ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 51


    ตอนที่ 5
     


    “ฮึ้ย...ยัยนารานะยัยนารา” หญิงสาวเดินออกมาที่จอดรถอย่างโมโหเจ้าของชื่อเต็มที่ เธอมาถึงที่รถของเธอและขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มองว่ามีใครเดินผ่านไปหรือเปล่าเพราะปกติแถวๆ ที่เธอจอดรถจะไม่มีใครที่เดินผ่านอยู่แล้ว
     

    เอี๊ยดดดดดดดด....โครม!!!!! เสียงรถเบรกสนั่นหวั่นไหวเมื่อเธอเห็นว่ามีเงาตะคุ่มเดินผ่านหน้ารถเธอโดยที่ไม่เห็นว่าเธอเลี้ยวรถออกมาแล้ว 



    “คุณ!!! เป็นอะไรรึเปล่า!?” เธอรีบวิ่งลงจากรถไปดูคนที่เดินตัดหน้าเธอเมื่อครู่อย่างตกใจและเป็นห่วงว่าคนๆ นั้นจะรับบาดเจ็บอะไรมากรึเปล่า 



    “ท่าน....ประธาน!!!” เมื่อเธอเห็นหน้าคนที่เธอเกือบชนเขาจังๆ แล้ว เธอยิ่งตกใจเป็นเท่าตัวไปอีกใครจะไปคิดเล่าว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทเธอเอง จะโดนไล่ออกมั้ยเนี่ยฐานขับรถชนเจ้าของบริษัท.... 



    “คุณขับรถยังไงเนี่ยไม่เห็นเหรอว่ามีคนเดินอยู่น่ะ” เขาว่าเธออย่างโมโห โดยที่ไม่ทันได้มองว่าใครที่เป็นคนชนเขา 



    “ขอ...ขอโทษค่ะอิ่ม...เอ้ย!...ฉันไม่ทันเห็นจริงๆ ค่ะ”เธอบอกอย่างยอมรับผิดเต็มประตู 



    “ไม่ทันเห็น? แหมพูดออกมาได้นะ ผมตัวออกจะโตขนาดนี้” เขาค่อนอย่างแคลนๆ
     


    “ขอ..โทษค่ะเป็นอะไรมั้ยคะเดี๋ยวฉันจะพาไปโรงพยาบาลนะคะ” เธอเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงของเขาให้ลุกขึ้น 


    “เดี๋ยวไปรถฉันนะคะ” 


    “คงต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะรถผมเสียถึงต้องเดินมาที่นี่ไง” 


    “เอ่อ...เชิญค่ะ”
     


    “คุณชื่ออะไร?” เขาถามชื่อเธอเรียบๆ ทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว แต่ใครจะไปบอกว่าเขาจำได้ว่าเธอเป็นใครอย่างนี้มันต้องฟอร์มกันหน่อย 


    ‘หว๋าย จะโดนไล่ออกจริงๆ รึเนี่ยเล่นถามชื่อแบบเนี้ยะ...’ เธอได้แต่คิดอยู่คนเดียว แต่ก็บอกชื่ออกไป
     


    “ชื่อมนปริยาค่ะ” เธอบอกอขาอย่างหวาดๆ เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะตกงานเสียด้วย “ผมรู้..หมายถึงชื่อสั้นหรือชื่อเล่นน่ะ” เขาบอกย่างรำคาญ
     

    “อิ่มค่ะ”
     

    “ผมยังไม่หิว” 


    “เปล่าค่ะหมายถึงฉันชื่ออิ่มค่ะ”
     

    “อ้อ” เขารับคำอย่างเพิ่งเข้าใจว่าเธอชื่อเล่นว่าอิ่มนั่นเอง 


    “คุณอยู่ที่แผนกไหน?” เขาถามเธอเรื่อยๆ ระหว่างที่เธอขับรถพาเขาไปเช็คที่โรงพยาบาล
     

    “ฝ่ายการตลาดค่ะ”
     

    “ทำงานที่นี่เงินดีขนาดซื้อรถสปร์ตอย่างนี้ได้เลยเหรอ?” เขามองรถเธออย่างสงสัย 


    “เปล่าค่ะ พ่อซื้อให้ค่ะ พอดีคงสงสารมั้งคะ เห็นนั่งโดยสารตลอดท่านก็เลยใจอ่อนยอมให้รถมาใช้ค่ะ” 


    “เหรอ?...”
     

