คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 คำกระซญิบที่ข้างหู
ตอนที่ 6 คำกระซิบที่ข้างหู
ร่างหนาในกางเกงผ้าฝ้ายขายาวไม่สวมเสื้อ เขาเดินออกมาจากห้องนอนใหญ่แล้วเดินมาเปิดประตูห้องเล็กที่มีใครอีกคนจับจองอยู่ ตอนนี้เกือบตีสามแล้วเขานอนไม่หลับทั้งที่ตอนนี้น่าจะหลับอย่างสบายแท้q แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นเขานอนไม่หลับจนต้องลุกออกมาจากที่นอน
เขายืนมองร่างบางที่นอนหันหลังให้เขา ภัทรดนัยขึ้นไปบนที่นอนจากอีกฝั่งเขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เธอ เขาสวมกอดเอวบางเอาไว้ ยัยแขนข้างหนึ่งกับหมอนเขามองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังหลับใหลอยู่อย่างน่ารัก
“หึๆ หลับสบายแล้วปล่อยให้ฉันวุ่นวายใจคนเดียวเลยนะ...” เขาเกลี่ยแก้มเนียนของเธออย่างเอ็นดู ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้เขารู้ว่าเธอหลับสนิท ชายหนุ่มก้มหน้าไปกดจูบที่แก้มนุ่ม ละมาที่จมูก ก่อนจะมาหยุดที่ปากบางของเธอ ชายหนุ่มแค่กดจูบเท่านั้นไม่ได้ล่วงล้ำไปมากกว่านั้น ตอนนี้เขายังไม่มีสิทธิ์แต่หลังจากนี้ละ...เธอดิ้นไม่หลุดแน่
“ไวน์...รู้มั้ยว่าตลอดหลายปีที่เราเป็นเพื่อนกันมา ฉันแสดงออกกับเธอมากกว่าคนอื่น คอยเป็นห่วงสารพัด ทั้งหวงเธอเกินกว่าเพื่อนจะเป็นคนอื่นๆ บอกว่าฉันคิดอะไรเกินเลยกับเธอ แรกๆ ฉันก็พยายามที่จะแย้งว่ามันไม่จริงเลย ทั้งหมดนั้นเพราะฉันห่วงเธออย่างเพื่อน..” เขาระบายทุกอย่างออกมาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายที่กำลังหลับใหลจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยออกมา
“แต่ปีที่ 3 ที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าความรู้สึกที่มันทะลักทายอยู่ในหัวที่เริ่มมีแต่เรื่องเธอ หึงทุกคนที่เข้ามาดึงความสนใจเธอไปจากฉันไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงฉันอยากให้เธอมองที่ฉันเพียงคนเดียว...จนฉันเริ่มมั่นใจว่าความรู้สึกที่มันเกิดกับฉันตอนนี้มันคืออะไร ฉันก็เริ่มเปลี่ยน...ฉันรู้ว่าฉันพฤติกรรมแย่แค่ไหนเรื่องผู้หญิงเธออาจจะไม่มั่นใจ...ฉันเลยอยากที่จะทำให้เธอเห็นและรู้ว่าฉันจริงจังแค่ไหนกับความรู้สึกครั้งนี้เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันอยากจะให้เข้ามายุ่งวุ่นวายและเข้ามามีส่วนร่วมทุกอย่างในชีวิตฉัน...แค่อยากบอกให้รู้เอาไว้นะว่า..ฉันรักเธอ...รักมากเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักได้...” เขากระซิบคำที่อยากบอกให้เธอได้ยินที่ข้างหู หวังว่าคำพูดเข้าจะเข้าไปในความฝันของเธอ
เมื่อเขาได้ระบายความรู้สึกออกไปแล้วแม้ว่าเธอจะไม่ได้มารับรู้อะไรกับเขาด้วยก็ตาม แต่เขาก็ได้พูดมันออกไปอย่างสบายใจ เขาเดินออกมาจากห้องของเธอ ใบหน้าแตะแต้มไปด้วยรอยยิ้ม คราวนี้เขาคงจะหลับได้เสียที
ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทคนที่เขาคิดว่าหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมากระชับผ้าห่มแล้วยิ้มกับตัวเอง “อิๆ ยอมพูดออกมาจนได้เหรอเนี่ย...ราฟ...คราวนี้ละนายเตรียมรับมือฉันให้ดีละ...” เธอบอกอย่างหมาpมาด นายเล่นงานฉันหนักคราวนี้ละนายจะว่ายังไง ก่อนจะหลับไปอีกครั้งและคราวนี้เธอหลับยาวไปถึงเช้า
เสียงดังด้านนอกทำให้คนที่กำลังหลับใหลอย่างสบายอารมณ์ลุกขึ้นแล้วออกมาดูว่ามีอะไรกันแน่ เพียงเปิดประตูออกมาเขาก็เห็นร่างบางในชุดนอนกำลังหันหลังให้เขาอยู่ตอนนี้
“ทำอะไรอยู่น่ะไวน์” เขาเดินเข้าไปหาเธอทันที
“อ๋อ...ทำข้าวต้มน่ะ...นายตื่นก็ดีแล้วละ...ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วก็มากินข้าวซะ...” เธอกำลังทำข้าวต้มกุ้งให้อีกฝ่าย วันนี้มีเรียนเช้าและเธอคิดว่าจะปลุกเขาทีหลัง
“อะไรเนี่ย...ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“7 โมงแล้ว นายก็รีบๆ ละ” ชิมครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดเตาแล้วปิดฝาเอาไว้ แล้วไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา
เมื่อคืนนอนหลับมั้ยอะ...ฉันฝันแปลกๆ ด้วยละ” พิชญ์นรีพูดขณะที่กินข้าวไปหลังจากทีjเธอเตรียมตัวเสร็จชายหนุ่มก็ยังไม่ออกมาเธอก็ตักข้าวรอเขาและมานั่งกินด้วยกัน เธอเห็นอาการสะดุ้งของอีกฝ่ายแม้เพียงน้อยนิดเธอก็เห็นว่าเขามีอาการ
“เหรอ...แต่ฉันหลับไม่ฝันเลย..” เขาคิดว่ายัยไวน์ฝีมือไม่ตกเลยยังทำอาหารอร่อยเหมือนเดิม
“เหรอ...แปลกจังเลย..ฝันอะไรไม่รู้...รักๆ อะไรซักอย่างนี่ละ...จำไม่ได้อะ” เธอมองหน้าเขายิ้มๆ
“ระ..รักเหรอ...” เขาถามเสียงตะกุกตะกัก เสหลบสายตาไปมองที่ถ้วยข้าวต้มของตัวเอง
“อือ..ช่างเถอะ..หวังว่าวันนี้นายคงไม่เอามอเตอร์ไซด์ไปนะเพราะถ้าเอาไปฉันจะไปเอง” หญิงสาวถามภัทรดนัยทันที ก็อีกฝ่ายน่ะชอบขับมอเตอร์ไซด์มากเลยนี่นา
“ไม่หรอกน่า...แต่ว่าไวน์ทำอาหารอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ...คุณแม่คงปลื้มมากเลยนะที่ลูกสาวสืบทอดฝีมือการทำอาหารมาเต็มที่เนี่ย” เขาเอ่ยชมเธออย่างจริงใจ เธอได้รับความชอบจากแม่ของเธอที่ชื่นชอบการทำอาหารอาจจะเพราะตอนเด็กๆ แม่ของเธอชอบทำอาหารบ่อยอีกฝ่ายก็เลยซึมซับและทำมันได้ดีเสียด้วย
“ก็นะ...นายเองก็เถอะรีบๆ เข้าเดี๋ยวจะสายเอานะ” วันนี้พวกเธอมีเรียนตอน 9 โมง ต้องเผื่อรถติดอีกด้วย “นี่..ราฟ...” เธอมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งกำลังคิดอะไรอยู่
“ว่า..” เขาเงยหน้ามามองหน้าเธอนิดนึงก่อนจะกินต่อไป
“เกิดยัยดาวบริหารนั่นไม่ยอมเลิกราละ? เขาจะมาวุ่นวายกับฉันรึเปล่า?”
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรเธอหรอกน่า...”
