ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
“ฮึ้ย...ยัยนารานะยัยนารา” หญิงสาวเดินออกมาที่จอดรถอย่างโมโหเจ้าของชื่อเต็มที่ เธอมาถึงที่รถของเธอและขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มองว่ามีใครเดินผ่านไปหรือเปล่าเพราะปกติแถวๆ ที่เธอจอดรถจะไม่มีใครที่เดินผ่านอยู่แล้ว
เอี๊ยดดดดดดดด....โครม!!!!! เสียงรถเบรกสนั่นหวั่นไหวเมื่อเธอเห็นว่ามีเงาตะคุ่มเดินผ่านหน้ารถเธอโดยที่ไม่เห็นว่าเธอเลี้ยวรถออกมาแล้ว
“คุณ!!! เป็นอะไรรึเปล่า!?” เธอรีบวิ่งลงจากรถไปดูคนที่เดินตัดหน้าเธอเมื่อครู่อย่างตกใจและเป็นห่วงว่าคนๆ นั้นจะรับบาดเจ็บอะไรมากรึเปล่า
“ท่าน....ประธาน!!!” เมื่อเธอเห็นหน้าคนที่เธอเกือบชนเขาจังๆ แล้ว เธอยิ่งตกใจเป็นเท่าตัวไปอีกใครจะไปคิดเล่าว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทเธอเอง จะโดนไล่ออกมั้ยเนี่ยฐานขับรถชนเจ้าของบริษัท....
“คุณขับรถยังไงเนี่ยไม่เห็นเหรอว่ามีคนเดินอยู่น่ะ” เขาว่าเธออย่างโมโห โดยที่ไม่ทันได้มองว่าใครที่เป็นคนชนเขา
“ขอ...ขอโทษค่ะอิ่ม...เอ้ย!...ฉันไม่ทันเห็นจริงๆ ค่ะ”เธอบอกอย่างยอมรับผิดเต็มประตู
“ไม่ทันเห็น? แหมพูดออกมาได้นะ ผมตัวออกจะโตขนาดนี้” เขาค่อนอย่างแคลนๆ
“ขอ..โทษค่ะเป็นอะไรมั้ยคะเดี๋ยวฉันจะพาไปโรงพยาบาลนะคะ” เธอเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงของเขาให้ลุกขึ้น
“เดี๋ยวไปรถฉันนะคะ”
“คงต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะรถผมเสียถึงต้องเดินมาที่นี่ไง”
“เอ่อ...เชิญค่ะ”
“คุณชื่ออะไร?” เขาถามชื่อเธอเรียบๆ ทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว แต่ใครจะไปบอกว่าเขาจำได้ว่าเธอเป็นใครอย่างนี้มันต้องฟอร์มกันหน่อย
‘หว๋าย จะโดนไล่ออกจริงๆ รึเนี่ยเล่นถามชื่อแบบเนี้ยะ...’ เธอได้แต่คิดอยู่คนเดียว แต่ก็บอกชื่ออกไป
“ชื่อมนปริยาค่ะ” เธอบอกอขาอย่างหวาดๆ เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะตกงานเสียด้วย “ผมรู้..หมายถึงชื่อสั้นหรือชื่อเล่นน่ะ” เขาบอกย่างรำคาญ
“อิ่มค่ะ”
“ผมยังไม่หิว”
“เปล่าค่ะหมายถึงฉันชื่ออิ่มค่ะ”
“อ้อ” เขารับคำอย่างเพิ่งเข้าใจว่าเธอชื่อเล่นว่าอิ่มนั่นเอง
“คุณอยู่ที่แผนกไหน?” เขาถามเธอเรื่อยๆ ระหว่างที่เธอขับรถพาเขาไปเช็คที่โรงพยาบาล
“ฝ่ายการตลาดค่ะ”
“ทำงานที่นี่เงินดีขนาดซื้อรถสปร์ตอย่างนี้ได้เลยเหรอ?” เขามองรถเธออย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ พ่อซื้อให้ค่ะ พอดีคงสงสารมั้งคะ เห็นนั่งโดยสารตลอดท่านก็เลยใจอ่อนยอมให้รถมาใช้ค่ะ”
“เหรอ?...”
