ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
“สวัสดีค่ะเรามาจากบริษัท ธนาภา มาขอพบคุณลุ..เอ่อคุณณิชพลค่ะ” เธอเกือบหลุดปากเรียกตามความเคยชินเสียแล้ว แต่ยั้งไว้ได้ทัน ไม่งั้นซวยแน่
“เชิญที่ชั้น 12 เลยค่ะท่านรออยู่เลยค่ะ” พนักงานเคาเตอร์บอกเสียงหวานตามหน้าที่
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เห็นเธอบอกเลยอิ่มว่าเธอติดต่อที่นี่เอาไว้แล้ว ฉันพยายามเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมให้พบเสียที”
“อยู่ที่วิธยายุทธ์ยะ...”
“ยะ! แม่คนเก่ง”
“เอ้า...แน่น้อน...ไม่เก่งเขาจะยอมให้ฉันเจอเหรอ”
“เออๆ ฉันไม่เถียงด้วยแล้ว ขึ้นไปก้นเถอะ....เคยมีคนบอกแกมั้ยว่าแกมันเถียงคำไม่ตกฟากน่ะ”
“อุ้ย! หยาบคายนะเธอ...เขาพูดกันทั้งนั้นละ ขนาดพ่อกับแม่ฉันเขายังยอมเลย”
“ต้าย! บวกหน้าด้านเข้าไปอีกนหน่อยก็ดีนะ”
“ว่าแต่คิดว่าเขาจะยอมเอาสั่งสินค้าของเรามั้ยวะ ถึงเขาจะเป็นลูกค้าอยู่ แต่ก็สั่งแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง”
“คงต้องรอดูน่ะ ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง”
“นั่นซิเนอะ”
“คุณมนปริยากับคุณวิชญาดาใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ เรามาพบผู้อำนวยการค่ะ”
“ค่ะ...เชิญเลยค่ะ” เปิดประตูห้องให้เหมือนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกเธอจะมาถึง
“สวัสดีค่ะคุณณิชพล เราสองคนมาจากธนาภาค่ะ” มนปริยาเอ่ยแนะนำตัวเอง
“เอ้า..เชิญๆ ผมกำลังรออยู่เลย”
“ดิฉันมนปริยาที่โทรมาคุยกับท่านค่ะ ส่วนนี่วิชญาดาค่ะเราอยู่ทีมเดียวกันค่ะ”
“สวัสดีค่ะวิชญาดาค่ะ”
“อืมดีๆ..ว่าแต่มีอะไรมาเสนอให้ผมดูละ?” เขามองเอกสารที่ทั้งสองสาวนำมาให้เขาดู เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามนปริยาจะมีอะไรมาให้เขาแปลกใจกันบ้าง ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่เขาก็อยากเจอเธอมาตลอดแต่คลาดกันทุกที
“นี่ค่ะเรามีเครื่องมือแพทย์ที่ออกแบบใหม่ล่าสุดและทันสมัยที่สุดมาเสนอค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็แนะนำอุปกรณ์ที่เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับโรงพยาบาลถึงเธอจะไม่เก่งเรื่องการแพทย์ แต่เรื่องยานี้เธอไม่แพ้ใครๆ ก็เธอเป็นหลานเจ้าของโรงพยาบาลนี่ก็ต้องมีประดับเอาไว้บ้างนั่นละ...
“ก็หลายตัวอยู่นะ ผมจะเอาเข้าที่ประชุมแล้วกันชิ้นที่ผมทำเครื่องหมายไว้คุณช่วยทำใบเสนอราคามาให้หน่อยจะได้มั้ย?”
