ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
สองสาวหนึ่งหนุ่มมาถึงในเมืองในตอนสี่โมงเย็นและกำลังเดินดูของรอเวลาก่อนที่จะไปรับเด็กๆ ที่จะลงเครื่องมาในตอนห้าโมงเย็นวันนี้ การเดินเที่ยวครั้งนี้มีวรพิชชาเป็นคนนำเพราะเธอพาเดินตลาดเสียทั่วและได้ของมาเต็มไม้เต็มมือส่วนมาเป็นของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆ เหมาะสำหรับอยู่ที่นี่อากาศร้อน
“กันต์ไม่ซื้ออะไรเหรอ?” มองที่มือชายหนุ่มที่มือสองข้างตอนนี้มีถุงข้าวของเต็มไปหมดแต่เป็นของเธอเสียส่วนใหญ่และมีของกานต์ธิดาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่หรอกของใช้เหลือเยอะอยู่เพิ่งซื้อไปเอง”
“ว่าแต่ได้เวลาแล้วเราไปรอรับเด็กๆ กันดีกว่านะ เดี๋ยวเกิดไม่เห็นใครรับใจเสียแย่เลย” นึกถึงตัวเองวันที่มาครั้งแรกคลาดกันกับกันต์ธรเธอเองก็ใจเสียเหมือนกันเพราะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
“ฟ้าเห็นด้วยนะคะใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย”
“ครับงั้นก็ไปกันเถอะ” วรพิชชาเดินขึ้นมาเดินคู่กับชายหนุ่มพลางกระซิบถามอย่างหมั่นไส้
“นี่! ทำไมไม่คุยกับน้องเขาเลยละอย่างนี้มันก็ไม่ไปถึงหนละซิ!” เธอเหน็บเอาอย่างหมั่นไส้ ทีอยู่กับเธอมารำพึงรำพันกับเธอว่าอยากให้ความรักก้าวหน้าแต่ไม่เคยเห็นทำอะไรที่มันทำให้เขารู้เสียทีว่ามีใจให้เขา คอยดูเถอะเกิดวันใดมีคนมากว้าไปก่อนจะพูดไม่ออก
“ไม่กล้า..” บอกออกมาอย่างไม่อาย กานต์ธิดาได้แต่มองทั้งสองอย่างปวดใจ เมื่อไหร่ที่เธอจะได้เดินเคียงคู่กับเขาอย่างนั้นบ้าง ไม่ใช่แค่มองอยู่อย่างนี้ คุณฟ้า! มาเดินด้วยกันซิคะ” วรพิชชาหันมาเรียกให้เธอขึ้นมาเดินด้วยกันและจัดแจงให้เดินอีกฝั่งกับกันต์ธรเสียอย่างนั้น เมื่อมาถึงที่รถที่มีตนขับรถรออยู่ที่จอดรถวรพิชชาก็ขอนั่งหน้าคู่กับคนขับแล้วให้ทั้งสองนั่งอยู่เบาะหลังกันสองคน
“พิชขอนั่งหน้ากับลุงสมนะคะคุณฟ้านั่งกับกันต์ไปละกัน” บอกย่างขี้เล่น กันต์ธรมองเพื่อนสาวอย่างรู้เท่าทันว่าเอพยายามให้เขาได้ใกล้ชิดหญิงสาวอีกคนที่เขามีใจให้มากยิ่งขึ้น
“แต่ว่าคุณพิชคะ....” กานต์ธิดาบอกอย่างกังวลเกรงว่าชายหนุ่มจะไม่พอใจรึเปล่า
“ถ้าคุณฟ้ารังเกียจผมนั่งหน้าก็ได้ครับ” เขาบอกอย่างน้อยใจเดินจะไปนั่งที่หน้ารถ กานต์ธิดาคว้าแขนผู้ใหญ่ขี้งอนเอาไว้อย่างเร็ว
“เดี่ยวค่ะนั่งกับฟ้าก็ได้ นะคะ” บอเขาสีหน้าแหยๆ อย่างกลัวว่าเขาจะโกรธเธอเข้าจริงๆ แต่ที่เอไม่รู้คือชายหนุ่มแอบลอบยิ้มอย่างสมใจเมื่อเธอคว้าเขาเอา
“ไม่รังเกียจเหรอครับที่จะนั่งข้างผมน่ะ” เหลือบมองมือที่จับแขนเขาอยู่อย่างว่างเปล่า
"ไม่...รังเกียจค่ะ กลัวแต่ว่าคุณมากว่าที่จะไม่อยากนั่งข้างๆ ฟ้าน่ะ” เธอบอกเสียงน้อยใจ ที่เขาทำท่าเย็นชาใส่เธอแบบนี้