“จะปกป้องฉันใช่มั้ย” หญิงสาวบอกเขาเสียงหวานแววตาแวววาวยามมองหน้าเขา
“ก็ทำอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ...มีครั้งไหนที่ฉันไม่ปกป้องเธอละ”
“อิๆ ก็ลองถามดูน่ะ...” เธอได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี เธอคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของเธอเลยละ
“เสร็จแล้วเหรอเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เธอบอกเมื่อเห็นเขาดื่มน้ำแล้ว และเธอจัดการถ้วยของเธอและเขาไปวางในซิงค์แล้วทำความสะอาด เธอเดินไปเอารองเท้าของเธอและเขาออกมาวางไว้ข้างนอก
“วันนี้ใจดีแปลกๆ นะเนี่ย?” อดจะกังขากับการบริการดีเวอร์ของอีกฝ่าย ที่บริdารกระทั้งหยิบรองเท้าออกมาวางให้เขาและรู้ว่าเขาจะใส่คู่ไหนเสียด้วย
“เอ้า...ก็ค่าจ้างสำหรับที่นายจะปกป้องฉันไง” เธอบอกเขาอย่างมีความสุขเตรียมตัวออกไปเรียกเสียที
“โหย...ทำดีหวังผลนี่หว่า...แล้วก็นะต่อให้ไม่มีค่าจ้างฉันก็เต็มใจปกป้องเธอตลอดชีวิตอยู่แล้วละ” เขาเหลือบมองซีกหน้าด้านข้างของเธอแล้วก็เห็นว่าแก้มเธอออกสีเรื่อน้อยๆ นั่นทำให้เขามีความสุขมากแล้ว
“ให้มันจริงเถอะยะ...ไม่ใช่พอมีสาวๆ ก็ลืมหมดที่พูดนะ” เธอสะบัดค้อนน้อยๆ ไม่ใช่ไม่เคยโดนเสียหน่อย
“เรื่องเก่าแล้วน่า...สัญญาจากนี้จะไม่มีอย่างนั้นอีก” เพราะเรื่องเก่าที่เขาไปกับสาวๆ จนเธอโดนราวีจากคนเก่า และเป็นเรื่องเธอก็โกรธเขาไปหลายวันเดือดร้อนเขาต้องรีบง้อเธออย่างเร่งด่วน เธอโกรธแล้วไม่ยอมพูดกับเขา ไม่มองหน้า ทำเอาเขานอนไม่หลับจนต้องง้อสาวสวยคนนี้อย่างไม่เกี่ยงงอนหลังจากนั้นเขาก็ไม่ยอมให้เกิดเรื่องอย่างนั้นอีกเลย
“ไม่รู้ไม่ชี้...”
“หึๆ” ชายหนุ่มได้หัวเราะเธออย่างเอ็นดูกับท่าทางสะบัดค้อนน่ารักของเธอคนนี้
“ค่ะแม่..กำลังจะไปเรียนค่ะ” เธอควานหาโทรศัพท์ก่อนจะกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นมารดาโทรมา แล้วเข้าไปนั่งในรถเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปลดล็อครถแล้ว
“เหรอ..แล้วเจอพี่เวียร์ยังลูก” ถามอย่างเอื้ออาทรณ์ ลูกสาวคนเล็กเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากที่ไปฝึกงานที่ฮ่องกงช่วงปิดเทอม
“ยังค่ะแม่...ไวน์ค้างบ้านเพื่อนค่ะวันนี้ตอนเย็นก็น่าจะเจอค่ะ”
“อ้าวเหรอ...แล้วทำไมไม่กลับบ้านละ” ถามลูกสาวอย่างห่วงใย
“อ๋อ...พอดีนัดเลี้ยงน้องรหัสน่ะค่ะ..แล้วก็...ดื่มนิดหน่อยค่ะ...เลยไม่ได้กลับบ้าน” เธอบอกเหตุผลกับแม่ของเธอ ท่านมีเหตุผลเสมอไม่เคยห้ามแต่จะคอยสอนดีๆ มากกว่าว่าควรทำยังไงบ้าง
“ดีแล้วลูกที่ไม่กลับ...ดึกแล้วอันตราย” ท่านบอกอย่างห่วงใย รู้ดีว่าเด็กวัยนี้กำลังสนุกกับการอยู่กับเพื่อน และท่านเองก็เคยเป็นเหมือนกันได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่พอถึงเวลาก็อิ่มตัว แต่ถ้ายิ่งห้ามเด็กก็จะยิ่งต่อด้านและอยากลอง สู้คอยให้คำปรึกษาดีกว่า
