ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 22
ตอนที่ 22
“ทะ...ทั้งสองคน...มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” เธอถามทันทีเมื่ออยู่กันลำพัง
“พี่มากกว่าที่ต้องถามนะอิ่มมาทำอะไรที่นี่ถามใครก็ไม่มีใครยอมบอกเราน่ะ มันก็ต้องหาวิธีกันบ้างซิ” มนต์ธัชตอบเสียงเบาพอกัน
“เอ้า!...ไม่มีใครบอกรึไงว่าอิ่มต้องออกมาอยู่คนเดียวน่ะ”
“เปล่า มีแต่บอกว่าเดี๋ยวอิ่มก็กลับเอง แต่พวกเราเป็นห่วงก็เลยต้องลองสืบดูน่ะซิ” มนต์ธรบอกน้องสาวคนเล็กอย่างอาธรณ์
“มิน่าละ...แต่พี่ธรนี่เก่งนะรู้ว่าอิ่มจะมาที่นี่ด้วย” มองหน้าพี่ชายยิ้มๆ
“ไม่ได้หรอก พี่สองคนอยากเจออิ่มนี่นาแล้วก็อยากจะรู้ด้วยว่าอิ่มออกจากบ้านาทำไมน่ะ”
“ก็พ่อกับแม่แล้วก็ลุงเบียร์ให้ออกมาอยู่คนเดียวน่ะซิ...ตั้งสองปี”
“ฮ้า!สองปีเชียวเหรอ!?” มนต์ธัชอุทานอย่างตกใจไม่คิดว่าพ่อจะทำอย่างนี้
“แต่ท่านก็เป็นห่วงส่งรถมาให้นะ เห็นว่าอิ่มไม่ยอมซื้อรถนะซิ” เธอบอกขำๆ ตอนที่เห็นรถจอดอยู่ที่คอนโดฯ แล้วพนักงานมาบอกว่าเป็นของเธอ ทั้งที่เธอไม่ได้ร้องขอซักนิดเดียว
“แล้วอิ่มอยู่ยังไง?”
“ก็ลุงเบียร์ให้อยู่ที่คอนโดฯ น่ะ แล้วนะ...ไม่ให้ใช่เงินตัวเองซักกะบาทโดนยึดไปหมดเลย” บ่นอุบทีเดียว บัตรเครดิตและบัญชีทุกอย่างโดนหมด เฮ้อ...เซ็ง
“เห็นแล้วเพราะว่าอยู่ที่บ้านทั้งหมดน่ะ” มนต์ธรบอกหน่ายๆ
“แล้วสบายดีมั้ย?” มนต์ธัชถามอย่างห่วงใย
“ก็เรื่อยๆ น่ะค่ะ ตามอัตภาพ”
“แล้วเรื่องหนุ่มละ?”
“ไม่มีนี่ อิ่มไม่เห็นมีใครมาจีบเลย สงสัยคงไร้เสน่ห์สุดๆ”
“ไม่ใช่ พี่ไม่ได้หมายถึงผู้ชายคนอื่น...คุณจินน่ะ” มนต์ธัชบอกอย่างอดไม่ได้
“อ้อ....คุณจินก็ไม่มีอะไรนี่นา เขาก็เป็นเจ้านายแค่นั้นนี่ไม่มีอะไร”
“มีเจ้านายที่ไหนยัยอิ่มที่ตามลูกน้องต้อยๆ อย่างนี้น่ะ” มนต์ธัชสวนกลับทันควัน เมื่อเห็นหน้าตาใสซื่อของน้องสาวอย่างนี้
“ก็จริงๆ นี่นาไม่เห็นเขาพูดอะไรเลยอิ่มจะไปพูดว่าเขาสนใจหรือจีบอิ่มก็ไม่ได้นะ เกิดเขารู้แล้วไม่พอใจขึ้นมาอิ่มเสียหายนา...”
“งั้นถ้าเขาพูดละจะทำยังไง?” มนต์ธรถามอย่างสงสัยเพราะเขายังเห็นว่าน้องสาวยังเด็กอยู่ แค่ 26ปีเท่านั้น
“ไม่ทำไง...ก็แค่รอดูกันไปก่อน” ยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“ว่าแต่พ่อกับแม่รู้เรื่องเขามั้ย?” มนต์ธัชยังไม่ยอมเลิกรา
“โธ่! พี่ธัชถามออกมาได้มีเรื่องอะไรที่พ่อจะไม่รู้ถ้าพ่อรู้แม่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว”
“ว่าแต่มีอะไรให้พี่สองคนช่วยมั้ย?”
