ลำดับตอนที่ #19
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 19
ตอนที่ 19
มนปริยาและวิชญาดามาถึงที่หน้าบ้านของจิณณ์วัตรในช่วงบ่ายแล้ว เธอจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านเขารอให้คนมาเปิดประตูให้ เธอมองเข้าไปในบ้านด้านนอกอย่างทึ่งจัด นี่กี่ไร่กันเนี่ย แล้วตัวบ้านสีขาวที่ใหญ่โตยังกับวังแน่ะอีกละ...โอ้โห...ท่านประธานนี่รวยจริงๆ
“ขอบคุณมาค่ะลุง” เธอกล่าวขอบคุณยามที่มาเปิดประตูบ้านให้อย่างขอบคุณจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับ....” ลุงยามมองหน้าหญิงสาวที่มาบ้านในวันนี้อย่างต้องการจดจำหน้าเธอที่สุด ไม่แน่ว่าอีกไม่นานเธออาจจะมาเป็นนายผู้หญิงที่นี่ก็เป็นได้
“สวัสดีค่ะคุณอิ่มคุณจินรออยู่ในบ้านค่ะ” เด็กขิ่นวิ่งมาหาเธอที่หน้าบ้าน เมื่อรู้ว่าเป็นมนปริยาที่มา และเธอก็จำรถที่เธอขับมาได้เป็นอย่างดี
“ขอบใจมากขิ่น...อ้อ....นี่เพื่อนฉันจ้ะชื่อวิชชี่”
“สวัสดีค่ะคุณวิชชี่หนูชื่อขิ่นค่ะ”
“จ้ะสวัสดีจ้ะ”
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะแก” หันไปบอกเพื่อนรักที่จับมือเธอแน่น
“แกเป็นอะไร?”
“นี่!...มาที่นี่กี่ครั้งแล้วเนี่ยทำไมคนบ้านนี้รู้จักแกหมดเลยวะ?” เห็นว่าบ้านนี้เข้ายากจะตายสาวๆ ต่างอยากที่จะมีโอกาสเข้ามาซักครั้ง แต่เพื่อนเธอมารู้จักกับคนบ้านนี้ได้ยังไง
“ก็นี่ครั้งที่สาม...แกมีอะไรเหรอ?”
“สามครั้ง!!!” มองหน้าเพื่อนตาโต เมื่อคืนครั้ง วันนี้...แล้วอีกครั้งละ?” พลางมองในตัวบ้านอย่างชื่นชม ตัวบ้านแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เอิร์ธโทนทั้งหมด เรียบแต่หรู ภายนอก็มีการจัดสวนที่ลงตัวและมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี มีต้นไม้นานาพรรณน้อยใหญ่เต็มไปหมด
“ก็วันก่อนมั้ง คุณจินพามาทานข้าวที่บ้านน่ะ แค่นั้นเอง”
“อ้าว...คุณวิชญาดามาด้วยเหรอครับ?” เขาไม่นึกว่าเธอจะพาเพื่อนเธอไปด้วย
“ค่ะ...เรียกวิชชี่ก็ได้ค่ะ”
“ครับ”
“พอดีว่าอิ่มจะไปค้างที่บ้านสวนกับวิชชี่ค่ะก็เลยว่าจะพากันเลยไปเลยหลังจากที่ไปโรงงานกันแล้ว”
“ครับ..ไม่รู้ว่าถ้าผมจะขอไปเที่ยวด้วยคุณวิชชี่จะรังเกียจมั้ยครับ?” เขาถามหญิงสาวอีกคนขึ้นมาลอยๆ
“คะ?...เมื่อครู่ท่านประธานว่าอะไรนะคะ?” เธอร้องเสียงสุงอย่างตกใจ
“ก็แค่ขอไปด้วยน่ะครับ ว่าไงครับไปได้มั้ย?”
“แต่ว่ามันจะดีเหรอคะ...”