“ค่ะ...พ่อกับแม่เป็นไงบ้างคะ” ถึงเพิ่งจะกลับมาแต่เธอก็คิดถึงพวกท่านเสมอ
“พ่อกับแม่สบายดี แต่คิดถึงลูกชายลูกสาวน่ะซิคุณพ่อก็บ่น” ท่านเอ่ยถึงสามีอย่างรักใคร่ ตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ฮ่องกง ปล่อยให้ลูกชายดูแลบริษัทที่เมืองไทย แต่อีกไม่นานก็จะกลับแล้วเพียงแค่มาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวสุดที่รักระหว่างฝึกงาน และตอนนี้พวกท่านก็จะเดินไปฮันนิมูนกันต่อ
“อิๆ ทำมาเป็นบ่น แต่ก็หนีไปฮันนิมูนกันสองคนตลอดเลย” ทำแก้มป่องเมื่อเอ่ยถึงความหวานของพ่อแม่ที่หวานใส่กันตลอด แม้จะแต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้วแต่พวกท่านก็ยังรักกันหวานฉ่ำเหมือนเดิม
“ทำใจจ้ะลูกสาว...แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูกแม่กับพ่อจะรีบกลับ”
“ค่ะเที่ยวให้สนุกนะคะ” บอกแล้ววางสายไป
“คุณแม่ท่านน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ” ภัทรดนัยบอกด้วยรอยยิ้มเขาขับรถออกมาและตั้งใจฟังสิ่งเธอคุยกับแม่ของเธอ
“อืม...ว่าแต่นายเถอะราฟ...วันนี้กลับบ้านมั้ย?” ปกติเพื่อนเธอคนนี้ก็กลับบ้านอยู่หรอกหากแต่วันไหนที่เมาหรืออกมาเที่ยวเขาจะมาค้างที่คอนโดมากกว่า แต่เขากลับไม่เคยพาผู้หญิงที่เขาควงอยู่มาที่นี่เลย
“กลับ..เห็นคุณแม่ท่านโทรมาเมื่อเช้าน่ะว่ามีเรื่องจะคุยด้วย” เขาเองก็ต้องกลับบ้านเหมือนกันเพราะแม่เขาโทรมาหาแต่เช้าแล้วว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
ชั้น 40 ตึกKPK กรุ๊ป ที่ธีรวิทย์กำลังนั่งตรวจเอกสารจากแผนกต่างๆ อยู่ เขาเหลือบเห็นเวลาตอนนี้เที่ยงแล้ว แต่ยังไม่เห็นคนที่นัดว่าจะเข้ามาหาที่นี่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดออกหาอีกคน
“อยู่ไหนแล้ววะ...เที่ยงแล้วนะเว้ย...” โวยกับอีกฝ่ายทันที
“ใจเย็นน่า...ถึงแล้วเนี่ย..” สุริยะหรือยะเพื่อนสนิทชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ ตาคมดุ ยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานเพื่อนรัก ก่อนจะเปิดเข้าไป
. “กว่าจะมาได้นะเอ็งน่ะ...” เขาวางสายทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขา
“ก็ไอ้กรน่ะซิช้า..” โบ้ยไปให้อีกฝ่ายที่เดินตามหลังมาสีหน้าระรื่น เพราะเพิ่งได้เบอร์โทรศัพท์จากสาวสวยมาหมาดๆ
“เอ็งอย่ามาทำให้ลูกน้องข้าใจแตกนะเว้ย..” ธีรวิทย์ชี้หน้าเพื่อนรักอีกคนอย่างดุๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นคนอารมณ์ดี สาวๆ เข้าหาง่ายเลยสอยลูกน้องเขาไปหลายคนละ