“ไม่มีปัญหาค่ะพรุ่งนี้ดิฉันจะแฟกซ์มาให้แล้วกันนะคะ”
“ได้ ขอบคุณมาก พวกคุณมีอะไรอีกมั้ยพอดีว่าผมมีประชุมต่อน่ะ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณที่เกียรติกับทางเรานะคะ ขอตัวก่อนนะคะ” ทั้งสงคนขอตัวออกจากห้องไปแล้ว
ณิชพลยังคงจ้องที่ประตูอย่างเอ็นดูไม่นึกว่ามนปริยาจะทำงานนี้ได้อีอย่างนี้ จากที่เขาฟังเธอบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ทั้งหมด ก็รู้ว่าเธอศึกษางานมาเป็นอย่างนี้ รู้ทั้งขอ้ดีและข้อเสียของงงานนั้นๆ
“หูย...สุดยอดเลยอะอิ่มไม่นึกว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะหล่ออย่างนี้ แสดงว่าตอนที่หนุ่มๆ น่ะต้องเนื้อหอมแน่เลย”
“ก็คงอย่างนั้นละขนาดอายุขนาดนี้แล้วนี่นา”
“ว่าแต่จะทำทันเหรออิ่มที่บอกว่าราคาได้พรุ่งนี้น่ะ” ถามอย่างเป็นห่วง เพราะบางชิ้นยังไม่มีราคาเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องห่วงน่าฉันมีวิธีทีที่จะทำให้ทันแล้วกัน และรับรองว่าเราลูกค้ารายใหญ่แน่” บอกอย่างมั่นใจ ไม่ว่ายังไงคราวนี้เธอต้องทำให้สำเร็จให้ได้แน่นอน
“เดี๋ยวโทรหาพี่ชลก่อนจะได้บอกว่าไปที่ไหน”
“อืมโทรไปเถอะตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” มนปริยาบ่นออกมาอย่างหิวจริงๆ
“พี่ชลไปเจอกันที่ร้านริมธารนะ” หญิงสาวบอกชื่อร้านประจำที่ชอบไปทานกัน และไม่ไกลมากนัก วิวก็สวยและที่สำคัญอาหาอร่อยและราคาไม่แพง
“พี่ชลบอกว่าจะตามไปน่ะ” “อืม..ไปเถอะก่อนฉันจะกินแกเป็นอาหารแทนน่ะ”
“อะไรวะ หิวอะไรจะขนาดนั้น”
“ช่วยไม่ได้พยาธิในท้องมันเยอะกินเท่าไหร่มันก็ดูดไปหมดเลยอะ...”
“ตลกตายละ...”
“เปล่าฉันพูดจริงนะ แกเชื่อหน่อยซิ”
“เออเชื่อ...แกถึงตัวหดสั้นอย่างนี้ไง”
“อันนี้ต้องโทษแม่ที่เกิดมาตัวเล็กน่ะ และโทษแกด้วยวิชชี่คนอะไรสูงชะมัดเลย”
“อันนี้พ่อให้มาเว้ย”
“เชอะไม่พูดด้วยแล้วยิ่งพูดยิ่งหิว”
“สบายนะแก....อิ่ม”
“อะไรเรียกแล้วไม่พูดวะ”
“แกอยู่ห้องขนาดนั้นไม่ซื้อรถวะ?” เธอสงสัยมากๆ ว่าเพื่อนอยู่ห้องในคอนโดฯ หรูขนาดนั้นบวกกับเงินเดือนที่ได้เธอซื้อรถได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่เพื่อนก็ยังสมัครใจที่จะนั่งรถโดยสารมาทำงานทุกวันซึ่งขัดกับบุคลิกแสนจะสูงส่งของเธอเสียเหลือเกิน
“อันนั้นเป็นความขี้เกียจ” ตอบแบบขอไปที ใครจะกล้าบอกละว่าถูกสั่งไม่ให้ซื้อรถมาขับเราะทุกคนรู้ว่าเธอขับรถเร็วแค่ไหน และรถที่เธอซื้อต้องเป็นรถสปอร์ตอย่างไม่ต้องสงสัย เลยมีคำสั่งห้ามเอาไว้ ถ้าจะเอาเงินเดือนไปซื้อก็ได้แต่มันไม่พอผ่อนรถสปอร์ตอะ...
“อ้าว..เกิดแกมีธุระต้องไปเร่งด่วนละ?” ร้องอย่างตกใจ
“แกก็อยู่นี่นา ก็ให้แกพาไปซิ” ตอบทันควัน
“เออ...เอาเปรียบนี่หว่า...”
“ไม่ได้เอาเปรียบเว้ยเขาเรียกพึ่งพาอาศัย”
“เหมือนกันแหละเพราะแกไม่ยอมขับรถ”
“ไม่ใช่ไม่ยอมขับแต่เป็นแกเองจำมัยว่าห้ามฉันขับรถน่ะ”
“ทำไมฉันจะไม่ห้ามละ...แกขับรถยังกับจะไปนรกอย่างนั้น ฉันยังโสดไม่มีแฟนยังไม่ยากตายยะ” เมื่อคิดถึงการขับรถของมนปริยาครั้งนั้นแล้วเธอยังเข็ดไม่หาย ก็เธอเล่นเหยียบมิดเกซะขนาดนั้น เธอนั่งเกรงอยู่ในรถตั้งนานกว่าจะถึง หลังจากนั้นมาเธอก็สาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่ให้มนปริยาขับรถให้นั่งอีกต่อไปแล้ว..
“แหม..เสียดายจัง”
“ถามจริงๆ เหตุผล...”
