ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนันร้าย พันหลักใจ (พิมพ์กับ อะเมทิสต์ จ้า...)

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 52


    ตอนที่ 17 



    “ไปด้วยกันจะดีเหรอเนี่ย” มนปริยานั่งอยู่คนเดียวภายในห้องนอนของเธอเองหลังจากที่ชายหนุ่มมาส่งเธอที่หน้าคอนโดฯ เรียบร้อยและเขาจะกลับมารับเธอใหม่อีกที 


    เฮ้อ! มีหวังเธอโดยสาวๆ ฉีกอกแน่ๆ เชียวพวกนั้นยิ่งเป็นพวกคลั่งเจ้านายกันอยู่ด้วย สาธุขออย่างให้ยัยนารากับยัยสุริภาไม่ไปด้วยทีเถอะ... 


    ‘แต่ช่างเหอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดวันยังค่ำ’ คิดอย่างปลงตก และรีบหยิบชุดสีดำเปิดหลังมาสวม วันนี้เธอแต่งด้วยโทนสีดำชุดแซคเปิดหลังสีดำ รองเท้าสีดำเธอปล่อยผมให้ทิ้งตัวลงมาเฉยๆ 


    โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเธอเพียงติดเครื่องประดับเอาไว้เพียงชิ้นเดียวกันรำคาญ มนปริยาออกมารอชายหนุ่มที่หน้าคอนโดฯ หลังจากที่เขาโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว เธอยืนรอไม่นานก็เห็นชายหนุ่มเดินมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตตัวในปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นแผ่นอกที่มีเสน่ห์ของเขา และสวมทับด้วยเสื้อนอกทำให้ดูลำลองมากขึ้น 

    “สวัสดีตอนค่ำครับอิ่ม คุณ...สวยมาก..” เขามองเธอไม่วางตาแสดงความชื่นชมออกมาชัดเจน 


    “ขอบคุณค่ะ คุณจินก็หล่อ..มีหวังสาวๆ กรี้ดแน่” ตาเธอพราวไปด้วยรอยยิ้มเมื่อคิดถึงสีหน้าของสาวๆ เมื่อเห็นว่าเธอมาพร้อมกับใคร 


    “เหรอครับ ขอบคุณมากเราไปกันเถอะครับ” เขายกแขนให้เธอควงออกเดินไปที่รถที่จอดอยู่บริเวณที่จอด พอถึงรถแล้วเธอต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีเงินจอดอยู่คือปอร์เช่รุ่นใหม่ล่าสุดที่เธออยากได้มากๆ เธอหันไปมองหน้าเขาอย่างแปลกใจที่วันนี้เขาขับรถมาเอง 


    “หน้าผมมีอะไรเหรอครับอิ่ม...” มองหน้าเธออย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของเธอ 


    “แปลกค่ะ ทุกทีเห็นคุณจินนั่งรถหรูมีคนขับให้ไหงวันนี้ขับเองละคะ?” 


    “แหม...อิ่มครับจะกับสาวทั้งทีจะให้ผมเอาคนขับรถมาทำไมครับแล้วก็ที่เอารถคันนี้มาเพราะมันสะดวกกว่าครับ” 


    “ค่ะ...”
     

    “เชิญครับคนสวยยืนนานๆ หนาวนะ” บอกอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นชุดที่เธอสวมอยู่ด้านหลัง ออกจะเป็นห่วงนิดหน่อยเพราะมันดู..โป้.... แปลกทีเขาเห็นคนอื่นเปิดแผ่นหลังไม่รู้สึกอะไร แต่กับมนปริยาเขากลับอยากให้เธอหาอะไรมาปิดบังเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นแผ่นหลังขาวเนียนของเธอ 


    เหมือนว่าคำขอของมนปริยาจะไม่ถึงคนบนฟ้า คู่แค้นอย่างนารากับสุริภาถึงมางานในวันนี้ด้วย งานนี้จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้มั้ยเนี่ย 