“วินๆ ทั้งสองฝ่ายน่า...แกจะอะไรมากวะ...” ไหวไหล่สีหน้าระรื่น เขามันคนโสดยังไม่มีพันธะจะมีสาวๆ เยอะไม่เห็นแปลก
“ระวังจะตายเพราะผู้หญิง” สุริยะส่ายหน้าอย่างระอากับความคิดอีกฝ่ายเขาละกลัวเหลือเกินว่ามันจะตายเพราะสาวๆ พวกนั้นเกิดมีใครไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆ
“ไม่มีวันหรอกน่า...ว่าแต่ไปกันยังวะหิวแล้วเนี่ย”
“พวกแกน่ะแหละชักช้า” ธีรวิทย์ได้แต่ระอาแล้วลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินตามเพื่อนรักทั้งสองคนออกจากห้องไป วันนี้พวกเขานัดจะไปหาอะไรทานไกลหน่อยวันนี้ช่วงบ่ายไม่มีอะไรแล้ว
“หูย..สาวๆ บริษัทแกนี่แจ่มๆ ทั้งนั้นเลยวะ...” เขามองดูพนักงานสาวๆ ที่เดินกันให้ควั่กเพราะนี่เป็นช่วงพักเที่ยงพอดี
เพียงแค่ธีรวิทย์เดินออกมาจากลิฟต์พร้อมสองหนุ่มหล่อแค่นี้ก็เป็นเป้าสายตาของใครหลายคนแล้ว แม้ช่วงนี้จะเห็นท่านรองที่ข้างล่างบ่อยๆ ก็ตามที แต่นี่มันเป็นอาหารตาชัดๆ
เพียงแค่เดินออกมาที่หน้าประตูรถของชายหนุ่มก็จอดรออยู่แล้ว แต่สายตาเขาเหลือบไปเห็นร่างบางในชุดนักศึกษาแวบๆ เพียงแค่เห็นไdลๆ เขาก็ยังจำได้เลย เห็นเธอคนนั้นเดินตรงมาทางเขาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่มีหญิงสาวอีกคนที่เป็นคนลากให้เธอเดินมาทางพวกเขายืนอยู่
“ไม่อายัยไพคนเยอะแยะเลยนะ...”ภัทรลดาบอกอย่างอายๆ จะให้เธอเดินเข้าไปทักทั้งที่คนเยอะขนาดนี้เนี่ยะ เธอแค่จะเอาเสื้อเขามีคืน หลังจากที่เรียนเสร็จแล้วเธอก็ชวนเพื่อนรักอย่างจิระประไพให้มาที่นี่ก่อนจะไปหาอะไรทานกัน
“อย่ามัวแต่อายดิ...เดี๋ยวไม่ทันพอดี..” จิระประไพหันมาบอกเพื่อนรักที่เขาแต่อายไม่กล้าเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยืนเป็นสง่าที่หน้าตึก สายตาคมหยุดเดินแล้วมองมาทางพวกเธอขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องลุยเท่านั้นแหละ
“สวัสดีค่ะคุณเวียร์ไช่มั้ยคะ?” จิระประไพเป็นคนทักชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางก่อนทันที ผู้ชายสามคนนี้หล่อกินกันไม่ลงจริงๆ แต่ถ้าหล่อแบบดาร์กๆ เห็นจะเป็นคนกลางนี่ละ ด้วยผมซอยสั้นจัดแต่งทรง ตาคมเฉี่ยว รูปร่างสูงใหญ่อย่างคนออกกำลังกายเป็นอย่างดี
“ครับ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองหน้าหญิงสาวที่เข้ามาทักเขาแทนที่จะเป็นอีกคนที่กำลังก้มหน้าแดงๆ ของตัวเองอยู่
“คือว่า...เอ้า..ยัยเรียวเอามาซิ” เธอหันไปว่าเพื่อนรักที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“สะ..สวัสดีค่ะคุณเวียร์เอ่อ...เรียวเอาเสื้อมาคืนค่ะ..”เธอยื่นถุงกระดาษที่เธอใส่เสื้อสูทของเขาเอาไว้ให้อีกฝ่าย
“อ้อ...ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่นา...”
