ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 21

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 52


    ตอนที่ 21 



    “ธร...นายส่งคนไปตามยัยอิ่มเหรอ” มนต์ธัชเดินเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายหลังจากที่ได้รับรายงานเกี่ยวกับน้องสาว แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนของใครเท่านั้นที่ตามน้องสาวเขาอยู่ 

    “ตามอะไร?” มนต์ธรถามน้องชายฝาแฝดอย่างไม่รู้เรื่องนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เขามองหน้าน้องชายนิ่งและวางปากกาในมือลง
     
    “ถ้านายไม่รู้เรื่องก็...คนของไอ้ไซม่อน!”
     
    “อาจเป็นได้มันให้คนคอยตามอยู่ นี่มันคิดจะทำอะไรของมันกันแน่...” มนต์ธรเอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรถึงได้คอยให้คนตามน้องสาวเขาอยู่อย่างนั้น
     
    “ไม่ได้การแล้ว เราต้องส่งคนไปช่วยยัยอิ่มเสียแล้วซิ” 

    “เอาน่าเรามีคนของเราอยู่ธัช สองคนนั้นคงช่วยอะไรได้บ้างละ...” 

    “ไหนนายบอกไม่ได้ให้คนตามอิ่มละ?”
     
    “เปล่าที่เราบอกแค่ไม่ได้แสดงตัวให้คนอื่นเห็นเท่านั้นเอง” บอกอย่างใจเย็นเมื่อเห็นท่าทีเดือดร้อนของมนต์ธัช 

    “นายว่าจะเกิดเรื่องกับน้องมั้ย”
     
    “ไม่รู้แต่นายอยากรู้มั้ยละ?” มองน้องชายอย่างเจ้าเล่ห์
     
    “ยังไง?” 

    “เอาน่าเดี๋ยวก็จะรู้เอง ว่าแต่วันนี้ว่างรึเปล่าละ?” 

    “ว่างอยู่แล้วถ้าเป็นเรื่องกับน้องสาวของเราน่ะ” 

    “งั้นไป...” เดินนำน้องชายโดยไม่บอกอะไรให้เขารู้ แต่เขาเชื่ออย่างนึงน้องเขาต้องตามมาแน่ๆ
     
    “เดี๋ยว! นี่มันที่ไหนน่ะธร?” มองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขานั่งรถมากับพี่ชายได้พักนึงแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จุดหมายของการออกมาครั้งนี้แม้แต่น้อยเลย เขาได้เงียบและเก็บความสงสัยเอาไว้ 

    “ที่ๆ จะทำให้รู้เรื่องเกี่ยวกับยัยอิ่มไงละ” 

    “ห๋า!! แล้วทำไมไม่บอกละ...” 

    “ก็เพราะนายมันเป็นอย่างนี้น่ะซิเราถึงไม่ได้บอกอะไร นั่งไปเงียบๆ เถอะเดี๋ยวก็ถึงแล้ว นี่เราก็มาแค่ครั้งที่สามเองนะ”
     
    “มันที่ไหนกันเนี่ยมีแต่ต้นไม้กับคลองเต็มไปหมดอย่างนี้”
     
    “มันเป็นสวนที่เพิ่งขายไปไม่นานและเราก็ซื้อเก็บเอาไว้” 

    “แล้วมันจะทำให้รู้เรื่องน้องสาวเราได้ยังไง?”
     
    “นายเห็นรั้วข้างๆ นั่นมั้ย” ชี้ไปที่บริเวณรั้วไม้ทำกั้นเอาไว้ลวกๆ แค่รู้เท่านั้นว่าเป็นเขตของใคร 

    “เห็น...แล้วไง”
     
    “ก็สวนข้างๆ น่ะมีตากับยายเป็นเจ้าของอยู่แล้วแล้ว...หลานสาวแกเป็นเพื่อนกับอิ่มน่ะซิและที่สำคัญนะวันนี้อิ่มจะมาที่สวนข้างๆ กันด้วยและตอนเย็นเราจะได้เห็นน้องสาวเราไงละ”
     
    “จริงเหรอ!” 