    “มากันทั้งแผนกเลยมั้ยอิ่ม?” เขาก้มมาประซิบถามเมื่อเดินเข้ามาในร้านและรู้ว่ากลุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดเป็นคนที่บริษัทเขาทั้งหมดอาจจะมีแปลกหน้าอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก 


    “ต้าย! นั่นท่านประธานนี่นา..มากับนังอิ่มได้ไงน่ะ” สุริภาเป็นคนเห็นก่อนเพื่อน ทักอย่างหมั่นไส้ที่คนที่เดินมาหาใช่เธอไม่ 

    “ไหน...ไหน” นาราได้ยินดังนั้นหันไปสนใจสิ่งที่เพื่อนบอกทันทีและสิ่งที่เธอเห็นก็คือนังอิ่มเดินมาพร้อมกับท่านประธานของเธอจริงๆ เสียด้วย และวันนี้เธอยังพาหนุ่มควงมางานด้วยเพื่อกลบรัศมีนังอิ่มแต่กลายเป็นว่า...
     

    “อ้าว? อิ่มมาแล้ว....” วิชญาดาหยุดคำพูดไว้เมื่อมองไปข้างๆ เพื่อนรักและเห็นคนที่เธอไม่คิดว่าจะมางานวันนี้ด้วยเลย 


    “มาแล้ว..เห็นมั้ยฉันบอกว่ามาททันก็ต้องทัน” บอกเพื่อนอย่างร่าเริง
     

    “คุณจินไปนั่งก่อนมั้ยคะ เดี๋ยวอิ่มจะไปหาพี่ชล” หันไปถามชายหนุ่มข้างๆ ก่อนเพราะเธอจะไปหาหัวหน้าก่อนเพื่อมอบของขวัญที่เธอเลือกให้กับมือ 


    “ผมไปกับอิ่มด้วยดีกว่ามางานเขาแต่ไม่ไปทักทายคงน่าเกลียดตายเลยอิ่มนำไปซิ”
     

    “ได้ค่ะ” หยิบเอาของขวัญมาถือเอาไว้และเดินตรงไปหาหัวหน้าของเธอที่เธอเคารพมากๆ 


    “พี่ชล...สุขสันต์วันเกิดค่ะ” 


    “อ้าว?....อิ่มมาแล้วแหรอ ตายแล้ว!....” มองชายหนุ่มอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใครชัดๆ พลางมองทั้งสองคนสลับกันไปมา 


    “สุขสันต์วันเกิดนะครบคุณชลธิชา” เขาเอ่ยขึ้นเรียบๆ อย่างจริงใจ 

    “ขะ...ขอบคุณมากค่ะ....ท่านประธาน” 


    “พี่ชล...มีความสุขมากๆ นะคะ นี่ค่ะของขวัญจากอิ่มกับคุณจินค่ะ” เธอยื่นกล่องของขวัญให้ ยื่นมือรับของอย่างไม่หายตกใจ
     

    “ขอบ...ใจมากนะ....ท่านประธานด้วยนะคะ” 


    “ไม่เป็นไรครับด้วยความยินดี”
     
    “งั้นอิ่มพาท่านประธานไปหาที่นั่งก่อนซิจะ...” บอกหลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว 


    “เป็นไงพี่ชลใบ้กินเลยเหรอ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาทักหลังจากที่มนปริยากับจิณณ์วัตรเดินออกไปแล้ว 


    “ถามมาได้เป็นพวกแกจะไม่เป็นอย่างฉันเหรอ”
     

    “เป็น/เป็น” ทั้งสองคนต่างตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
     

    “ว่าแต่พี่อิ่มทำยังไงน่ะท่านประธานถึงได้มาด้วยได้น่ะ แล้วพี่เห็นสองคนนั้นมั้ยยัยนารากับยัยภาน่ะดูซิพี่ตาลุกวาวเชียวคงแค้นมากเนอะอุตส่าห์ควงหนุ่มมาเย้ยพี่อิ่ม แต่ใครจะเชื่อ...พี่อิ่มมาเหนือเมฆควงท่านประธานออกงานน่ะ”
     

