ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 51


    ตอนที่ 2 



    “เอาละ...อิ่มฟังนะลุงจะอ่านสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดให้ฟัง” โยทากะบอกลูกสาวของเพื่อนเสียงเรียบ เขาหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาให้เธออ่านด้วย 


    “มีอะไรบ้างคะลุงเบียร์อิ่ม...พร้อมละ..” เธออดที่จะหวั่นใจเสียมิได้ ก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย เพราะตอนที่พี่สาวเธอทำเธอก็ศึกษาอยู่ต่างประเทศยังไม่กลับ พอกลับมาก็ไม่มีใครยอมเล่าให้ฟังซักอย่าง 


    “สัญญานี้มีผลสองปีนับตั้งแต่พรุ่งนี้ อิ่มต้องออกไปอยู่ข้างนอกโดยไม่ใช้เงินของพ่อกับแม่หรือเงินตัวเองที่มีอยู่ตอนนี้”
     

    “อะไรนะ..ลุงเบียร์จะบอกอิ่มว่าอิ่มต้องไปอยู่นอกบ้านแถมห้ามใช้เงินเนี่ยะ!?” เธอร้องขัดอย่างตกใจแค่ออกไปอยู่ที่อื่นไม่เท่าไหร่ แต่ห้ามใช้เงินเนี่ยมัน...
     

    “ใช่...ถ้าทำไม่ได้อิ่มต้องโดนปรับหนึ่งล้าน...” บอกอย่างใจเย็น
     

    “แค่ล้านเดียว..” ถอนหาในจอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่ายังไงก็เสียแค่ล้านเดียว
     

    “เหรียญนะอิ่ม” มาร์โคเอ่ยบอกลูกสาวเรียบๆ
     

    “ห๋า!...เอางั้นเลยเหรอคะ..” 


    “งั้นซิ...แต่ไม่เสียอย่างเดียวนะถ้าอิ่มทำได้อิ่มจะได้จากพวกเราทุกคนๆ ละล้านเหรียญเหมือนกัน เห็นมั้ยคุ้มจะตายไม่ต้องทำอะไรได้เงินไปใช้ตั้งเยอะ ถ้าทำไม่สำเร็จอิ่มก็แค่เป็นคนขี้แพ้เสียเงินแค่ล้านเดียวเอง” 


    “คงง่ายอย่างนั้นหรอกนะคะ..” เธอบอกอย่างระแวงว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าการออกไปใช้ชิตคนเดียวแน่ๆ 


    “พวกเราจะให้เงินอิ่มไปก่อนหนึ่งพร้อมห้องพัก แต่อิ่มต้องออกไปทำงานที่อื่นที่ไม่เกี่ยวกับคอร์นกรุ๊ป S.K. มอริสโตะ อื่นๆ เอาง่ายๆ นะบริษัทของพ่อและของลุงๆ และอาๆ ทั้งหมด” 


    “โห...อย่างนี้ก็แทบทุกอย่างเลยน่ะซะ นรกชัดๆ”
     

    “อิ่ม...พูดไม่เพราะเลยลูก” ข้าวปั้นเอ็ดลูกสาวเบาๆ 


    “แม่ก็...” “ห้ามให้ใครรู้ด้วยว่าตัวเองเป็นใคร ลุงให้วุฒิการศึกษาแค่ปริญญาโทเท่านั้นอิ่มจะใช้สมัครงานที่ไหนก็ได้ แล้วแต่และพวกเราจะรอดูอยู่ห่างๆ เท่านั้นจะไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น” 


    “แต่ลุงเบียร์คะ...” เธอพยายามค้าน
     

    “แล้วก็ห้ามซื้อรถด้วยเงินที่ให้ไปด้วยเพราะเราจะให้ไปเพียงพอกับการใช้ชีวิตในช่วงแรกๆ เท่านั้น เข้าใจมั้ย”
     