    “จริงที่เราพานายมาด้วยก็เพราะดูท่านายจะเป็นห่วงมากๆนะ ก็เลยพามาด้วย แต่อย่าไปแสดงตัวให้คนอื่นรู้ละว่าเป็นอะไรกับอิ่มน่ะ” 

    “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
     
    “เราไม่ค่อยจะเชื่อนายเลยให้ตายซิ”
     
    “ว่าแต่นายเถอะทำไมเอารถหรูมาขับในสวนอย่างนี้?” 

    “รถลุยๆ ไม่อยู่ซักคันนี่เราก็เลยต้องเอาคันนี้มาแทนน่ะ” 

    “เชื่อนายเลย” ส่ายหน้าอย่างระอารถอยู่บ้านตั้งหลายคันบอกไม่มีแล้วรถลุยๆ เยอะจะตายแต่ไม่ยอมเอามาใช้ซักคันเดียว 

    “นายน่ะเรื่องมากถ้าไม่ใช่รถของตัวเองจะไม่ยอมขับน่ะ รถที่บ้านใครซื้อมาก็ใช้ได้ทั้งนั้นละ”
     
    “ก็มันไม่ชินนี่นาไม่ใช่รถตัวเองดด้วย” 

    “ทำเหมือนไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน”
     
    “เราเปล่าแค่กลัวว่าถ้าเราเอาไปใช้ แล้วเกิดเจ้าของรถต้องการใช้ละ?...” 

    “ไม่มีก็เอาคันอื่นไปใช้ซิ...นายพูดเหมือนเจ้าของรถเป็นคนอื่นอย่างนั้นละ ก็มีแค่นายกับเราแล้วก็อิ่มเท่านั้น ยัยอิ่มไม่อยู่ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว แล้ว ส่วนเราก็อยู่กันายจะมีใครเอารถคันอื่นไปใช้กันละ?...” 

    “ช่างเถอะน่ายังไงเราก็เอาคันนี้มาใช้แล้ว” เขาหมายถึงเจ้าเลกซัส คันงามของเขาที่นำมาขับในสวนอย่างนี้ 

    “ว่าแต่เราจะเจออิ่มได้ยังนายรู้จักตากับยายสวนข้างๆ เหรอ?”
     
    “ก็นะ..เราเคยเดินไปทักทายตากับยายแกยู่น่ะ” 


    “งั้นก็ดีเราจะได้ไม่ดูจงใจเกินไปนัก” 


    “ธัชเราเข้าบ้านก่อนดีกว่ามั้ย เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อยแล้วค่อยไปกัน” มองดูเสื้อผ้าที่เขาและน้องชายสวมมานั้นไม่เหมาะที่จะเดินในสวนอย่างนี้นัก 

    “นายเอาเสื้อผ้ามาด้วยเหรอเราไม่มีนะ”
     
    “เราเอามาไว้หลายตัวอยู่ นายไม่ต้องห่วงนะ” 


    “งั้นก็ดี...เราก็คิดวาคงเวอร์ไปที่จะไปทั้งชุดนี้น่ะ” บอกอย่างเห็นด้วยก็ชุดที่พวกเขาใส่มาน่ะเป็นชุดทำงานน่ะซิ ทั้งคู่ลงจากรถไปและเดินขึ้นบ้านที่เปิดไฟไว้แล้ว 

    “ที่นี่มีคนอยู่ด้วยเหรอ?” มนต์ธัชถามพี่ชายอย่างสงสัย 

    “มีคนดูแลน่ะ เราให้เขาทำสวนแล้วก็ดูแลให้แทนเราทุกอย่างเป็นคนที่อยู่ที่นี่มาก่อน เจ้าของเดิมเขาบอกว่าไว้ใจได้เราก็เลยจ้างเอาไว้ บ้านเขาอยู่ถัดไปไม่ไกล” 