    “แกสองคนอย่าเอ็ดไปเดี๋ยวยัยสองคนนั่นก็มาฉีกอกแกหรอกนะ” 


    “อิ่มทางนี้” วิชญาดากวักมือเรียกเพื่อนที่เดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว
     

    “เออ...ไปค่ะคุณจิน” เธอจับมือเขาจูงมือเขาให้เดินตามท่ามกลางสายตาตกใจของคนที่อยู่ในนั้น และสิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คอชยหนุ่มที่เป็นจ้านายของทุกคนเดินตามเธออย่างไม่เดือดร้อนอะไรและไม่มีทีท่าว่าจะไม่พอใจอีกด้วย 


    “กรี้ด! ยัยอิ่มแกกล้ามากเลยนะ”วิชญาดาถามหลังจากที่เพื่อนั่งลงข้างตัวเองและมีเจ้านายนั่งติดกับมนปริยาอีกที วิชญาดาเอนมากรี้ดใส่เพื่อนอย่างตื่นเต้น
     

    “เรื่องอะไร?” ถามเพื่อนอย่างไม่รู้จริงๆ
     

    “อย่ามาแกล้งโง่หน่อยเพื่อน ก็เมื่อกี่แกจับมือท่านไง”
     

    “อ๋อ...ไม่เห็นแปลกอะไรนี่นา ก็จะได้เดินเร็วขึ้นไง คิดอะไร...” 


    “แต่แก...ไม่เห็นบอกฉันซักคำเดียวว่าจะชวนท่านประธานมาด้วยน่ะ” 


    “อ้าว...เป็นเรื่องที่ต้องบอกก่อนเหรอฉันไม่รู้นี่นา แล้วคุณจินก็เพิ่งบอกเองว่าจะมาด้วยฉันก็เลยไม่ได้บอกน่ะ” แบมือสองข้างเหมือนไม่รู้ว่าจะว่าอะไรดี ตีหน้าซื่อใส่เพื่อน
     
    “ก็มัน...” ไม่รู้จะว่ายังไงยังดี ได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่คนเดียว
     

    “คุณจินเอาอะไรดีคะ?” หันมาถามชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ 


    “น้ำเปล่าก็ได้ครับ”
     

    “น้ำเปล่า...ได้ไงกันคะมางานเลี้ยงทั้งที เอาเบียร์แล้วกันนะคะ” 


    “แต่ว่า..ผมขับรถนะอิ่ม” บอกเรื่องที่กังวลอยู่ 


    “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะอิ่มขับรถเป็นอย่าลืมนะคะ ไม่ต้องห่วงถ้าคุณจินเมาละก็อิ่มส่งถึงที่ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครจับแต่งงานหรอกค่ะ”
     

    “เอางั้นเหรอครับ”
     

    “ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะมาเที่ยวต้องให้สนุกนะ” 


    “งั้นก็ฝากตัวด้วยนะครับ” 


    “ไม่มีปัญหาค่ะ น้องเอาเบียร์มาเหยือก แล้วก็โค้กแก้วนึงด้วย” หันไปสั่งพนักงานที่เดินผ่านมาทันที
     

    “ไม่ชวนน้องจินนี่มาด้วยคะอยู่บ้านเหงาแย่ค่ะ” 


    “เขาต้องอ่านหนังสือครับ....ครื้นเครงดีนะครับ” เขามองไปรอบๆ เห็นทุกคนสนุกสนานกันเต็มที่ สมกับอยู่แผนกการตลาดจริงๆ รักความสนุกสนานเป็นอย่างมาก สองสาวประชาสัมพันธ์ ต่างจับจ้องสายตาอยู่ที่มนปริยาคู่อาฆาตและจิณณ์วัตรที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งมากมาย 