“ไม่ได้หรอกค่ะ..เรียวเกรงใจน่ะค่ะ..” เธอส่ายหน้าหวือทีเดียวเมื่อเขารับไปถือเอาไว้
“โห..อะไรวะเวียร์เดี๋ยวนี้คั่วเด็กนักศึกษาเหรอวะ?” ภานุกรเย้าเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มเห็นสาวน้อยวัยแรกแย้มสองนางที่อยู่ตรงหน้า
“ไอ้ปากเสีย..น้องเขาเสียหายนะเว้ย...” หันไปปรามเพื่อนรักที่คะนองปากไปหน่อย
“อ้าว...ไอ้นี่...ว่าแต่..ชื่ออะไรกันครับ?” บอกอย่างเป็นมิตร ยิ่งสีหน้าจิ้มลิ้มของทั้งสองสาวด้วยแล้ว แหม...ชักอยากจะมีแฟนเด็กดูซะแล้วซิ
“ชื่อเรียวค่ะ แล้วก็นี่ไพค่ะ” ภัทรลดาบอกเสียงอ่อน “งั้น...เรียวขอตัวก่อนนะคะ...” เธอคืนของให้อีกฝ่ายแล้วเธอก็จะเลี่ยงเสียที
“สวัสดีครับพี่ชื่อกรครับ อีกคนชื่อยะนะเป็นเพื่อนไอ้เวียร์มัน” ภานุกรแนะนำตัวเองทันที ทั้งสองสาวก็ยกมือไหว้ทันทีเช่นกัน
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ เราสองคนขอตัวก่อนนะคะ” จิระประไพเป็นคนเอ่ยขอตัวกับทั้งสามหนุ่มหล่อ
“จะรีบไปไหนละมีเรียนต่อเหรอ?” ธีรวิทย์รีบเอ่ยถามก่อนที่ทั้งสองคนจะไป
“เปล่าหรอกค่ะจะไปทานข้าวน่ะค่ะเราแวะมาหาคุณเวียร์ก่อน” จิระประไพเป็นคนตอบ
“พอดีเลยไปทานด้ยกันซิเพวกพี่ก็กำลังจะไปหาอะไรทานกันพอดี แต่ว่ามีเรียนกันช่วงบ่ายรึเปล่า?” ธีรวิทย์อดจะเป็นห่วงไม่ได้
“วันนี้ไม่มีเรียนแล้วค่ะ แต่เราจะไปรบกวนรึเปล่าคะ?” จิระประไพบอกอย่างฉะฉาน เห็นทีงานนี้เธอคงต้องช่วยเพื่อนเต็มที่ แล้วไหนแม่เพื่อนรักจะกระตุกแขนเธอเร่าๆ ว่าให้ปฏิเสธ แล้วเมื่อไหร่เธอจะสมหวังยะ
“งันก็ไปด้วยกันซิ...แต่ว่าไกลหน่อยนะ...” สุริยะเอ่ยชวนด้วยอีกคน
“งั้นเราสองคนรบกวนด้วยนะคะ...”
“ยัยไพ..” เธอพยายามปรามเพื่อนรักแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ฟังเลย
“เรียวรังเกียจเหรอที่จะไปกับพวกพี่น่ะ?” ธีรวิทย์เอ่ยออกมาเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของอีกคน
“ปละ..เปล่าค่ะ แต่เรียวเกรงใจค่ะ” ได้แต่ปฏิเสธสีหน้าแหยๆ กลับไป เธอดีใจจนพูดไม่ออกละซิไม่ว่าการจะได้มีโอกาสใกล้ชิดเขาอย่างนี้
“ไม่เป็นไรหรอก...งั้นพวกเรียวเอารถมากันรึเปล่า?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ
“เอามาค่ะไพขับมา”
“เดี๋ยวไปพร้อมพวกพี่แล้วกัน...ขากลับค่อยกลับมาเอารถที่นี่”
ชายหนุ่มออกความเห็นแล้วก็เป็นไปตามคาดเขาได้ตุ๊กตาหน้ารถนามว่าภัทรลดา ส่วนเพื่อนสาวของเธอไปนั่งรถของสุริยะ และจุfหมายก็เป็นร้านอาหารนอกเมืองที่พวกเขาไปเป็นประจำ แต่วันนี้คงต่างออกไป เพราะเธอคนนี้ที่เขารู้ว่าเธอแอบมองเขาบ่อยๆ เมื่อคิดว่าเขาไม่ทันทังเกต
ภัทรลดาสาวน้อยที่ดูสดใสน่ารักไม่มีเล่ห์กลใดๆ เธอดูน่ารัก และผ่อนคลายยามที่เขาได้อยู่ใกล้ๆ เธอแบบนี้ หึๆ คราวนี้ดูเหมือนว่าคนเบื้องบนจะกำหนดให้เดินหน้าแล้วซินะ
ความคิดเห็น