ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 51


    ตอนที่ 3 


    “สวัสดีค่ะเรามาจากบริษัท ธนาภา มาขอพบคุณลุ..เอ่อคุณณิชพลค่ะ” เธอเกือบหลุดปากเรียกตามความเคยชินเสียแล้ว แต่ยั้งไว้ได้ทัน ไม่งั้นซวยแน่
     

    “เชิญที่ชั้น 12 เลยค่ะท่านรออยู่เลยค่ะ” พนักงานเคาเตอร์บอกเสียงหวานตามหน้าที่ 


    “ขอบคุณมากค่ะ” 


    “ไม่เห็นเธอบอกเลยอิ่มว่าเธอติดต่อที่นี่เอาไว้แล้ว ฉันพยายามเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมให้พบเสียที” 

    “อยู่ที่วิธยายุทธ์ยะ...” 


    “ยะ! แม่คนเก่ง”
     

    “เอ้า...แน่น้อน...ไม่เก่งเขาจะยอมให้ฉันเจอเหรอ”
     

    “เออๆ ฉันไม่เถียงด้วยแล้ว ขึ้นไปก้นเถอะ....เคยมีคนบอกแกมั้ยว่าแกมันเถียงคำไม่ตกฟากน่ะ”
     

    “อุ้ย! หยาบคายนะเธอ...เขาพูดกันทั้งนั้นละ ขนาดพ่อกับแม่ฉันเขายังยอมเลย” 


    “ต้าย! บวกหน้าด้านเข้าไปอีกนหน่อยก็ดีนะ” 


    “ว่าแต่คิดว่าเขาจะยอมเอาสั่งสินค้าของเรามั้ยวะ ถึงเขาจะเป็นลูกค้าอยู่ แต่ก็สั่งแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง” 


    “คงต้องรอดูน่ะ ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง” 


    “นั่นซิเนอะ”
     



    “คุณมนปริยากับคุณวิชญาดาใช่มั้ยคะ” 


    “ใช่ค่ะ เรามาพบผู้อำนวยการค่ะ”
     

    “ค่ะ...เชิญเลยค่ะ” เปิดประตูห้องให้เหมือนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกเธอจะมาถึง
     

    “สวัสดีค่ะคุณณิชพล เราสองคนมาจากธนาภาค่ะ” มนปริยาเอ่ยแนะนำตัวเอง 


    “เอ้า..เชิญๆ ผมกำลังรออยู่เลย” 


    “ดิฉันมนปริยาที่โทรมาคุยกับท่านค่ะ ส่วนนี่วิชญาดาค่ะเราอยู่ทีมเดียวกันค่ะ” 


    “สวัสดีค่ะวิชญาดาค่ะ”
     

    “อืมดีๆ..ว่าแต่มีอะไรมาเสนอให้ผมดูละ?” เขามองเอกสารที่ทั้งสองสาวนำมาให้เขาดู เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามนปริยาจะมีอะไรมาให้เขาแปลกใจกันบ้าง ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่เขาก็อยากเจอเธอมาตลอดแต่คลาดกันทุกที 


    “นี่ค่ะเรามีเครื่องมือแพทย์ที่ออกแบบใหม่ล่าสุดและทันสมัยที่สุดมาเสนอค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็แนะนำอุปกรณ์ที่เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับโรงพยาบาลถึงเธอจะไม่เก่งเรื่องการแพทย์ แต่เรื่องยานี้เธอไม่แพ้ใครๆ ก็เธอเป็นหลานเจ้าของโรงพยาบาลนี่ก็ต้องมีประดับเอาไว้บ้างนั่นละ... 


    “ก็หลายตัวอยู่นะ ผมจะเอาเข้าที่ประชุมแล้วกันชิ้นที่ผมทำเครื่องหมายไว้คุณช่วยทำใบเสนอราคามาให้หน่อยจะได้มั้ย?” 