“งั้นก็ขึ้นรถเถอะครับ” บอกเสียงไร้อารมณ์ วรพิชชากลั้นหัวเราขลุกขลักเมื่อเห็นกิริยาที่ชายหนุ่มแสดงออกมา โ
โธ่เอ้ย! ทำเป็นเก๊กดีใจแทบตายตาบ้าเอ้ย อยากให้เขารู้ว่ารักว่าชอบแทนที่จะแสดงออกไปให้รู้กันไปเลย ชยันต์ รุ่งรวิน สาริกาเดินออกจากห้องผู้โดยสารขาออกมาที่รอ แต่ยังไม่เห็นคนที่บอกว่าจะมารับเลย แม้จะมองหาเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอ
“ยอร์ช! แกช่วยฉันมองหานหน่อยซิ เขาบอกว่าจะมารับเราน่ะ” ที่รักว่าเพื่อนเบาๆ ที่มัวแต่กินขนมอยู่โดยไม่สนใจช่วยเอและสาลิกามองหาแม้แต่นิดเดียว
“แกจะกังวลทำไมวะ? เดี๋ยวเขาก็มารับเองละ ถึงมองหาไปแกไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนที่มารับเราอยู่แล้ว”
“ช่วยไม่ได้นี่นาก็ฉันไม่เคยมานี่ มันก็ต้องตื่นเต้นกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” ที่รักบอกอย่างไม่อายเธอไม่ค่อยไปไหนโดยไม่มีพ่อกับแม่มากนักนอกจากไปต่างประเทศแล้วไปหาพี่สาวเท่านั้น ไม่งั้นท่านไม่ยอม
“ว่าแต่...ใช่สามคนที่กำลังเดินมาอยู่รึเปล่าน่ะ?” ชยันต์มองเห็นสามคนเดินมาเหมือนมองหาใครอยู่
“ไม่รู้ ฉันยังไม่รู้เลยว่าใครที่จะเป็นคนมารับเคยคุยด้วยแต่ไม่เคยเห็นหน้า”
“งั้นเราก็เข้าไปถามดีกว่านะ”
“ขอโทษค่ะมารับใครรึเปล่าครับ” ชยันต์เดินเข้าไปถามทันที
“เอ่อ ครับเรามารับเด็กฝึกงานครับ” กันต์ธรเป้ฯคนตอบคำถาม
“คุณเป็นเจ้าหน้าที่จากเกาะสุดที่รักรึเปล่าครับ?”
“อ๋อครับเราเป็นคนของที่นั่น?”
“พวกเราเป็นเด็กฝึกงานที่จะมาวันนี้ครับ” บอกอย่างยินดีเมื่อเจอกับคนที่จะมารับเสียที
“งั้นเราก็ไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะค่ำไปกว่านี้เสียก่อน”
“ครับ/ค่ะ/ค่ะ” ทั้งสามคนตอบอย่างพร้อมเพรียง เดินตามหลังทั้งสามคนไปอย่างดีใจ
“ว่าแต่ใครชื่ออะไรกันบ้างละ” ถามเมื่ออยู่ในรถตู้กันครบแล้ว
“ผมชื่อยอร์ชครับ ส่วนยัยตัวเล็กน่ะชื่อที่รักครับ และคนที่สวยๆ ชื่อริกาครับเราสามคนเป็นเพื่อนกัน พวกพี่ละครับ?” สองสามทำความเตคารพทั้งสามคนอย่างอ่อนน้อม
“พี่ชื่อกันต์ คนที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับน่ะว่าพิช ส่วนคนที่นั่งข้างๆ พี่ชื่อพี่ฟ้าเป้ฯน้อสาวท่านเจ้าของเกาะ”
“โห...สวยจังครับ”
“เอ่อ..คุณพิช..เราเคยเจอกกันมาก่อนรึเปล่าคะ” ที่รักถามอย่างเกรงใจเพราะเธอรู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวเป็นอย่างมาก แม่ไม่มั่นใจว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า
“เรียกว่าพี่พิชชี่ก็ได้จ๊ะอะไรกันไม่เจอกันไม่กี่ปีจำหน้าพี่ไม่ได้เหรอ?” เธอหันมาบอกยิ้มๆ เธอจำหน้าเด็กสาวได้ตั้งแต่ที่เห็นหน้าแล้วและยิ่งได้ยินชื่อยิ่งมั่นใจว่าเด็กสาวเป็นญาติกับเพื่อนของเธอแน่ๆ
“พี่พิชชี่!!!” เธอเรียกอย่างตกใจ
“ไม่น่าเชื่อเป็นพี่จริงๆ ด้วย!”