“ทำไมเหรอครับท่านว่ารึเปล่าครับ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นอะไรครับ” เขาบอกเมื่อเห็นท่าทีอึดอัดใจของลูกน้องสาว
“ปะ....ไปได้ค่ะท่านแต่วิชชี่แค่กลัวว่าท่านจะนอนได้รึเปล่าเท่านั้นเอง” เธอรีบบอกเขาเสียงอ่อยเกรงว่าเขาจะใจเธอผิดคิดว่าเธอรังเกียจที่เขาขอไปด้วย
“ยัยวิชชี่!” เรียกเพื่อนสาวเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ เพื่อนก็ยอมให้เจ้านายหนุ่มหล่อติดตามไปด้วยอย่างนี้
“อะไร? แกมีปัญหาเหรอ?” มองหน้าเพื่อนอย่างมีความหมาย เธอคิดว่าสิ่งที่เธอคิดเอาไว้คงไม่ผิดนัก
‘เจ้านายสนใจเพื่อนรักเธออยู่แน่ๆ แล้วเธอเพื่อนที่แสนจะน่ารักคนนี้จะไม่ช่วยเพื่อนให้สมหวังได้อย่างไรกัน’
“เปล่า...แต่แกแน่ใจเหรอว่าถ้าเจ้านายไปด้วยจะไม่เป็นเรื่องราวอีกน่ะ?”
“คง...ไม่หรอกมั้ง...” เธอเองก็ไม่แน่ใจมากนักว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรเพราะเธอไม่อาจจะล่วงรู้อนาคตอะไรได้
“งั้นตามใจแกนะ...เกิดเรื่องอะไรฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนนะครับ” บอกก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบน อย่างเร่งรีบ โดยไม่ได้หันมาทางสองสาวที่นั่งอยู่อีก
“แกแน่ใจนะวิชชี่ที่ตัดสินใจอย่างนี้น่ะ” หันมาถามเพื่อนสาวอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“เอาน่าอิ่มแกจะตีตนไปก่อนทำไมกันอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดละ”
“ฉันละอยากจะรู้จริงๆ เหตุผลที่แกให้คุณจินไปที่บ้านสวนด้วยน่ะ?” หยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบมองหน้าเพื่อนไปพลาง
“นี่ยัยอิ่ม! แกซื่อหรือว่าโง่จนมองไม่ออกน่ะว่าคุณจินเขาให้ความสนิทสนมกับแกเป็นพิเศษยิ่งกว่าทุกคนน่ะ”
“ไม่นี่..เรื่องปกติมั้ง....ฉันทำงานกับเขานี่นา” ส่ายหน้าอย่าไม่เห็นว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษเสียอีก
“ไม่มีทาง ท่านประธานน่ะเรียกได้ว่าไม่เคยให้ใครเข้ามาที่บ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำแล้วแกน่ะเข้ามาตั้งสามครั้งแล้วเขาเป็นคนที่พาแกมาเองเสียด้วย แถมเมื่อคืนยังไปงานเลี้ยงวันเกิดพี่ชลพร้อมแกอีกน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกก็แค่เบื่อๆ เลยหาทางพักผ่อนมั้ง?”
“ยัยอิ่ม!!...แกจะบื้อไปถึงไหนเนี่ย”
“แกจะคิดมากทำไมถ้าเขาสนใจฉันจริงๆ วันหนึ่งฉันจะรู้เองละว่าเขาคิดอะไรอยู่หรือไม่ถ้าฉันไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกที่เขาเพียรส่งมาให้ฉัน...ก็คิดซะว่าเราสองคนไม่ใช่คู่กันแกน่าจะรู้นะว่าผู้ชยที่จะมาเป็นคนรักของฉันน่ะมาตรฐานสูงอยู่ เรียกได้ว่าต้องให้ได้เท่ากับพ่อฉันเลยละ”
“งั้นแกจะเปิดโอกาสให้เขามั้ย?” มองข้ามไหล่ของมนปริยาไปก็เห็นว่าจิณณ์วัตรยืนอยู่ที่บันไดแล้ว
“นั่นอยู่ที่เขาเองนะว่าจะเลือกรับโอกาสนั้นมั้ยมันต้องดูกันต่อไป” เธอยังคงแบ่งรับแบ่งสู้
“งั้นถ้าเขาจะจีบแกจริงๆ ก็ไม่ว่าอะไรงั้นซิ”
“อยู่ที่เขามากกว่านะเราบังคับใครไม่ได้แล้วอีกอย่างนะวิชชี่เกิดเขาไม่ได้คิดอะไรด้วย...แกอย่าพูดอะไรที่เขารู้สึกไม่ดีดีกว่านะ”
“เกิดว่าเขาคิดละ?”