    “เหรอ ถึงว่าเห็นเปิดไฟเอาไว้” 

    “พอดีเราโทรมาบอกเขาน่ะว่าให้มาเปิดไฟไว้ให้หน่อยเราจะมาตอนค่ำ”
     
    “นายนี่รอบคอบนะ” 

    “นายไปเปลี่ยนชุดเถอะห้องนั้นนะเลือกเอาเลยว่าจะใส่ชุดไหน” ตัวเขาเองเดินออกไปหาคนดูแลด้านนอก
     
    “ได้...” รีบเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดตามที่มนต์ธรบอกทันที 





    “ตายาย สวัสดีค่ะ” วิชญาดาร้องทักเมื่อลงจากรถมาแล้ว รีบวิ่งไปหาตากับยายที่นั่งอยู่ตรงชานบ้านทันที
     
    “อ้าว...มาแล้วเหรอวิช กำลังรออยู่เชียวแล้วนั่นใครละ? ตาเกิดทักเสียงอ่อนก่อนจะเห็นว่าใครมากับหลานสาวด้วย 

    “สวัสดีค่ะตา ยายอิ่มไงคะ เพื่อนของวิชชี่เขาน่ะค่ะ” 

    “อ้าวหนูอิ่มเองเหรอลูกมาๆ แล้วพาใครมาด้วยละ” 

    “อ๋อ...นี่คุณจินค่ะเขาเป็น...”
     
    “เป็นเพื่อนอิ่มเขาน่ะครับคุณตาพอดีเห็นวิชชี่กับอิ่มเขาบอกว่าที่สวนบรรยากาศดีเลยขอมาด้วยครับ” 

    “อ้อ...แฟนอิ่มเหรองั้นเข้ามาๆ”
     
    “ตา!!” มนปริยาร้องเสยงดังที่ตาเกิดเข้าใจผิดว่าชายหนุ่มเป็นคนรักของเธอ 

    “อ้าวไม่ใช่เหรอหรือว่าเป็นแฟนเจ้ากันเจ้าวิช”หันไปถามหลานสาวที่นั่งหัวเราะอยู่ 

    “เปล่านะ! ตา!...” 

    “เหรอ...นึกว่าเป็นแฟนหลานเสียอีก”
     
    “เปล่าซะหน่อย....ว่าแต่ตาสวนข้างๆ มีคนซื้อไปแล้วเหรอจ้ะ...”
     
    “ใช่เห็นว่าเขาเพิ่งซื้อไปไม่นานเอง” 

    “แล้วลุงสิทธิ์กับลูกชายละจะ?....” 

    “เห็นว่าเจ้าของใหม่เขาจ้างเอาไว้น่ะ แล้วลูกชายก็รู้สึกว่าจะส่งให้เรียนด้วยนะเห็นคุณเขาบอกว่าสงสารและก็เห็นว่าเป็นเด็กรักเรียน ดูแล้วน่าจะเรียนได้ แกก็เลยบอกว่าจะส่งให้เรียนน่ะ” 

    “โห...ใครน่ะใจดีขนาดนั้น” วิชญาดาร้องอย่างทึ่งจัด ที่สมัยนี้ยังมีคนที่ใจบุญขนาดนี้อยู่ด้วย เพราะเท่าที่เธอเห็นก็มีแต่รวยแล้วเห็นแก่ตัวทั้งนั้น 

    “แกใจดีจะตาย” 

    “แล้วเขามาอยู่เลยรึเปล่าจ้ะตา”
     
    “เปล่าหรอก เห็นแกบอกว่าจะซื้อเอไว้ให้น้องสาวน่ะ” 

    “โห...ท่าทางจะรักน้องสาวมากนะเนี่ย”
     
    “คงงั้นแหละ วันนี้ตาชวนเขามาด้วย”
     