    “ลุงเบียร์...คิดว่าคนอื่นเขาเห็นนามสกุลอิ่มแล้วเขาจะไม่รู้เลยเหรอคะว่าอิ่มเป็นใครน่ะ ถึงอิ่มจะไม่ค่อยออกงานเท่าไหร่นักก็เถอะค่ะ”
     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกที่เมืองไทยไม่มีใครเขาสนใจเรื่องนี้นักหรอก ถ้าอิ่มไม่มีรถขับน่ะ” 


    “เหรอคะ? ถ้าอิ่มทำสำเร็จอิ่มขอพักยาวนะคะไม่มีกำหนดด้วย” เธอยื่นข้อต่อรอง 


    “อันนี้ต้องถามพ่อเราเองนะเพราะเรื่องนี้ขอลุงไม่ได้”
     

    “ว่าไงคะพ่อได้มั้ยคะ” หันไปทำตาอ้อนวอนให้พ่อเธอยอมใจอ่อน ไมมีปัญหาอยู่แล้วอิ่มอยากพักนานแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าบริษัทมีงานอิ่มต้องเข้ามาเคลียร์นะลูก” 



    “ได้อยู่แล้วค่ะ..พ่อน่ารักที่สุดเล้ย...”
     

    “งั้นเซ็นซะอิ่มพรุ่งน่ะได้เดินทางแล้ว” โยทากะยื่นเอกสารให้หลานสาวเซ็นเพื่อนเป็นการยืนยันไม่ให้มีใครเบี้ยวภายหลังได้ 





    แปดเดือนต่อมา
     

    “เฮ้อ....” 


    “ เป็นอะไรไปอิ่มถอนหายใจซะความสุขหนีหายไปหมดเลยนะเนี่ย” วิชญาดาหันมามองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานข้างๆ กันพวกเธอเข้ามาทำงานพร้อมๆ กันเมื่อแปดเดือนก่อน เธอเห็นหญิงสาวคนนี้ออกจะตกใจมากเมื่อเธอนั้นสวยเหมือนไม่ใช่คน มนปริยาเป็นสาวร่างเล็กน่ารัก มีใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโต ปากอิ่มสมชื่อ จมูกโด่งรั้งอย่างคนที่ไม่ยอมคน 


    มนปริยาเป็นคนที่หนุ่มๆ หลายคนชื่นชอบแม้จะพูดตรงอยู่ซักหน่อยแต่ก็เป็นคนที่จริงใจเป็นอย่างมากทีเดียวแต่ก็ไม่เห็นเธอชอบใครซักคนเดียว เธอบอกว่ายังไม่เจอคนทีทำให้ใจสั่นไหวได้ อย่างน้อยๆ ต้องหล่อและเร้าใจมากๆ แต่เธอรู้ที่พูดนั้นจริงส่วนหนึ่งเท่านั้น 


    ขอแนะนำตัวเองหน่อยนะคะวิชชี่หรือวิชญาดาเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดเป็นสาวผิวสีน้ำผึ้ง ตาโต สวย(คิดว่านะ) เป็นเพื่อนสนิทของมนปริยา เราสองคนอยู่แผนกเดียวกัน พวกเธอมาสมัครงานที่บริษัท ธนาภากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แล้วโดนเรียกสัมภาษณ์ทันทีที่กรอกใบสมัครเสร็จแต่เป็นคนละวันเท่านั้น 


    “ไม่มีอะไรหรอกแค่เบื่อน่ะ....วิชชี่ว่าแต่เธอเถอะหิวอะ..” มองเพื่อนอ้อนๆ เพราะรู้ว่าในโต๊ะทำงานของวิชญาดานั้นมีขนมากมายหลายอย่างให้เธอพอประทังความหิวไปถึงมื้อเที่ยงได้ 


    “นี่...เพิ่งมาถึงเองนะ จะหิวอะไรนักหนาเชียว เธอชื่ออิ่มแต่กลับหิวตลอดเวลาได้ยังไง ไม่รู้เอาไปไว้ไหนน่าจะเอาไปเพิ่มส่วนสูงบ้างนะ อย่าให้มันเพิ่มแต่หน้าอกนักซิ...” 