    “ไม่มีปัญหาค่ะพรุ่งนี้ดิฉันจะแฟกซ์มาให้แล้วกันนะคะ” 


    “ได้ ขอบคุณมาก พวกคุณมีอะไรอีกมั้ยพอดีว่าผมมีประชุมต่อน่ะ”
     


    “ไม่ค่ะ ขอบคุณที่เกียรติกับทางเรานะคะ ขอตัวก่อนนะคะ” ทั้งสงคนขอตัวออกจากห้องไปแล้ว 



    ณิชพลยังคงจ้องที่ประตูอย่างเอ็นดูไม่นึกว่ามนปริยาจะทำงานนี้ได้อีอย่างนี้ จากที่เขาฟังเธอบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ทั้งหมด ก็รู้ว่าเธอศึกษางานมาเป็นอย่างนี้ รู้ทั้งขอ้ดีและข้อเสียของงงานนั้นๆ 


    “หูย...สุดยอดเลยอะอิ่มไม่นึกว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะหล่ออย่างนี้ แสดงว่าตอนที่หนุ่มๆ น่ะต้องเนื้อหอมแน่เลย” 


    “ก็คงอย่างนั้นละขนาดอายุขนาดนี้แล้วนี่นา” 


    “ว่าแต่จะทำทันเหรออิ่มที่บอกว่าราคาได้พรุ่งนี้น่ะ” ถามอย่างเป็นห่วง เพราะบางชิ้นยังไม่มีราคาเลยด้วยซ้ำ 




    “ไม่ต้องห่วงน่าฉันมีวิธีทีที่จะทำให้ทันแล้วกัน และรับรองว่าเราลูกค้ารายใหญ่แน่” บอกอย่างมั่นใจ ไม่ว่ายังไงคราวนี้เธอต้องทำให้สำเร็จให้ได้แน่นอน 


    “เดี๋ยวโทรหาพี่ชลก่อนจะได้บอกว่าไปที่ไหน” 


    “อืมโทรไปเถอะตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” มนปริยาบ่นออกมาอย่างหิวจริงๆ 


    “พี่ชลไปเจอกันที่ร้านริมธารนะ” หญิงสาวบอกชื่อร้านประจำที่ชอบไปทานกัน และไม่ไกลมากนัก วิวก็สวยและที่สำคัญอาหาอร่อยและราคาไม่แพง 


    “พี่ชลบอกว่าจะตามไปน่ะ” “อืม..ไปเถอะก่อนฉันจะกินแกเป็นอาหารแทนน่ะ” 


    “อะไรวะ หิวอะไรจะขนาดนั้น”
     

    “ช่วยไม่ได้พยาธิในท้องมันเยอะกินเท่าไหร่มันก็ดูดไปหมดเลยอะ...” 


    “ตลกตายละ...” 


    “เปล่าฉันพูดจริงนะ แกเชื่อหน่อยซิ” 


    “เออเชื่อ...แกถึงตัวหดสั้นอย่างนี้ไง”
     

    “อันนี้ต้องโทษแม่ที่เกิดมาตัวเล็กน่ะ และโทษแกด้วยวิชชี่คนอะไรสูงชะมัดเลย” 


    “อันนี้พ่อให้มาเว้ย” 


    “เชอะไม่พูดด้วยแล้วยิ่งพูดยิ่งหิว”
     

    “สบายนะแก....อิ่ม” 


    “อะไรเรียกแล้วไม่พูดวะ”
     

    “แกอยู่ห้องขนาดนั้นไม่ซื้อรถวะ?” เธอสงสัยมากๆ ว่าเพื่อนอยู่ห้องในคอนโดฯ หรูขนาดนั้นบวกกับเงินเดือนที่ได้เธอซื้อรถได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่เพื่อนก็ยังสมัครใจที่จะนั่งรถโดยสารมาทำงานทุกวันซึ่งขัดกับบุคลิกแสนจะสูงส่งของเธอเสียเหลือเกิน 


    “อันนั้นเป็นความขี้เกียจ” ตอบแบบขอไปที ใครจะกล้าบอกละว่าถูกสั่งไม่ให้ซื้อรถมาขับเราะทุกคนรู้ว่าเธอขับรถเร็วแค่ไหน และรถที่เธอซื้อต้องเป็นรถสปอร์ตอย่างไม่ต้องสงสัย เลยมีคำสั่งห้ามเอาไว้ ถ้าจะเอาเงินเดือนไปซื้อก็ได้แต่มันไม่พอผ่อนรถสปอร์ตอะ... 