“ไม่มีอะไรน่าหนักใจหรอกค่ะอิ่มเอาตัวรอดได้อยู่ ที่ทำอยู่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรแค่เวลาที่ต้องใช้เงินทำอะไรอิ่มต้องคิดให้หนักเท่านั้นเอง”
“เหรอ...งั้นพี่ก็หายห่วงหน่อยกลัวว่าอิ่มจะลำบากรึเปล่า”
“อย่างอิ่มเขาเรียกว่าสบายนะพี่ธร พี่ธัชบางคนเขาลำบากกว่าเราเยอะ ไหนจะค่าบ้านค่างวดรถ โอ้ย...จิปาถะเลยค่ะ”
“มันก็ใช่ แต่อิ่มไม่เคยลำบากนี่นา”
“พี่ธร....อย่าคิดอย่างนั้นซิคะตอนที่อยู่กับอาเคทอิ่มก็ลำบากนะ” บอกอย่างไม่เห็นด้วยกับพี่ชาย
“มันไม่เหมือนกัน อยู่ที่โน่นอาเคทอยู่ด้วยแล้วเราก็รู้จักกับทุกกคนนะ แต่นี่อะไรออกมาอยู่คนเดียวไม่มีใครคอยดูแลเกิดเป็นอะไรละ?
“อย่าตีตนไปก่อนไข้ซิคะ วิชชี่เพื่อนอิ่มเขาก็อยู่นะพี่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
วิชญาดาเดินกลับมาพร้อมกับจิณณ์วัตรที่เดินตามไปช่วยถือเครื่องดื่มออกมาที่ระเบียงที่นั่งยู่กัน ทั้งคู่มองสามคนที่นั่งคุยกันอยู่ท่าทางเหมือนกันเครียดๆ กันอยู่ไม่น้อย
“คุยอะไรกันอยู่คะ?” วิชญาดาส่งเสียงถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับเราสองคนแค่คุ้นหน้าคุณอิ่มเธอเท่านั้นเอง”
“เอ๋? รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ?” วิชญาดาถามอย่างสงสัย
“ก็..ครับตอนที่เรียนเราเป็นรุ่นพี่ของคุณอิ่มน่ะครับ” มนต์ธรตอบ
“ว้าว! ไม่เคยเห็นบอกเลยอิ่มว่ามีรุ่นพี่หล่อขนาดนี้” เข้าไปนั่งข้างๆ มนริยาพลางถามอย่างตื่นเต้น
“ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนี่นา พอเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกกันแล้ว ก็เลยไม่อยากพูดนะเดี๋ยวเขาจะว่าแอบอ้างอะไรพวกนี้ไป”
“เราสงคนยังว่าให้อิ่มเขาเลยครับว่าใจดำไม่ยอมติดต่อเลย เปลี่ยนเบอร์ก็ไม่ยอมบอกเพื่อนคนไหนแม้แต่คนเดียวซักคน”
“แกนี่ใจดำจริงๆ นั้นละ” พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เอ้า..มาว่าฉันได้ยังไงก็เบอร์เก่ามันหายไปพร้อมโทรศัพท์แกจะให้ฉันไปเอาเบอร์ที่ไหนมาละ?”
“เขาเรียกเบอร์จากซิมที่หายได้นะแก”
“มันตั้งนานแล้วนี่นา”
“อิ่มทำงานที่นี่นานแล้วเหรอ?”
“ก็หลายเดือนแล้วละค่ะ พี่สองคนละคะมาที่นี่...ว่างเหรอคะ?”
“ก็พอดีว่าช่วยนี้ไม่ค่อยจะยุ่งนักก็เลยแวะมาเที่ยวหน่อยผ่อนคลายน่ะ”
“เหรอคะ....”