“ค่ะ ว่าแต่ท่านประธานทำไมอยู่คนเดียวละคะ?” เธอถามอย่างสงสัยก็ส่วนใหญ่เขาจะไม่เคยอยู่คนเดียวเลยนี่นา
“พอดีว่ารถเสียผมว่าจะเดินตัดไปขึ้นแท็กซี่น่ะ แต่...” เขาปรายตามองที่เธอนิดนึงก่อนจะไม่พูดต่อ
“ขอโทษค่ะพอดีว่าโมโหน่ะค่ะ และทุกทีก็ไม่มีคนด้วย” เธอตอบหน้าแหยๆ
ชายหนุ่มพิศมองสาวร่างเล็กตรงหน้าเขาอย่างพิจารณาเธอเป้ฯคนผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโต จมูกเชิดอย่างคนดื้อรั้นอยู่ในที ปากเธออิ่มสมกับชื่อของเธอ ดวงหน้ารูปไข่ มองรวมๆ แล้วเธอสวยมาก คงได้ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างพ่อและแม่มาทีเดียว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่เธอหน้าตายังไงแต่คงหน้าตาดีมากๆ
“มองพอยังคะเจ้านาย?” เธอเปรยออกมาเบาๆ
“ถ้าบอกว่ายังคุณจะยังยอมให้ผมมองไปตลอดมั้ย?”
“แหมเดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหรอกค่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่าเราลงไปดีกว่าเพราถึงแล้ว”
“เอางั้นเหรอ ว้า...เสียดายจังยังมองไม่พอเลย”
“แหม...พูดอย่างนี้สาวๆ เสียใจแย่เลยค่ะ” ก่อนจะลงจากรถไปและวิ่งไปฝั่งที่ชายหนุ่มนั่งอยู่และช่วยพยุงเขาให้ลงจากรถไปด้วยกัน
“แปลกนะผมเจอคุณหลายครั้งแต่ไม่ยักกะได้คุยกันซักที”
“แหม ได้คุยกันซิคะแปลก ท่านประธานจะมาคุยกับพนักงานธรรมดาได้ยังไง และท่านเองก็งานยุ่งขนาดว่า เขาลือกันว่าการได้เห็นหน้าท่านประธานยากยิ่งกกว่าขอพบนายกฯ เสียอีกค่ะ” เธอบอกขณะนั่งรอเรียกข้างๆ เขา
“ขนาดนั้นเชียว?..”
“ค่ะ...วันนั้นนะคะเล่าให้เขาฟังว่าเจอท่านประธานน่ะสาวๆ กรี้ดกันใหญ่”
“ทำไมละ?"
“ไม่ทำไมหรอกค่ะเขาแค่อยากเจอค่ะ”เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะเธอคิดว่าสิ่งที่เขาพูดเล่นกับเธอนั้นเขาคงไม่คิดอะไรอยู่แล้วเพราะคนระดับเจ้าคนนายคนอย่างนั้นคงมองแต่คนที่อยู่ระดับเดียวกันเท่านั้น
ถ้าจะมองกันจริงๆ เธอก็เป็นแค่พนักงานในบริษัทไม่มีอะไรที่ช่วยเกื้อหนุนธุรกิจของเขาได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้นึกรังเกียจอะไร แต่การที่คนรวยจะมารักกับคนจนๆ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก
เธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับที่พนักงานสาวๆ ที่พากันกรี้ดกร้าดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอเพราะจากเท่าที่เธอเห็นแม้ว่าเขาจะถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือเพียงเชิ้ตสีฟ้าเท่านั้นเขาก็ยังดูดี โครงหน้าคมเข้ม ดวงตาคมกริบดังพญาเหยี่ยว เวลามองลูกน้องเล่นเอาขยาดไปตามๆ กัน
ชายหนุ่มคนนี้มีทุกอย่างที่สาวๆ ทั่วประเทศอยากได้มาเป็นแฟนคือหล่อและรวย แถมตอนนี้เขาโสด ใครๆ ต่างก็อยากจะมีโอกาสทั้งนั้นซึ่งเธอเองก็ไม่โทษใครหรอกที่ต่างคลั่งไคล้เขาขนาดนี้
“มองพอรึยัง” เขาถามเธอเสียงเรียบหลังจากที่เขาสังเกตเห็นว่าเธอมองเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ?”
“เปล่าค่ะ...แค่อยากมองคนหล่อที่สาวๆ ต่างคลั่งไคล้เท่านั้นเอง” เธอตอบอย่างไม่หยี่ระเมื่อโดนจับได้ว่าเธอจ้องอยู่
“เหรอ แล้วคุณละ?”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ไม่....คลั่งไคล้ผมเหรอ?” เขาถามทีเล่นทีจริง
“อืม..เฉยๆ ค่ะอย่างท่านน่ะเหมาะจะเป็นคนในฝันมากกว่าที่จะคิดอยากเป็นแฟนด้วยจริงๆ คงยากค่ะ” เธอตอบตามตรง
“ทำไมละ? ผมเองก็คนธรรมดานะ?”
