ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 15
ตอนที่ 15
หลังจากที่เธอกลับจากบ้านชายหนุ่มแล้ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องนั่งรถมากับเขา อย่างเลี่ยงไม่ได้ และวันนี้เธอแต่งตัวค่อนข้างทะมัดทะแมงตามที่เขาบอก เธอสวมกางเกงสีขาวและเสื้อสูทสีเดียวกันเข้ารูปตัวใจใส่เสื้อกล้ามสีเขียวเอาไว้
“วันนี้เราจะออกข้างนอกทั้งวันนะ” จิณณ์วัตรบอกเรียบเมื่อออกมาด้วยกันแล้ว
“ตามบัญชาเถอะค่ะ อิ่มไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่ที่โรงงานมีปัญหารึเปล่าคะ?”
“เปล่าหรอก...แค่จะไปดูพื้นที่สำหรับลงเครื่องจักรใหม่น่ะว่าเรียบร้อยดีมั้ยแล้วก็ไปตรวจงานด้วย” เขาบอกเธอสบายๆ พลางเปิดเอกสารที่หยิบติดมือมาด้วยขึ้นมาอ่าน
“เหรอคะ..แต่ถ้าอย่างนี้คุณจินให้อิ่มมาคนเดียวก็ได้นี่คะ?” เธอไม่เข้าใจว่าเขาว่างด้วยเหรอถึงต้องมาด้วย ทั้งที่ตารางงานเขาแน่นมากจนแทบจะกระดิกตัวไม่ได้แท้ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ ว่าแต่อิ่มเถอะเมื่อคืนเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะนอนหลับฝันดี”
“ไม่ใช่อย่างนั้นผมหมายถึงว่าเหนื่อยมากมั้ย ตะหาก”
“อ๋อ..ไม่เท่าไหร่ค่ะ แค่นี้เอง ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ก็โล่งใจเพราะใช้คุณไปเรื่องส่วนตัวแท้ๆ”
“แหม..ไม่ได้หรอกหนาเสียหน่อยค่ะ แถมได้กำไรมาขนาดนี้” เธอยกนาฬิกาเรือนที่ชายหนุ่มจัดการจ่ายเงินให้แทนเธอเมื่อวานนี้ให้ดู
“คุณใส่ด้วยเหรอ?” เขานึกว่าเธอจะไม่ยอมสวมมันเสียอีก
“อ้าว?...ทำไมจะไม่ใส่ละคะ?”
“เปล่า...ผมนึกว่าพอผมเป็นคนซื้อให้คุณจะไม่ยอมใส่ เห็นเมื่อวานอิ่มทำท่าแปลกๆ ด้วย”
“อ๋อ...” เธอร้องอย่างเข้าใจเขา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่ไม่มีใครซื้อของให้อิ่มมากนักก็เลยรู้สึกแปลก เวลาที่มีคนมาจ่ายตังค์ให้แค่นั้น แล้วเรื่องที่ว่าอิ่มจะไม่ใส่น่ะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะเพราะอิ่มไม่มีนาฬิกาใส่เลย ยังไงก็ต้องใส่อยู่แล้ว” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
“งั้นเหรอ?”
“อีกอย่างอิ่มชอบมันมากกว่าที่จ่ายตังค์เองซะอีกค่ะ”
“ผมดีใจนะ”
“อิ่มก็ดีใจค่ะ มีหนุ่มมาซื้อนาฬิกาเรือนนึงตั้งแพงให้เนี่ย ปลื้มออกค่ะ ไม่มีใครรู้นี่คะว่าคุณจินเป็นเจ้านาย คนอื่นเขาต้องคิดว่าหนุ่มหล่อซื้อให้อยู่แล้วค่ะ” ที่เธอพูดนั้นไม่ผิดเพราะหลายคนที่เห็นตอนที่ชายหนุ่มใส่นาฬิกาให้เธอนั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างอิจฉาว่าดีจังมีหนุ่มหล่อใจปั้มซื้อนาฬิกาให้
“โห..งั้นผมคงต้องยืดหน่อยละ”
“ยืดไปเถอะค่ะ เกิดสาวๆ ของเจ้านายรู้เข้ามาเล่นงานอิ่มอย่างนั้นตายแน่ๆ ค่ะ”
“ผมบอกตั้งหลายครั้งแล้วนะอิ่มว่าผมโสดน่ะ” บอกเธอด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“เห....โกรธเหรอคะ?” เธอมองเขาตาโตอย่างตกใจไม่นึกว่าเขาจะโกรธเธอด้วยเรื่องแค่นี้
“ผมไม่พอใจ...” เขาทำงอนเธอเหมือนเด็กๆ
“โธ่...คุณจินเด็กทำมันก็น่ารักนะคะแต่คุณจินทำแล้วเนี่ย...”