“อิ่มเรียนจบแล้วทำไมไม่ไปทำงานกับพี่ละ?” มนต์ธัชถามน้องสาวแต่สายตาจบจ้องอยู่ที่จิณณ์วัตรที่ดูเงียบขึ้นทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ
“ไม่เอาหรอกค่ะ สาวๆ พวกพี่เยอะจะตายขืนเข้าไปหามีหวังโดนเขี่ยออกไปจากบริษัทตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้ามั้งแล้วก็...อิ่มไม่อยากใช้เส้นน่ะมันไม่ภูมิใจ”
“เป็นงั้นไป ว่าแต่พี่ขอเบอร์หน่อยซิ ถ้ากลับไปแล้วจะได้โทรหาอิ่มด้วย”
“ได้ซิคะ” เธอหยิบนามบัตรของตัวเองให้เขาและทั้งสองคนก็หยิบของตัวเองเหมือนกันก่อนจะยื่นให้ทั้งสามคน “หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ” จิณณ์วัตรรับคำเสียงเรียบ
“อิ่มใส่เสื้ออีกตัวหน่อยดีกว่านะน้ำค้างแรงแล้ว” จิณณ์วัตรบอกมนปริยาอย่างห่วงใยชุดที่เธอสวมอยู่นั้นค่อนขางบางอยู่ซักหน่อย น่ากลัวว่าเธอจะไม่สบาย
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับเสื้อมาจากจิณณ์วัตร มองเขาอย่างขอบคุณ
“คุณวิชชี่นี่เก่งนะครับเป็นเพื่อนกับอิ่มเขาได้เนี่ย” มนต์ธัชหันมาสนใจเพื่อนน้องสาวแทน
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ อิ่มเขาน่ารักออกค่ะ แม้บางทีจะร้ายๆ ไปซักหน่อย” เธอพูดติดตลก
“ไม่ซักหน่อยะละครับ อิ่มร้ายกาจมากๆ เชียว”
“ค่ะ ยิ่งเรื่องขับรถนะคะวิชชี่ขอบายเลยละค่ะ ไปด้วยกันวิชชี่ต้องขับเองตลอดเพราะไม่กล้าให้อิ่มเขาขับให้...จริงซิคะ!...คุณสองคนรู้จักอิ่มมานานรู้จักพี่ชายอิ่มมั้ยคะ เห็นบอกว่าเป็นคนหัดให้ขับรถ”
“ก็ครับรู้จักดีเชียวละ”
“เป็นคนยังไงเหรอคะถึงกล้าให้น้องสาวขับรถอย่างนั้นได้น่ะค่ะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับก็มีน้องสาวอย่างอิ่มก็ต้องยอมเป็นธรรมดา ให้หัดขับอยู่ในสายตาดีกว่าให้ไปหัดเองนะครับ” มนต์ธัชบอกตามที่รู้สึกก็เพราะเขาเป็นห่วงนี่ละ ถึงต้องหัดให้ขับรถเอง
“อิ่มเขาเคยขับรถให้นั่งเหรอครับ?” ก็น้องสาวขาไม่ยอมขับให้ใครนั่งเลยนี่นา
“อ๋อ...ค่ะพอดีว่าวิชชี่ไม่ค่อยจะสบายน่ะค่ะอิ่มก็เลยขับให้ แทบหายป่วยเชียวละค่ะ”
“เป็นไงครับขาสั่นเลยมั้ย?”
“ไม่สั่นอย่างเดียวค่ะแทบยืนไม่อยู่เลย เขาขับรถน่ากลัวมากๆ เลยค่ะ”
“แปลกนะคะพี่ธรไม่เห็นพี่ธัชคุยกับสาวๆ อย่างนี้ซักที” มนปริยาถามมนต์ธรอย่างสงสัยก็พี่ชายเธอไม่เคยให้สาวๆ เห็นมุมนี้ซักเท่าไหร่มีแต่แสดงออกอย่างเย็นชาเท่านั้น แต่ก็มีหลายคนที่ชอบวิ่งเข้ามาหาอย่างไม่กลัวไฟอย่างมนต์ธัชแม้แต่นิดเดียว
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นละธัชดู.....”
“สบาย”
“ใช่...เห็นด้วยอย่างยิ่ง อาจจะเพราะเขาเห็นว่าวิชชี่เป็นเพื่อนอิ่มมั้ง”
“ไม่หรอกเพื่อนอิ่มกี่คนแล้วละที่เจออย่างที่สาวๆ คนอื่นเจอมาน่ะ” ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเต็มที่กับที่มนต์ธรบอก
“มันก็ใช่ รายนี้เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรไงเลยคุยได้”
“นั่นซินะ...”