    “เอาไงนารายัยอิ่มมันได้หน้าไปแล้วน่ะ” สุริภาถามด้วยน้ำเสียงเป็นเดือดเป็นแค้นนังอิ่มจะจับเจ้านายไปแทนพวกเธอได้ย่างไร 


    “เอาอย่างนี้นะภา...” พลางกระซิบบอกแผนการที่เธอคิดเอาไว้ เพื่อจะหาทางเข้าใกล้ชายหนุ่มคนนั้นให้จงได้ 


    “ได้...” รับคำอย่างหมายมั่น ก่อนจะลุกออกไปที่อีกมุมของโต๊ะเพื่อดำเนินแผนการ 


    “อ้าว...อิ่มมาแล้วเหรอ” ทักเสียงหวานอยู่ด้านหลังของมานปริยา 

    “ใช่มีอะไรเหรอ?” ถามอย่างสงสัยก็เป็นที่รู้กันว่าสุริภาไม่ชอบขี้หน้าเธอพอๆ กับนาราที่จงเกลียดจงชังเธออย่างกับเธอเคยไปขโมยของหล่อนมาก่อนอย่างนั้นละ 


    “แหม..ทำไมถามเย็นชาอย่างนั้นละ? เราเอาเครื่องดื่มมาให้น่ะอะ...อุ้ย!” แล้วเครื่องดื่มสีแดงก็อยู่ที่บนตัวของสุริภาอย่างคาดไม่ถึงที่อยู่มนปริยาก็ลุกขึ้นเสียอย่างนั้น
     

    “ตายแล้ว! ภา! เธอเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย!?” มนปริยาพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่เมื่อเห็นสภาพอีกฝ่าย
     

    “ฉันขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ไม่คิดว่าจะโดนเธออย่างนี้น่ะ” 


    “กรี้ด! นังอิ่ม!” ชี้หน้ามนริยาย่าโกรธแค้นเมื่อชุดสวยของเธอกลายเป็นสีแดงเข้าเต็มเปา เธอได้แต่เต้นเร่าๆอย่างไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ 


    “ภา! ฉันก็บอกว่าขอโทษแล้วไงละ” ทำหน้ารู้สึกผิดให้อีกฝ่ายเห็น 


    “เธอตั้งใจแกล้งฉัน!” มองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง 


    “เปล่านะ!” โบอกมือปฏิเสธว่อน
     

    “ฉันไม่เชื่อ!! หน้าอย่างเธอน่ะเหรอ!” ตั้งท่าจะเอาเรื่องอีกฝ่าย 


    “จริงๆ นะ...แล้วภาคนที่ตั้งใจจะแกล้งนั่นเธอไม่ใช่เหรอ..อย่าคิดว่าฉันมองไม่ออกนะที่เธอเอาเครื่องดื่มมาให้ทั้งที่เกลียดฉันเข้าไส้ขนาดนั้นน่ะ” ถามกลับอย่าเอาเรื่องเพราะหลายคนรู้เรื่องที่พวกเธอไม่ค่อยลงรอยกันดี
     

    “อย่ามากล่าวหาฉันน่ะ ตัวเองผิดแท้ๆ” 


    “เฮอะ..ฉันบอกว่าขอโทษเธอไปแล้วนะ แต่เป็นเธอเองนั่นละที่ไม่ยอมเอง ยังมากล่าวหาว่าฉันเป็นฝ่ายที่จะแกล้งเธอน่ะ แล้วน้ำนั่นก็เป็นของเธอเองไม่ใช่เหรอ?” กอดอกมองหน้าสุริภาอย่างเอาเรื่อง เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสุริภาจะเก่งแค่ไหนกัน
     

    “ท่านประธาน!” สุริภาหันหน้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังของมนปริยา 