“คุณหล่อ...รวยเหมาะกับคนที่ฐานะเท่ากันมากกว่าค่ะ เขาเรียกเงินต่อเงินไงคะ”
“ไม่คิดว่าผมอาจจะชอบคนที่ไม่เท่ากับผมเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกันซิคะ ท่านอาจจะชอบก็ได้แต่ฉันไม่ทราบนี่คะ ต้องรอดูตอนที่ท่านประกาศวิวาห์โน่นแหละค่ะ”
“ผมว่าคุณเรียกท่านทุกคำอย่างนี้มันรู้สึกแก่ยังไงก็ไม่รู้นะเรียกผมว่าคุณจินดีกว่านะ”
“ไม่ดีหรอกค่ะ เขาจะหาว่าตีสนิทเอา เรียกท่านดีแล้วค่ะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ก็รู้ๆ อยู่ว่าในบริษัทไม่มีใครที่เรียกชื่อเขาห้วนๆ กันซักคนเดียว ใครๆ ก็เรียกเขาอย่างที่เธอเรียกทุกคนจะให้เธอเรียกชื่อเขาได้ยังไง
“ผมว่าดีก็ต้องดีต่อไปถ้าคุณเรียกท่านอีกผมจะปรับ และไม่ต้องคิดหนีนะ หลังจากนี้เราเจอกันแน่” เขาขู่เธอใบหน้าเรียบเฉย
“คุณจิณณ์วัตรคะ...คุณจิณณ์วัตรเชิญที่ห้องตรวจได้แล้วค่ะ”
“ครับ..คุณไปกับผมมั้ย?” เขาหันมาถามหญิงสาวข้างๆ กัน
“ไม่ละค่ะทะ...เอ่อ คุณจินเข้าไปเถอะ” เธอเปลี่ยนตัวเองทันทีเมื่อเห็นเขาจ้องเธอยู่เมื่อเธอกำลังจะเรียกเขาเหมือนเดิม ไม่ได้กลัวนะ แต่ไม่อยากโดนทำโทษเท่านั้นเองน่ะ...
“ครับ งั้นรอก่อนนะ” หลังจากที่เขาเดินเข้าห้องตรวจไปแล้วมนปริยาเดินไปที่เครื่องขายน้ำอัตโนมัติเพื่อหาเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและเผื่อเขาด้วย เธอเดินกลับมานั่งรอเขาเหมือนเดิม แต่รอไปซักพักก็เห็นเขาเดินออกมาพร้อมผ้าพันแผลที่แขนด้านซ้าย เธอรีลุกออกไปทันที
“คุณจิน! เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
“ข้อมือซ้นน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่งานผมน่ะซิจะทำยังไง เจ้าเนก็ไปลอนดอนแทน ด้วย” เขาบอกเล่าอย่างเป็นกังวลเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ
“เอ่อคุณจินมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ?” เธอถามเขาอย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัวและอาจจะเสียงานอย่างนี้
“ไม่รู้ซิครับ คุณอาจจะไม่อยากทำก็ได้”
“งานอะไรคะ ฉันเต็มใจค่ะ” เธอบอกอย่างมุ่งมั่นโดยลืมไปว่าเขาเป็นใคร และงานของเธอที่ต้องทำก็เยอะอยู่เหมือนกัน
“ระหว่างที่แขนผมยังไม่หายคุณช่วยมาอยู่ช่วยงานผมหน่อยซิ”
“ได้ค่ะ!” เธอรับคำทันทีโดยลืมนึกไปว่าตัวเองก็มีงานอยู่ไม่น้อย “แต่ว่า...ฉันมีงานต้องทำนะคะจะช่วยงานคุณจินได้ไงละคะ” เธอบอกอย่างนึกขึ้นมาได้ทัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้นผมจะจัดการเองคุณแค่มาช่วยงานก็พอ ไม่มีอะไรมากเพราะผมจะมีผู้ช่วยของเนคอยช่วยอยู่ แต่ที่จะให้คุณช่วยเป็นงานที่เกี่ยวกับเอกสารภายในมากกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาก็จะรู้เองละ” เขาบอกอย่างไม่เดือดร้อน
แต่หญิงสาวที่เดินมากับเขานี่ซิ กลับคิดมากเพราะงานที่เขาบอกน่ะเธอไม่เคยต้องทำงานเลขาฯ เสียด้วยไม่รู้จะทำได้รึเปล่า เรียนก็ไม่ได้เรียนมา
“อย่าคิดมากแค่มาช่วยงานแค่นั้นเอง ส่วนหน้าที่รบผิดชอบของคุณก็ให้ในแผนกเขารับผิดชอบกันไปก่อน”