    “ค่ะ ว่าแต่ท่านประธานทำไมอยู่คนเดียวละคะ?” เธอถามอย่างสงสัยก็ส่วนใหญ่เขาจะไม่เคยอยู่คนเดียวเลยนี่นา
     

    “พอดีว่ารถเสียผมว่าจะเดินตัดไปขึ้นแท็กซี่น่ะ แต่...” เขาปรายตามองที่เธอนิดนึงก่อนจะไม่พูดต่อ 



    “ขอโทษค่ะพอดีว่าโมโหน่ะค่ะ และทุกทีก็ไม่มีคนด้วย” เธอตอบหน้าแหยๆ 



    ชายหนุ่มพิศมองสาวร่างเล็กตรงหน้าเขาอย่างพิจารณาเธอเป้ฯคนผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโต จมูกเชิดอย่างคนดื้อรั้นอยู่ในที ปากเธออิ่มสมกับชื่อของเธอ ดวงหน้ารูปไข่ มองรวมๆ แล้วเธอสวยมาก คงได้ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างพ่อและแม่มาทีเดียว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่เธอหน้าตายังไงแต่คงหน้าตาดีมากๆ 


    “มองพอยังคะเจ้านาย?” เธอเปรยออกมาเบาๆ 


    “ถ้าบอกว่ายังคุณจะยังยอมให้ผมมองไปตลอดมั้ย?” 


    “แหมเดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหรอกค่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่าเราลงไปดีกว่าเพราถึงแล้ว”
     

    “เอางั้นเหรอ ว้า...เสียดายจังยังมองไม่พอเลย” 



    “แหม...พูดอย่างนี้สาวๆ เสียใจแย่เลยค่ะ” ก่อนจะลงจากรถไปและวิ่งไปฝั่งที่ชายหนุ่มนั่งอยู่และช่วยพยุงเขาให้ลงจากรถไปด้วยกัน 


    “แปลกนะผมเจอคุณหลายครั้งแต่ไม่ยักกะได้คุยกันซักที”
     

    “แหม ได้คุยกันซิคะแปลก ท่านประธานจะมาคุยกับพนักงานธรรมดาได้ยังไง และท่านเองก็งานยุ่งขนาดว่า เขาลือกันว่าการได้เห็นหน้าท่านประธานยากยิ่งกกว่าขอพบนายกฯ เสียอีกค่ะ” เธอบอกขณะนั่งรอเรียกข้างๆ เขา 


    “ขนาดนั้นเชียว?..” 


    “ค่ะ...วันนั้นนะคะเล่าให้เขาฟังว่าเจอท่านประธานน่ะสาวๆ กรี้ดกันใหญ่”
     


    “ทำไมละ?" 


    “ไม่ทำไมหรอกค่ะเขาแค่อยากเจอค่ะ”เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะเธอคิดว่าสิ่งที่เขาพูดเล่นกับเธอนั้นเขาคงไม่คิดอะไรอยู่แล้วเพราะคนระดับเจ้าคนนายคนอย่างนั้นคงมองแต่คนที่อยู่ระดับเดียวกันเท่านั้น 


    ถ้าจะมองกันจริงๆ เธอก็เป็นแค่พนักงานในบริษัทไม่มีอะไรที่ช่วยเกื้อหนุนธุรกิจของเขาได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้นึกรังเกียจอะไร แต่การที่คนรวยจะมารักกับคนจนๆ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก 


    เธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับที่พนักงานสาวๆ ที่พากันกรี้ดกร้าดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอเพราะจากเท่าที่เธอเห็นแม้ว่าเขาจะถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือเพียงเชิ้ตสีฟ้าเท่านั้นเขาก็ยังดูดี โครงหน้าคมเข้ม ดวงตาคมกริบดังพญาเหยี่ยว เวลามองลูกน้องเล่นเอาขยาดไปตามๆ กัน 


    ชายหนุ่มคนนี้มีทุกอย่างที่สาวๆ ทั่วประเทศอยากได้มาเป็นแฟนคือหล่อและรวย แถมตอนนี้เขาโสด ใครๆ ต่างก็อยากจะมีโอกาสทั้งนั้นซึ่งเธอเองก็ไม่โทษใครหรอกที่ต่างคลั่งไคล้เขาขนาดนี้ 


    “มองพอรึยัง” เขาถามเธอเสียงเรียบหลังจากที่เขาสังเกตเห็นว่าเธอมองเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว 



    “หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ?” 




    “เปล่าค่ะ...แค่อยากมองคนหล่อที่สาวๆ ต่างคลั่งไคล้เท่านั้นเอง” เธอตอบอย่างไม่หยี่ระเมื่อโดนจับได้ว่าเธอจ้องอยู่ 


    “เหรอ แล้วคุณละ?” 


    “ทำไมเหรอคะ?” 


    “ไม่....คลั่งไคล้ผมเหรอ?” เขาถามทีเล่นทีจริง 



    “อืม..เฉยๆ ค่ะอย่างท่านน่ะเหมาะจะเป็นคนในฝันมากกว่าที่จะคิดอยากเป็นแฟนด้วยจริงๆ คงยากค่ะ” เธอตอบตามตรง 


    “ทำไมละ? ผมเองก็คนธรรมดานะ?” 


    “คุณหล่อ...รวยเหมาะกับคนที่ฐานะเท่ากันมากกว่าค่ะ เขาเรียกเงินต่อเงินไงคะ” 


    “ไม่คิดว่าผมอาจจะชอบคนที่ไม่เท่ากับผมเหรอ?”
     


    “ไม่รู้เหมือนกันซิคะ ท่านอาจจะชอบก็ได้แต่ฉันไม่ทราบนี่คะ ต้องรอดูตอนที่ท่านประกาศวิวาห์โน่นแหละค่ะ” 


    “ผมว่าคุณเรียกท่านทุกคำอย่างนี้มันรู้สึกแก่ยังไงก็ไม่รู้นะเรียกผมว่าคุณจินดีกว่านะ” 



    “ไม่ดีหรอกค่ะ เขาจะหาว่าตีสนิทเอา เรียกท่านดีแล้วค่ะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ก็รู้ๆ อยู่ว่าในบริษัทไม่มีใครที่เรียกชื่อเขาห้วนๆ กันซักคนเดียว ใครๆ ก็เรียกเขาอย่างที่เธอเรียกทุกคนจะให้เธอเรียกชื่อเขาได้ยังไง 



    “ผมว่าดีก็ต้องดีต่อไปถ้าคุณเรียกท่านอีกผมจะปรับ และไม่ต้องคิดหนีนะ หลังจากนี้เราเจอกันแน่” เขาขู่เธอใบหน้าเรียบเฉย
     


    “คุณจิณณ์วัตรคะ...คุณจิณณ์วัตรเชิญที่ห้องตรวจได้แล้วค่ะ” 



    “ครับ..คุณไปกับผมมั้ย?” เขาหันมาถามหญิงสาวข้างๆ กัน 


    “ไม่ละค่ะทะ...เอ่อ คุณจินเข้าไปเถอะ” เธอเปลี่ยนตัวเองทันทีเมื่อเห็นเขาจ้องเธอยู่เมื่อเธอกำลังจะเรียกเขาเหมือนเดิม ไม่ได้กลัวนะ แต่ไม่อยากโดนทำโทษเท่านั้นเองน่ะ... 