“ทำไม?”
“น่าเกลียดออกค่ะ”
“คุณนี่มัน...”
“ทำไมคะ อิ่มเป็นอะไร” เธอถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่รู้ละวันนี้อิ่มต้องเลี้ยงข้าวผมด้วย” เขาสรุปบทลงโทษที่ทำให้เขาโกรธเสร็จสรรพ โดยไม่ได้ถามว่าเธอจะง้อเขามั้ยเนี่ย....
“โอเค...เลี้ยงก็ได้หรอกค่ะแต่อิ่มเป็นคนเลือกร้านนะคะ”
“เรื่องนั้นผมก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเธอขอเป็นคนเลือกร้านที่จะทานเองเพราะเขาเป็นคนที่ทานง่ายอยู่แล้ว เมื่อมาถึงโรงงานเป้าหมายแล้ว ชายหนุ่มก็ลบภาพชายหนุ่มอารมณ์ดีไปหมดเหลือแต่เจ้านายจอมโหด ลงจากรถด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“สวัสดีครับท่านประธาน” สุวัฒน์ชายร่างใหญ่ผิวเข้มเป็นผู้จัดการโรงงานรีบวิ่งเข้ามาหาจิณณ์วัตรอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาถึงที่นี่โดยไม่มีกำหนดการณ์เอาไว้ว่าจะมา
“เป็นไงบ้างเรื่องพื้นที่น่ะ” ถามพลางเดินเข้าไปในพื้นที่ โดยมีมนปริยาเดินตามหลังไปเงียบๆ ปล่อยให้ชายหนุ่มสอบถามผู้จัดการตามสบาย
“ไม่มีปัญหาครับเจ้าหน้าที่กำลังทำตามแบบที่ได้มาครับ”
“ดี งั้นพาผมไปดูหน่อย...อิ่มจะไปพร้อมกันหรือว่าคุณจะเข้าออฟฟิศก่อนดีละ?” หันมาถามคนข้างหลังที่เงียบมาตลอดทาง และเป็นสีหน้าแบบเดียวกับที่เขาใช้เวลาที่ออกมาทำงานคือนิ่งโดยไม่มีใครจับสีหน้าได้ว่าคิดอะไรอยู่
“อืม..อิ่มไปพร้อมคุณจินดีกว่าค่ะอยากเห็นในโรงงานด้วยค่ะ”
“งั้นไปกันครับ...อ้อ คุณสุวัฒน์นี่คุณมนปริยารูจักไว้ซิ”
“สวัสดีครับคุณมนปริยาครับ”
“สวัสดีค่ะคุณสุวัฒน์ ยินดีที่รู้จักนะคะ”
“งั้นไปกันเถอะ” เอ่ยขึ้นเรียบๆ สีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นผู้จัดการโรงงานมองหญิงสาวที่มากับเขาไม่วางตา เขาเป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะมองไม่ออกมาชายคนนี้สนใจมนปริยา เขาเลือกให้หญิงสาวมาเดินอีกฝั่งของเขาเพื่อบังสายตาที่มองนั้น
สุวัฒน์มองหญิงสาวที่เจ้านายแนะนำอย่างสนใจเต็มที่ แต่เมื่อเห็นว่าเจ้านายจ้องเขาอย่างไม่พอใจอยู่ เขาจึงต้องหลบสายตาไปมองทางอื่น แต่คิดว่ายังไงก็ต้องสานสัมพันธ์กับเธอให้ได้แน่ๆ เขาคิดอย่างมั่นใจ เพราะคิดว่าสาวๆ ทุกคนต้องสนใจเขาอยู่แล้ว
“อิ่มเหนื่อยรึเปล่า” เขาถามเธออย่างห่วงใยเมื่อเดินตรวจพื้นที่กว่าครึ่งแล้ว และเห็นเธอเดินตามเรื่อยๆ และมองทุกอย่างที่เห็นอย่างสนใจ