“ค่ะ”
“เจ้านายกลับบ้านเลยนะคะ...บอกทางด้วยแล้วกันเดี๋ยวฉันจะไปส่งให้”
“เอาซิ...” เขาบอกเธออย่างผ่อนคลาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่ที่เขาต้องเข้ามารับงานของครอบครัวหลังจากที่พ่อกับแม่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วเขาก็ค่อนข้างเครียดกับงานที่รับภาระอยู่
ตอนนี้เขาเหลือญาติเพียงคนเดียวคือน้องสาวที่ตอนนี้เรียนอยู่ มนทำให้เขาต้องคอยดูแลจนแทบไม่เคยอยู่อย่างสบายๆ เลยตลอดหลายปีมานี้ แต่กับเธอมันต่างไป เขาไม่รู้สึกว่าเป็นอันตรายหรือระแวงเธอแม้แต่น้อย
“เจ้านายคะถึงแล้วค่ะ” เขาเรียกเขาเบาๆ เมื่อเขารถมาตามทางที่เขาบอกอย่างไม่รบร้อนนักเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยเก่าอีก
“อืม..ผมหลับไปเหรอ?” เขาถามเธออย่างตกใจนี่เขาเผลอหลับต่อหน้าเธอหรือเนี่ย
“ค่ะ...แต่ถึงแล้วนะคะ” เธอรบคำเรียบๆ อย่างไม่คิดอะไรเลย เพราะคิดว่าเขาคงเพลียและจากอาการแล้วเขาคงโดนฉีดยาแก้ปวดมาแน่ๆ ถึงทำให้ง่วงนอนได้
“งั้นขอบใจมากนะคุณอิ่ม เจอกันพรุ่งนี้ และก็ขอบคุณมากนะที่มาส่ง” ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปและเรียกให้ยามมาเปิดประตูให้เขาเข้าบ้านไป หลังจากนี้เขาต้องจัดการให้เจ้าเนไปดูงานที่ลอนดอนเสียก่อนไม่งั้นแย่แน่ๆ และคงต้องตอบคำถามน้องสาวกันยาวทีเดียวเรื่องที่เขาเจ็บ
“ไม่เป็นไรค่ะเจ้านาย” เธอบอกหลังจากที่เขาเข้าบ้านไปแล้วและคิดว่าเขาคงไม่ยินที่เธอพูดแน่ๆ เธอขับรถออกไปและรู้ด้วยว่าคอนโดฯ ของเธอกับบ้านของเธอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แค่ขับออกไปหน้าซอยและเลี้ยวก็ถึงห้องเธอแล้ว ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าเราอยู่ใกล้กันอย่างนี้ แปลกดีเธอกับเขาไม่เคยเจอกันตอนกลับซักกะที
“พี่จิน! เป็นอะไรไปคะ แล้วนี่ไปโดนอะไรมา!” เธอเรียกพี่ชายอย่างตกใจ เธอเห็นพี่ชายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เธอนั่งดูทีวีอยู่และเห็นสภาพแล้วคงโดนอะไรมาแน่นอน เธอรีบเดินเข้ามาช่วยประคองพี่ชายให้นั่งที่โซฟายาวสีขาวที่เธอลุกออกมาเมื่อครู่ มองพี่ชายอย่างพิจารณา
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ แล้วน่ะทำไมยังไม่นอนอีกละ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ?” เขาโยกหัวน้องสาวเบาๆ จากเท่าที่เห็นเธออยู่ในชุดนอนสีชมพูสีโปรดของเธอแล้ว คิดว่าเธอคงมารอเขาอยู่แน่นอนจินนี่นอนไม่หลับหรอกพี่ชายหายไปไหนไม่มีใครรู้อย่างนี้ แล้ว
"ทำไมไม่ยอมโทรให้ใครไปรับละคะ”
“พี่ขอโทษค่ะ พอดีว่าเกิดอุบัติเหตุพี่อยู่ที่โรงพยาบาลเลยไม่ได้โทรหาใครน่ะ”
“แน่นะคะ”
“จ้ะ”
“งั้นพี่ชายไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ”
“จ้ะ เราเองก็รีบขึ้นนอนละ” เขาหอมแก้มนุ่มของน้องสาวก่อนจะเดินหายไปที่บันไดเพื่อเข้าห้องของตัวเอง พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนกว้างของเขาจะมีรูปที่หัวเตียงกรอบใหญ่จะเป็นรูปครอบครัวของเขาประกอบด้วยพ่อ แม่ เขาและน้องสาว และกรอบอันเล็กจะรูปสาวนิรนามวางเอาไว้อยู่ คนในบ้านไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงในรูปเป็นใครกัน