“อยากไดรถสปอร์ต แต่ไม่มีปัญญาผ่อนน่ะ” เธอยอมบอกแต่โดยดี “ตีนผีอย่างนี้แต่อยากได้รถสปอร์ตไม่ต้องซื้อน่ะถูกที่สุดแล้ว”
“เห็นมั้ย พอฉันบอกแกก็ว่าอย่างเนี้ยะ” แบมือออกมาอย่างปลงๆ
“ถามจริงนะใครหัดให้แกขับรถ?” เธอข้องใจมากว่าใครที่สอนให้เพื่อนเธอขับรถอย่างนี้ และน่าจะเป็นพวกที่ขับรถแข่งเสียด้วย
“พี่ชายน่ะ เขาทนไม่ไหวเลยยอมหัดให้โดยไม่บอกพ่อกับแม่ แต่ก็ความแตกจนได้ ฉันทำรถแอสตันมาร์ตนของพี่ชายพังต้องนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือนน่ะ จากรนั้นพ่อก็ริบกุญแจรถทุกคันยกเว้นจักรยานได้แค่นั้นเอง”
“มิน่าละ..ไม่กลัวเหรอ?” ได้ยินเธอก็สยองแล้ว
“สนุกดี...”
“ถามจริงเถอะบ้านเธอเป็นใครกันแน่น่ะ ท่าทางจะรวยน่าดูนะ”
“บ้านฉันเหรอ ก็แค่ชาวบ้านธรรมดาเนี่ยละพ่อเป็นมนุษย์ผู้ชายที่หล่อมั่ก แม่เป็นมนุษย์ผู้หญิงที่สวยมั่กๆ เหมือนกัน แต่รักกันเวอร์น่ะ”
“กวน...” “เปล่าจริงๆ มีใครมีพ่อเป็นผู้หญิงบ้างละ ไม่มี๊ไม่มี...” ทำหน้าตาใสซื่อ
“ฉันก็เป็นฉันเนี่ยละแกจะสงสัยให้มันได้อะไร แค่ฉันมีคอนโดฯอยู่ไม่จำเป็นต้องรวยซะหน่อย อาจจะขายที่นามาซื้อก็ได้นะ” บอกทีเล่นทีจริง
“ฉันก็...ถามดูเฉยๆ แค่อยากรู้น่ะ” ยักไหล่อย่างไม่รูจะว่าอะไรดี
“แล้วเมื่อถึงเวลาแกจะได้รู้เองนั่นละ ไม่นานหรอกนะ”
“ฉันก็หวังอย่างนั้น ขอให้ถึงวันนั้นนะ” สิ่งที่เธอกลัวจริงๆ คือเธอกลัวว่ามนปริยาเกิดเป็นคนรวยจริงๆ เกรงว่าจะมีหลายคนที่คิดว่าเธออาจจะเกาะเพื่อนเพื่ออัพเกรดตัวเองรึเปล่า เพราะเธอเคยเจอมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่ติดใจเธอมาตลอดเราเธอไม่ใช่คนที่ร่ำรวยแค่ฐานะปานกลาง ตอนนี้ยังต้องเช่าห้องอยู่เลย
“อย่าคิดมากน่า ไปถึงแล้ว”
“ไปกันหิวแล้วละใช้พลังงานมากไป”
“นั่นไงพี่ชลมาแล้ว”
มนปริยาทักขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ในร้านมุมประจำอยู่ก่อนแล้ว เพราะจากที่บริษัทมาถึงนี่ใช้เวลาไม่นาน แต่พวกเธอยู่ไกลกว่า ต้องเสียเวลากว่าที่จะมาถึง และก็ไม่ผิดหวังเมื่อมาถึงชลธิชาบอกว่าสั่งอาหารไว้ให้แล้วเดี๋ยวคงมา สมใจคนหิวอย่างมนปริยาเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องเสียเวลารอนานอย่างที่คิด
“แหม..พี่ชลรู้ใจจัง” มนปริยาบอกอย่างประจบ
“ยะ..ฉันรู้หรอกว่ายังไงแกก็ต้องหิวโซมาน่ะ”
“แหมไม่หิวได้ไงคะก็คุยกับลูกค้าระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียวนะคะ” วิชญาดาแก้แทนเพื่อนสาวที่ไม่สนอะไรแล้วนอกจากอาหารที่พนักงานทยอยนำมาเสิร์ฟ
“เป็นไงเขาสนใจมั้ย”
“ก็..พรุ่งนี้จะแฟ็กซ์ไปให้ก่อนแล้วจะเอาตามไปให้ทีหลังน่ะคะ”
“เก่งนี่ทำให้ที่นั่นสนใจได้..” เอ่ยชมอย่างทึ่งจัด ไม่ว่าจะส่งใครไปกี่คนที่เหลวทุกราย แต่คราวนี้เธอกลับได้รับข่าวดีอย่างไม่คาดมาก่อนแท้ๆ
"พี่ชล...” วิชญาดาเรียกหัวหน้าเสียงดังอย่างนึกขึ้นมาได้
“รู้มั้ยว่ายัยอิ่มไปทำวีรกรรมอีกแล้วน่ะ”
“อะไร! ...แกไปทำอะไรมาอีกละครานี้น่ะ!” ถามกลับทันทีเพราะรุ่นน้องคนนี้ชอบไปสะดุดใครอยู่เรื่อยๆ
“คราวนี้เรื่องใหญ่เลยละ” หญิงสาวยังขยักเอาไว้เมื่อรู้หว่าหัวหน้าอยากรู้แค่ไหน
“นี่! แกจะบอกฉันได้รึยังเนี่ยอยากรู้นะ” บอกออกย่างโมโหที่อีกฝ่ายที่ดึงเกมอยู่ได้
“ท่านประธานน่ะซิชนซะตัวเองเกือบล้อมแน่ะ แถมนะ...โดนท่านประคองเอวเอาไว้ด้วยละ” บอกอย่างเขินแทน
“ท่านประธาน! แก๊...ยัยอิ่มทำไมแกโชคดีอย่างนี้ห๋า!”