“ไม่หรอกค่ะแค่นี้เอง คุณจินทำงานต่อเถอะค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ พลางจดอะไรของเธอไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจคนที่เพียรมองเธออยู่นั้น และติดจะรำคาญเสียด้วยซ้ำไป
“เอางั้นเหรอ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจเราะเท่าที่เดินมาก็ไกลพอควร แต่เธอกลับไม่โวยวายหรือบ่นว่าเหนื่อยให้เขาได้ยินแม้แต่ครั้งเดียวเลย
“ค่ะ..ไปต่อเถอะค่ะเสร็จแล้วอิ่มจะได้เลี้ยงข้าวคุณจินไงคะ”
“เอางั้นก็ได้แต่ถ้าเหนื่อยต้องรีบบอกผมนะ” เขาบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“คุณมนปริยานี่เก่งนะครับ คนอื่นป่านนี้บ่นกันแล้วว่าไม่ไหว” สุวัฒน์เอ่ยชมหญิงสาว
“เดินแค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ” เธอบอกเสียงเรียบ
“เหรอครับ...แต่ผมว่าคุณก็เก่งอยู่ดี” เขาพยายามทำคะแนนกับเธอ
“ขอบคุณค่ะ” มนปริยาเดินขึ้นไปหาจิณณ์วัตรที่ยืนคุยกับวิศวกรอยู่ที่เครื่องจักร สอบถามเกี่ยวกับการทำงานและปัญหาที่เกิดขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าอิ่ม?” ถามเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาชิดเขา ทั้งที่ส่วนใหญ่เธอจะไม่เคยเดินมาชิดขนาดนี้
“เปล่าหรอกค่ะ แค่สนใจเรื่องเครื่องจักรน่ะคะ”
“เหรอ...ผมนึกว่ามีอะไรไม่สบายใจเสียอีก”
“ไม่หรอกค่ะ แค่รำคาญ”
“งั้นก็อย่าห่างผมละ”
“อยู่แล้วค่ะ หวังว่าแมลงน่ะคงไม่โฉบมาทางนี้นะคะ”
“คงไม่หรอกเห็นมั้ยยังไม่กล้าตามเลย”
“แปลกนะคะ ขนาดอิ่มเฉยๆ แล้วเขายังมาวุ่นวายกับอิ่มอีก น่ารำคาญจะตา” เบะปากอย่างเบื่อๆ ขณะที่บอกจิณณ์วัตรฟัง
“ต่างจิตต่างใจน่ะอิ่ม เราบังคับให้เขาเข้าใจตามที่เราต้องการไม่ได้ คงต้องแต่คอยเลี่ยงห่างๆ เอาไว้แค่นั้นละ”
“อิ่มก็พยายามอยู่ค่ะ” ทั้งสองเดินตรวจโรงงานด้วยกันโดยที่มนปริยาตามชายหนุ่มติดๆ ไม่เปิดโอกาสให้อีกคนเข้ามาวุ่นวายกับเธอได้เลย จนกระทั้งเดินตรวจไปแค่ครึ่งก็ถึงเวลาพักแล้ว
“เที่ยงแล้ว ให้ผมพาท่านไปทานอาหารเที่ยงนะครับ”
“อย่าเลย วันนี้อิ่มเขาจะพาผมไปทานข้าวน่ะ แต่ก็ขอบใจที่มีน้ำใจนะ” จิณณ์วัตรอกเรียบๆ
“อย่างนั้นเหรอครับ...น่าเสียดายนะครับ” เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อย่างมิดชิด คิดจะกันท่ากันรึไงวะ...