เพราะไม่เคยมีใครที่เห็นตัวจริงเธอซักคนเดียว ไม่ว่าจะเพียรถามเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครมากจากไหนแต่เท่าที่รู้ผู้หญิงคนนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ เพราะชายหนุ่มเอามาวางเคียงกันกับรูปครอบครัวของเขาเอง
“ฮึ้ย...ยัยนารานะยัยนารา” หญิงสาวเดินออกมาที่จอดรถอย่างโมโหเจ้าของชื่อเต็มที่ เธอมาถึงที่รถของเธอและขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มองว่ามีใครเดินผ่านไปหรือเปล่าเพราะปกติแถวๆ ที่เธอจอดรถจะไม่มีใครที่เดินผ่านอยู่แล้ว
เอี๊ยดดดดดดดด....โครม!!!!! เสียงรถเบรกสนั่นหวั่นไหวเมื่อเธอเห็นว่ามีเงาตะคุ่มเดินผ่านหน้ารถเธอโดยที่ไม่เห็นว่าเธอเลี้ยวรถออกมาแล้ว
“คุณ!!! เป็นอะไรรึเปล่า!?” เธอรีบวิ่งลงจากรถไปดูคนที่เดินตัดหน้าเธอเมื่อครู่อย่างตกใจและเป็นห่วงว่าคนๆ นั้นจะรับบาดเจ็บอะไรมากรึเปล่า
“ท่าน....ประธาน!!!” เมื่อเธอเห็นหน้าคนที่เธอเกือบชนเขาจังๆ แล้ว เธอยิ่งตกใจเป็นเท่าตัวไปอีกใครจะไปคิดเล่าว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทเธอเอง จะโดนไล่ออกมั้ยเนี่ยฐานขับรถชนเจ้าของบริษัท....
“คุณขับรถยังไงเนี่ยไม่เห็นเหรอว่ามีคนเดินอยู่น่ะ” เขาว่าเธออย่างโมโห โดยที่ไม่ทันได้มองว่าใครที่เป็นคนชนเขา
“ขอ...ขอโทษค่ะอิ่ม...เอ้ย!...ฉันไม่ทันเห็นจริงๆ ค่ะ”เธอบอกอย่างยอมรับผิดเต็มประตู
“ไม่ทันเห็น? แหมพูดออกมาได้นะ ผมตัวออกจะโตขนาดนี้” เขาค่อนอย่างแคลนๆ
“ขอ..โทษค่ะเป็นอะไรมั้ยคะเดี๋ยวฉันจะพาไปโรงพยาบาลนะคะ” เธอเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงของเขาให้ลุกขึ้น
“เดี๋ยวไปรถฉันนะคะ”
“คงต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะรถผมเสียถึงต้องเดินมาที่นี่ไง”
“เอ่อ...เชิญค่ะ”
“คุณชื่ออะไร?” เขาถามชื่อเธอเรียบๆ ทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว แต่ใครจะไปบอกว่าเขาจำได้ว่าเธอเป็นใครอย่างนี้มันต้องฟอร์มกันหน่อย
‘หว๋าย จะโดนไล่ออกจริงๆ รึเนี่ยเล่นถามชื่อแบบเนี้ยะ...’ เธอได้แต่คิดอยู่คนเดียว แต่ก็บอกชื่ออกไป
“ชื่อมนปริยาค่ะ” เธอบอกอขาอย่างหวาดๆ เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะตกงานเสียด้วย “ผมรู้..หมายถึงชื่อสั้นหรือชื่อเล่นน่ะ” เขาบอกย่างรำคาญ
“อิ่มค่ะ”
“ผมยังไม่หิว”
“เปล่าค่ะหมายถึงฉันชื่ออิ่มค่ะ”
“อ้อ” เขารับคำอย่างเพิ่งเข้าใจว่าเธอชื่อเล่นว่าอิ่มนั่นเอง
“คุณอยู่ที่แผนกไหน?” เขาถามเธอเรื่อยๆ ระหว่างที่เธอขับรถพาเขาไปเช็คที่โรงพยาบาล
“ฝ่ายการตลาดค่ะ”
“ทำงานที่นี่เงินดีขนาดซื้อรถสปร์ตอย่างนี้ได้เลยเหรอ?” เขามองรถเธออย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ พ่อซื้อให้ค่ะ พอดีคงสงสารมั้งคะ เห็นนั่งโดยสารตลอดท่านก็เลยใจอ่อนยอมให้รถมาใช้ค่ะ”
“เหรอ?...”