    “อ้าว..เกิดแกมีธุระต้องไปเร่งด่วนละ?” ร้องอย่างตกใจ 


    “แกก็อยู่นี่นา ก็ให้แกพาไปซิ” ตอบทันควัน 


    “เออ...เอาเปรียบนี่หว่า...” 


    “ไม่ได้เอาเปรียบเว้ยเขาเรียกพึ่งพาอาศัย”
     

    “เหมือนกันแหละเพราะแกไม่ยอมขับรถ” 



    “ไม่ใช่ไม่ยอมขับแต่เป็นแกเองจำมัยว่าห้ามฉันขับรถน่ะ”
     

    “ทำไมฉันจะไม่ห้ามละ...แกขับรถยังกับจะไปนรกอย่างนั้น ฉันยังโสดไม่มีแฟนยังไม่ยากตายยะ” เมื่อคิดถึงการขับรถของมนปริยาครั้งนั้นแล้วเธอยังเข็ดไม่หาย ก็เธอเล่นเหยียบมิดเกซะขนาดนั้น เธอนั่งเกรงอยู่ในรถตั้งนานกว่าจะถึง หลังจากนั้นมาเธอก็สาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่ให้มนปริยาขับรถให้นั่งอีกต่อไปแล้ว.. 


    “แหม..เสียดายจัง” 


    “ถามจริงๆ เหตุผล...” 


    “อยากไดรถสปอร์ต แต่ไม่มีปัญญาผ่อนน่ะ” เธอยอมบอกแต่โดยดี “ตีนผีอย่างนี้แต่อยากได้รถสปอร์ตไม่ต้องซื้อน่ะถูกที่สุดแล้ว”
     

    “เห็นมั้ย พอฉันบอกแกก็ว่าอย่างเนี้ยะ” แบมือออกมาอย่างปลงๆ 


    “ถามจริงนะใครหัดให้แกขับรถ?” เธอข้องใจมากว่าใครที่สอนให้เพื่อนเธอขับรถอย่างนี้ และน่าจะเป็นพวกที่ขับรถแข่งเสียด้วย
     

    “พี่ชายน่ะ เขาทนไม่ไหวเลยยอมหัดให้โดยไม่บอกพ่อกับแม่ แต่ก็ความแตกจนได้ ฉันทำรถแอสตันมาร์ตนของพี่ชายพังต้องนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือนน่ะ จากรนั้นพ่อก็ริบกุญแจรถทุกคันยกเว้นจักรยานได้แค่นั้นเอง” 


    “มิน่าละ..ไม่กลัวเหรอ?” ได้ยินเธอก็สยองแล้ว
     

    “สนุกดี...”
     

    “ถามจริงเถอะบ้านเธอเป็นใครกันแน่น่ะ ท่าทางจะรวยน่าดูนะ” 


    “บ้านฉันเหรอ ก็แค่ชาวบ้านธรรมดาเนี่ยละพ่อเป็นมนุษย์ผู้ชายที่หล่อมั่ก แม่เป็นมนุษย์ผู้หญิงที่สวยมั่กๆ เหมือนกัน แต่รักกันเวอร์น่ะ” 


    “กวน...” “เปล่าจริงๆ มีใครมีพ่อเป็นผู้หญิงบ้างละ ไม่มี๊ไม่มี...” ทำหน้าตาใสซื่อ 


    “ฉันก็เป็นฉันเนี่ยละแกจะสงสัยให้มันได้อะไร แค่ฉันมีคอนโดฯอยู่ไม่จำเป็นต้องรวยซะหน่อย อาจจะขายที่นามาซื้อก็ได้นะ” บอกทีเล่นทีจริง 