“อิ่มดูจะสนิทกับทั้งสองคนมากเลยนะ?” จิณณ์วัตรอดที่จะถามไม่ได้
“ก็...ค่ะพี่เขาคุยสนุกดีแล้วก็ใจป้ำด้วย อิ่มกินฟรีประจำเลย” เธอหันมาบอกเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่คิดอะไรมากกับคำถามเรียบๆ ของจิณณ์วัตร
“พี่เขาจีบอิ่มเหรอ?” อดที่จะถามอย่างสงสัยไม่ได้
“เปล่าค่ะ!!! สองคนนี้ไม่มีทางจีบอิ่มได้หรอกค่ะ” ยกมือปฏิเสธเป็นพัลวัล เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า
“แหม...พี่เสียใจนะอิ่มปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้นน่ะ” มนต์ธรทำเสียงเหมือนน้อยใจหญิงสาว
“อย่าเลยพี่ธร เห็นแล้วขนลุกน่า” มองเขาอย่างรู้ทัน
“ไม่คิดว่าพี่สองคนอาจจะไปจีบอิ่มบ้างเหรอ?” มนตธัชแกล้งยั่วชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่อีกฝั่งของเขา
“ไม่...” มองหน้าพี่ชายตาขวาง
“ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง อย่าทำเป็นโกรธน่า” บอกออกมาอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นสายตาของน้องสาวเข้าดูท่าเขาจะเล่นเกินไปหน่อย
“ว่าแต่จะอยู่กันนานมั้ยว่าจะชวนเที่ยวเสียหน่อย”
“คงกลับพรุ่งนี้ครับ พอดีว่าวันจันทร์มีงานน่ะครับ”
“ว้า...เสียดายจัง งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวก่อนกลับกันดีมั้ยครับ?” มนต์ธัชเอ่ยชวนทั้งสามคน
“ไม่ดีกว่านะคะ” มนปริยาปฏิเสธเสียงเรียบ
“เห...ยัยอิ่มแกอย่าใจดำนัก พี่เชื้อนานๆ เจอที ไปเที่ยวแค่นี้เอง” มนต์ธรสวนทันทีเมื่อน้องสาวดูท่าว่าจะรู้ทันพวกเขา
“นั่นซิอิ่มไปเที่ยวเถอะ” วิชญาดาเอ่ยออกมาอย่างเห็นด้วย
“แกอยากไปเหรอ สองคนนี้มันเสือผู้หญิงชัดๆ นะ” บอกเพื่อนเสียงเย็น
“ไม่เห็นเป็นไรนี่นาเราแค่เป็นเพื่อนกันนะ แล้วแกก็รู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนเป็นยังไง” บอกอย่างไม่เห็นด้วยก็แค่เที่ยวกันเท่านั้นเองจะคิดอะไรมากมาย
“อย่ามาโอดครวญทีหลังละกัน”
“เอาเป็นว่าไปนะ” มนต์ธรรวบรัดกลัวน้องสาวเปลี่ยนใจทีหลัง
“ตามใจเถอะ...คุณจินละคะ?” หันไปทางจิณณ์วัตร
“ผมยังไงก็ได้ครับอิ่มไปผมก็ไปอยู่แล้ว”
“งั้นเอาเป็นว่าตอนเช้าเจอกันแล้วกันนะพี่ธร พี่ธัชนี่ก็ดึกแล้วกลับเถอะอิ่มง่วงแล้ว” ไล่พี่ชายทั้งสองคนดื้อๆ เสียอย่างนั้น ไม่งั้นทั้งสองคนคงยังโอ้เอ้ไม่ยอมไปนอนเสียที
“ไอ้นี่...งั้นเราสองคนลับก่อนนะครับคุณจิน คุณวิชชี่” มนต์ธัชเอ่ยลา
“ครับเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“เราก็เข้านอนกันเถอะค่ะเดี๋ยวไม่มีแรงเที่ยว”