“เรื่องอนาคต”
“เสร็จแล้วครับเราไปกันเลยมั้ยครับ” ชายหนุ่มเดินถือกระเป๋าเข้ามาหาทั้งสองสาว ก่อนจะออกไปที่หน้าบ้านด้วยกัน
“เอารถอิ่มไปนะคะ ขืนจอดไว้นานๆ กลัวมันจะวิ่งไม่ออกน่ะค่ะ” บอกชายหนุ่มเมื่อเขาถือกุญแจรถมาด้วย
“เอางั้นเหรอครับ?”
“คะ”
“อิ่ม...แกให้ท่านประธานขับนะหรือไม่ก็ให้ฉันขับก็ได้”
“ทำไมละ..” หันไปถามเพื่อนที่ยืนด้านหลังอย่างสงสัย
“ฉันอยากนั่งรถสบายๆ ไม่อยากนั่งเกร็งไปตลอดทางน่ะ”
“โหย..แกนี่ดูถูกฉันะ” ทำหน้าตูมใส่เพื่อน
“ฉันไม่ได้ดูถูกแกแต่ฉันไม่อยากตายทั้งที่ยังโสดอย่างนี้น่ะ”
“ฉันขับก็เหมือนกันนี่”
“แกมันตีนผีนี่นา” ทั้งสองสาวยังคงถกเถียงกันไม่เลิกรา
“เอาเป็นว่าผมขับเองละกันครับ...อิ่ม...ขอกุญแจรถด้วย” แบมือขอกุญแจรถจากเธอ มนปริยายื่นกุญแจให้จิณณ์วัตรแต่โดยดี
“อิ่มเขาขับรถเร็วค่ะท่านประธาน”
“เรียกชื่อก็ได้ครับ เรียกท่านประธานมันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ซิ”
“ค่ะ”
“ผิดคาดนะครับที่อิ่มขับรถเร็ว ขับรถแข่งด้วยรึเปล่าครับ?”
“เมื่อก่อนค่ะ...”
“งั้นเหรอ คงติดมาจากสนามแข่งซินะครับ”
“ไม่หรอกค่ะมันเป็นความชอบส่วนตัวค่ะพ่อกับแม่อิ่มยังว่าอิ่มเลย ว่าไม่อยากให้อิ่มขับรถที่มีเครื่องแรงๆ เพราะอิ่มจะเหยียบซะมิดเกเชียวละค่ะ” บอกอย่างมีความสุขเวลาที่เอ่ยถึงครอบครัว
“ครอบครัวอิ่มคงรักใคร่กันมากนะเห็นทุกครั้งเวลาที่เอ่ยถึงทีไรดู..อิ่มมีความสุขจัง”
“ค่ะ..ครื้นเครงดีค่ะ”
“แล้วพวกท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ”
“อิ่มอยู่คนเดียวค่ะพ่อกับแม่อยู่ที่บ้าน” เธอบอกความจริง แต่ไม่ได้บอกแค่นั้นว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน
“เหรอคงอยู่ต่างจังหวัดซินะ...” มนปริยาเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะถ้าตอบก็เท่ากับเธอโกหกน่ะซิ
“วิชชี่แกไม่รู้จริงๆ หรอว่าตากับยายเรียกแกกลับทำไมนะ” เปลี่ยนไปถามเพื่อนี่นั่งอยู่ด้านหลังแทน
“ไม่...พวกท่านไม่ยอมบอก มีแต่บอกว่าให้กลับบ้านสวนแค่นั้นเอง” ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจนปัญญา
“น่าแปลกพวกท่านไม่เคยเรียกแกกลับนี่นา ส่วนใหญ่จะเป็นป้าแกมากกว่า”
“นั่นซิ คงไม่ใช่ปัญหาโลกแตกหรอกนะ..”บอกอย่างเบื่อๆ
“อะไรวะ?”