“อ้าว? เป็นงั้นไป” วิชญาดาเกาหัวงงๆ เมื่อเพื่อนไม่โดนด่าอย่างที่คิดแต่กลับเป็นว่าอิจฉาแทนซะได้
“ทำไมอะ?...”
“อ้าว..อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ว่าเราๆ เนี่ยไม่ค่อยเจอท่านบ่อยนะท่านจะเดินทางตลอดเวลา จนแทบจะลืมหน้าท่านอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่ามันลืมม่ลงน่ะซิ..”
“เป็นเอามากนะเนี่ยพี่ชล”
“แน่ละซิฉันอยากเป็นแกจังยัยอิ่มได้อยู่ในอ้อมกอดคุณจินนะ...เฮ้อ...จะไม่ลืมประคุณเชียวละ” ชลธิชาบอกอย่างเพ้อฝัน
“หลุดโลกไปแล้วยัวิชชี่ เห็นมั้ยแกไม่น่าบอกแกเลย”
“เอ้า...มาว่าฉัน..ใครจะไปรู้ว่าพี่แกจะเป็นเอามากอย่างนี้ละ..”
“สงสัยว่าพี่แกจะอยู่ชมรมคนรักท่านประธานแน่ๆ ที่ยัยนาราเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการตั้งขึ้นมาไงละ”
“เออ..พูดถึงยัยนั่นก็ยังเจ็บใจไม่หายเลยนะแกมัน...ฮึ้ย..พูดไม่ออกเว้ย ไม่รู้ชาติก่อนฉันไปเหยียบตาปลามันรึไงชาตินี้มันถึงจองเวรนัก”
“ไม่ใช่แกหรอก..คงเป็นฉันมากกว่าแต่แกซวยเพราะเป็นเพื่อนฉัน คงอิจฉามั้ง ก่อนฉันมามันเป็นที่หนึ่งนี้นาพวกอีโก้สูงก็เงี้ยะ”
“แกไม่สูงรึไง...”
“ก็...นิดหน่อย ของอย่างนี้มันก็ต้องมีบ้างซิ ไม่มีเลยแย่แน่”
“พี่ชลทานข้าวเถอะเดี๋ยวเข้างานไม่ทันพวกเราซวยคนจับผิดมันเยอนะเจ้”
“เออ..ลืมไปว่าพวกแกคู่กรณีเยอะนี่หว่า...”
“พี่ชล เราไม่ได้จ้างให้พวกเฮงซวยพวกนั้นมาชอบเรานะ มันมากันเอง จะโทษก็ต้องทาผู้ชาย แล้วก็ยัยผู้หญิงที่เป็นแฟนกันซิที่เอาแฟนตัวเองไม่อยู่จนต้องมาสนใจผู้หญิงคนอื่นน่ะ
“มันว่ายังไงรู้มั้ยพวกนั้นน่ะ พวกรีเซบน่ะ มันบอกว่า ‘พวกแกนั่นละผิดเพราะหน้าตาดีเกินไป’ ดู๊..ดูพูดออกมาได้ทำไม่มองตัวเองว่าปล่อยตัวเองจนผู้ชายเบื่อน่ะพี่” บ่นอย่างเข่นเขี้ยว
“ไม่มีใครบอกว่าตัวเองผิดหรอกนะ”
“เชอะ..อิ่มกับวิชชี่ไม่ได้ไปยั่วพวกนั้นเสียหน่อย”
“เอาน่าใจเย็นหน่อย เฉยๆ ซะมันก็จบ”
“มันไม่จบซิพี่พอเราไม่ตอบโต้มันก็ได้ใจหนักข้อขึ้นทุกวันอย่างนี้มันต้องหนามยอกเอาหนามบ่ง อาอิ่มบอกว่างั้นนะพี่” บอกอย่างเข่นเขี้ยว
“เรากลับกันเถอะ” วิชญาดาบอกเมื่อเห็นว่าเพื่อนดูท่าจะติดลมเวลาพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้
“สวัสดีค่ะเรามาจากบริษัท ธนาภา มาขอพบคุณลุ..เอ่อคุณณิชพลค่ะ” เธอเกือบหลุดปากเรียกตามความเคยชินเสียแล้ว แต่ยั้งไว้ได้ทัน ไม่งั้นซวยแน่
“เชิญที่ชั้น 12 เลยค่ะท่านรออยู่เลยค่ะ” พนักงานเคาเตอร์บอกเสียงหวานตามหน้าที่
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เห็นเธอบอกเลยอิ่มว่าเธอติดต่อที่นี่เอาไว้แล้ว ฉันพยายามเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมให้พบเสียที”
“อยู่ที่วิธยายุทธ์ยะ...”