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไปละ เจอกันตอนบ่ายนะ” บอกกก่อนจะดันให้มนปริยาออกเดินนำหน้าเขาไป เพื่อจะได้ทานข้าวเที่ยง
“คอยดูเถอะผมจะทำให้คุณมาอยู่แทบเท้าผมให้ได้” มองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กอย่างหมามาด ยิ่งยากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอยากที่จะลอง อยากรู้เหมือนกันว่าจะยากซักแค่ไหน
“ธร นายจะเอายังไงพวกนั้นยังตามยัยอิ่มอยู่เลย” มนต์ธัชถามพี่ชายฝาแฝดอย่างร้อนใจ เมื่อได้ข่าวไม่ค่อยดีนัก
“เราว่าเรารอดูก่อนดีกว่าทำอะไรตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก”
“นายจะรออีกนานแค่ไหนต้องรอให้เกิดอะไรขึ้นกบน้องเราก่อนรึไง”
“นายไม่ต้องห่วงหรอก คนที่เราส่งไปน่ะเก่งทุกคน แล้วน้องเราก็ไม่ได้อ่อนแอซักหน่อย”
“แต่ว่า..เอาน่านายอย่าเพิ่งตีตนไปก่อน” ตบไหล่น้องชายเบาๆ อย่างให้ใจเย็นเอาไว้
“เอาน่า...ไปหาพ่อกับแม่กันดีกว่านะ อยากรู้เหมือนกันท่านจะว่ายังไงบ้าง”
“ไปซิ ไม่เจอหน้าแม่นานแล้วชักคิดถึงเหมือนกัน” ทั้งสองหนุ่มเดินมาที่ห้องทำงานของบิดาซึ่งเป็นปกติที่จะเห็นมารดาอยู่ด้วย ตั้งแต่ที่ทั้งสองแต่งงานกันจนเดี๋ยวนี้พ่อเขาก็ไม่เคยห่างจากมารดาแม้แต่ครั้งเดียว
“แม่ครับ” ทั้งสองเดินเข้าไปกอดมารดาอย่างคิดถึง
“เฮ้ย!ๆ นั่นเมียฉันนะ!” มาร์โคร้องเสียงแข็งเมื่อเห็นลูกชายทั้งสองกอดข้าวปั้นแน่น
“อะไรกันพ่อ เมียพ่อก็แม่พวกผมนะ”
“ฉันไม่สน เพราะพวกแกเป็นผู้ชายฉันไม่ชอบให้ใครมากอดเมียฉัน” ตอบอย่างไม่แยแส
“เราก็ไม่สนเหมือนกัน” ยิ่งกอดรัดข้าวปั้นแน่นขึ้นอย่างต้องการยั่วให้พ่อโมโห
“เอาละหนุ่มๆ เลิกกอดได้แล้ว แม่ไม่ใช่สาวๆ นะจะได้กอดเอาๆ อย่างนี้น่ะ” ข้าวปั้นว่าลูกชายทั้งสองเบาๆ ไม่จริงจังนัก และปรามสามีด้วยสายตาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะโมโหอยู่แล้ว
“น้องข้าวก็ดูเจ้าสองคนนี้ซิ”
“พี่มาร์คคะนั่นลูกๆ ของเรานะอย่างมากนักเลยค่ะ” ส่ายหน้าอย่างระอา
“ว่าแต่แกสองคนมีอะไรเหรอ? มาหาพ่อกับแม่ที่ห้องได้น่ะ?” มาร์โคถามอย่างสงสัยเพราะลูกชายทั้งสองรับผิดชอบงานต่างๆในบริษัททั้งหมด แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว ที่เขามาชวยในช่วงนี้เพราะมนปริยาไม่อยู่ เขาต้องมาช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนของลูกสาวคนเล็กเพราะไม่อยากให้ลูกชายทั้งสองทำงานหนักเกินไปนัก
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่จะมาช่วงพ่อกับแม่ไปทานข้าวครับ” มนต์ธรเป็นคนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลุกไปนั่งที่โซฟาอีกตัวเรียบร้อยแล้ว