    “เสียใจเพิ่มไม่ทันแล้วละ เธอนาจะได้เห็นพ่อกับพี่ๆ ฉันนะพวกเขขาสูงมากเลยละ” บกพลางกินขนมที่เพื่อนอยื่นให้ 


    “สาวๆ ทำงานเสร็จแล้วเหรอยะ...”ชลธิชาผู้จัดการฝ่ายเดินมาเคาะที่โต๊ะสองสาวที่คุยกันอยู่
     

    “แฮะ...แฮะ..” วิชญาดาหัวเราะอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี 


    “เสร็จแล้วค่ะพี่ชล เดี๋ยวอิ่มจะออกไปพบลูกค้าข้างนอกค่ะ”
     

    “เหรอแล้ววันนี้จะไปที่ไหนละ?”
     

    “ที่โรงพยาบาลณิชพร เวชธานีค่ะ เห็นทางนั้นบอกว่าอยากคุยเรื่องอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆที่จะต้องใช้ในโรงพยาบาลและเธอมีนัดตอน 10 โมงเช้า 


    “งั้นก็รีบไปเถอะ ไปกันสองคนเลยเหรอ?”
     

    “ค่ะ พี่ชลมีอะไรหรือเปล่าคะ?” “เปล่าแค่สงสัยพวกเธอสองคนจะกลับมาทานข้าวรึเปล่าละ?”
     


    “อืมอาจจะกลับมาไม่ทันค่ะ พี่ชลออกไปทานข้างนอกกับพวกเราซิคะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วจะโทรมาบอกว่าไปที่ร้านไหนดี” 


    “เอางั้นก็ดี โทรมาแล้วกัน” 


    “ไปก่อนนะคะเดี๋ยวสาย” รีบเก็บของเผ่นออกไปทันทีขืนอยู่นานโดนด่าเรื่องแอบกินขนมแน่ๆ ชลธิชาได้ส่ายหน้าอย่างระอากับสองสาวนี้เท่านั้น ไม่รู้จะแก้ยังไงเรื่องชอบกินขนมเนี่ย 


    “หูย...น่ากลัวเป็นบ้าเลยแก”
     


    “นั่นซิถึงพี่ชลแกจะใจดีแค่ไหน แต่เวลาที่จริงจังกับงานก็น่ากลัวสุดๆ”
     

    “นั่นซิ ทั้งๆ ที่ใจดีขนาดนั้นแท้ๆ” วิชญาดาบอกพร้อมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเต็มที่กับเพื่อนสาว 


    “ช่วงนี้มีเรื่องกลุ้มอะไรรึเปล่าวิชชี่” 



    “เปล่าหรอก อย่าห่วงเลยน่า” ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่ต้องการให้เพื่อนคิดมากกับเธอไปด้วย 


    “เหรอ...งั้นก็แล้วไป ถ้ามีอะไรให้รีบบอกนะอย่างเก็บเอาไว้คนเดียว” 


    “อืม...ขอบใจแกมากอิ่ม ไปเถอะถึงแล้ว" 


    “อืม...ว้าย!” มนปริยาร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ ตัวเองก็ชนกับอะไรซักอย่างที่เหมือนกำแพงหนาๆ เธอคงทรุดลงกับพื้นแน่ๆ ถ้าไม่โดนจับเอาไว้เสียก่อน เธอมองไปด้านหน้าอย่างตกใจ และก็ต้องตกใจยิ่งว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเธอชนกับอะไร 


    “ท่าน...ประ...ธาน!” ก่อนจะรีบทรงตัวเมื่อตั้งหลักได้ 


    “เป็นอะไรรึเปล่า..” ขอบถามเสียงเรียบ 


    “ไม่..ค่ะขอบคุณมาก แล้วก็ขอโทษค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเขินจัด ที่ซุ่มซ่ามจนเกิดเรื่อง ชายหนุ่มยอมละมือจากเอวบางที่สุด ก่อนจะเดินออกไปก่อนพร้อมเลขาฯ ของเขาที่อยู่ด้านหลัง ที่มองเธอย่างเอ็นดู 


    “เป็นไงครับเจ้านายมองตาค้างเชียวนะครับ” เอ่ยอย่างล้อเลียน เขารู้เรื่องดีว่าเจ้านายคิดอะไรอยู่ก็คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ นี่นา
     