“ยะ! แม่คนเก่ง”
“เอ้า...แน่น้อน...ไม่เก่งเขาจะยอมให้ฉันเจอเหรอ”
“เออๆ ฉันไม่เถียงด้วยแล้ว ขึ้นไปก้นเถอะ....เคยมีคนบอกแกมั้ยว่าแกมันเถียงคำไม่ตกฟากน่ะ”
“อุ้ย! หยาบคายนะเธอ...เขาพูดกันทั้งนั้นละ ขนาดพ่อกับแม่ฉันเขายังยอมเลย”
“ต้าย! บวกหน้าด้านเข้าไปอีกนหน่อยก็ดีนะ”
“ว่าแต่คิดว่าเขาจะยอมเอาสั่งสินค้าของเรามั้ยวะ ถึงเขาจะเป็นลูกค้าอยู่ แต่ก็สั่งแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง”
“คงต้องรอดูน่ะ ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง”
“นั่นซิเนอะ”
“คุณมนปริยากับคุณวิชญาดาใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ เรามาพบผู้อำนวยการค่ะ”
“ค่ะ...เชิญเลยค่ะ” เปิดประตูห้องให้เหมือนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกเธอจะมาถึง
“สวัสดีค่ะคุณณิชพล เราสองคนมาจากธนาภาค่ะ” มนปริยาเอ่ยแนะนำตัวเอง
“เอ้า..เชิญๆ ผมกำลังรออยู่เลย”
“ดิฉันมนปริยาที่โทรมาคุยกับท่านค่ะ ส่วนนี่วิชญาดาค่ะเราอยู่ทีมเดียวกันค่ะ”
“สวัสดีค่ะวิชญาดาค่ะ”
“อืมดีๆ..ว่าแต่มีอะไรมาเสนอให้ผมดูละ?” เขามองเอกสารที่ทั้งสองสาวนำมาให้เขาดู เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามนปริยาจะมีอะไรมาให้เขาแปลกใจกันบ้าง ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่เขาก็อยากเจอเธอมาตลอดแต่คลาดกันทุกที
“นี่ค่ะเรามีเครื่องมือแพทย์ที่ออกแบบใหม่ล่าสุดและทันสมัยที่สุดมาเสนอค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็แนะนำอุปกรณ์ที่เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับโรงพยาบาลถึงเธอจะไม่เก่งเรื่องการแพทย์ แต่เรื่องยานี้เธอไม่แพ้ใครๆ ก็เธอเป็นหลานเจ้าของโรงพยาบาลนี่ก็ต้องมีประดับเอาไว้บ้างนั่นละ...
“ก็หลายตัวอยู่นะ ผมจะเอาเข้าที่ประชุมแล้วกันชิ้นที่ผมทำเครื่องหมายไว้คุณช่วยทำใบเสนอราคามาให้หน่อยจะได้มั้ย?”