“ต้าย! เป็นไปได้หรือนี่ลูกชายฉันมาชวนพ่อกับแม่ไปทานข้าวแทนการไปทานกับสาวๆ” ข้าวปั้นอุทานอย่างตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะว่างมาชวนทั้งสองคนไปทานข้าว
“โธ่ แม่ครับเราสองคนก็อยากทานกับพ่อแม่บ้างละครับ แต่ที่ไม่ได้มาชวนก็เพราะเกรงใจพ่อน่ะ เห็นบอกว่าอยากอยู่กับแม่ตามลำพัง เราเลยไม่อยากกวน” มนต์ธัชเอ่ยขึ้นอย่างยียวน
“นะครับไปทานข้าวกัน” มนต์ธรเอ่ยซ้ำ
“เอาซิ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้มีนัดที่ไหนด้วย”
“ดีครับไปกันเถอะครับ เดี๋ยวคนเยอะ”
หลังจากที่เธอกลับจากบ้านชายหนุ่มแล้ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องนั่งรถมากับเขา อย่างเลี่ยงไม่ได้ และวันนี้เธอแต่งตัวค่อนข้างทะมัดทะแมงตามที่เขาบอก เธอสวมกางเกงสีขาวและเสื้อสูทสีเดียวกันเข้ารูปตัวใจใส่เสื้อกล้ามสีเขียวเอาไว้
“วันนี้เราจะออกข้างนอกทั้งวันนะ” จิณณ์วัตรบอกเรียบเมื่อออกมาด้วยกันแล้ว
“ตามบัญชาเถอะค่ะ อิ่มไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่ที่โรงงานมีปัญหารึเปล่าคะ?”
“เปล่าหรอก...แค่จะไปดูพื้นที่สำหรับลงเครื่องจักรใหม่น่ะว่าเรียบร้อยดีมั้ยแล้วก็ไปตรวจงานด้วย” เขาบอกเธอสบายๆ พลางเปิดเอกสารที่หยิบติดมือมาด้วยขึ้นมาอ่าน
“เหรอคะ..แต่ถ้าอย่างนี้คุณจินให้อิ่มมาคนเดียวก็ได้นี่คะ?” เธอไม่เข้าใจว่าเขาว่างด้วยเหรอถึงต้องมาด้วย ทั้งที่ตารางงานเขาแน่นมากจนแทบจะกระดิกตัวไม่ได้แท้ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ ว่าแต่อิ่มเถอะเมื่อคืนเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะนอนหลับฝันดี”
“ไม่ใช่อย่างนั้นผมหมายถึงว่าเหนื่อยมากมั้ย ตะหาก”
“อ๋อ..ไม่เท่าไหร่ค่ะ แค่นี้เอง ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ก็โล่งใจเพราะใช้คุณไปเรื่องส่วนตัวแท้ๆ”
“แหม..ไม่ได้หรอกหนาเสียหน่อยค่ะ แถมได้กำไรมาขนาดนี้” เธอยกนาฬิกาเรือนที่ชายหนุ่มจัดการจ่ายเงินให้แทนเธอเมื่อวานนี้ให้ดู
“คุณใส่ด้วยเหรอ?” เขานึกว่าเธอจะไม่ยอมสวมมันเสียอีก
“อ้าว?...ทำไมจะไม่ใส่ละคะ?”
“เปล่า...ผมนึกว่าพอผมเป็นคนซื้อให้คุณจะไม่ยอมใส่ เห็นเมื่อวานอิ่มทำท่าแปลกๆ ด้วย”
“อ๋อ...” เธอร้องอย่างเข้าใจเขา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่ไม่มีใครซื้อของให้อิ่มมากนักก็เลยรู้สึกแปลก เวลาที่มีคนมาจ่ายตังค์ให้แค่นั้น แล้วเรื่องที่ว่าอิ่มจะไม่ใส่น่ะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะเพราะอิ่มไม่มีนาฬิกาใส่เลย ยังไงก็ต้องใส่อยู่แล้ว” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
“งั้นเหรอ?”