“งั้นอิ่มกับคุณวิชชี่ไปนอนก่อนเถอะเดี๋ยวผมตามไป” ไล่ให้สองสาวเข้าไปก่อนเพราะที่นี่อากาศเริ่มที่จะเย็นลงแล้ว เขาไม่อยากให้สองสาวไม่สบายไป
“ทะ...ทั้งสองคน...มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” เธอถามทันทีเมื่ออยู่กันลำพัง
“พี่มากกว่าที่ต้องถามนะอิ่มมาทำอะไรที่นี่ถามใครก็ไม่มีใครยอมบอกเราน่ะ มันก็ต้องหาวิธีกันบ้างซิ” มนต์ธัชตอบเสียงเบาพอกัน
“เอ้า!...ไม่มีใครบอกรึไงว่าอิ่มต้องออกมาอยู่คนเดียวน่ะ”
“เปล่า มีแต่บอกว่าเดี๋ยวอิ่มก็กลับเอง แต่พวกเราเป็นห่วงก็เลยต้องลองสืบดูน่ะซิ” มนต์ธรบอกน้องสาวคนเล็กอย่างอาธรณ์
“มิน่าละ...แต่พี่ธรนี่เก่งนะรู้ว่าอิ่มจะมาที่นี่ด้วย” มองหน้าพี่ชายยิ้มๆ
“ไม่ได้หรอก พี่สองคนอยากเจออิ่มนี่นาแล้วก็อยากจะรู้ด้วยว่าอิ่มออกจากบ้านาทำไมน่ะ”
“ก็พ่อกับแม่แล้วก็ลุงเบียร์ให้ออกมาอยู่คนเดียวน่ะซิ...ตั้งสองปี”
“ฮ้า!สองปีเชียวเหรอ!?” มนต์ธัชอุทานอย่างตกใจไม่คิดว่าพ่อจะทำอย่างนี้
“แต่ท่านก็เป็นห่วงส่งรถมาให้นะ เห็นว่าอิ่มไม่ยอมซื้อรถนะซิ” เธอบอกขำๆ ตอนที่เห็นรถจอดอยู่ที่คอนโดฯ แล้วพนักงานมาบอกว่าเป็นของเธอ ทั้งที่เธอไม่ได้ร้องขอซักนิดเดียว
“แล้วอิ่มอยู่ยังไง?”
“ก็ลุงเบียร์ให้อยู่ที่คอนโดฯ น่ะ แล้วนะ...ไม่ให้ใช่เงินตัวเองซักกะบาทโดนยึดไปหมดเลย” บ่นอุบทีเดียว บัตรเครดิตและบัญชีทุกอย่างโดนหมด เฮ้อ...เซ็ง
“เห็นแล้วเพราะว่าอยู่ที่บ้านทั้งหมดน่ะ” มนต์ธรบอกหน่ายๆ
“แล้วสบายดีมั้ย?” มนต์ธัชถามอย่างห่วงใย
“ก็เรื่อยๆ น่ะค่ะ ตามอัตภาพ”
“แล้วเรื่องหนุ่มละ?”
“ไม่มีนี่ อิ่มไม่เห็นมีใครมาจีบเลย สงสัยคงไร้เสน่ห์สุดๆ”
“ไม่ใช่ พี่ไม่ได้หมายถึงผู้ชายคนอื่น...คุณจินน่ะ” มนต์ธัชบอกอย่างอดไม่ได้
“อ้อ....คุณจินก็ไม่มีอะไรนี่นา เขาก็เป็นเจ้านายแค่นั้นนี่ไม่มีอะไร”
“มีเจ้านายที่ไหนยัยอิ่มที่ตามลูกน้องต้อยๆ อย่างนี้น่ะ” มนต์ธัชสวนกลับทันควัน เมื่อเห็นหน้าตาใสซื่อของน้องสาวอย่างนี้
“ก็จริงๆ นี่นาไม่เห็นเขาพูดอะไรเลยอิ่มจะไปพูดว่าเขาสนใจหรือจีบอิ่มก็ไม่ได้นะ เกิดเขารู้แล้วไม่พอใจขึ้นมาอิ่มเสียหายนา...”
“งั้นถ้าเขาพูดละจะทำยังไง?” มนต์ธรถามอย่างสงสัยเพราะเขายังเห็นว่าน้องสาวยังเด็กอยู่ แค่ 26ปีเท่านั้น
“ไม่ทำไง...ก็แค่รอดูกันไปก่อน” ยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“ว่าแต่พ่อกับแม่รู้เรื่องเขามั้ย?” มนต์ธัชยังไม่ยอมเลิกรา
“โธ่! พี่ธัชถามออกมาได้มีเรื่องอะไรที่พ่อจะไม่รู้ถ้าพ่อรู้แม่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว”
“ว่าแต่มีอะไรให้พี่สองคนช่วยมั้ย?”