    “ฉันก็...ถามดูเฉยๆ แค่อยากรู้น่ะ” ยักไหล่อย่างไม่รูจะว่าอะไรดี 


    “แล้วเมื่อถึงเวลาแกจะได้รู้เองนั่นละ ไม่นานหรอกนะ” 


    “ฉันก็หวังอย่างนั้น ขอให้ถึงวันนั้นนะ” สิ่งที่เธอกลัวจริงๆ คือเธอกลัวว่ามนปริยาเกิดเป็นคนรวยจริงๆ เกรงว่าจะมีหลายคนที่คิดว่าเธออาจจะเกาะเพื่อนเพื่ออัพเกรดตัวเองรึเปล่า เพราะเธอเคยเจอมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่ติดใจเธอมาตลอดเราเธอไม่ใช่คนที่ร่ำรวยแค่ฐานะปานกลาง ตอนนี้ยังต้องเช่าห้องอยู่เลย
     

    “อย่าคิดมากน่า ไปถึงแล้ว”
     

    “ไปกันหิวแล้วละใช้พลังงานมากไป”
     

    “นั่นไงพี่ชลมาแล้ว” 


    มนปริยาทักขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ในร้านมุมประจำอยู่ก่อนแล้ว เพราะจากที่บริษัทมาถึงนี่ใช้เวลาไม่นาน แต่พวกเธอยู่ไกลกว่า ต้องเสียเวลากว่าที่จะมาถึง และก็ไม่ผิดหวังเมื่อมาถึงชลธิชาบอกว่าสั่งอาหารไว้ให้แล้วเดี๋ยวคงมา สมใจคนหิวอย่างมนปริยาเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องเสียเวลารอนานอย่างที่คิด 


    “แหม..พี่ชลรู้ใจจัง” มนปริยาบอกอย่างประจบ 


    “ยะ..ฉันรู้หรอกว่ายังไงแกก็ต้องหิวโซมาน่ะ”
     

    “แหมไม่หิวได้ไงคะก็คุยกับลูกค้าระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียวนะคะ” วิชญาดาแก้แทนเพื่อนสาวที่ไม่สนอะไรแล้วนอกจากอาหารที่พนักงานทยอยนำมาเสิร์ฟ 


    “เป็นไงเขาสนใจมั้ย”
     

    “ก็..พรุ่งนี้จะแฟ็กซ์ไปให้ก่อนแล้วจะเอาตามไปให้ทีหลังน่ะคะ”
     


    “เก่งนี่ทำให้ที่นั่นสนใจได้..” เอ่ยชมอย่างทึ่งจัด ไม่ว่าจะส่งใครไปกี่คนที่เหลวทุกราย แต่คราวนี้เธอกลับได้รับข่าวดีอย่างไม่คาดมาก่อนแท้ๆ
     

    "พี่ชล...” วิชญาดาเรียกหัวหน้าเสียงดังอย่างนึกขึ้นมาได้ 


    “รู้มั้ยว่ายัยอิ่มไปทำวีรกรรมอีกแล้วน่ะ”
     

    “อะไร! ...แกไปทำอะไรมาอีกละครานี้น่ะ!” ถามกลับทันทีเพราะรุ่นน้องคนนี้ชอบไปสะดุดใครอยู่เรื่อยๆ 



    “คราวนี้เรื่องใหญ่เลยละ” หญิงสาวยังขยักเอาไว้เมื่อรู้หว่าหัวหน้าอยากรู้แค่ไหน 



    “นี่! แกจะบอกฉันได้รึยังเนี่ยอยากรู้นะ” บอกออกย่างโมโหที่อีกฝ่ายที่ดึงเกมอยู่ได้
     

    “ท่านประธานน่ะซิชนซะตัวเองเกือบล้อมแน่ะ แถมนะ...โดนท่านประคองเอวเอาไว้ด้วยละ” บอกอย่างเขินแทน 


    “ท่านประธาน! แก๊...ยัยอิ่มทำไมแกโชคดีอย่างนี้ห๋า!”
     