“ทำไมละครับ?” กันต์ธรถามอย่างสงสัยว่าคนที่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีจะจำหันไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
“จะให้จำได้ยังไงละคะพี่เขาเล่นเปลี่ยนลุกส์ซะขนาดนั้น” มองที่การแต่งตัวที่ดูไม่เหมือนเดิม
“เมื่อก่อนพี่พิชเขาเป็นยังไงเหรอ” กานต์ธิดาถามอย่างนึกสนุกและอยากรู้ว่าเมื่อก่อนเอแต่งตัวแบบไหน
“อือ..พี่เขาแต่งตัวสวยและหรู แต่งหน้าอ่อนๆ เป็นคนที่เก๋มากค่ะ ผิดกับตอนนี้สุดๆ เลย” ดูการแต่งกายเธอตอนนี้มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้ารูปเท่านั้นกับกางเกงยีนส์สีซีดที่ดูเก่าๆ
“บอกตรงๆ รู้จักกับพี่เขามาเพิ่งเคยเห็นลุกส์แบบนี้ละค่ะ” “พิชคราวหน้าคุณต้องแต่งตัวแบบที่น้องเขาว่าให้เราดูบ้างแล้วละ ฮึ ฮึ” เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอแต่งแบบนั้นแล้วจะเป็นยังไงตอลดเวลาที่เธออยู่ที่นี่เขาเห็นแบบนี้จนชินตา
“สวยสุดๆ เลยละค่ะ”
“ช่างเถอะน่าอย่าสนเลย เอาไว้วันไหนว่างๆ จะแต่งให้ดูละกัน” บออกออย่างเบื่อๆ เดี๋ยวเถอะวันไหนฉันเกิดเฮี้ยนขึ้นมาจริงๆ นายนั่นละจะหนาว
“ฟ้าชักอยากเห็นแล้วซิคะ”
“เอาไวมีโอกาสละกันนะคะ”
“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าซิคะวันเกิดพี่ฟ้าพอดีเลยแต่งวันนั้นก็ได้ค่ะ”
“...ว่าแต่ฮันนี่ยัยเคทเป็นไงมั่งพี่ไม่ได้ติดต่อมันเลย”
“อ๋อ..ตอนนี้กำลังอินเลิฟค่ะเห็นพ่อกับแม่บอกว่าว่ากำลังจะแต่งงาน”
“เหรอ? กับใคร?” “กับคุณอรรณพค่ะ พี่พิชชี่รู้มั้ยคะว่าเขาหล่อมั่กๆ เลยค่ะเห็นแล้วใจละลายเลยทีเดียว” บอกตาพราวทีเดียวเมื่อเธอเคยเห็นคู่หมั้นของญาติผู้พี่ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเธอไมรู้ว่าชายนุ่มเป็นอะไรกับแคที เธอได้ยินจากพ่อกับแม่เอบอกเท่านั้นว่าสองคนนี้กำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า
“อ้าว?...คืนดีกันเมื่อไหร่เนี่ยอย่างนั้นต้องตามข่าวกันหน่อละ”
“พี่พิชชี่รู้จักเหรอคะ?”