    “ตา...คิดอะไรอยู่รึเปล่าเนี่ย” มองตาเกิดอย่างระแวง กลัวว่าจะโดนจับคู่รึเปล่า
     
    “ไม่มีอะไรหรอกน่าตาแค่ชวนเขาเอาไว้พอดีว่าวันนี้เขามาน่ะ วิชเองจะคิดมากไปทำไมกัน” ปฏิเสธทันควัน 

    “หล่อมั้ยจ้ะตา?” มนปริยาถามอย่าสนใจ 

    “หล่อ...หนูอิ่มเห็นแล้วจะตกใจ คนอะไรก็ไม่รู้หล่อแถมใจดีอีกตะหาก” ยายมิ่งเสริมขึ้นมา 

    “จริงเหรอจ้ะ!” 

    “จริงที่สุด นี่ถ้ายายเด็กกว่านี้ซักสี่สิบปีละก็รับรองพ่อหนุ่มคนนี้ไม่รอดมือยายหรอก” 

    “โอ้ย...น้อยๆหน่อยยายเห็นมั้ยตาตาเขียวแล้ว!”
     
    “แปลกนะอิ่ม แกว่ามั้ยไม่เคยเห็นตากับยายดูปลื้มใครเท่าอีตานี่เลย” กระซิบบอกเพื่อนอย่างสงสัย 

    “อย่างนี้ต้องรอดูกันว่าหน้าตาเป็นยังไง” 

    “รอดูได้แต่อย่าเผลอใจละ คนที่มาด้วยจะเสียใจ แล้วดูซิมองตาขวางเชียว” กระซิบบอกข้างๆ หูมนปริยาให้ได้ยินกันสองคน เพราะเกรงว่าคนที่อยู่ข้างๆ จะได้ยินด้วย 

    “แล้ว..คุณจินเขาจะมาตาขวางทำไมวะ” 

    “เอ้า...นั่นแกต้องถามเขาเองเว้ย...”
     
    “เชอะ...แค่นี้ก็บอกไม่ได้” เสียงหมาเห่าที่หนาบ้านบอกให้รู้ว่ามีแขกมากันแล้ว วิชญาดาเดินออกไปดูตามที่ตาสั่งอย่างอ้อยอิ่งเต็มทีเพราะไม่อยากที่จะลุกออกไปเลย 

    “มาหาใครคะ?” เธอส่งเสียงร้องถามออกไปที่หน้าระเบียง 

    “มาหาตาเกิดกับยายมิ่งครับท่านบอกว่าให้มาทานข้าวด้วย” มนต์ธรส่งเสียงตอออกไปทั้งที่ไม่เห็นหน้าว่าใครที่ร้องถามเขาเพราะเธอหันหลังให้เสียงไฟ 

    “อ๋อ...เชิญค่ะ” ไหนตาบอกว่าคนเดียวแล้วนี่มากันสองคน... 

    “ขอบคุณครับ...เข้าไปเถอะธัช” หันไปบอกน้องชายที่ยืนเงียบอยู่ ทั้งคู่เปลี่ยนจากชุดสูททำงานมาเป็นชุดกางเกงสี่ส่วนกับเสื้อโปโลที่ดูลำลองมากยิ่งขึ้น ตากบยายไม่รู้ว่าเขาเป็นใครรู้แค่ว่าเขาเป็นคนที่มาซื้อที่ข้างๆ เท่านั้น 

    “ตากับยายกำลงรออยู่ค่ะ” วิชญาดาเดินนำเข้าไปโดยไม่ได้มองหน้าชายหนุ่มผู้มาเยือนซักนิดเดียว เธอเชิญให้แขกนั่งก่อนที่เธอจะไปหาเครื่องดื่มมาให้ทั้งสองคน
     
    “สวัสดีครับคุณตา คุณยาย” มนต์ธรทำความเคารพทั้งสองคนก่อน 

    “สวัสดีคุณแล้วนั่นใครละที่มาด้วย?”
     