    “แล้วคุณคิดว่าจะให้ผมทำยังไงละ?” เขาถามเสียงเรียบ หลายคนต่างมองมาที่ทั้งสามคนเป็นตาเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าว่าเจ้านายจะจัดการกับเรื่องที่เกิดยังไง 


    “ภาจะเอาเรื่องกับนังอิ่มดูชุดภาซิคะ” 


    “เฮอะ...คิดเหรอว่าฉันไม่รู้ทันหล่อน่ะ” 


    “เห็นมั้ยมันยอมรับแล้วว่ามันตั้งใจน่ะ” 


    “เอ้า!...งั้นเธอก็ยอมรับซินะว่าตั้งใจจะทำให้น้ำแก้วนั้นหล่นมาที่หัวฉันถ้าฉันไม่ลุกขึ้นน่ะ” มองหน้าสุริภาอย่างเอาเรื่องน้อยคนนักที่จะเห็นมนปริยาแสดงอาการโกรธจริงจังใส่ 


    “เอาละๆ ผมว่าต่างคนต่างให้จบเรื่องแค่นี้ดีกว่านะ อิ่มเขาก็ขอโทษแล้ว ส่วนคุณสุริภาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างมากผมรับผิดชอบเรื่องชุดแทนก็ได้” เขาบอกอย่างระอา 


    “ได้ค่ะ/ไม่ได้” 


    “อิ่มไม่ยอมหรอกค่ะ ถ้าอยากพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูกละก็เจอกันที่โรงพักได้เลย เรื่องอะไรฉันจะยอมให้หล่อนเอาเปรียบแล้วชุดเธอน่ะซักกี่บาทกันเชียวเกิดโก่งราคาเอาชุดเป็นหมื่นคุณจินก็เสียเปรียบซิ ถ้าไปโรงพักแล้วตำรวจบอกว่าฉันผิดละก็ฉันจะยอมชดใช้ให้ แต่ถ้ากลับกันละก็...”
     

    “แก...” ชี้หน้ามนปริยาไม่คิดว่านังอิ่มมันจะมาไม้นี้
     

    “แกอะไรว่าไงกล้ามั้ย” ถามกลับอย่างเป็นต่อ 


    “อิ่มไม่เอาน่าผมว่าอย่ามีเรื่องกันดีกว่านะ” จิณณ์วัตรพยายามดึงแขนให้มนปริยารู้สึกตัวว่าจริงจังเกินไปแล้ว 


    “ไม่ได้หรอกค่ะคุณจิน ตีงูต้องตีให้ตายค่ะ จะได้ไม่กลับมาแว้งกัดเราได้อีก เห็นเรายอมก็จะทำอีกเรื่อยๆ อย่างนี้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอหันไปพูดกับชายหนุ่มเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน และอยากให้เขารู้ความคิดของเธออีกด้วย
     


    “เอาน่าภาอิ่มเขาก็ยอมขอโทษแล้วเลิกแล้วต่อกันดีกว่านะ” นาราเดินเข้ามาดึงแขนของสุริภาให้เดินออกจากตะรางนั้น เป็นเพื่อนที่แสนดี 


    “ฉันไม่ยอมนะนาราแกก็เห็นนี่นา” “แกก็รู้นี่นาภา ถ้าเจอกันที่โรงพักใครจะแพ้ แกเองก็จะเสียหน้าด้วยนะ ยอมถอยตอนนี้เราค่อยคิดหาวิธีกันใหม่นะ” 


    “ขอโทษนะ..เราสองคนขอตัวละ” หันมาบอกทุกคนก่อนจะเดินออกจากงานโดยไม่สนใจหนุ่มที่เธอควงมาด้วยเลยแม้แต่น้อย 


    “เชอะ....ไม่แน่จริงนี่หว่า” 