“รู้จักตั้งนานแล้วละ”
“คุณฟ้าหิวมั้ยครับ?” ถามอย่าเป็นห่วงเห็นว่านี่ค่ำมากแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะเรารีบกลับไปที่เกาะกันดีกว่า ป้าสดเตรียมอาหารไว้แล้วละค่ะ” เธอบอกเขาเสียงหวาน มองเขาอย่างแสนรักอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้เธอรู้ว่าใครเห็นเธอก็ต้องรู้ว่าเธอคิดอะไรกับเขา แต่ตัวเขาเองจะรู้หรือไม่นั่นก็สุดจะเดาได้ เพราะเขาตีหน้าเฉยเสียเหลือกน กันต์ธรถึงกับใจเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่ถูกส่งมาให้จากหญิงสาวที่เขาแอบรักมานาน ถ้าเขาไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปก็ต้องรู้ว่าเธอคิดยังไงกับเขา แต่เขาอยากได้ยินหรือฟังจากปากเธอมากกว่าไม่อยากจะคาดเดาอะไรเอาเองอย่างนี้
วรพิชชามองไปที่กระจกหลังแล้วเห็นสองหนุ่มสาวที่กำลังสร้างโลกส่วนตัวอยู่ที่ด้านหลังนั้นอย่างลุ้นๆ ว่าเมื่อไหร่จะลงเอยได้เสียที ทั้งหกคนนั่งเรือกลับมาด้วยความรู้สึกที่ต่างกันไปเด็กฝึกงานทั้งสามคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นเกาะที่พากันตกลงใจเพราะชอบชื่อที่ตั้งเป็นชื่อเกาะและชอบด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนสองหนุ่มสาวต่างตกอยู่ในพะวงของตัวเองว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเผยความในใจเขาตนให้อีกฝ่ายรับรู้ได้เสียที เป็นอยู่อย่างนี้อึดอัดเป็นบ้าเลย
“เอาละครับถึงแล้วลงระวังๆ หน่อยนะครับ” ชยันต์ลงไปก่อนที่ท่าเทียบเรือที่ยื่นออกมาในทะเละและยาวถึงตัวเรือนใหญ่ที่เป็นสัดส่วน เพราะถ้าจะเข้าฝั่งรีสอร์ทต้องอ้อมไปอีกฝั่งยื่นมือรับกานต์ธิดาที่ยืนอยู่หลงให้ลงอย่างอ่อนโยน
“ว้าย!!!” กานต์ธิดาสะดุดเท้าตัวเองล้มแต่ชายหนุ่มรับเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่าคับคุณฟ้า” ชายหนุ่มรับตัวหญิงสาวที่ทำว่าจะล้มลง
“มะ!...ไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเขาเขินๆ เมื่อตัวเองทำเรื่องหน้าอาย
“โอ้ย! อิจฉาเป็นบ้า! อยากให้มีคนมามองเราตาหวานแบบนี้บ้างจัง” วรพิชชาล้อขึ้นมาเสียงดังทั้งที่เอยืนอยู่หลังสุด “สงสัยจากน้ำทะเลเค็มๆ จะกลายเป็นทะเลหวานละมั้ง”
“พูดมากน่า” “เอ้าเด็กๆ ขึ้นมาได้แล้วครับยอร์ชไปนอนกับพี่ที่เรือนทางซ้ายนะ ส่วนสาวๆ นอนกับพี่พิชเขานะ”
“เดี่ยวพิชพาเด็กๆ เอาของไปเก็บแล้วก็อาบน้ำก่อนนะให้ป้าสดแกเตรียมอาหารไว้เลยนะหิวจะตายอยู่แล้ว”
“ได้ค่ะงั้นฟ้าขอตัวก่อนนะคะ” เธอเดินขึ้นเรือนใหญ่ไปทันทีอย่างเขินอายที่โดนรุ่นพี่สาวล้อเลียนอย่างนั้น
“เอา..มองเขาตะละห้อยอยู่นั่นละ เข้าบ้านไปเถอะเด็กมันอยากอาบน้ำกันแล้ว”
“คอยดูละถึงทีผมบ้างละกัน”