    “ครับ งั้นรอก่อนนะ” หลังจากที่เขาเดินเข้าห้องตรวจไปแล้วมนปริยาเดินไปที่เครื่องขายน้ำอัตโนมัติเพื่อหาเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและเผื่อเขาด้วย เธอเดินกลับมานั่งรอเขาเหมือนเดิม แต่รอไปซักพักก็เห็นเขาเดินออกมาพร้อมผ้าพันแผลที่แขนด้านซ้าย เธอรีลุกออกไปทันที
     


    “คุณจิน! เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ” 



    “ข้อมือซ้นน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่งานผมน่ะซิจะทำยังไง เจ้าเนก็ไปลอนดอนแทน ด้วย” เขาบอกเล่าอย่างเป็นกังวลเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ 



    “เอ่อคุณจินมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ?” เธอถามเขาอย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัวและอาจจะเสียงานอย่างนี้
     


    “ไม่รู้ซิครับ คุณอาจจะไม่อยากทำก็ได้”
     

    “งานอะไรคะ ฉันเต็มใจค่ะ” เธอบอกอย่างมุ่งมั่นโดยลืมไปว่าเขาเป็นใคร และงานของเธอที่ต้องทำก็เยอะอยู่เหมือนกัน 



    “ระหว่างที่แขนผมยังไม่หายคุณช่วยมาอยู่ช่วยงานผมหน่อยซิ” 



    “ได้ค่ะ!” เธอรับคำทันทีโดยลืมนึกไปว่าตัวเองก็มีงานอยู่ไม่น้อย “แต่ว่า...ฉันมีงานต้องทำนะคะจะช่วยงานคุณจินได้ไงละคะ” เธอบอกอย่างนึกขึ้นมาได้ทัน
     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้นผมจะจัดการเองคุณแค่มาช่วยงานก็พอ ไม่มีอะไรมากเพราะผมจะมีผู้ช่วยของเนคอยช่วยอยู่ แต่ที่จะให้คุณช่วยเป็นงานที่เกี่ยวกับเอกสารภายในมากกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาก็จะรู้เองละ” เขาบอกอย่างไม่เดือดร้อน 



    แต่หญิงสาวที่เดินมากับเขานี่ซิ กลับคิดมากเพราะงานที่เขาบอกน่ะเธอไม่เคยต้องทำงานเลขาฯ เสียด้วยไม่รู้จะทำได้รึเปล่า เรียนก็ไม่ได้เรียนมา 


    “อย่าคิดมากแค่มาช่วยงานแค่นั้นเอง ส่วนหน้าที่รบผิดชอบของคุณก็ให้ในแผนกเขารับผิดชอบกันไปก่อน” 


    “ค่ะ” 


    “เจ้านายกลับบ้านเลยนะคะ...บอกทางด้วยแล้วกันเดี๋ยวฉันจะไปส่งให้”
     

    “เอาซิ...” เขาบอกเธออย่างผ่อนคลาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่ที่เขาต้องเข้ามารับงานของครอบครัวหลังจากที่พ่อกับแม่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วเขาก็ค่อนข้างเครียดกับงานที่รับภาระอยู่ 


    ตอนนี้เขาเหลือญาติเพียงคนเดียวคือน้องสาวที่ตอนนี้เรียนอยู่ มนทำให้เขาต้องคอยดูแลจนแทบไม่เคยอยู่อย่างสบายๆ เลยตลอดหลายปีมานี้ แต่กับเธอมันต่างไป เขาไม่รู้สึกว่าเป็นอันตรายหรือระแวงเธอแม้แต่น้อย
     

    “เจ้านายคะถึงแล้วค่ะ” เขาเรียกเขาเบาๆ เมื่อเขารถมาตามทางที่เขาบอกอย่างไม่รบร้อนนักเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยเก่าอีก
     