“จะอะไรละ..ก็แต่งงานน่ะซิ”
“ห๋า!...แต่งงาน!! นี่มันยุคไหนแล้วเนี่ย...แต่งงานไม่อยากจะเชื่อ”
“เออ...พวกท่านอยากให้ฉันมีครอบครัวน่ะ ส่วนฉันยังไม่อยากจะมี มันก็เลยคาราคาซังมาตลอด”
“แปลกนะ ถ้าเป็นพ่อกับแม่ฉันบังคับละก็ฉันจะหนีไปให้ไกลไม่ให้ใครตามฉันเจอเชียวละ..”
“นั่นมันแก...”
“ว่าแต่คุณจินละคะ ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ?” หันหน้าไปถามชายหนุ่มที่ตั้งใจขับรถอยู่เงียบๆ
“ก็...คงต้องรอเจ้าสาวเขาตกลงปลงใจกับผมก่อนน่ะครับ”
“เอ๋...ชักอยากเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของคุณแล้วซิคะ” เธอถามอย่างล้อเลียน
“ผมยังไม่ได้บอกเขาน่ะว่าคิดอะไร และเธอก็คงยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำไป ว่ากำลังโดนหลงรักอยู่” ปรายตาสาวสวยที่นั่งข้างๆ เขาอย่างสื่อความหมาย และไม่เล็ดลอดสายตาของวิชญาดาไปได้
“อย่างนี้น่าเห็นใจนะคะ อีกฝ่ายนี่คงซื่อบื่อเอามากๆ เลยนะคะ”
“นั่นซิ ถูกคนอย่างคุณจินหลงรักยังไม่รู้ตัวอีก” มนปริยาเสริมอย่างเห็นด้วย โดยไม่รู้ว่าตนเองนั่นละที่กำลังโดนว่าอยู่ “ผมว่าคงต้องให้เวลาเธอหน่อยละครับ”
“คุณจินไม่บอกผู้หญิงคนนั้นไปเลยละคะ ว่ารักเธอน่ะ”
“ผมอยากให้เธอคุ้นกบผมมากว่า..เวลาที่ผมบอกเธอไปเธอจะได้ไม่ตกใจดูท่าเธอจะไม่รู้ตัวเอาจริงๆ นะครับวิชชี่”
“คนเรานะคะเก่งทุกเรื่องแต่พอเป็นเรื่องหัวใจแล้วโง่ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ” เหน็บเอาอย่างหมั่นไส้
“แปลกนะคะหลายคนอยากเป็นแฟนกับคุณจิน แต่กับเธอคนนี้ไม่มีท่าทีเลยเหรอคะ?” “เธอก็เฉยๆ นะ เวลาไปกับผมเธอก็ไม่ขัดเขินเท่าไรนัก”
“แต่เธอก็ไปกับคุณจินบ่อยสุดไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็เรื่องงานทั้งนั้นน่ะครับ”
“ไม่นะคะ...นอกเวลางานก็ไม่เห็นเธอไปกับใครนอกจากกลุ่มเพื่อน จะมีก็คุณจินนี่ละค่ะที่เธอยอมไปไหนมาไหนด้วย” แย้งอย่างไม่เห็นด้วยก็เพื่อนเธอจะเรียกว่าถือตัวก็ไม่เชิงนักเพราะมนปริยาจะไม่ยอมไปไหนกับหนุ่มๆ ที่มาชวนเธอเลยซักครั้ง แม้จะไปก็มีเธอและชลธิชาไปด้วยเสมอ
“แสดงว่าผมก็ยังพอมีหวังน่ะซิครับ”
“ลองดูไม่เสียหายนี่คะ”