“ไม่มีปัญหาค่ะพรุ่งนี้ดิฉันจะแฟกซ์มาให้แล้วกันนะคะ”
“ได้ ขอบคุณมาก พวกคุณมีอะไรอีกมั้ยพอดีว่าผมมีประชุมต่อน่ะ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณที่เกียรติกับทางเรานะคะ ขอตัวก่อนนะคะ” ทั้งสงคนขอตัวออกจากห้องไปแล้ว
ณิชพลยังคงจ้องที่ประตูอย่างเอ็นดูไม่นึกว่ามนปริยาจะทำงานนี้ได้อีอย่างนี้ จากที่เขาฟังเธอบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ทั้งหมด ก็รู้ว่าเธอศึกษางานมาเป็นอย่างนี้ รู้ทั้งขอ้ดีและข้อเสียของงงานนั้นๆ
“หูย...สุดยอดเลยอะอิ่มไม่นึกว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะหล่ออย่างนี้ แสดงว่าตอนที่หนุ่มๆ น่ะต้องเนื้อหอมแน่เลย”
“ก็คงอย่างนั้นละขนาดอายุขนาดนี้แล้วนี่นา”
“ว่าแต่จะทำทันเหรออิ่มที่บอกว่าราคาได้พรุ่งนี้น่ะ” ถามอย่างเป็นห่วง เพราะบางชิ้นยังไม่มีราคาเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องห่วงน่าฉันมีวิธีทีที่จะทำให้ทันแล้วกัน และรับรองว่าเราลูกค้ารายใหญ่แน่” บอกอย่างมั่นใจ ไม่ว่ายังไงคราวนี้เธอต้องทำให้สำเร็จให้ได้แน่นอน
“เดี๋ยวโทรหาพี่ชลก่อนจะได้บอกว่าไปที่ไหน”
“อืมโทรไปเถอะตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” มนปริยาบ่นออกมาอย่างหิวจริงๆ
“พี่ชลไปเจอกันที่ร้านริมธารนะ” หญิงสาวบอกชื่อร้านประจำที่ชอบไปทานกัน และไม่ไกลมากนัก วิวก็สวยและที่สำคัญอาหาอร่อยและราคาไม่แพง
“พี่ชลบอกว่าจะตามไปน่ะ” “อืม..ไปเถอะก่อนฉันจะกินแกเป็นอาหารแทนน่ะ”
“อะไรวะ หิวอะไรจะขนาดนั้น”
“ช่วยไม่ได้พยาธิในท้องมันเยอะกินเท่าไหร่มันก็ดูดไปหมดเลยอะ...”
“ตลกตายละ...”
“เปล่าฉันพูดจริงนะ แกเชื่อหน่อยซิ”
“เออเชื่อ...แกถึงตัวหดสั้นอย่างนี้ไง”
“อันนี้ต้องโทษแม่ที่เกิดมาตัวเล็กน่ะ และโทษแกด้วยวิชชี่คนอะไรสูงชะมัดเลย”
“อันนี้พ่อให้มาเว้ย”
“เชอะไม่พูดด้วยแล้วยิ่งพูดยิ่งหิว”
“สบายนะแก....อิ่ม”
“อะไรเรียกแล้วไม่พูดวะ”
“แกอยู่ห้องขนาดนั้นไม่ซื้อรถวะ?” เธอสงสัยมากๆ ว่าเพื่อนอยู่ห้องในคอนโดฯ หรูขนาดนั้นบวกกับเงินเดือนที่ได้เธอซื้อรถได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่เพื่อนก็ยังสมัครใจที่จะนั่งรถโดยสารมาทำงานทุกวันซึ่งขัดกับบุคลิกแสนจะสูงส่งของเธอเสียเหลือเกิน
“อันนั้นเป็นความขี้เกียจ” ตอบแบบขอไปที ใครจะกล้าบอกละว่าถูกสั่งไม่ให้ซื้อรถมาขับเราะทุกคนรู้ว่าเธอขับรถเร็วแค่ไหน และรถที่เธอซื้อต้องเป็นรถสปอร์ตอย่างไม่ต้องสงสัย เลยมีคำสั่งห้ามเอาไว้ ถ้าจะเอาเงินเดือนไปซื้อก็ได้แต่มันไม่พอผ่อนรถสปอร์ตอะ...
“อ้าว..เกิดแกมีธุระต้องไปเร่งด่วนละ?” ร้องอย่างตกใจ
“แกก็อยู่นี่นา ก็ให้แกพาไปซิ” ตอบทันควัน
“เออ...เอาเปรียบนี่หว่า...”
“ไม่ได้เอาเปรียบเว้ยเขาเรียกพึ่งพาอาศัย”
“เหมือนกันแหละเพราะแกไม่ยอมขับรถ”
“ไม่ใช่ไม่ยอมขับแต่เป็นแกเองจำมัยว่าห้ามฉันขับรถน่ะ”
“ทำไมฉันจะไม่ห้ามละ...แกขับรถยังกับจะไปนรกอย่างนั้น ฉันยังโสดไม่มีแฟนยังไม่ยากตายยะ” เมื่อคิดถึงการขับรถของมนปริยาครั้งนั้นแล้วเธอยังเข็ดไม่หาย ก็เธอเล่นเหยียบมิดเกซะขนาดนั้น เธอนั่งเกรงอยู่ในรถตั้งนานกว่าจะถึง หลังจากนั้นมาเธอก็สาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่ให้มนปริยาขับรถให้นั่งอีกต่อไปแล้ว..
“แหม..เสียดายจัง”
“ถามจริงๆ เหตุผล...”
