ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 20

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 52


    ตอนที่ 20 


    “อิ่ม..แกเป็นอะไรเห็นเงียบตั้งแต่ที่อยู่ในรถแล้ว?” ดึงแขนมนปริยาเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าโรงงานไปพร้อมกับชายหนุ่ม 

    “เปล่านี่..” 


    “ไม่เชื่อ อย่างแกมันต้องมีอะไรซักอย่างอยู่แล้ว...หึงรึไง..” 


    “หึงบ้าหึงบอกน่ะซิเห็นพวกแกคุยกันสนุกฉันไม่อยากขัดน่ะซิ” 


    “เชอะ...หึง” วิชญาดาบ่นคนเดียวแต่ก็ดังพอจะให้คนที่อยู่ใกล้ๆได้ยินและคิดตาม มนปริยาไม่ต่อความกับเพื่อนรัก เธอเลือกที่จะเดินเข้าไปในโรงงาน และพยายามไม่คิดอะไรมาก ก็เขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันเธอแจะไปหึงเขาได้ยังไง
     

    “แกอย่าพูดมากยัยวิชชี่เดี๋ยวก็ไม่ไปบ้านสวนด้วยเลย”
     
    “โอ๋!ๆ แกอย่าทำอย่างนั้นนะ! ไม่งั้นฉันไม่กลับจริงๆ ด้วย” ร้องเสียงหลงเมื่อเพื่อนขู่ว่าจำไม่ไปด้วย
     
    “งั้นแกก็เลิกพูดมาก...แต่เอ้ะ...คุณจินก็ไปด้วย...งั้นฉันไม่ไปคงไม่เป็นไรมั้ง?” 


    “ไม่เอาหรอก ที่เขาขอตามฉันไปก็เพราะแกไปด้วยหรอกอย่าทำเป็นโง่หน่อยเลย”
     

    “ไม่ใช่หรอก เขาแค่อยากไปพักก็เท่านั้นไม่เกี่ยวกับฉันซักหน่อย”
     

    “แกคอยดูเถอะ ถ้าแกไม่ได้แต่งงานกับเขาฉันยอมเลี้ยงข้าวแกเลย”
     

    “งั้นแกเตรียมเลี้ยงข้าวฉันได้เลย” บอกอย่างมั่นใจ 


    “สาวๆ ครับเครื่องจักรมาแล้ว เดินเร็วหน่อยนะ” จิณณ์วัตรส่งเสียงมาบอกเมื่อยังไม่เห็นสองสาวยังไม่เดินมาเสียที
     

    “ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” มนปริยาร้องบอก และรีบดึงมือวิชญาดาให้เดินตาม
     

    “ขอโทษค่ะคุณจินมัวแต่คุยกันเพลินไปหน่อย” 


    “ไม่เป็นไรครับแค่อยากให้เห็นเครื่องจักรใหม่เท่านั้นเอง” เขามองหน้ามนปริยาอย่างอ่อนโยน ไม่ได้รู้สึกโกรธเธอหรืออะไรเลย 


    “ว้าว!!! ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนเราจะสามารถคิดค้นอะไรอย่างนี้ได้” วิชญาดาอุทานอย่างตกใจเธอเห็นเครื่องจักรชุดใหญ่ที่ถูกส่งมา ซึ่งเธอไม่เคยเห็นตอนที่ติดตั้งใหม่ซักครั้ง 


    “ก็แต่ละทีมคิดค้นน่ะครับ แต่รู้สึกเจ้าของผลงานชิ้นนี้จะเป็นญาติๆ กันนะครับเห็นว่าเรียนจบแล้วว่างๆ เลยให้มาช่วยงานด้านนี้หน่อย 


    “น่าทึ่งมากเลยค่ะ เขาต้องเก่งมากแน่ๆ เชียวค่ะ 


    “ครับผมเห็นด้วย อยากเห็นหน้าซักครั้งเหมือนกันกัน เห็นคุณปวรปรัชญ์บอกว่าเจ้าตัวไม่อยู่ แต่รับรองว่าคงมาดูแลหลังการขายให้แน่ๆ ครับ นี่ก็มีวิศวกรในทีมมาช่วยแนะนำวิธีการทำงานให้กับทางเราด้วย” 


    “ห๋า!!!” มนปริยาร้องอย่าตกใจเมื่อได้ยินว่ามีเจ้าหน้าที่ในโครงการมาด้วย งั้นเธอก็ซวยละซิ...
     