    “อ้าว? เป็นงั้นไป” วิชญาดาเกาหัวงงๆ เมื่อเพื่อนไม่โดนด่าอย่างที่คิดแต่กลับเป็นว่าอิจฉาแทนซะได้ 


    “ทำไมอะ?...”
     

    “อ้าว..อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ว่าเราๆ เนี่ยไม่ค่อยเจอท่านบ่อยนะท่านจะเดินทางตลอดเวลา จนแทบจะลืมหน้าท่านอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่ามันลืมม่ลงน่ะซิ..” 



    “เป็นเอามากนะเนี่ยพี่ชล” 



    “แน่ละซิฉันอยากเป็นแกจังยัยอิ่มได้อยู่ในอ้อมกอดคุณจินนะ...เฮ้อ...จะไม่ลืมประคุณเชียวละ” ชลธิชาบอกอย่างเพ้อฝัน 



    “หลุดโลกไปแล้วยัวิชชี่ เห็นมั้ยแกไม่น่าบอกแกเลย” 


    “เอ้า...มาว่าฉัน..ใครจะไปรู้ว่าพี่แกจะเป็นเอามากอย่างนี้ละ..” 



    “สงสัยว่าพี่แกจะอยู่ชมรมคนรักท่านประธานแน่ๆ ที่ยัยนาราเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการตั้งขึ้นมาไงละ” 


    “เออ..พูดถึงยัยนั่นก็ยังเจ็บใจไม่หายเลยนะแกมัน...ฮึ้ย..พูดไม่ออกเว้ย ไม่รู้ชาติก่อนฉันไปเหยียบตาปลามันรึไงชาตินี้มันถึงจองเวรนัก”
     

    “ไม่ใช่แกหรอก..คงเป็นฉันมากกว่าแต่แกซวยเพราะเป็นเพื่อนฉัน คงอิจฉามั้ง ก่อนฉันมามันเป็นที่หนึ่งนี้นาพวกอีโก้สูงก็เงี้ยะ”
     

    “แกไม่สูงรึไง...”
     

    “ก็...นิดหน่อย ของอย่างนี้มันก็ต้องมีบ้างซิ ไม่มีเลยแย่แน่” 



    “พี่ชลทานข้าวเถอะเดี๋ยวเข้างานไม่ทันพวกเราซวยคนจับผิดมันเยอนะเจ้” 


    “เออ..ลืมไปว่าพวกแกคู่กรณีเยอะนี่หว่า...” 


    “พี่ชล เราไม่ได้จ้างให้พวกเฮงซวยพวกนั้นมาชอบเรานะ มันมากันเอง จะโทษก็ต้องทาผู้ชาย แล้วก็ยัยผู้หญิงที่เป็นแฟนกันซิที่เอาแฟนตัวเองไม่อยู่จนต้องมาสนใจผู้หญิงคนอื่นน่ะ 


    “มันว่ายังไงรู้มั้ยพวกนั้นน่ะ พวกรีเซบน่ะ มันบอกว่า ‘พวกแกนั่นละผิดเพราะหน้าตาดีเกินไป’ ดู๊..ดูพูดออกมาได้ทำไม่มองตัวเองว่าปล่อยตัวเองจนผู้ชายเบื่อน่ะพี่” บ่นอย่างเข่นเขี้ยว 


    “ไม่มีใครบอกว่าตัวเองผิดหรอกนะ” 


    “เชอะ..อิ่มกับวิชชี่ไม่ได้ไปยั่วพวกนั้นเสียหน่อย”
     

    “เอาน่าใจเย็นหน่อย เฉยๆ ซะมันก็จบ” 


    “มันไม่จบซิพี่พอเราไม่ตอบโต้มันก็ได้ใจหนักข้อขึ้นทุกวันอย่างนี้มันต้องหนามยอกเอาหนามบ่ง อาอิ่มบอกว่างั้นนะพี่” บอกอย่างเข่นเขี้ยว 


    “เรากลับกันเถอะ” วิชญาดาบอกเมื่อเห็นว่าเพื่อนดูท่าจะติดลมเวลาพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×