สองสาวหนึ่งหนุ่มมาถึงในเมืองในตอนสี่โมงเย็นและกำลังเดินดูของรอเวลาก่อนที่จะไปรับเด็กๆ ที่จะลงเครื่องมาในตอนห้าโมงเย็นวันนี้ การเดินเที่ยวครั้งนี้มีวรพิชชาเป็นคนนำเพราะเธอพาเดินตลาดเสียทั่วและได้ของมาเต็มไม้เต็มมือส่วนมาเป็นของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆ เหมาะสำหรับอยู่ที่นี่อากาศร้อน
“กันต์ไม่ซื้ออะไรเหรอ?” มองที่มือชายหนุ่มที่มือสองข้างตอนนี้มีถุงข้าวของเต็มไปหมดแต่เป็นของเธอเสียส่วนใหญ่และมีของกานต์ธิดาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่หรอกของใช้เหลือเยอะอยู่เพิ่งซื้อไปเอง”
“ว่าแต่ได้เวลาแล้วเราไปรอรับเด็กๆ กันดีกว่านะ เดี๋ยวเกิดไม่เห็นใครรับใจเสียแย่เลย” นึกถึงตัวเองวันที่มาครั้งแรกคลาดกันกับกันต์ธรเธอเองก็ใจเสียเหมือนกันเพราะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
“ฟ้าเห็นด้วยนะคะใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย”
“ครับงั้นก็ไปกันเถอะ” วรพิชชาเดินขึ้นมาเดินคู่กับชายหนุ่มพลางกระซิบถามอย่างหมั่นไส้
“นี่! ทำไมไม่คุยกับน้องเขาเลยละอย่างนี้มันก็ไม่ไปถึงหนละซิ!” เธอเหน็บเอาอย่างหมั่นไส้ ทีอยู่กับเธอมารำพึงรำพันกับเธอว่าอยากให้ความรักก้าวหน้าแต่ไม่เคยเห็นทำอะไรที่มันทำให้เขารู้เสียทีว่ามีใจให้เขา คอยดูเถอะเกิดวันใดมีคนมากว้าไปก่อนจะพูดไม่ออก
“ไม่กล้า..” บอกออกมาอย่างไม่อาย กานต์ธิดาได้แต่มองทั้งสองอย่างปวดใจ เมื่อไหร่ที่เธอจะได้เดินเคียงคู่กับเขาอย่างนั้นบ้าง ไม่ใช่แค่มองอยู่อย่างนี้ คุณฟ้า! มาเดินด้วยกันซิคะ” วรพิชชาหันมาเรียกให้เธอขึ้นมาเดินด้วยกันและจัดแจงให้เดินอีกฝั่งกับกันต์ธรเสียอย่างนั้น เมื่อมาถึงที่รถที่มีตนขับรถรออยู่ที่จอดรถวรพิชชาก็ขอนั่งหน้าคู่กับคนขับแล้วให้ทั้งสองนั่งอยู่เบาะหลังกันสองคน
“พิชขอนั่งหน้ากับลุงสมนะคะคุณฟ้านั่งกับกันต์ไปละกัน” บอกย่างขี้เล่น กันต์ธรมองเพื่อนสาวอย่างรู้เท่าทันว่าเอพยายามให้เขาได้ใกล้ชิดหญิงสาวอีกคนที่เขามีใจให้มากยิ่งขึ้น
“แต่ว่าคุณพิชคะ....” กานต์ธิดาบอกอย่างกังวลเกรงว่าชายหนุ่มจะไม่พอใจรึเปล่า
“ถ้าคุณฟ้ารังเกียจผมนั่งหน้าก็ได้ครับ” เขาบอกอย่างน้อยใจเดินจะไปนั่งที่หน้ารถ กานต์ธิดาคว้าแขนผู้ใหญ่ขี้งอนเอาไว้อย่างเร็ว
“เดี่ยวค่ะนั่งกับฟ้าก็ได้ นะคะ” บอเขาสีหน้าแหยๆ อย่างกลัวว่าเขาจะโกรธเธอเข้าจริงๆ แต่ที่เอไม่รู้คือชายหนุ่มแอบลอบยิ้มอย่างสมใจเมื่อเธอคว้าเขาเอา
“ไม่รังเกียจเหรอครับที่จะนั่งข้างผมน่ะ” เหลือบมองมือที่จับแขนเขาอยู่อย่างว่างเปล่า
"ไม่...รังเกียจค่ะ กลัวแต่ว่าคุณมากว่าที่จะไม่อยากนั่งข้างๆ ฟ้าน่ะ” เธอบอกเสียงน้อยใจ ที่เขาทำท่าเย็นชาใส่เธอแบบนี้
“งั้นก็ขึ้นรถเถอะครับ” บอกเสียงไร้อารมณ์ วรพิชชากลั้นหัวเราขลุกขลักเมื่อเห็นกิริยาที่ชายหนุ่มแสดงออกมา โ