    “เป็นอะไรร้องเสียงดังเชียวยัยอิ่ม?”
     

    “ปละ...เปล่าแค่ทึ่งน่ะ เออ...เดี๋ยวไปห้องน้ำก่อนนะ”
     

    “อะไรเพิ่งเข้ามาไม่ใช่เหรอ?” มอหงน้าอย่างสงสัย เมื่อท่าทีลุกลี้ลุกลนของมนปริยา 


    “อ๋อ...มันปวดนี่นา แกจะถามอะไรนักหนาวะ?” ทำเสียงเข้มใส่เพื่อน
     


    “เออ..งั้นเร็วๆ ละ” “มาเร็วๆ นะอิ่มเดี๋ยวทีมงานก็จะมากันแล้วจะได้รู้จักกันเอาไว้” จิณณ์วัตรหันมาบอกมนปริยาที่รีบเดินออกไปอย่างรีบร้อน 


    “ตายแล้ว..ทำไงเนี่ยจะหลบก็ไม่ได้ซะด้วยไม่งั้นโดนแน่ๆ แต่ตอนนี้ขอหลบไปทำใจก่อนละกัน”
     

    “แปลกนะคะ..คุณจินอิ่มไม่เคยเป็นแบบนี้ซักที?”
     

    “งั้นเหรอครับ?” อดที่จะมองไปทางที่หญิงสาวพึ่งจากไปไม่ได้ 


    “ค่ะ...ว่าแต่คุณจินเถอะค่ะมาเงียบๆ แบบนี้กะว่าจะให้เขารู้ทีเดียวเลยรึไงคะ คนอย่างอิ่มน่ะไม่บอกตรงๆ ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ” อยู่ๆ เธอก็มเขาขึ้นมาลอย
     

    “เรื่องอะไรครับ?”
     

    “จะเรื่องอะไรละคะ...” มองหน้าเขาโดยไม่พูดออกมา
     
    “อ๋อ...ผมดูอิ่มเขาไม่ออกบางทีเขาก็ดูเป็นกันเองแต่บางครั้งก็เหมือนเข้าไม่ถึงครับ”
     
    “เขาก็เป็นอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรละค่ะ คุณจินอย่าไปคิดมากเลยค่ะ แต่วิชชี่เชื่ออย่างนึงนะคะว่าอิ่มเขาก็ไม่รังเกียจคุณจินหรอกค่ะ...เพราะถ้าเขาคิดจะเขี่ยจริงๆ ง่ายนิดเดียวอิ่มเขาจะพูดออกไปตรงๆ เลยค่ะ” บอกตามที่เธอรู้จักมนปริยามาพอควรในระยะหนึ่ง 


    “งั้นเหรอครับ ผมก็คิดว่ายังไงก็ต้องบอกให้เขาได้รู้อยู่แล้ว แต่อยากรออีกหน่อยน่ะครับ” 


    “อย่าทิ้งเอาไว้นานนักนะคะ 


    อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอน” 


    “คุณหมายความว่ายังไงเหรอ มีอะไรมากกว่าที่เห็นรึเปล่า?” 


    “อันนี้วิชชี่ไม่รู้แต่แค่รู้สึกน่ะค่ะ” เพราะบางทีมนปริยาก็ทำอะไรแปลกหรือพูดแปลกๆ เหมือนว่าตัวเองจะหายไปอย่างนั้นละ 


    “ท่านประธานครับนี่มิสเตอร์ลีกับจอห์นครับเป็นทีมวิศวกรที่มาในครั้งนี้ครับ” สุวัฒน์เดินนำทีมวิศวกรเข้ามาใกล้ทั้งสองคน และสอดส่ายหามนปริยาแต่กลับไม่เห็นเธออยู่ด้วย
     

    “สวัสดีครับทั้งสองคน ทางเรายินดีมากที่คุณทั้งสองคนอุตส่าห์เดินทางมาเอง” จิณณ์วัตรทัทายทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง
     

    “ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติมากกว่าครับที่ทางธนาภาเลือกเรา” ลีหนุ่มจีนร่างสูงเอ่ยออกมายิ้มแย้ม 


    “อ้อ...นี่คุณวิชญาดาเธอเป็นพนักงานของที่นี่ละครับ ส่วนอีกคน....” หันไปมองหาหญิงสาวอีกคนแต่เธอก็ยังไม่มาเสียที “ครับ?” 