“ไม่มีอะไรน่าหนักใจหรอกค่ะอิ่มเอาตัวรอดได้อยู่ ที่ทำอยู่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรแค่เวลาที่ต้องใช้เงินทำอะไรอิ่มต้องคิดให้หนักเท่านั้นเอง”
“เหรอ...งั้นพี่ก็หายห่วงหน่อยกลัวว่าอิ่มจะลำบากรึเปล่า”
“อย่างอิ่มเขาเรียกว่าสบายนะพี่ธร พี่ธัชบางคนเขาลำบากกว่าเราเยอะ ไหนจะค่าบ้านค่างวดรถ โอ้ย...จิปาถะเลยค่ะ”
“มันก็ใช่ แต่อิ่มไม่เคยลำบากนี่นา”
“พี่ธร....อย่าคิดอย่างนั้นซิคะตอนที่อยู่กับอาเคทอิ่มก็ลำบากนะ” บอกอย่างไม่เห็นด้วยกับพี่ชาย
“มันไม่เหมือนกัน อยู่ที่โน่นอาเคทอยู่ด้วยแล้วเราก็รู้จักกับทุกกคนนะ แต่นี่อะไรออกมาอยู่คนเดียวไม่มีใครคอยดูแลเกิดเป็นอะไรละ?
“อย่าตีตนไปก่อนไข้ซิคะ วิชชี่เพื่อนอิ่มเขาก็อยู่นะพี่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
วิชญาดาเดินกลับมาพร้อมกับจิณณ์วัตรที่เดินตามไปช่วยถือเครื่องดื่มออกมาที่ระเบียงที่นั่งยู่กัน ทั้งคู่มองสามคนที่นั่งคุยกันอยู่ท่าทางเหมือนกันเครียดๆ กันอยู่ไม่น้อย
“คุยอะไรกันอยู่คะ?” วิชญาดาส่งเสียงถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับเราสองคนแค่คุ้นหน้าคุณอิ่มเธอเท่านั้นเอง”
“เอ๋? รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ?” วิชญาดาถามอย่างสงสัย
“ก็..ครับตอนที่เรียนเราเป็นรุ่นพี่ของคุณอิ่มน่ะครับ” มนต์ธรตอบ
“ว้าว! ไม่เคยเห็นบอกเลยอิ่มว่ามีรุ่นพี่หล่อขนาดนี้” เข้าไปนั่งข้างๆ มนริยาพลางถามอย่างตื่นเต้น
“ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนี่นา พอเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกกันแล้ว ก็เลยไม่อยากพูดนะเดี๋ยวเขาจะว่าแอบอ้างอะไรพวกนี้ไป”
“เราสงคนยังว่าให้อิ่มเขาเลยครับว่าใจดำไม่ยอมติดต่อเลย เปลี่ยนเบอร์ก็ไม่ยอมบอกเพื่อนคนไหนแม้แต่คนเดียวซักคน”
“แกนี่ใจดำจริงๆ นั้นละ” พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เอ้า..มาว่าฉันได้ยังไงก็เบอร์เก่ามันหายไปพร้อมโทรศัพท์แกจะให้ฉันไปเอาเบอร์ที่ไหนมาละ?”
“เขาเรียกเบอร์จากซิมที่หายได้นะแก”
“มันตั้งนานแล้วนี่นา”
“อิ่มทำงานที่นี่นานแล้วเหรอ?”
“ก็หลายเดือนแล้วละค่ะ พี่สองคนละคะมาที่นี่...ว่างเหรอคะ?”
“ก็พอดีว่าช่วยนี้ไม่ค่อยจะยุ่งนักก็เลยแวะมาเที่ยวหน่อยผ่อนคลายน่ะ”
“เหรอคะ....”