“ค่ะ ว่าแต่ท่านประธานทำไมอยู่คนเดียวละคะ?” เธอถามอย่างสงสัยก็ส่วนใหญ่เขาจะไม่เคยอยู่คนเดียวเลยนี่นา
“พอดีว่ารถเสียผมว่าจะเดินตัดไปขึ้นแท็กซี่น่ะ แต่...” เขาปรายตามองที่เธอนิดนึงก่อนจะไม่พูดต่อ
“ขอโทษค่ะพอดีว่าโมโหน่ะค่ะ และทุกทีก็ไม่มีคนด้วย” เธอตอบหน้าแหยๆ
ชายหนุ่มพิศมองสาวร่างเล็กตรงหน้าเขาอย่างพิจารณาเธอเป้ฯคนผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโต จมูกเชิดอย่างคนดื้อรั้นอยู่ในที ปากเธออิ่มสมกับชื่อของเธอ ดวงหน้ารูปไข่ มองรวมๆ แล้วเธอสวยมาก คงได้ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างพ่อและแม่มาทีเดียว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่เธอหน้าตายังไงแต่คงหน้าตาดีมากๆ
“มองพอยังคะเจ้านาย?” เธอเปรยออกมาเบาๆ
“ถ้าบอกว่ายังคุณจะยังยอมให้ผมมองไปตลอดมั้ย?”
“แหมเดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหรอกค่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่าเราลงไปดีกว่าเพราถึงแล้ว”
“เอางั้นเหรอ ว้า...เสียดายจังยังมองไม่พอเลย”
“แหม...พูดอย่างนี้สาวๆ เสียใจแย่เลยค่ะ” ก่อนจะลงจากรถไปและวิ่งไปฝั่งที่ชายหนุ่มนั่งอยู่และช่วยพยุงเขาให้ลงจากรถไปด้วยกัน
“แปลกนะผมเจอคุณหลายครั้งแต่ไม่ยักกะได้คุยกันซักที”
“แหม ได้คุยกันซิคะแปลก ท่านประธานจะมาคุยกับพนักงานธรรมดาได้ยังไง และท่านเองก็งานยุ่งขนาดว่า เขาลือกันว่าการได้เห็นหน้าท่านประธานยากยิ่งกกว่าขอพบนายกฯ เสียอีกค่ะ” เธอบอกขณะนั่งรอเรียกข้างๆ เขา
“ขนาดนั้นเชียว?..”
“ค่ะ...วันนั้นนะคะเล่าให้เขาฟังว่าเจอท่านประธานน่ะสาวๆ กรี้ดกันใหญ่”
“ทำไมละ?"
“ไม่ทำไมหรอกค่ะเขาแค่อยากเจอค่ะ”เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะเธอคิดว่าสิ่งที่เขาพูดเล่นกับเธอนั้นเขาคงไม่คิดอะไรอยู่แล้วเพราะคนระดับเจ้าคนนายคนอย่างนั้นคงมองแต่คนที่อยู่ระดับเดียวกันเท่านั้น
ถ้าจะมองกันจริงๆ เธอก็เป็นแค่พนักงานในบริษัทไม่มีอะไรที่ช่วยเกื้อหนุนธุรกิจของเขาได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้นึกรังเกียจอะไร แต่การที่คนรวยจะมารักกับคนจนๆ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก
เธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับที่พนักงานสาวๆ ที่พากันกรี้ดกร้าดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอเพราะจากเท่าที่เธอเห็นแม้ว่าเขาจะถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือเพียงเชิ้ตสีฟ้าเท่านั้นเขาก็ยังดูดี โครงหน้าคมเข้ม ดวงตาคมกริบดังพญาเหยี่ยว เวลามองลูกน้องเล่นเอาขยาดไปตามๆ กัน
ชายหนุ่มคนนี้มีทุกอย่างที่สาวๆ ทั่วประเทศอยากได้มาเป็นแฟนคือหล่อและรวย แถมตอนนี้เขาโสด ใครๆ ต่างก็อยากจะมีโอกาสทั้งนั้นซึ่งเธอเองก็ไม่โทษใครหรอกที่ต่างคลั่งไคล้เขาขนาดนี้
“มองพอรึยัง” เขาถามเธอเสียงเรียบหลังจากที่เขาสังเกตเห็นว่าเธอมองเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ?”
“เปล่าค่ะ...แค่อยากมองคนหล่อที่สาวๆ ต่างคลั่งไคล้เท่านั้นเอง” เธอตอบอย่างไม่หยี่ระเมื่อโดนจับได้ว่าเธอจ้องอยู่
“เหรอ แล้วคุณละ?”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ไม่....คลั่งไคล้ผมเหรอ?” เขาถามทีเล่นทีจริง
“อืม..เฉยๆ ค่ะอย่างท่านน่ะเหมาะจะเป็นคนในฝันมากกว่าที่จะคิดอยากเป็นแฟนด้วยจริงๆ คงยากค่ะ” เธอตอบตามตรง
“ทำไมละ? ผมเองก็คนธรรมดานะ?”