    “พูดมากน่าเน คนอื่นได้ยินจะเข้าใจผิดเปล่าๆ” เอ็ดเลขาฯ หนุ่มเสียงเรียบ 


    “ก็..ความจริงทั้งน้าน...” “เน...” กดเสียงเรียกต่ำลง
     

    “คับๆ ไม่ล้อแล้ว แต่เมื่อกี้คุณจินเป็นคนที่ชนเธอเองไม่ใช่เหรอครับ” 


    “อย่ารู้มาก...” เดินเอามือไขว้หลังอย่างไม่สนใจเสียงล้อเลียนอยู่ด้านหลังซักนิดเดียว เขาเคยเห็นหญิงสาวคนนั้นมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับเธอย่างจริงจังเสียที ตั้งแต่วันที่เธอข้ามาสมัครงานเขาก็สะดุดที่เธอทันที และวันนี้เขาก็เห็นว่าเธอจะกำลังจะเดินออกจากลิฟต์อีกตัว เขาแกล้งเดินข้าไปชิดให้เธอชนเขาเสียอย่างนั้น แค่อยากเห็นหน้าใกล้ๆ เท่านั้นเอง 



    ตลอดแปดเดือนมานี้เขาติดตามข่าวเธอยู่ตลอด เขาหวั่นใจทุกครั้งที่มีหนุ่มๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาจีบเธอ แต่ก็โล่งใจได้เมื่อเธอไม่มีท่าทีสนใจใครแม้แต่คนเดียว เขาเองก็ไม่อยากจะทิ้งเอาไว้นานนักเกิดวันหนึ่งเธอสนใจใครอื่นไปเขาคงแย่แน่ๆ 



    “เห็นมั้ยวิชชี่ท่านประธานหล่อ โค-ตะ-ระ เลยละ” ถามเพื่อนสาวเมื่อเข้ามาอยู่ในรถของวิชญาดาแล้ว มนปริยาหันมาถามเพื่อนสาวอย่างร่าเริง 


    “เห็น....คนอื่นเขารู้กันมาตั้งนานแล้วว่าท่านประธานน่ะหล่อแค่ไหนมีแต่เธอนั่นละยัยอิ่มที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขา” ค่อนเอาอย่างหมั่นไส้ ทีตอนเอเล่าให้ฟังไม่ยอมเชื่อ
     

    “เอ้า..คนเรามันต้องเห็นจริงๆ ค่อยเชื่อซิ จะซี้ซั้วเชื่อไดยังไง” ลอยหน้าลอยตาตอบเพื่อน 


    “แค่รูปแกก็น่าจะเชื่อได้แล้วนี่...” 


    “เอ้า...อาจจะแต่งภาพเอาก็ได้คนมีเงินน่ะแต่งรูปตามที่ตัวเองอยากให้เป็นไม่เห็นจะแปลกเลย” 



    “แล้วเป็นไงละ เห็นตัวจริงวันนี้” 



    “ก็ สูงหน้าตาคมเข้ม ดวงตาสีน้าตาล ดูหวานตัดกับใบหน้าเข้มเหลือเกิน สูง รูปร่างดี แม้จะดูนิ่งๆ ก็ตามทีเถอะ บอกได้คำเดียว หล่อ!” 


    “ฉันก็ว่างั้น แต่ไม่เห็นท่านควงใครเลยนะ เกือบปีมานี้น่ะ แม้จะมีสาวๆ พวกนางเอก นางแบบพยายามเอาตัวเข้ามาเกี่ยวพันเท่าไรก็ไม่สนใจเลย เมื่อก่อนท่านมีข่าวเยอะจะตายไป” 


    “เหรอ...” เธอบอกอย่างทึ่งๆ ก็ผู้ชายหน้าตาดี เจ้าชู้จะตายไปอย่างพี่ๆ เธอเป็นตัวอย่าง เขาบอกว่าถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่เขาก็ต้องคนหาจนกว่าจะเจอ เมื่อนั้นผู้ชายจะหยุดเอง
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×