    “เอาเป็นว่าอีกคนค่อยทำความรู้จักทีหลังก็ได้ครับ เดี๋ยวเธอคงมาเธอเป็นผู้ช่วยผมเอง” 


    “ไม่มีปัญหาครับ แต่เราสองคนต้องขอตัวก่อนนะครับเพราะต้องไปดูเขาติดตั้งเครื่องจักรอีก” จอห์นเอ่ยขอตัว 

    “งั้นเชิญครับ มีอะไรก็บอกคุณสุวัฒน์เลยนะครับ เราเองก็ต้องขอตัวเหมือนกัน” 


    “งั้นค่อยเจอกันนะครับ” 

    “ตามสบายครับ” 




                            
    “มีอะไรจอห์น?” ลีถามเพื่อนร่วมงานอย่างสงสัยว่าทำไมต้องรีบปลีกตัวออกมาอย่างนี้ 


    “เปล่า...แต่ไม่แน่ใจน่ะเหมือนเห็นอิมมี่เลย”
     

    “ห๋า! อิมมี่เนี่ยนะ?” 


    “เออ...” ทั้งสองคนพูดแค่ได้ยินกันสองคน 


    “แล้วเขาจะมาทำอะไรที่นี่ละ?” ถามอย่างสงสัย
     

    “ไม่รู้คงต้องเจอก่อนละ ถึงจะได้รู้” แบมืออย่างจนปัญญาเพราะที่เห็นก็ไม่แน่ว่าจะใช่รึเปล่าด้วย ที่เห็นก็เป็นเพียงด้านหลังแวบๆ เท่านั้นนี่นา 


    “เรื่องนั้นช่างเถอะเราไปดูงานที่ไดรับมอบหมายมาดีกว่า เพราะท่านประธานท่านสั่งให้ดูแลดีๆ อย่าให้มีปัญหาเกิดขึ้นเพราะที่นี่เป็นลูกค้าชั้นเยี่ยมของเราด้วย ท่านถึงกับมาคุยเองเชียวนะ”
     

    “ขนาดนั้นเลยเหรอ?” นี่ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งจะรู้เหมือนกัน
     

    “ก็จริงน่ะซิ....นายนี่หัดสนใจคนอื่นบ้างเถอะไม่ใช่สนแต่เครื่องจักรพวกนั้นอย่างเดียว” 


    “ช่วยไม้ได้นี่หว่า...เครื่องจักรพวกนั้นมันไม่เรื่องมากเหมือนคนนี่” 


    “แปลกคน...” 




    จิณณ์วัตรพาสองสาวออกจาโรงงานในตอนสองทุ่มหลังจากที่วิชญาดาบ่นให้เพื่อนจนพอใจเรื่องที่หายไปนานแล้ว ชายหนุ่มขับรถออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนอะไรเพราะจากที่นี่บ้านของวิชญาดาไม่ได้ไกลกันมากนัก
     

    “อิ่มกับวิชชี่หิวกันรึยังเราหาอะไรทานก่อนมั้ยแล้วเข้าบ้านสวนกัน?” หันมาถามมนปริยาที่นั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถมา
     

    “ก็ดีค่ะยังไม่ได้ทานอะไรเลย แกละวิชชี่?” หันหลังไปถามเพื่อนที่อยู่เบาะหลัง
     

    “เอางั้นก็ได้เพราะไม่รู้ว่าไปทานจะมีอะไรให้ทานกันรึเปล่า” พยักหน้าอย่างเห็นด้วยที่จะแวะทานข้าวก่อนเพราะขืนหิ้วท้องไปทานที่บ้านสวนแล้วไม่มีอะไรทานละก็เพื่อนสาวของเธอคงกลายเป็นนางยักษ์แน่ 


    “งั้นคุณวิชชี่มีร้านแนะนำมั้ยครับ” 


    “มีค่ะขับไปอีกหน่อยก็จะมีร้านอยู่เราแวะทานที่นั่นดีมั้ยคะ?”
     

    “ตามใจเจ้าของพื้นที่อยู่แล้วครับเราไม่รู้นี่นาว่าที่นั่นรสชาติเป็นยังไง อิ่มละครับ?”
     