“อิ่มเรียนจบแล้วทำไมไม่ไปทำงานกับพี่ละ?” มนต์ธัชถามน้องสาวแต่สายตาจบจ้องอยู่ที่จิณณ์วัตรที่ดูเงียบขึ้นทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ
“ไม่เอาหรอกค่ะ สาวๆ พวกพี่เยอะจะตายขืนเข้าไปหามีหวังโดนเขี่ยออกไปจากบริษัทตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้ามั้งแล้วก็...อิ่มไม่อยากใช้เส้นน่ะมันไม่ภูมิใจ”
“เป็นงั้นไป ว่าแต่พี่ขอเบอร์หน่อยซิ ถ้ากลับไปแล้วจะได้โทรหาอิ่มด้วย”
“ได้ซิคะ” เธอหยิบนามบัตรของตัวเองให้เขาและทั้งสองคนก็หยิบของตัวเองเหมือนกันก่อนจะยื่นให้ทั้งสามคน “หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ” จิณณ์วัตรรับคำเสียงเรียบ
“อิ่มใส่เสื้ออีกตัวหน่อยดีกว่านะน้ำค้างแรงแล้ว” จิณณ์วัตรบอกมนปริยาอย่างห่วงใยชุดที่เธอสวมอยู่นั้นค่อนขางบางอยู่ซักหน่อย น่ากลัวว่าเธอจะไม่สบาย
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับเสื้อมาจากจิณณ์วัตร มองเขาอย่างขอบคุณ
“คุณวิชชี่นี่เก่งนะครับเป็นเพื่อนกับอิ่มเขาได้เนี่ย” มนต์ธัชหันมาสนใจเพื่อนน้องสาวแทน
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ อิ่มเขาน่ารักออกค่ะ แม้บางทีจะร้ายๆ ไปซักหน่อย” เธอพูดติดตลก
“ไม่ซักหน่อยะละครับ อิ่มร้ายกาจมากๆ เชียว”
“ค่ะ ยิ่งเรื่องขับรถนะคะวิชชี่ขอบายเลยละค่ะ ไปด้วยกันวิชชี่ต้องขับเองตลอดเพราะไม่กล้าให้อิ่มเขาขับให้...จริงซิคะ!...คุณสองคนรู้จักอิ่มมานานรู้จักพี่ชายอิ่มมั้ยคะ เห็นบอกว่าเป็นคนหัดให้ขับรถ”
“ก็ครับรู้จักดีเชียวละ”
“เป็นคนยังไงเหรอคะถึงกล้าให้น้องสาวขับรถอย่างนั้นได้น่ะค่ะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับก็มีน้องสาวอย่างอิ่มก็ต้องยอมเป็นธรรมดา ให้หัดขับอยู่ในสายตาดีกว่าให้ไปหัดเองนะครับ” มนต์ธัชบอกตามที่รู้สึกก็เพราะเขาเป็นห่วงนี่ละ ถึงต้องหัดให้ขับรถเอง
“อิ่มเขาเคยขับรถให้นั่งเหรอครับ?” ก็น้องสาวขาไม่ยอมขับให้ใครนั่งเลยนี่นา
“อ๋อ...ค่ะพอดีว่าวิชชี่ไม่ค่อยจะสบายน่ะค่ะอิ่มก็เลยขับให้ แทบหายป่วยเชียวละค่ะ”
“เป็นไงครับขาสั่นเลยมั้ย?”
“ไม่สั่นอย่างเดียวค่ะแทบยืนไม่อยู่เลย เขาขับรถน่ากลัวมากๆ เลยค่ะ”
“แปลกนะคะพี่ธรไม่เห็นพี่ธัชคุยกับสาวๆ อย่างนี้ซักที” มนปริยาถามมนต์ธรอย่างสงสัยก็พี่ชายเธอไม่เคยให้สาวๆ เห็นมุมนี้ซักเท่าไหร่มีแต่แสดงออกอย่างเย็นชาเท่านั้น แต่ก็มีหลายคนที่ชอบวิ่งเข้ามาหาอย่างไม่กลัวไฟอย่างมนต์ธัชแม้แต่นิดเดียว
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นละธัชดู.....”
“สบาย”
“ใช่...เห็นด้วยอย่างยิ่ง อาจจะเพราะเขาเห็นว่าวิชชี่เป็นเพื่อนอิ่มมั้ง”
“ไม่หรอกเพื่อนอิ่มกี่คนแล้วละที่เจออย่างที่สาวๆ คนอื่นเจอมาน่ะ” ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเต็มที่กับที่มนต์ธรบอก
“มันก็ใช่ รายนี้เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรไงเลยคุยได้”
“นั่นซินะ...”