มนปริยาและวิชญาดามาถึงที่หน้าบ้านของจิณณ์วัตรในช่วงบ่ายแล้ว เธอจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านเขารอให้คนมาเปิดประตูให้ เธอมองเข้าไปในบ้านด้านนอกอย่างทึ่งจัด นี่กี่ไร่กันเนี่ย แล้วตัวบ้านสีขาวที่ใหญ่โตยังกับวังแน่ะอีกละ...โอ้โห...ท่านประธานนี่รวยจริงๆ
“ขอบคุณมาค่ะลุง” เธอกล่าวขอบคุณยามที่มาเปิดประตูบ้านให้อย่างขอบคุณจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับ....” ลุงยามมองหน้าหญิงสาวที่มาบ้านในวันนี้อย่างต้องการจดจำหน้าเธอที่สุด ไม่แน่ว่าอีกไม่นานเธออาจจะมาเป็นนายผู้หญิงที่นี่ก็เป็นได้
“สวัสดีค่ะคุณอิ่มคุณจินรออยู่ในบ้านค่ะ” เด็กขิ่นวิ่งมาหาเธอที่หน้าบ้าน เมื่อรู้ว่าเป็นมนปริยาที่มา และเธอก็จำรถที่เธอขับมาได้เป็นอย่างดี
“ขอบใจมากขิ่น...อ้อ....นี่เพื่อนฉันจ้ะชื่อวิชชี่”
“สวัสดีค่ะคุณวิชชี่หนูชื่อขิ่นค่ะ”
“จ้ะสวัสดีจ้ะ”
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะแก” หันไปบอกเพื่อนรักที่จับมือเธอแน่น
“แกเป็นอะไร?”
“นี่!...มาที่นี่กี่ครั้งแล้วเนี่ยทำไมคนบ้านนี้รู้จักแกหมดเลยวะ?” เห็นว่าบ้านนี้เข้ายากจะตายสาวๆ ต่างอยากที่จะมีโอกาสเข้ามาซักครั้ง แต่เพื่อนเธอมารู้จักกับคนบ้านนี้ได้ยังไง
“ก็นี่ครั้งที่สาม...แกมีอะไรเหรอ?”
“สามครั้ง!!!” มองหน้าเพื่อนตาโต เมื่อคืนครั้ง วันนี้...แล้วอีกครั้งละ?” พลางมองในตัวบ้านอย่างชื่นชม ตัวบ้านแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เอิร์ธโทนทั้งหมด เรียบแต่หรู ภายนอก็มีการจัดสวนที่ลงตัวและมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี มีต้นไม้นานาพรรณน้อยใหญ่เต็มไปหมด
“ก็วันก่อนมั้ง คุณจินพามาทานข้าวที่บ้านน่ะ แค่นั้นเอง”
“อ้าว...คุณวิชญาดามาด้วยเหรอครับ?” เขาไม่นึกว่าเธอจะพาเพื่อนเธอไปด้วย
“ค่ะ...เรียกวิชชี่ก็ได้ค่ะ”
“ครับ”
“พอดีว่าอิ่มจะไปค้างที่บ้านสวนกับวิชชี่ค่ะก็เลยว่าจะพากันเลยไปเลยหลังจากที่ไปโรงงานกันแล้ว”
“ครับ..ไม่รู้ว่าถ้าผมจะขอไปเที่ยวด้วยคุณวิชชี่จะรังเกียจมั้ยครับ?” เขาถามหญิงสาวอีกคนขึ้นมาลอยๆ
“คะ?...เมื่อครู่ท่านประธานว่าอะไรนะคะ?” เธอร้องเสียงสุงอย่างตกใจ
“ก็แค่ขอไปด้วยน่ะครับ ว่าไงครับไปได้มั้ย?”
“แต่ว่ามันจะดีเหรอคะ...”