    “ยังไงก็คะ ไม่มีความเห็น” เธอบอกเสียงเรียบเมื่อจิณณ์วัตรหันมาถามเธอ 


    “อิ่มแกหิวจนหมดแรงรึเปล่าเนี่ย?” เมื่อเห็นเพื่อนเงียบผิดปกติ
     

    “งั้นมั้ง?”
     

    “หิวมากมั้ย....ทนอีกหน่อยก็ถึงแล้วนะครับอิ่ม” เขาถามเธออย่างเป็นห่วงด้วยไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย 


    “ไม่เป็นไรค่ะยังทนได้อยู่แต่คุณจินขับเร็วอีกหน่อยดีมั้ยคะ ไม่งั้นอิ่มจะกินคุณแทนข้าวนะ” 


    “ครับๆ อย่าเพิ่งกินผมเลยนะครับ” เขาล้อเลียนเธอยิ้มๆ หากเธอคิดจะกินเขาจริงเขาเองก็ยินดีมากๆ เลยละ 


    “น้อยๆ หน่อยเถอะยะยัยอิ่มพูดขึ้นมาแต่ละคำนี่ย...” ค่อนมนปริยาอย่างมั่นไส้
     

    “อิจฉารึไง...” เลิกคิ้วมองหน้าวิชญาดาอย่างเหนือกว่า 


    “อย่างฉันเนี่ยนะ! จะไปอิจฉาแกทำซากอะไรวะ?” 


    “จะไปรู้เหรอเห็นแกอยู่ในกลุ่มแฟนคลับคุณจินด้วยนี่นา...”
     

    “ยัยอิ่ม!!!” ตวาดเพื่อนเสียงดังที่เอาความลับตัวเองมาพูด แถมต่อหน้าเจ้าตัวเสียด้วย 


    “รู้สึกเป็นเกียรติจังครับ” จิณณ์วัตรเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ วิชญาดาได้แต่มองหน้าเขาอย่างขัดเขินที่โดนเพื่อนแฉอย่างนี้ 


    “ก็แค่ปลื้มคุณจินน่ะค่ะ” พูดออกมาเสียงแหยๆ
     

    “ครับผมไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยนะครับ...จริงซิครับแล้วเพื่อนคนที่มีเรื่องเมื่อคืนเป็นไงบ้างครับ?” 


    “อ๋อ..ยัยภาน่ะเหรอคะไม่ทราบหรอกค่ะ โน่นแหละวันจันทร์นั่นละถึงจะรู้” ตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ 


    “ผมว่าเขาคงจะแค้นคุณมากนะอิ่ม”
     

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อิ่มเจอบ่อยๆ จนไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไร”
     

    “ผมเป็นห่วงอิ่มนะ เกิดเขาทำอะไรอิ่มละ?”
     

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่คุณจินเดี๋ยวนี้มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นมั้ยคะ?” 


    “อย่างเช่นอะไรครับ?”
     

    “ก็....ประมาณว่ามีคนแปลกๆ มาคอยตามไปทุกที่นะซิคะ” 


    “ไม่แน่ใจอิ่มมีอะไรหรือครบ?” เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเหมือนกันยิ่งเวลาที่อยู่ใกล้ๆ กับมนปริยาสายตาเขาจะไม่ห่างจากเธอแม้แต่น้อยมันคอยแต่วนเวียนอยู่ที่เธอตลอดเวลา 


    “อิ่มไม่แน่ใจค่ะ แค่ลองถามดูอย่าห่วงเลยค่ะ” 


    “ผมห่วงอิ่มมากกว่า” “แหม...ถ้าสาวๆ มาได้ยินอย่างนี้อิ่มโดนแน่ๆ เลยค่ะ” เธอมองหน้าเขายิ้มๆ อย่างไม่คิดอะไรกับคำพูดของเขา
     

    “นั่น!ๆ คุณจินจอดที่ร้านข้างหน้าเลยนะคะ” วิชญาดาร้องบอกเสียงดังเมื่อเห็นร้านอาหารแล้ว 


    “โหย...ถึงซะที หิวจะตายอยู่แล้ว” มนปริยาลูบท้องตัวเองเบาๆ 


    “งั้นเราก็ไปกันเถอะครับ อิ่มจะได้ทานข้าว”
     

    “วิชชี่แกเดินเข้าไปก่อนนะเดี๋ยวฉันขอคุยกับคุณจินก่อน” หันไปบอกให้เพื่อนเดินไปก่อน 


    “สั่งอาหารไว้ให้ด้วยนะ” 


