนอื่นเห็นแน่นอนค่ะ”
     


    “ผมก็นึกว่าอิ่มไม่เหมือนคนอื่นเพราะไม่กลัวผมซะอีก” เขาเอ่ยล้อๆ 


    “อันนั้นอีกเรื่องไม่เกี่ยวกันค่ะ อันนั้นเป็นความสามารถส่วนบุคคลห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาดค่ะ” เธอบอกอย่างภาคภูมิใจ 


    “ครับ...ครับผมจะจำเอาไว้”
     


    “นั่นเขามากันแล้วครับอิ่ม” จิณณ์วัตรพยักพเยิดไปทางชาหนุ่มสูงวัยกับหญิงสาวอายุไล่ๆ กันกำลังเดินมาที่พวกเขาทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ 


    ‘หว๋าย! คราวนี้เจอลุงวินกับอาพิชเหรอเนี่ยอะไรจะซวยขนาดนั้น ไหนบอกเรื่องง่ายๆ ไม่ต้องเจอกับใครเลยไงละ’ เธอได้แต่ร้องเอะอะคนเดียว ภายนอกนั้นเธอสงบนิ่งและลุกขึ้นทักทายทั้งสองคนอย่างยิ้มแย้ม 


    “สวัสดีครับคุณปวรปรัชญ์คุณวรพิชชายินดีที่ได้เจออีกนะครับ นี่ผู้ช่วยผมครับมนปริยา” 


    “สวัสดีหน้าตายังเด็กอยู่นี่นา คงจะเก่งมากนะถึงมาช่วยงานคุณจินได้น่ะ” ปวรปรัชญ์หันมามองหญิงสาวร่างเล็กที่ยืนเคียงข้างจิณณ์วัตรอย่างสง่าไม่มีท่าทีตกประหม่าเลย 



    “สวัสดีค่ะคุณปวรปรัชญ์คุณวรพิชชา มนปริยาค่ะ” “คุณปรปรัชญ์กับคุณวรพิชชารับอะไรดีครับ”
     

    “ขอกาแฟแล้วกัน...ที่รักเอาน้ำมะพร้าวนะ?” ถามภรรยาอย่างใส่ใจ 




    “ค่ะ สั่งมาเถอะค่ะ” เธอยิ้มสามี 


    “ได้ครับ อิ่มเอาอะไรครับ” หันมาถามหญิงสาวที่นั่งข้างๆ อย่างใส่ใจ ทุกอย่างล้วนตกกอยู่ในสายตาของทั้งคู่อย่างพิจารณา และสังเกต
     


    “เอาเหมือนคุณวรพิชชาก็ได้ค่ะ” 



    “เอากาแฟสองนะแล้วก็นำมะพร้าวปั้นสองสำหรับคุณผู้หญิง” หันไปสั่งพนักงานที่มาคอยรับออเดอร์จากเขา 



    ว่าแล้วทั้งสี่ก็นั่งลงคุยกันเกี่ยวกับเครื่องจักที่ทางบริษัทต้องการที่จะนำมาใช้ ความจริงงานนี้จะให้ลูกน้องมาคุยกันเองก็ได้แต่เพราะเป็นงานที่ใหญ่ปวรปรัชญ์จึงต้องมาด้วยตัวเองอย่างนี้และจะได้รู้ความต้องการของลูกค้าอีกด้วย 



    “ว่าแต่คุณจิณณ์วัตรต้องการแบบไหนบ้างครับ?” 



    “ก็หลายตัวครับพอดีว่ากำลังจะขยายโรงงานออกไปอีกตอนนี้ก็สร้างเกือบเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงพวกเครื่องจักรที่ต้องเอามาลงเท่านั้นครับ”
     

    “เหรอครับ...ถ้ายังไงผมจะส่งตัวอย่างแล้วก็ราคามาให้ทีหลังแล้วกันนะครับจะไดเลือกตัวที่ต้องการได้ถูกต้อง” 



    “ดีครับ...ตอนนี้ก็สนใจอยู่หลายตัวเหมือนกันครับ เห็นว่าเพิ่งออกแบบใหม่ไม่ใช่เหรอครับ เพิ่งนำอออกตลาดสิ้นเดือนนี้เอง” 



    “แหมข่าวเร็วจังครับ พอดีว่าวิศวกรที่ออกแบบน่ะครับเขาเพิ่งทำเสร็จหมาดๆเลยนครับ นี่ก็ยุ่งจนไม่ได้มางานเปิดตัวงานของตัวเองนะครับ” 



    “แหมน่าอิจฉานะครับที่ได้ลูกน้องเก่งๆ อย่างนี้” 



    “จะว่าลูกน้องก็ไม่เชิงครับ หลานน่ะครับเห็นว่างๆ อยู่เลยดึงมาช่วยงานเขาบอกว่าขอค่าทำงานแพงๆ ด้วยนะ” 


    “ดีจังครับมีหลานเก่งๆ อย่างนี้” 


    “ครับ แต่ก็ป่วนหน้าดูหลายคนเกร็งที่ต้องร่วมงานด้วยเพราะเป็นหลานผมเอง แต่เขาเก่งครับมีรางวัลการันตีความสามารถงานเลยไม่มีปัญหานักเหมือนช่วงแรกๆ”
     


    “ว่าแต่ไม่ปล่อยให้ลูกๆ ทำงานเองละครับ”
     

    “อ๋อ..เขาดูส่วนอื่นน่ะครับวันนี้เราเลยมาเองคนแก่น่ะครับไม่มีอะไรทำเลยแย่งงานเด็กๆ เขาทำกัน” เขาพูดติดตลกเมื่อเห็นหน้าลูกๆ ตอนที่บอกว่าจะมาเองนั้น พวกนั้นห่วงว่าเขาและแม่จะเหนื่อยไม่อยากให้ทำงานหนักเพราะพวกเขาดูแลเองได้ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก... 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×