“อีกอย่างอิ่มชอบมันมากกว่าที่จ่ายตังค์เองซะอีกค่ะ”
“ผมดีใจนะ”
“อิ่มก็ดีใจค่ะ มีหนุ่มมาซื้อนาฬิกาเรือนนึงตั้งแพงให้เนี่ย ปลื้มออกค่ะ ไม่มีใครรู้นี่คะว่าคุณจินเป็นเจ้านาย คนอื่นเขาต้องคิดว่าหนุ่มหล่อซื้อให้อยู่แล้วค่ะ” ที่เธอพูดนั้นไม่ผิดเพราะหลายคนที่เห็นตอนที่ชายหนุ่มใส่นาฬิกาให้เธอนั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างอิจฉาว่าดีจังมีหนุ่มหล่อใจปั้มซื้อนาฬิกาให้
“โห..งั้นผมคงต้องยืดหน่อยละ”
“ยืดไปเถอะค่ะ เกิดสาวๆ ของเจ้านายรู้เข้ามาเล่นงานอิ่มอย่างนั้นตายแน่ๆ ค่ะ”
“ผมบอกตั้งหลายครั้งแล้วนะอิ่มว่าผมโสดน่ะ” บอกเธอด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“เห....โกรธเหรอคะ?” เธอมองเขาตาโตอย่างตกใจไม่นึกว่าเขาจะโกรธเธอด้วยเรื่องแค่นี้
“ผมไม่พอใจ...” เขาทำงอนเธอเหมือนเด็กๆ
“โธ่...คุณจินเด็กทำมันก็น่ารักนะคะแต่คุณจินทำแล้วเนี่ย...”
“ทำไม?”
“น่าเกลียดออกค่ะ”
“คุณนี่มัน...”
“ทำไมคะ อิ่มเป็นอะไร” เธอถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่รู้ละวันนี้อิ่มต้องเลี้ยงข้าวผมด้วย” เขาสรุปบทลงโทษที่ทำให้เขาโกรธเสร็จสรรพ โดยไม่ได้ถามว่าเธอจะง้อเขามั้ยเนี่ย....
“โอเค...เลี้ยงก็ได้หรอกค่ะแต่อิ่มเป็นคนเลือกร้านนะคะ”
“เรื่องนั้นผมก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเธอขอเป็นคนเลือกร้านที่จะทานเองเพราะเขาเป็นคนที่ทานง่ายอยู่แล้ว เมื่อมาถึงโรงงานเป้าหมายแล้ว ชายหนุ่มก็ลบภาพชายหนุ่มอารมณ์ดีไปหมดเหลือแต่เจ้านายจอมโหด ลงจากรถด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“สวัสดีครับท่านประธาน” สุวัฒน์ชายร่างใหญ่ผิวเข้มเป็นผู้จัดการโรงงานรีบวิ่งเข้ามาหาจิณณ์วัตรอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาถึงที่นี่โดยไม่มีกำหนดการณ์เอาไว้ว่าจะมา
“เป็นไงบ้างเรื่องพื้นที่น่ะ” ถามพลางเดินเข้าไปในพื้นที่ โดยมีมนปริยาเดินตามหลังไปเงียบๆ ปล่อยให้ชายหนุ่มสอบถามผู้จัดการตามสบาย
“ไม่มีปัญหาครับเจ้าหน้าที่กำลังทำตามแบบที่ได้มาครับ”
“ดี งั้นพาผมไปดูหน่อย...อิ่มจะไปพร้อมกันหรือว่าคุณจะเข้าออฟฟิศก่อนดีละ?” หันมาถามคนข้างหลังที่เงียบมาตลอดทาง และเป็นสีหน้าแบบเดียวกับที่เขาใช้เวลาที่ออกมาทำงานคือนิ่งโดยไม่มีใครจับสีหน้าได้ว่าคิดอะไรอยู่
“อืม..อิ่มไปพร้อมคุณจินดีกว่าค่ะอยากเห็นในโรงงานด้วยค่ะ”
“งั้นไปกันครับ...อ้อ คุณสุวัฒน์นี่คุณมนปริยารูจักไว้ซิ”
“สวัสดีครับคุณมนปริยาครับ”
“สวัสดีค่ะคุณสุวัฒน์ ยินดีที่รู้จักนะคะ”
“งั้นไปกันเถอะ” เอ่ยขึ้นเรียบๆ สีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นผู้จัดการโรงงานมองหญิงสาวที่มากับเขาไม่วางตา เขาเป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะมองไม่ออกมาชายคนนี้สนใจมนปริยา เขาเลือกให้หญิงสาวมาเดินอีกฝั่งของเขาเพื่อบังสายตาที่มองนั้น