    “ได้...” รับคำอย่าไม่มีข้อโต้แย้งก่อนจะเดินนำไปโดยไม่ได้หันกลับมาอีก 


    “อิ่มมีอะไรเหรอ?” เขาถามเธอย่างสงสัยเพราะจับมือเขาอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
     

    “คุณจินยิงปืนเป็นมั้ยคะ?” เธอกระซิบถามเขาเสียงเบา
     


    “เป็น..ว่าแต่นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?” เขางงไปหมดแล้ว 


    “งั้นดีค่ะ แล้ว....ปืนละพกมามั้ยคะ”
     

    “...ไม่เคยห่างเลย อิ่มถามทำไมนี่ผมงงไปหมดแล้วนะ?” 


    “เมื่อถึงเวลาอิ่มะบอกคุณจินเองละค่ะ แต่อยากให้คุณจินระวังเอาไว้หน่อยก็ดี เพราะอิ่มรู้สึกว่าเราจะโดนตามตั้งแต่ที่บ้านคุณจินแล้วละค่ะ”
     

    “จริงเหรอ!!!?” 


    “ค่ะ แต่ไม่ต้องกระโตกกระตากไปนะคะตอนนี้คงยังไม่มีอะไรเราคอยระวังเอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ อิ่มแค่อยากบอกให้คุณจินรู้เอาไว้ก่อนแค่นั้นเอง” 


    “ได้ เราเข้าไปในร้านก่อนดีกกว่าป่านนี้วิชชี่คงรอเราแล้วละ ส่วนเรื่องนี้ผมจะคอยระวังเองอิ่มไม่ต้องห่วงหรอกนะ” 


    “ขอบคุณค่ะ อิ่มอุ่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะ” เธอมอหงน้าเขาอย่างขอบคุณ และเธออุ่นใจจริงๆ เมื่ออยู่ข้างๆ เขา และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จากที่เธอเป็นคนกุมมือเขากลายเป็นว่ามือของเธอโดนชายหนุ่มกุมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยขณะที่เดินเข้าไปในร้านเขาก็ยังไม่ปล่อยมือจากเธอเลย 


    วิชญาดามองเห็นเจ้านายกับเพื่อนสาวเดินเข้ามาในร้าน ก่อนจะเห็นความผิดปกติคือทั้งสองกุมมือกันแน่นไม่ยอมปล่อยเหมือนคนรักกันไม่มีผิด 


    เอ้ะ...นี่อย่าบอกว่าตกลงอะไรกันแล้ว
     

    ‘อย่าบอกนะว่าเมื่อครู่ทั้งสองคนไปตกลงคบกันแล้วน่ะ’ ขนาดมาถึงที่โต๊ะแล้วจิณณ์วัตรยังคงไม่ยอมปล่อยมือหญิงสาวจนต้องบอกให้เขารู้ตัว 


    “คุณจินคะปล่อยมืออิ่มเถอะค่ะ” เธอบอกเขาเสียงเบา จนเขาต้องคลายมือออกอย่างเสียดายเต็มที่ 


    “ฉันสั่งอาหารให้แกแล้วนะอิ่มเดี๋ยวคงมาแล้วละ...ว่าแต่คุณจินจะสั่งอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” วิชญาดาหันไปถามเรื่องอื่นแทน ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
     

    “ไม่ละครับผมทานง่าย” ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงข้ามกับวิชญาดา 


    “คุณจินรู้มั้ยคะว่าเมื่อกี้ตอนที่คุณสองคนเดินมาน่ะ ถ้าวิชชี่ไม่รู้จักว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันต้องคิดว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันแน่ๆ เลยค่ะ” ถามชายหนุ่มยิ้มๆ 


    “อย่าเพ้อเจ้อยัยวิชชี่” ปรามเพื่อนเบาๆ ที่ชักจะเกินไปแล้ว 


    “เอ้า...ฉันก็แค่บอกให้ฟังแค่นั้นเอง ไม่ถือใช่มั้ยคะ?” 


    “ไม่ครับ” 


    “อาหารมาแล้วทานเถอะฉันหิวจะตายแล้ว” 


    “เออ..ไม่พูดก็ได้ พวกไม่ยอมรับความจริง” ยอมทานข้าวแต่โดยดี แต่ยังไม่วายบ่นออกมากระปอดกระแปด ที่มนปริยาไม่ยอมรับอะไรกับเธอ 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×