    “นี่ธัชน้องชายผมครับ” มนต์ธัชทำความเคารพทันทีเมื่อพี่ชายแนะนำให้รู้จัก 

    “เป็นฝาแฝดเหรอหน้าเหมือนกันเชียว” 

    “ครับเราสองคนเป็นฝาแฝดกัน” มนต์ธัชเป็นคนตอบ และหันไปมองอีกสองคนที่นั่งอยู่ และสิ่งที่เห็นก็คือมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มองพวกเขาอย่างตกใจอึ่งจนพูดไม่ออกและข้างๆ กันก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กัน มองหน้าพวกเขาเหมือนกันนึกอะไรออกอย่างนั้น 

    “น้ำค่ะ” วิชญาดานำเครื่องดื่มมาให้ทั้งสองคน ก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างๆ มนปริยาเหมือนเดิม 

    “นี่หลานสาวตาเองชื่อวิช กับเพื่อนเขาชื่ออิ่มกับคุณจินรู้จักกันไว้ซิ” ตาเกิดแนะนำทั้งห้าคนให้รู้จักกัน 

    “นี่คุณธรที่เป็นเจ้าของไร่ข้างๆ กับคุณธัชน้องชายเขา 

    “ยินดีที่รู้จักค่ะ” วิชญาดาทักทายเสียงเรียบ 

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จิณณ์วัตรเอ่ยเรียบๆ เขาสังเกตว่ามนปริยาเงียบไปตั้งแต่เห็นสองหนุ่มเดินขึ้นมาในบ้านแล้วดูเธอตกใจมาก แต่พยายามทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น
     
    “เช่นกันครับ..ยินดีมากเลยนะครับที่ได้มีโอกาสรู้จักเจ้าของอาณาจักรธนาภากรุ๊ปในที่แบบนี้ได้” มนต์ธรทักทายเรียบๆ 

    “เอ๋...รู้จักกันเหรอคะ?” วิชญาดาถามอย่างสงสัย แค่เห็นแฝดหล่อย่างนี้ก็ตกใจพออยู่แล้ นี่ยังรู้จักเจ้านายเธออีกเหรอเนี่ย 

    “ก็...ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรอกครับ แค่เคยเห็นตามงานเท่านั้นเอง”
     
    “ครับผมเองก็ยินดีเช่นกันที่ได้รู้จักทายาททั้งสองของเครือแซนด์บิท” 

    “ห๋า!!” เป็นเสียงร้องของวิชญาดาที่หันกลับไปมองสองหนุ่มหล่อแทบคอจะเคล็ดกันทีเดียว ใครจะคิดว่าจะได้มีโอกาสเห็นคนที่แทบจะไม่ออกสื่อเลยจนไม่เคยมีใครรู้ว่าทั้งสองคนหน้าตาเป็นอย่างไร 

    “ขนาดว่าเราสองคนไม่ออกตามงานนครับยังอุตส่าห์จำกันได้อีก” 

    “ว่าแต่นึกยังเหรอครับถึงมาซื้อสวนที่นี่?”
     
    “อ๋อ พอดีว่าน้องสาวคนเล็กน่ะครับเขาบอกว่าอยากมีบ้านที่เป็นสวนเราก็เลยซื้อเอาไว้ให้”
     
    มนปริยาได้แต่มองหน้าทั้งสองคนอย่างหวาดระแวงว่าทั้งคู่จะมาไม้ไหนกันแน่ เธอไม่คิดว่าจะเจอทั้งคู่ที่นี่ ก็ทั้งสองคนงานยุ่งมากแล้วมาพร้อมกันอย่างนี้แสดงว่าต้องรู้แน่ว่าเธอมาที่นี่ไม่งั้น...เธอไม่เชื่อเรื่องบังเอิญเด็ดขาดยิ่งกับทั้งสองคน 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×