    “อืม..ผมหลับไปเหรอ?” เขาถามเธออย่างตกใจนี่เขาเผลอหลับต่อหน้าเธอหรือเนี่ย 


    “ค่ะ...แต่ถึงแล้วนะคะ” เธอรบคำเรียบๆ อย่างไม่คิดอะไรเลย เพราะคิดว่าเขาคงเพลียและจากอาการแล้วเขาคงโดนฉีดยาแก้ปวดมาแน่ๆ ถึงทำให้ง่วงนอนได้ 


    “งั้นขอบใจมากนะคุณอิ่ม เจอกันพรุ่งนี้ และก็ขอบคุณมากนะที่มาส่ง” ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปและเรียกให้ยามมาเปิดประตูให้เขาเข้าบ้านไป หลังจากนี้เขาต้องจัดการให้เจ้าเนไปดูงานที่ลอนดอนเสียก่อนไม่งั้นแย่แน่ๆ และคงต้องตอบคำถามน้องสาวกันยาวทีเดียวเรื่องที่เขาเจ็บ 


    “ไม่เป็นไรค่ะเจ้านาย” เธอบอกหลังจากที่เขาเข้าบ้านไปแล้วและคิดว่าเขาคงไม่ยินที่เธอพูดแน่ๆ เธอขับรถออกไปและรู้ด้วยว่าคอนโดฯ ของเธอกับบ้านของเธอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แค่ขับออกไปหน้าซอยและเลี้ยวก็ถึงห้องเธอแล้ว ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าเราอยู่ใกล้กันอย่างนี้ แปลกดีเธอกับเขาไม่เคยเจอกันตอนกลับซักกะที 


    “พี่จิน! เป็นอะไรไปคะ แล้วนี่ไปโดนอะไรมา!” เธอเรียกพี่ชายอย่างตกใจ เธอเห็นพี่ชายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เธอนั่งดูทีวีอยู่และเห็นสภาพแล้วคงโดนอะไรมาแน่นอน เธอรีบเดินเข้ามาช่วยประคองพี่ชายให้นั่งที่โซฟายาวสีขาวที่เธอลุกออกมาเมื่อครู่ มองพี่ชายอย่างพิจารณา
     

    “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ แล้วน่ะทำไมยังไม่นอนอีกละ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ?” เขาโยกหัวน้องสาวเบาๆ จากเท่าที่เห็นเธออยู่ในชุดนอนสีชมพูสีโปรดของเธอแล้ว คิดว่าเธอคงมารอเขาอยู่แน่นอนจินนี่นอนไม่หลับหรอกพี่ชายหายไปไหนไม่มีใครรู้อย่างนี้ แล้ว


    "ทำไมไม่ยอมโทรให้ใครไปรับละคะ”
     

    “พี่ขอโทษค่ะ พอดีว่าเกิดอุบัติเหตุพี่อยู่ที่โรงพยาบาลเลยไม่ได้โทรหาใครน่ะ” 


    “แน่นะคะ” 


    “จ้ะ”
     

    “งั้นพี่ชายไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ” 


    “จ้ะ เราเองก็รีบขึ้นนอนละ” เขาหอมแก้มนุ่มของน้องสาวก่อนจะเดินหายไปที่บันไดเพื่อเข้าห้องของตัวเอง พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนกว้างของเขาจะมีรูปที่หัวเตียงกรอบใหญ่จะเป็นรูปครอบครัวของเขาประกอบด้วยพ่อ แม่ เขาและน้องสาว และกรอบอันเล็กจะรูปสาวนิรนามวางเอาไว้อยู่ คนในบ้านไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงในรูปเป็นใครกัน 


    เพราะไม่เคยมีใครที่เห็นตัวจริงเธอซักคนเดียว ไม่ว่าจะเพียรถามเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครมากจากไหนแต่เท่าที่รู้ผู้หญิงคนนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ เพราะชายหนุ่มเอามาวางเคียงกันกับรูปครอบครัวของเขาเอง
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×