“ทำไมเหรอครับท่านว่ารึเปล่าครับ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นอะไรครับ” เขาบอกเมื่อเห็นท่าทีอึดอัดใจของลูกน้องสาว
“ปะ....ไปได้ค่ะท่านแต่วิชชี่แค่กลัวว่าท่านจะนอนได้รึเปล่าเท่านั้นเอง” เธอรีบบอกเขาเสียงอ่อยเกรงว่าเขาจะใจเธอผิดคิดว่าเธอรังเกียจที่เขาขอไปด้วย
“ยัยวิชชี่!” เรียกเพื่อนสาวเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ เพื่อนก็ยอมให้เจ้านายหนุ่มหล่อติดตามไปด้วยอย่างนี้
“อะไร? แกมีปัญหาเหรอ?” มองหน้าเพื่อนอย่างมีความหมาย เธอคิดว่าสิ่งที่เธอคิดเอาไว้คงไม่ผิดนัก
‘เจ้านายสนใจเพื่อนรักเธออยู่แน่ๆ แล้วเธอเพื่อนที่แสนจะน่ารักคนนี้จะไม่ช่วยเพื่อนให้สมหวังได้อย่างไรกัน’
“เปล่า...แต่แกแน่ใจเหรอว่าถ้าเจ้านายไปด้วยจะไม่เป็นเรื่องราวอีกน่ะ?”
“คง...ไม่หรอกมั้ง...” เธอเองก็ไม่แน่ใจมากนักว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรเพราะเธอไม่อาจจะล่วงรู้อนาคตอะไรได้
“งั้นตามใจแกนะ...เกิดเรื่องอะไรฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนนะครับ” บอกก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบน อย่างเร่งรีบ โดยไม่ได้หันมาทางสองสาวที่นั่งอยู่อีก
“แกแน่ใจนะวิชชี่ที่ตัดสินใจอย่างนี้น่ะ” หันมาถามเพื่อนสาวอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“เอาน่าอิ่มแกจะตีตนไปก่อนทำไมกันอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดละ”
“ฉันละอยากจะรู้จริงๆ เหตุผลที่แกให้คุณจินไปที่บ้านสวนด้วยน่ะ?” หยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบมองหน้าเพื่อนไปพลาง
“นี่ยัยอิ่ม! แกซื่อหรือว่าโง่จนมองไม่ออกน่ะว่าคุณจินเขาให้ความสนิทสนมกับแกเป็นพิเศษยิ่งกว่าทุกคนน่ะ”
“ไม่นี่..เรื่องปกติมั้ง....ฉันทำงานกับเขานี่นา” ส่ายหน้าอย่าไม่เห็นว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษเสียอีก
“ไม่มีทาง ท่านประธานน่ะเรียกได้ว่าไม่เคยให้ใครเข้ามาที่บ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำแล้วแกน่ะเข้ามาตั้งสามครั้งแล้วเขาเป็นคนที่พาแกมาเองเสียด้วย แถมเมื่อคืนยังไปงานเลี้ยงวันเกิดพี่ชลพร้อมแกอีกน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกก็แค่เบื่อๆ เลยหาทางพักผ่อนมั้ง?”
“ยัยอิ่ม!!...แกจะบื้อไปถึงไหนเนี่ย”
“แกจะคิดมากทำไมถ้าเขาสนใจฉันจริงๆ วันหนึ่งฉันจะรู้เองละว่าเขาคิดอะไรอยู่หรือไม่ถ้าฉันไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกที่เขาเพียรส่งมาให้ฉัน...ก็คิดซะว่าเราสองคนไม่ใช่คู่กันแกน่าจะรู้นะว่าผู้ชยที่จะมาเป็นคนรักของฉันน่ะมาตรฐานสูงอยู่ เรียกได้ว่าต้องให้ได้เท่ากับพ่อฉันเลยละ”
“งั้นแกจะเปิดโอกาสให้เขามั้ย?” มองข้ามไหล่ของมนปริยาไปก็เห็นว่าจิณณ์วัตรยืนอยู่ที่บันไดแล้ว
“นั่นอยู่ที่เขาเองนะว่าจะเลือกรับโอกาสนั้นมั้ยมันต้องดูกันต่อไป” เธอยังคงแบ่งรับแบ่งสู้
“งั้นถ้าเขาจะจีบแกจริงๆ ก็ไม่ว่าอะไรงั้นซิ”
“อยู่ที่เขามากกว่านะเราบังคับใครไม่ได้แล้วอีกอย่างนะวิชชี่เกิดเขาไม่ได้คิดอะไรด้วย...แกอย่าพูดอะไรที่เขารู้สึกไม่ดีดีกว่านะ”
“เกิดว่าเขาคิดละ?”