“อยากไดรถสปอร์ต แต่ไม่มีปัญญาผ่อนน่ะ” เธอยอมบอกแต่โดยดี “ตีนผีอย่างนี้แต่อยากได้รถสปอร์ตไม่ต้องซื้อน่ะถูกที่สุดแล้ว”
“เห็นมั้ย พอฉันบอกแกก็ว่าอย่างเนี้ยะ” แบมือออกมาอย่างปลงๆ
“ถามจริงนะใครหัดให้แกขับรถ?” เธอข้องใจมากว่าใครที่สอนให้เพื่อนเธอขับรถอย่างนี้ และน่าจะเป็นพวกที่ขับรถแข่งเสียด้วย
“พี่ชายน่ะ เขาทนไม่ไหวเลยยอมหัดให้โดยไม่บอกพ่อกับแม่ แต่ก็ความแตกจนได้ ฉันทำรถแอสตันมาร์ตนของพี่ชายพังต้องนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือนน่ะ จากรนั้นพ่อก็ริบกุญแจรถทุกคันยกเว้นจักรยานได้แค่นั้นเอง”
“มิน่าละ..ไม่กลัวเหรอ?” ได้ยินเธอก็สยองแล้ว
“สนุกดี...”
“ถามจริงเถอะบ้านเธอเป็นใครกันแน่น่ะ ท่าทางจะรวยน่าดูนะ”
“บ้านฉันเหรอ ก็แค่ชาวบ้านธรรมดาเนี่ยละพ่อเป็นมนุษย์ผู้ชายที่หล่อมั่ก แม่เป็นมนุษย์ผู้หญิงที่สวยมั่กๆ เหมือนกัน แต่รักกันเวอร์น่ะ”
“กวน...” “เปล่าจริงๆ มีใครมีพ่อเป็นผู้หญิงบ้างละ ไม่มี๊ไม่มี...” ทำหน้าตาใสซื่อ
“ฉันก็เป็นฉันเนี่ยละแกจะสงสัยให้มันได้อะไร แค่ฉันมีคอนโดฯอยู่ไม่จำเป็นต้องรวยซะหน่อย อาจจะขายที่นามาซื้อก็ได้นะ” บอกทีเล่นทีจริง
“ฉันก็...ถามดูเฉยๆ แค่อยากรู้น่ะ” ยักไหล่อย่างไม่รูจะว่าอะไรดี
“แล้วเมื่อถึงเวลาแกจะได้รู้เองนั่นละ ไม่นานหรอกนะ”
“ฉันก็หวังอย่างนั้น ขอให้ถึงวันนั้นนะ” สิ่งที่เธอกลัวจริงๆ คือเธอกลัวว่ามนปริยาเกิดเป็นคนรวยจริงๆ เกรงว่าจะมีหลายคนที่คิดว่าเธออาจจะเกาะเพื่อนเพื่ออัพเกรดตัวเองรึเปล่า เพราะเธอเคยเจอมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่ติดใจเธอมาตลอดเราเธอไม่ใช่คนที่ร่ำรวยแค่ฐานะปานกลาง ตอนนี้ยังต้องเช่าห้องอยู่เลย
“อย่าคิดมากน่า ไปถึงแล้ว”
“ไปกันหิวแล้วละใช้พลังงานมากไป”
“นั่นไงพี่ชลมาแล้ว”
มนปริยาทักขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ในร้านมุมประจำอยู่ก่อนแล้ว เพราะจากที่บริษัทมาถึงนี่ใช้เวลาไม่นาน แต่พวกเธอยู่ไกลกว่า ต้องเสียเวลากว่าที่จะมาถึง และก็ไม่ผิดหวังเมื่อมาถึงชลธิชาบอกว่าสั่งอาหารไว้ให้แล้วเดี๋ยวคงมา สมใจคนหิวอย่างมนปริยาเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องเสียเวลารอนานอย่างที่คิด
“แหม..พี่ชลรู้ใจจัง” มนปริยาบอกอย่างประจบ
“ยะ..ฉันรู้หรอกว่ายังไงแกก็ต้องหิวโซมาน่ะ”
“แหมไม่หิวได้ไงคะก็คุยกับลูกค้าระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียวนะคะ” วิชญาดาแก้แทนเพื่อนสาวที่ไม่สนอะไรแล้วนอกจากอาหารที่พนักงานทยอยนำมาเสิร์ฟ
“เป็นไงเขาสนใจมั้ย”
“ก็..พรุ่งนี้จะแฟ็กซ์ไปให้ก่อนแล้วจะเอาตามไปให้ทีหลังน่ะคะ”
“เก่งนี่ทำให้ที่นั่นสนใจได้..” เอ่ยชมอย่างทึ่งจัด ไม่ว่าจะส่งใครไปกี่คนที่เหลวทุกราย แต่คราวนี้เธอกลับได้รับข่าวดีอย่างไม่คาดมาก่อนแท้ๆ
"พี่ชล...” วิชญาดาเรียกหัวหน้าเสียงดังอย่างนึกขึ้นมาได้
“รู้มั้ยว่ายัยอิ่มไปทำวีรกรรมอีกแล้วน่ะ”
“อะไร! ...แกไปทำอะไรมาอีกละครานี้น่ะ!” ถามกลับทันทีเพราะรุ่นน้องคนนี้ชอบไปสะดุดใครอยู่เรื่อยๆ
“คราวนี้เรื่องใหญ่เลยละ” หญิงสาวยังขยักเอาไว้เมื่อรู้หว่าหัวหน้าอยากรู้แค่ไหน
“นี่! แกจะบอกฉันได้รึยังเนี่ยอยากรู้นะ” บอกออกย่างโมโหที่อีกฝ่ายที่ดึงเกมอยู่ได้
“ท่านประธานน่ะซิชนซะตัวเองเกือบล้อมแน่ะ แถมนะ...โดนท่านประคองเอวเอาไว้ด้วยละ” บอกอย่างเขินแทน
“ท่านประธาน! แก๊...ยัยอิ่มทำไมแกโชคดีอย่างนี้ห๋า!”