“คุณหล่อ...รวยเหมาะกับคนที่ฐานะเท่ากันมากกว่าค่ะ เขาเรียกเงินต่อเงินไงคะ”
“ไม่คิดว่าผมอาจจะชอบคนที่ไม่เท่ากับผมเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกันซิคะ ท่านอาจจะชอบก็ได้แต่ฉันไม่ทราบนี่คะ ต้องรอดูตอนที่ท่านประกาศวิวาห์โน่นแหละค่ะ”
“ผมว่าคุณเรียกท่านทุกคำอย่างนี้มันรู้สึกแก่ยังไงก็ไม่รู้นะเรียกผมว่าคุณจินดีกว่านะ”
“ไม่ดีหรอกค่ะ เขาจะหาว่าตีสนิทเอา เรียกท่านดีแล้วค่ะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ก็รู้ๆ อยู่ว่าในบริษัทไม่มีใครที่เรียกชื่อเขาห้วนๆ กันซักคนเดียว ใครๆ ก็เรียกเขาอย่างที่เธอเรียกทุกคนจะให้เธอเรียกชื่อเขาได้ยังไง
“ผมว่าดีก็ต้องดีต่อไปถ้าคุณเรียกท่านอีกผมจะปรับ และไม่ต้องคิดหนีนะ หลังจากนี้เราเจอกันแน่” เขาขู่เธอใบหน้าเรียบเฉย
“คุณจิณณ์วัตรคะ...คุณจิณณ์วัตรเชิญที่ห้องตรวจได้แล้วค่ะ”
“ครับ..คุณไปกับผมมั้ย?” เขาหันมาถามหญิงสาวข้างๆ กัน
“ไม่ละค่ะทะ...เอ่อ คุณจินเข้าไปเถอะ” เธอเปลี่ยนตัวเองทันทีเมื่อเห็นเขาจ้องเธอยู่เมื่อเธอกำลังจะเรียกเขาเหมือนเดิม ไม่ได้กลัวนะ แต่ไม่อยากโดนทำโทษเท่านั้นเองน่ะ...
“ครับ งั้นรอก่อนนะ” หลังจากที่เขาเดินเข้าห้องตรวจไปแล้วมนปริยาเดินไปที่เครื่องขายน้ำอัตโนมัติเพื่อหาเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและเผื่อเขาด้วย เธอเดินกลับมานั่งรอเขาเหมือนเดิม แต่รอไปซักพักก็เห็นเขาเดินออกมาพร้อมผ้าพันแผลที่แขนด้านซ้าย เธอรีลุกออกไปทันที
“คุณจิน! เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
“ข้อมือซ้นน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่งานผมน่ะซิจะทำยังไง เจ้าเนก็ไปลอนดอนแทน ด้วย” เขาบอกเล่าอย่างเป็นกังวลเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ
“เอ่อคุณจินมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ?” เธอถามเขาอย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัวและอาจจะเสียงานอย่างนี้
“ไม่รู้ซิครับ คุณอาจจะไม่อยากทำก็ได้”
“งานอะไรคะ ฉันเต็มใจค่ะ” เธอบอกอย่างมุ่งมั่นโดยลืมไปว่าเขาเป็นใคร และงานของเธอที่ต้องทำก็เยอะอยู่เหมือนกัน
“ระหว่างที่แขนผมยังไม่หายคุณช่วยมาอยู่ช่วยงานผมหน่อยซิ”
“ได้ค่ะ!” เธอรับคำทันทีโดยลืมนึกไปว่าตัวเองก็มีงานอยู่ไม่น้อย “แต่ว่า...ฉันมีงานต้องทำนะคะจะช่วยงานคุณจินได้ไงละคะ” เธอบอกอย่างนึกขึ้นมาได้ทัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้นผมจะจัดการเองคุณแค่มาช่วยงานก็พอ ไม่มีอะไรมากเพราะผมจะมีผู้ช่วยของเนคอยช่วยอยู่ แต่ที่จะให้คุณช่วยเป็นงานที่เกี่ยวกับเอกสารภายในมากกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาก็จะรู้เองละ” เขาบอกอย่างไม่เดือดร้อน
แต่หญิงสาวที่เดินมากับเขานี่ซิ กลับคิดมากเพราะงานที่เขาบอกน่ะเธอไม่เคยต้องทำงานเลขาฯ เสียด้วยไม่รู้จะทำได้รึเปล่า เรียนก็ไม่ได้เรียนมา
“อย่าคิดมากแค่มาช่วยงานแค่นั้นเอง ส่วนหน้าที่รบผิดชอบของคุณก็ให้ในแผนกเขารับผิดชอบกันไปก่อน”
“ค่ะ”
“เจ้านายกลับบ้านเลยนะคะ...บอกทางด้วยแล้วกันเดี๋ยวฉันจะไปส่งให้”
“เอาซิ...” เขาบอกเธออย่างผ่อนคลาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่ที่เขาต้องเข้ามารับงานของครอบครัวหลังจากที่พ่อกับแม่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วเขาก็ค่อนข้างเครียดกับงานที่รับภาระอยู่