“เรื่องอนาคต”
“เสร็จแล้วครับเราไปกันเลยมั้ยครับ” ชายหนุ่มเดินถือกระเป๋าเข้ามาหาทั้งสองสาว ก่อนจะออกไปที่หน้าบ้านด้วยกัน
“เอารถอิ่มไปนะคะ ขืนจอดไว้นานๆ กลัวมันจะวิ่งไม่ออกน่ะค่ะ” บอกชายหนุ่มเมื่อเขาถือกุญแจรถมาด้วย
“เอางั้นเหรอครับ?”
“คะ”
“อิ่ม...แกให้ท่านประธานขับนะหรือไม่ก็ให้ฉันขับก็ได้”
“ทำไมละ..” หันไปถามเพื่อนที่ยืนด้านหลังอย่างสงสัย
“ฉันอยากนั่งรถสบายๆ ไม่อยากนั่งเกร็งไปตลอดทางน่ะ”
“โหย..แกนี่ดูถูกฉันะ” ทำหน้าตูมใส่เพื่อน
“ฉันไม่ได้ดูถูกแกแต่ฉันไม่อยากตายทั้งที่ยังโสดอย่างนี้น่ะ”
“ฉันขับก็เหมือนกันนี่”
“แกมันตีนผีนี่นา” ทั้งสองสาวยังคงถกเถียงกันไม่เลิกรา
“เอาเป็นว่าผมขับเองละกันครับ...อิ่ม...ขอกุญแจรถด้วย” แบมือขอกุญแจรถจากเธอ มนปริยายื่นกุญแจให้จิณณ์วัตรแต่โดยดี
“อิ่มเขาขับรถเร็วค่ะท่านประธาน”
“เรียกชื่อก็ได้ครับ เรียกท่านประธานมันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ซิ”
“ค่ะ”
“ผิดคาดนะครับที่อิ่มขับรถเร็ว ขับรถแข่งด้วยรึเปล่าครับ?”
“เมื่อก่อนค่ะ...”
“งั้นเหรอ คงติดมาจากสนามแข่งซินะครับ”
“ไม่หรอกค่ะมันเป็นความชอบส่วนตัวค่ะพ่อกับแม่อิ่มยังว่าอิ่มเลย ว่าไม่อยากให้อิ่มขับรถที่มีเครื่องแรงๆ เพราะอิ่มจะเหยียบซะมิดเกเชียวละค่ะ” บอกอย่างมีความสุขเวลาที่เอ่ยถึงครอบครัว
“ครอบครัวอิ่มคงรักใคร่กันมากนะเห็นทุกครั้งเวลาที่เอ่ยถึงทีไรดู..อิ่มมีความสุขจัง”
“ค่ะ..ครื้นเครงดีค่ะ”
“แล้วพวกท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ”
“อิ่มอยู่คนเดียวค่ะพ่อกับแม่อยู่ที่บ้าน” เธอบอกความจริง แต่ไม่ได้บอกแค่นั้นว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน
“เหรอคงอยู่ต่างจังหวัดซินะ...” มนปริยาเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะถ้าตอบก็เท่ากับเธอโกหกน่ะซิ
“วิชชี่แกไม่รู้จริงๆ หรอว่าตากับยายเรียกแกกลับทำไมนะ” เปลี่ยนไปถามเพื่อนี่นั่งอยู่ด้านหลังแทน
“ไม่...พวกท่านไม่ยอมบอก มีแต่บอกว่าให้กลับบ้านสวนแค่นั้นเอง” ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจนปัญญา
“น่าแปลกพวกท่านไม่เคยเรียกแกกลับนี่นา ส่วนใหญ่จะเป็นป้าแกมากกว่า”
“นั่นซิ คงไม่ใช่ปัญหาโลกแตกหรอกนะ..”บอกอย่างเบื่อๆ
“อะไรวะ?”