โธ่เอ้ย! ทำเป็นเก๊กดีใจแทบตายตาบ้าเอ้ย อยากให้เขารู้ว่ารักว่าชอบแทนที่จะแสดงออกไปให้รู้กันไปเลย ชยันต์ รุ่งรวิน สาริกาเดินออกจากห้องผู้โดยสารขาออกมาที่รอ แต่ยังไม่เห็นคนที่บอกว่าจะมารับเลย แม้จะมองหาเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอ
“ยอร์ช! แกช่วยฉันมองหานหน่อยซิ เขาบอกว่าจะมารับเราน่ะ” ที่รักว่าเพื่อนเบาๆ ที่มัวแต่กินขนมอยู่โดยไม่สนใจช่วยเอและสาลิกามองหาแม้แต่นิดเดียว
“แกจะกังวลทำไมวะ? เดี๋ยวเขาก็มารับเองละ ถึงมองหาไปแกไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนที่มารับเราอยู่แล้ว”
“ช่วยไม่ได้นี่นาก็ฉันไม่เคยมานี่ มันก็ต้องตื่นเต้นกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” ที่รักบอกอย่างไม่อายเธอไม่ค่อยไปไหนโดยไม่มีพ่อกับแม่มากนักนอกจากไปต่างประเทศแล้วไปหาพี่สาวเท่านั้น ไม่งั้นท่านไม่ยอม
“ว่าแต่...ใช่สามคนที่กำลังเดินมาอยู่รึเปล่าน่ะ?” ชยันต์มองเห็นสามคนเดินมาเหมือนมองหาใครอยู่
“ไม่รู้ ฉันยังไม่รู้เลยว่าใครที่จะเป็นคนมารับเคยคุยด้วยแต่ไม่เคยเห็นหน้า”
“งั้นเราก็เข้าไปถามดีกว่านะ”
“ขอโทษค่ะมารับใครรึเปล่าครับ” ชยันต์เดินเข้าไปถามทันที
“เอ่อ ครับเรามารับเด็กฝึกงานครับ” กันต์ธรเป้ฯคนตอบคำถาม
“คุณเป็นเจ้าหน้าที่จากเกาะสุดที่รักรึเปล่าครับ?”
“อ๋อครับเราเป็นคนของที่นั่น?”
“พวกเราเป็นเด็กฝึกงานที่จะมาวันนี้ครับ” บอกอย่างยินดีเมื่อเจอกับคนที่จะมารับเสียที
“งั้นเราก็ไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะค่ำไปกว่านี้เสียก่อน”
“ครับ/ค่ะ/ค่ะ” ทั้งสามคนตอบอย่างพร้อมเพรียง เดินตามหลังทั้งสามคนไปอย่างดีใจ
“ว่าแต่ใครชื่ออะไรกันบ้างละ” ถามเมื่ออยู่ในรถตู้กันครบแล้ว
“ผมชื่อยอร์ชครับ ส่วนยัยตัวเล็กน่ะชื่อที่รักครับ และคนที่สวยๆ ชื่อริกาครับเราสามคนเป็นเพื่อนกัน พวกพี่ละครับ?” สองสามทำความเตคารพทั้งสามคนอย่างอ่อนน้อม
“พี่ชื่อกันต์ คนที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับน่ะว่าพิช ส่วนคนที่นั่งข้างๆ พี่ชื่อพี่ฟ้าเป้ฯน้อสาวท่านเจ้าของเกาะ”
“โห...สวยจังครับ”
“เอ่อ..คุณพิช..เราเคยเจอกกันมาก่อนรึเปล่าคะ” ที่รักถามอย่างเกรงใจเพราะเธอรู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวเป็นอย่างมาก แม่ไม่มั่นใจว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า
“เรียกว่าพี่พิชชี่ก็ได้จ๊ะอะไรกันไม่เจอกันไม่กี่ปีจำหน้าพี่ไม่ได้เหรอ?” เธอหันมาบอกยิ้มๆ เธอจำหน้าเด็กสาวได้ตั้งแต่ที่เห็นหน้าแล้วและยิ่งได้ยินชื่อยิ่งมั่นใจว่าเด็กสาวเป็นญาติกับเพื่อนของเธอแน่ๆ
“พี่พิชชี่!!!” เธอเรียกอย่างตกใจ
“ไม่น่าเชื่อเป็นพี่จริงๆ ด้วย!”