สุวัฒน์มองหญิงสาวที่เจ้านายแนะนำอย่างสนใจเต็มที่ แต่เมื่อเห็นว่าเจ้านายจ้องเขาอย่างไม่พอใจอยู่ เขาจึงต้องหลบสายตาไปมองทางอื่น แต่คิดว่ายังไงก็ต้องสานสัมพันธ์กับเธอให้ได้แน่ๆ เขาคิดอย่างมั่นใจ เพราะคิดว่าสาวๆ ทุกคนต้องสนใจเขาอยู่แล้ว
“อิ่มเหนื่อยรึเปล่า” เขาถามเธออย่างห่วงใยเมื่อเดินตรวจพื้นที่กว่าครึ่งแล้ว และเห็นเธอเดินตามเรื่อยๆ และมองทุกอย่างที่เห็นอย่างสนใจ
“ไม่หรอกค่ะแค่นี้เอง คุณจินทำงานต่อเถอะค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ พลางจดอะไรของเธอไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจคนที่เพียรมองเธออยู่นั้น และติดจะรำคาญเสียด้วยซ้ำไป
“เอางั้นเหรอ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจเราะเท่าที่เดินมาก็ไกลพอควร แต่เธอกลับไม่โวยวายหรือบ่นว่าเหนื่อยให้เขาได้ยินแม้แต่ครั้งเดียวเลย
“ค่ะ..ไปต่อเถอะค่ะเสร็จแล้วอิ่มจะได้เลี้ยงข้าวคุณจินไงคะ”
“เอางั้นก็ได้แต่ถ้าเหนื่อยต้องรีบบอกผมนะ” เขาบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“คุณมนปริยานี่เก่งนะครับ คนอื่นป่านนี้บ่นกันแล้วว่าไม่ไหว” สุวัฒน์เอ่ยชมหญิงสาว
“เดินแค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ” เธอบอกเสียงเรียบ
“เหรอครับ...แต่ผมว่าคุณก็เก่งอยู่ดี” เขาพยายามทำคะแนนกับเธอ
“ขอบคุณค่ะ” มนปริยาเดินขึ้นไปหาจิณณ์วัตรที่ยืนคุยกับวิศวกรอยู่ที่เครื่องจักร สอบถามเกี่ยวกับการทำงานและปัญหาที่เกิดขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าอิ่ม?” ถามเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาชิดเขา ทั้งที่ส่วนใหญ่เธอจะไม่เคยเดินมาชิดขนาดนี้
“เปล่าหรอกค่ะ แค่สนใจเรื่องเครื่องจักรน่ะคะ”
“เหรอ...ผมนึกว่ามีอะไรไม่สบายใจเสียอีก”
“ไม่หรอกค่ะ แค่รำคาญ”
“งั้นก็อย่าห่างผมละ”
“อยู่แล้วค่ะ หวังว่าแมลงน่ะคงไม่โฉบมาทางนี้นะคะ”
“คงไม่หรอกเห็นมั้ยยังไม่กล้าตามเลย”
“แปลกนะคะ ขนาดอิ่มเฉยๆ แล้วเขายังมาวุ่นวายกับอิ่มอีก น่ารำคาญจะตา” เบะปากอย่างเบื่อๆ ขณะที่บอกจิณณ์วัตรฟัง
“ต่างจิตต่างใจน่ะอิ่ม เราบังคับให้เขาเข้าใจตามที่เราต้องการไม่ได้ คงต้องแต่คอยเลี่ยงห่างๆ เอาไว้แค่นั้นละ”
“อิ่มก็พยายามอยู่ค่ะ” ทั้งสองเดินตรวจโรงงานด้วยกันโดยที่มนปริยาตามชายหนุ่มติดๆ ไม่เปิดโอกาสให้อีกคนเข้ามาวุ่นวายกับเธอได้เลย จนกระทั้งเดินตรวจไปแค่ครึ่งก็ถึงเวลาพักแล้ว
“เที่ยงแล้ว ให้ผมพาท่านไปทานอาหารเที่ยงนะครับ”
“อย่าเลย วันนี้อิ่มเขาจะพาผมไปทานข้าวน่ะ แต่ก็ขอบใจที่มีน้ำใจนะ” จิณณ์วัตรอกเรียบๆ
“อย่างนั้นเหรอครับ...น่าเสียดายนะครับ” เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อย่างมิดชิด คิดจะกันท่ากันรึไงวะ...