“จะอะไรละ..ก็แต่งงานน่ะซิ”
“ห๋า!...แต่งงาน!! นี่มันยุคไหนแล้วเนี่ย...แต่งงานไม่อยากจะเชื่อ”
“เออ...พวกท่านอยากให้ฉันมีครอบครัวน่ะ ส่วนฉันยังไม่อยากจะมี มันก็เลยคาราคาซังมาตลอด”
“แปลกนะ ถ้าเป็นพ่อกับแม่ฉันบังคับละก็ฉันจะหนีไปให้ไกลไม่ให้ใครตามฉันเจอเชียวละ..”
“นั่นมันแก...”
“ว่าแต่คุณจินละคะ ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ?” หันหน้าไปถามชายหนุ่มที่ตั้งใจขับรถอยู่เงียบๆ
“ก็...คงต้องรอเจ้าสาวเขาตกลงปลงใจกับผมก่อนน่ะครับ”
“เอ๋...ชักอยากเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของคุณแล้วซิคะ” เธอถามอย่างล้อเลียน
“ผมยังไม่ได้บอกเขาน่ะว่าคิดอะไร และเธอก็คงยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำไป ว่ากำลังโดนหลงรักอยู่” ปรายตาสาวสวยที่นั่งข้างๆ เขาอย่างสื่อความหมาย และไม่เล็ดลอดสายตาของวิชญาดาไปได้
“อย่างนี้น่าเห็นใจนะคะ อีกฝ่ายนี่คงซื่อบื่อเอามากๆ เลยนะคะ”
“นั่นซิ ถูกคนอย่างคุณจินหลงรักยังไม่รู้ตัวอีก” มนปริยาเสริมอย่างเห็นด้วย โดยไม่รู้ว่าตนเองนั่นละที่กำลังโดนว่าอยู่ “ผมว่าคงต้องให้เวลาเธอหน่อยละครับ”
“คุณจินไม่บอกผู้หญิงคนนั้นไปเลยละคะ ว่ารักเธอน่ะ”
“ผมอยากให้เธอคุ้นกบผมมากว่า..เวลาที่ผมบอกเธอไปเธอจะได้ไม่ตกใจดูท่าเธอจะไม่รู้ตัวเอาจริงๆ นะครับวิชชี่”
“คนเรานะคะเก่งทุกเรื่องแต่พอเป็นเรื่องหัวใจแล้วโง่ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ” เหน็บเอาอย่างหมั่นไส้
“แปลกนะคะหลายคนอยากเป็นแฟนกับคุณจิน แต่กับเธอคนนี้ไม่มีท่าทีเลยเหรอคะ?” “เธอก็เฉยๆ นะ เวลาไปกับผมเธอก็ไม่ขัดเขินเท่าไรนัก”
“แต่เธอก็ไปกับคุณจินบ่อยสุดไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็เรื่องงานทั้งนั้นน่ะครับ”
“ไม่นะคะ...นอกเวลางานก็ไม่เห็นเธอไปกับใครนอกจากกลุ่มเพื่อน จะมีก็คุณจินนี่ละค่ะที่เธอยอมไปไหนมาไหนด้วย” แย้งอย่างไม่เห็นด้วยก็เพื่อนเธอจะเรียกว่าถือตัวก็ไม่เชิงนักเพราะมนปริยาจะไม่ยอมไปไหนกับหนุ่มๆ ที่มาชวนเธอเลยซักครั้ง แม้จะไปก็มีเธอและชลธิชาไปด้วยเสมอ
“แสดงว่าผมก็ยังพอมีหวังน่ะซิครับ”
“ลองดูไม่เสียหายนี่คะ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น