“ทำไมละครับ?” กันต์ธรถามอย่างสงสัยว่าคนที่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีจะจำหันไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
“จะให้จำได้ยังไงละคะพี่เขาเล่นเปลี่ยนลุกส์ซะขนาดนั้น” มองที่การแต่งตัวที่ดูไม่เหมือนเดิม
“เมื่อก่อนพี่พิชเขาเป็นยังไงเหรอ” กานต์ธิดาถามอย่างนึกสนุกและอยากรู้ว่าเมื่อก่อนเอแต่งตัวแบบไหน
“อือ..พี่เขาแต่งตัวสวยและหรู แต่งหน้าอ่อนๆ เป็นคนที่เก๋มากค่ะ ผิดกับตอนนี้สุดๆ เลย” ดูการแต่งกายเธอตอนนี้มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้ารูปเท่านั้นกับกางเกงยีนส์สีซีดที่ดูเก่าๆ
“บอกตรงๆ รู้จักกับพี่เขามาเพิ่งเคยเห็นลุกส์แบบนี้ละค่ะ” “พิชคราวหน้าคุณต้องแต่งตัวแบบที่น้องเขาว่าให้เราดูบ้างแล้วละ ฮึ ฮึ” เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอแต่งแบบนั้นแล้วจะเป็นยังไงตอลดเวลาที่เธออยู่ที่นี่เขาเห็นแบบนี้จนชินตา
“สวยสุดๆ เลยละค่ะ”
“ช่างเถอะน่าอย่าสนเลย เอาไว้วันไหนว่างๆ จะแต่งให้ดูละกัน” บออกออย่างเบื่อๆ เดี๋ยวเถอะวันไหนฉันเกิดเฮี้ยนขึ้นมาจริงๆ นายนั่นละจะหนาว
“ฟ้าชักอยากเห็นแล้วซิคะ”
“เอาไวมีโอกาสละกันนะคะ”
“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าซิคะวันเกิดพี่ฟ้าพอดีเลยแต่งวันนั้นก็ได้ค่ะ”
“...ว่าแต่ฮันนี่ยัยเคทเป็นไงมั่งพี่ไม่ได้ติดต่อมันเลย”
“อ๋อ..ตอนนี้กำลังอินเลิฟค่ะเห็นพ่อกับแม่บอกว่าว่ากำลังจะแต่งงาน”
“เหรอ? กับใคร?” “กับคุณอรรณพค่ะ พี่พิชชี่รู้มั้ยคะว่าเขาหล่อมั่กๆ เลยค่ะเห็นแล้วใจละลายเลยทีเดียว” บอกตาพราวทีเดียวเมื่อเธอเคยเห็นคู่หมั้นของญาติผู้พี่ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเธอไมรู้ว่าชายนุ่มเป็นอะไรกับแคที เธอได้ยินจากพ่อกับแม่เอบอกเท่านั้นว่าสองคนนี้กำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า
“อ้าว?...คืนดีกันเมื่อไหร่เนี่ยอย่างนั้นต้องตามข่าวกันหน่อละ”
“พี่พิชชี่รู้จักเหรอคะ?”