ตอนนี้เขาเหลือญาติเพียงคนเดียวคือน้องสาวที่ตอนนี้เรียนอยู่ มนทำให้เขาต้องคอยดูแลจนแทบไม่เคยอยู่อย่างสบายๆ เลยตลอดหลายปีมานี้ แต่กับเธอมันต่างไป เขาไม่รู้สึกว่าเป็นอันตรายหรือระแวงเธอแม้แต่น้อย
“เจ้านายคะถึงแล้วค่ะ” เขาเรียกเขาเบาๆ เมื่อเขารถมาตามทางที่เขาบอกอย่างไม่รบร้อนนักเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยเก่าอีก
“อืม..ผมหลับไปเหรอ?” เขาถามเธออย่างตกใจนี่เขาเผลอหลับต่อหน้าเธอหรือเนี่ย
“ค่ะ...แต่ถึงแล้วนะคะ” เธอรบคำเรียบๆ อย่างไม่คิดอะไรเลย เพราะคิดว่าเขาคงเพลียและจากอาการแล้วเขาคงโดนฉีดยาแก้ปวดมาแน่ๆ ถึงทำให้ง่วงนอนได้
“งั้นขอบใจมากนะคุณอิ่ม เจอกันพรุ่งนี้ และก็ขอบคุณมากนะที่มาส่ง” ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปและเรียกให้ยามมาเปิดประตูให้เขาเข้าบ้านไป หลังจากนี้เขาต้องจัดการให้เจ้าเนไปดูงานที่ลอนดอนเสียก่อนไม่งั้นแย่แน่ๆ และคงต้องตอบคำถามน้องสาวกันยาวทีเดียวเรื่องที่เขาเจ็บ
“ไม่เป็นไรค่ะเจ้านาย” เธอบอกหลังจากที่เขาเข้าบ้านไปแล้วและคิดว่าเขาคงไม่ยินที่เธอพูดแน่ๆ เธอขับรถออกไปและรู้ด้วยว่าคอนโดฯ ของเธอกับบ้านของเธอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แค่ขับออกไปหน้าซอยและเลี้ยวก็ถึงห้องเธอแล้ว ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าเราอยู่ใกล้กันอย่างนี้ แปลกดีเธอกับเขาไม่เคยเจอกันตอนกลับซักกะที
“พี่จิน! เป็นอะไรไปคะ แล้วนี่ไปโดนอะไรมา!” เธอเรียกพี่ชายอย่างตกใจ เธอเห็นพี่ชายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เธอนั่งดูทีวีอยู่และเห็นสภาพแล้วคงโดนอะไรมาแน่นอน เธอรีบเดินเข้ามาช่วยประคองพี่ชายให้นั่งที่โซฟายาวสีขาวที่เธอลุกออกมาเมื่อครู่ มองพี่ชายอย่างพิจารณา
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ แล้วน่ะทำไมยังไม่นอนอีกละ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ?” เขาโยกหัวน้องสาวเบาๆ จากเท่าที่เห็นเธออยู่ในชุดนอนสีชมพูสีโปรดของเธอแล้ว คิดว่าเธอคงมารอเขาอยู่แน่นอนจินนี่นอนไม่หลับหรอกพี่ชายหายไปไหนไม่มีใครรู้อย่างนี้ แล้ว
"ทำไมไม่ยอมโทรให้ใครไปรับละคะ”
“พี่ขอโทษค่ะ พอดีว่าเกิดอุบัติเหตุพี่อยู่ที่โรงพยาบาลเลยไม่ได้โทรหาใครน่ะ”
“แน่นะคะ”
“จ้ะ”
“งั้นพี่ชายไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ”
“จ้ะ เราเองก็รีบขึ้นนอนละ” เขาหอมแก้มนุ่มของน้องสาวก่อนจะเดินหายไปที่บันไดเพื่อเข้าห้องของตัวเอง พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนกว้างของเขาจะมีรูปที่หัวเตียงกรอบใหญ่จะเป็นรูปครอบครัวของเขาประกอบด้วยพ่อ แม่ เขาและน้องสาว และกรอบอันเล็กจะรูปสาวนิรนามวางเอาไว้อยู่ คนในบ้านไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงในรูปเป็นใครกัน
เพราะไม่เคยมีใครที่เห็นตัวจริงเธอซักคนเดียว ไม่ว่าจะเพียรถามเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครมากจากไหนแต่เท่าที่รู้ผู้หญิงคนนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ เพราะชายหนุ่มเอามาวางเคียงกันกับรูปครอบครัวของเขาเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น