“อ้าว? เป็นงั้นไป” วิชญาดาเกาหัวงงๆ เมื่อเพื่อนไม่โดนด่าอย่างที่คิดแต่กลับเป็นว่าอิจฉาแทนซะได้
“ทำไมอะ?...”
“อ้าว..อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ว่าเราๆ เนี่ยไม่ค่อยเจอท่านบ่อยนะท่านจะเดินทางตลอดเวลา จนแทบจะลืมหน้าท่านอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่ามันลืมม่ลงน่ะซิ..”
“เป็นเอามากนะเนี่ยพี่ชล”
“แน่ละซิฉันอยากเป็นแกจังยัยอิ่มได้อยู่ในอ้อมกอดคุณจินนะ...เฮ้อ...จะไม่ลืมประคุณเชียวละ” ชลธิชาบอกอย่างเพ้อฝัน
“หลุดโลกไปแล้วยัวิชชี่ เห็นมั้ยแกไม่น่าบอกแกเลย”
“เอ้า...มาว่าฉัน..ใครจะไปรู้ว่าพี่แกจะเป็นเอามากอย่างนี้ละ..”
“สงสัยว่าพี่แกจะอยู่ชมรมคนรักท่านประธานแน่ๆ ที่ยัยนาราเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการตั้งขึ้นมาไงละ”
“เออ..พูดถึงยัยนั่นก็ยังเจ็บใจไม่หายเลยนะแกมัน...ฮึ้ย..พูดไม่ออกเว้ย ไม่รู้ชาติก่อนฉันไปเหยียบตาปลามันรึไงชาตินี้มันถึงจองเวรนัก”
“ไม่ใช่แกหรอก..คงเป็นฉันมากกว่าแต่แกซวยเพราะเป็นเพื่อนฉัน คงอิจฉามั้ง ก่อนฉันมามันเป็นที่หนึ่งนี้นาพวกอีโก้สูงก็เงี้ยะ”
“แกไม่สูงรึไง...”
“ก็...นิดหน่อย ของอย่างนี้มันก็ต้องมีบ้างซิ ไม่มีเลยแย่แน่”
“พี่ชลทานข้าวเถอะเดี๋ยวเข้างานไม่ทันพวกเราซวยคนจับผิดมันเยอนะเจ้”
“เออ..ลืมไปว่าพวกแกคู่กรณีเยอะนี่หว่า...”
“พี่ชล เราไม่ได้จ้างให้พวกเฮงซวยพวกนั้นมาชอบเรานะ มันมากันเอง จะโทษก็ต้องทาผู้ชาย แล้วก็ยัยผู้หญิงที่เป็นแฟนกันซิที่เอาแฟนตัวเองไม่อยู่จนต้องมาสนใจผู้หญิงคนอื่นน่ะ
“มันว่ายังไงรู้มั้ยพวกนั้นน่ะ พวกรีเซบน่ะ มันบอกว่า ‘พวกแกนั่นละผิดเพราะหน้าตาดีเกินไป’ ดู๊..ดูพูดออกมาได้ทำไม่มองตัวเองว่าปล่อยตัวเองจนผู้ชายเบื่อน่ะพี่” บ่นอย่างเข่นเขี้ยว
“ไม่มีใครบอกว่าตัวเองผิดหรอกนะ”
“เชอะ..อิ่มกับวิชชี่ไม่ได้ไปยั่วพวกนั้นเสียหน่อย”
“เอาน่าใจเย็นหน่อย เฉยๆ ซะมันก็จบ”
“มันไม่จบซิพี่พอเราไม่ตอบโต้มันก็ได้ใจหนักข้อขึ้นทุกวันอย่างนี้มันต้องหนามยอกเอาหนามบ่ง อาอิ่มบอกว่างั้นนะพี่” บอกอย่างเข่นเขี้ยว
“เรากลับกันเถอะ” วิชญาดาบอกเมื่อเห็นว่าเพื่อนดูท่าจะติดลมเวลาพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น