“รู้จักตั้งนานแล้วละ”
“คุณฟ้าหิวมั้ยครับ?” ถามอย่าเป็นห่วงเห็นว่านี่ค่ำมากแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะเรารีบกลับไปที่เกาะกันดีกว่า ป้าสดเตรียมอาหารไว้แล้วละค่ะ” เธอบอกเขาเสียงหวาน มองเขาอย่างแสนรักอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้เธอรู้ว่าใครเห็นเธอก็ต้องรู้ว่าเธอคิดอะไรกับเขา แต่ตัวเขาเองจะรู้หรือไม่นั่นก็สุดจะเดาได้ เพราะเขาตีหน้าเฉยเสียเหลือกน กันต์ธรถึงกับใจเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่ถูกส่งมาให้จากหญิงสาวที่เขาแอบรักมานาน ถ้าเขาไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปก็ต้องรู้ว่าเธอคิดยังไงกับเขา แต่เขาอยากได้ยินหรือฟังจากปากเธอมากกว่าไม่อยากจะคาดเดาอะไรเอาเองอย่างนี้
วรพิชชามองไปที่กระจกหลังแล้วเห็นสองหนุ่มสาวที่กำลังสร้างโลกส่วนตัวอยู่ที่ด้านหลังนั้นอย่างลุ้นๆ ว่าเมื่อไหร่จะลงเอยได้เสียที ทั้งหกคนนั่งเรือกลับมาด้วยความรู้สึกที่ต่างกันไปเด็กฝึกงานทั้งสามคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นเกาะที่พากันตกลงใจเพราะชอบชื่อที่ตั้งเป็นชื่อเกาะและชอบด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนสองหนุ่มสาวต่างตกอยู่ในพะวงของตัวเองว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเผยความในใจเขาตนให้อีกฝ่ายรับรู้ได้เสียที เป็นอยู่อย่างนี้อึดอัดเป็นบ้าเลย
“เอาละครับถึงแล้วลงระวังๆ หน่อยนะครับ” ชยันต์ลงไปก่อนที่ท่าเทียบเรือที่ยื่นออกมาในทะเละและยาวถึงตัวเรือนใหญ่ที่เป็นสัดส่วน เพราะถ้าจะเข้าฝั่งรีสอร์ทต้องอ้อมไปอีกฝั่งยื่นมือรับกานต์ธิดาที่ยืนอยู่หลงให้ลงอย่างอ่อนโยน
“ว้าย!!!” กานต์ธิดาสะดุดเท้าตัวเองล้มแต่ชายหนุ่มรับเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่าคับคุณฟ้า” ชายหนุ่มรับตัวหญิงสาวที่ทำว่าจะล้มลง
“มะ!...ไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเขาเขินๆ เมื่อตัวเองทำเรื่องหน้าอาย
“โอ้ย! อิจฉาเป็นบ้า! อยากให้มีคนมามองเราตาหวานแบบนี้บ้างจัง” วรพิชชาล้อขึ้นมาเสียงดังทั้งที่เอยืนอยู่หลังสุด “สงสัยจากน้ำทะเลเค็มๆ จะกลายเป็นทะเลหวานละมั้ง”
“พูดมากน่า” “เอ้าเด็กๆ ขึ้นมาได้แล้วครับยอร์ชไปนอนกับพี่ที่เรือนทางซ้ายนะ ส่วนสาวๆ นอนกับพี่พิชเขานะ”
“เดี่ยวพิชพาเด็กๆ เอาของไปเก็บแล้วก็อาบน้ำก่อนนะให้ป้าสดแกเตรียมอาหารไว้เลยนะหิวจะตายอยู่แล้ว”
“ได้ค่ะงั้นฟ้าขอตัวก่อนนะคะ” เธอเดินขึ้นเรือนใหญ่ไปทันทีอย่างเขินอายที่โดนรุ่นพี่สาวล้อเลียนอย่างนั้น
“เอา..มองเขาตะละห้อยอยู่นั่นละ เข้าบ้านไปเถอะเด็กมันอยากอาบน้ำกันแล้ว”
“คอยดูละถึงทีผมบ้างละกัน”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น