    “เอาน่าอิ่มนั่งลงก่อน อย่าห้าวนักเลย” จิณณ์วัตรดึงแขนหญิงสาวให้นั่งลง นี่เป็นสิ่งใหม่ที่เขารู้เกี่ยวกับมนปริยาคือเธอเป็นคนที่เอาเรื่องอยู่ไม่น้อย และไม่กลัวคนหาเรื่องจริงๆ ถ้าเธอไม่ผิดเธอจะสู้ยิบตา จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม 


    “ดื่มน้ำก่อน” ยกเครื่องดื่มให้เธอ 


    “ขอบคุณค่ะ” 


    “อิ่ม...แกเป็นอะไรวะ? วันนี้วีนกว่าทุกวันนี่นา?” วิชญาดาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเพื่อนแปลกกว่าทุกวันที่มีเรื่องกัน 


    “เปล่า...แค่หงุดหงิดเรื่องไร้สาระ ขอโทษแล้ว นี่คงอยากได้ชุดใหม่ละซิ...เชอะฉันไม่ยอมหรอก” เบ้ปากอย่างเหยียดหยันเมื่อนึกถึงอีกฝ่าย 



    “ทุกคนไม่มีอะไรแล้วสนุกกันได้แล้วจ้า” วิชญาดาลุกขึ้นมาคลี่คลายบรรยากาศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับแผนกการตลาดอยู่แล้ว แต่คนอื่นที่ไม่รู้อาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ ทุกคนจึงหันไปสนุกกันต่อ... 


    “ขอโทษคุณจินนะคะที่ให้มาเห็นอะไรอย่างนี้” เธอบอกเขาอย่างรู้สึกผิดที่แสดงอะไรไม่ดีออกไป 


    “ไม่หรอก สนุกดีนะ ไม่คิดว่าจะเห็นด้านมืดของอิ่มเร็วขนาดนี้” เขาบอกยิ้มๆ 


    “แหมคุณจินก็...นี่แค่อออเดิร์ฟค่ะ ของจริงยังอีกเยอะ” วิชญาดาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ 


    “ยัยวิชชี่...” 


    “เอ้า...ก็ฉันพูดเรื่องจริงนี่นา...แค่อยากให้รู้เอาไว้นะคะ ว่ายัยอิ่มร้ายกว่านี้เยอะค่ะ” ลอยหน้าลอยตาบอกจิณณ์วัตรอย่างไม่สนสายตาจิกห้ามอยู่นั้น 


    “ไม่เป็นไรครับ คิดว่าผมคงรับมือไหว”
     

    “อะไรนะคะ!” เธอหันมาถามเขาทันทีที่เขาพูดเมื่อครู่ 


    “เปล่าไม่มีอะไรหรอก ทานซิครับตั้งแต่มาอิ่มยังไม่ทานอะไรเลย เอาแต่บริการผมอยู่นั่นละ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะเอาหรอก” ตักอาหารใส่จานเธอมากมายอย่างเอาใจ 


    “ขอบคุณมากค่ะ คุณจินก็ทานเถอะค่ะอย่ามัวแต่ตักให้อิ่มนักเลยค่ะ” บอกเขาเมื่อเขาไม่สนใจทานเลย และทั้งสองไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมาที่พวกเธอบ่อยๆ อย่างสงสัย 


    “แกว่ามั้ยวิชชี่ สิองคนนี้มัน...” ชลธิชาถามลูกน้องอย่างสงสัยหลังจากที่เดินมานั่งข้างๆ วิชญาดาแล้ว 


    “วิชชี่บอกพี่ตั้งแต่วันนั้นแล้วพี่ก็ไม่เชื่อสองคนนี้ตั้งมีอะไรแน่ๆ..”
     

    “เอ้า..ไม่เห็นกับตาใครจะไปชื่อกันละ” 


    “ตอนนี้เชื่อแล้วงั้นซิ?” 


    “90%” 



    มาแล้วๆ เฮ้อ....มันหน้าน้อยใจจริงๆ  เม้นท์หน่อยน้า คนเขียนจะได้มีกำลังใจเยอะๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×