“อิ่มดูจะสนิทกับทั้งสองคนมากเลยนะ?” จิณณ์วัตรอดที่จะถามไม่ได้
“ก็...ค่ะพี่เขาคุยสนุกดีแล้วก็ใจป้ำด้วย อิ่มกินฟรีประจำเลย” เธอหันมาบอกเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่คิดอะไรมากกับคำถามเรียบๆ ของจิณณ์วัตร
“พี่เขาจีบอิ่มเหรอ?” อดที่จะถามอย่างสงสัยไม่ได้
“เปล่าค่ะ!!! สองคนนี้ไม่มีทางจีบอิ่มได้หรอกค่ะ” ยกมือปฏิเสธเป็นพัลวัล เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า
“แหม...พี่เสียใจนะอิ่มปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้นน่ะ” มนต์ธรทำเสียงเหมือนน้อยใจหญิงสาว
“อย่าเลยพี่ธร เห็นแล้วขนลุกน่า” มองเขาอย่างรู้ทัน
“ไม่คิดว่าพี่สองคนอาจจะไปจีบอิ่มบ้างเหรอ?” มนตธัชแกล้งยั่วชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่อีกฝั่งของเขา
“ไม่...” มองหน้าพี่ชายตาขวาง
“ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง อย่าทำเป็นโกรธน่า” บอกออกมาอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นสายตาของน้องสาวเข้าดูท่าเขาจะเล่นเกินไปหน่อย
“ว่าแต่จะอยู่กันนานมั้ยว่าจะชวนเที่ยวเสียหน่อย”
“คงกลับพรุ่งนี้ครับ พอดีว่าวันจันทร์มีงานน่ะครับ”
“ว้า...เสียดายจัง งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวก่อนกลับกันดีมั้ยครับ?” มนต์ธัชเอ่ยชวนทั้งสามคน
“ไม่ดีกว่านะคะ” มนปริยาปฏิเสธเสียงเรียบ
“เห...ยัยอิ่มแกอย่าใจดำนัก พี่เชื้อนานๆ เจอที ไปเที่ยวแค่นี้เอง” มนต์ธรสวนทันทีเมื่อน้องสาวดูท่าว่าจะรู้ทันพวกเขา
“นั่นซิอิ่มไปเที่ยวเถอะ” วิชญาดาเอ่ยออกมาอย่างเห็นด้วย
“แกอยากไปเหรอ สองคนนี้มันเสือผู้หญิงชัดๆ นะ” บอกเพื่อนเสียงเย็น
“ไม่เห็นเป็นไรนี่นาเราแค่เป็นเพื่อนกันนะ แล้วแกก็รู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนเป็นยังไง” บอกอย่างไม่เห็นด้วยก็แค่เที่ยวกันเท่านั้นเองจะคิดอะไรมากมาย
“อย่ามาโอดครวญทีหลังละกัน”
“เอาเป็นว่าไปนะ” มนต์ธรรวบรัดกลัวน้องสาวเปลี่ยนใจทีหลัง
“ตามใจเถอะ...คุณจินละคะ?” หันไปทางจิณณ์วัตร
“ผมยังไงก็ได้ครับอิ่มไปผมก็ไปอยู่แล้ว”
“งั้นเอาเป็นว่าตอนเช้าเจอกันแล้วกันนะพี่ธร พี่ธัชนี่ก็ดึกแล้วกลับเถอะอิ่มง่วงแล้ว” ไล่พี่ชายทั้งสองคนดื้อๆ เสียอย่างนั้น ไม่งั้นทั้งสองคนคงยังโอ้เอ้ไม่ยอมไปนอนเสียที
“ไอ้นี่...งั้นเราสองคนลับก่อนนะครับคุณจิน คุณวิชชี่” มนต์ธัชเอ่ยลา
“ครับเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“เราก็เข้านอนกันเถอะค่ะเดี๋ยวไม่มีแรงเที่ยว”
“งั้นอิ่มกับคุณวิชชี่ไปนอนก่อนเถอะเดี๋ยวผมตามไป” ไล่ให้สองสาวเข้าไปก่อนเพราะที่นี่อากาศเริ่มที่จะเย็นลงแล้ว เขาไม่อยากให้สองสาวไม่สบายไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น