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไปละ เจอกันตอนบ่ายนะ” บอกกก่อนจะดันให้มนปริยาออกเดินนำหน้าเขาไป เพื่อจะได้ทานข้าวเที่ยง
“คอยดูเถอะผมจะทำให้คุณมาอยู่แทบเท้าผมให้ได้” มองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กอย่างหมามาด ยิ่งยากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอยากที่จะลอง อยากรู้เหมือนกันว่าจะยากซักแค่ไหน
“ธร นายจะเอายังไงพวกนั้นยังตามยัยอิ่มอยู่เลย” มนต์ธัชถามพี่ชายฝาแฝดอย่างร้อนใจ เมื่อได้ข่าวไม่ค่อยดีนัก
“เราว่าเรารอดูก่อนดีกว่าทำอะไรตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก”
“นายจะรออีกนานแค่ไหนต้องรอให้เกิดอะไรขึ้นกบน้องเราก่อนรึไง”
“นายไม่ต้องห่วงหรอก คนที่เราส่งไปน่ะเก่งทุกคน แล้วน้องเราก็ไม่ได้อ่อนแอซักหน่อย”
“แต่ว่า..เอาน่านายอย่าเพิ่งตีตนไปก่อน” ตบไหล่น้องชายเบาๆ อย่างให้ใจเย็นเอาไว้
“เอาน่า...ไปหาพ่อกับแม่กันดีกว่านะ อยากรู้เหมือนกันท่านจะว่ายังไงบ้าง”
“ไปซิ ไม่เจอหน้าแม่นานแล้วชักคิดถึงเหมือนกัน” ทั้งสองหนุ่มเดินมาที่ห้องทำงานของบิดาซึ่งเป็นปกติที่จะเห็นมารดาอยู่ด้วย ตั้งแต่ที่ทั้งสองแต่งงานกันจนเดี๋ยวนี้พ่อเขาก็ไม่เคยห่างจากมารดาแม้แต่ครั้งเดียว
“แม่ครับ” ทั้งสองเดินเข้าไปกอดมารดาอย่างคิดถึง
“เฮ้ย!ๆ นั่นเมียฉันนะ!” มาร์โคร้องเสียงแข็งเมื่อเห็นลูกชายทั้งสองกอดข้าวปั้นแน่น
“อะไรกันพ่อ เมียพ่อก็แม่พวกผมนะ”
“ฉันไม่สน เพราะพวกแกเป็นผู้ชายฉันไม่ชอบให้ใครมากอดเมียฉัน” ตอบอย่างไม่แยแส
“เราก็ไม่สนเหมือนกัน” ยิ่งกอดรัดข้าวปั้นแน่นขึ้นอย่างต้องการยั่วให้พ่อโมโห
“เอาละหนุ่มๆ เลิกกอดได้แล้ว แม่ไม่ใช่สาวๆ นะจะได้กอดเอาๆ อย่างนี้น่ะ” ข้าวปั้นว่าลูกชายทั้งสองเบาๆ ไม่จริงจังนัก และปรามสามีด้วยสายตาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะโมโหอยู่แล้ว
“น้องข้าวก็ดูเจ้าสองคนนี้ซิ”
“พี่มาร์คคะนั่นลูกๆ ของเรานะอย่างมากนักเลยค่ะ” ส่ายหน้าอย่างระอา
“ว่าแต่แกสองคนมีอะไรเหรอ? มาหาพ่อกับแม่ที่ห้องได้น่ะ?” มาร์โคถามอย่างสงสัยเพราะลูกชายทั้งสองรับผิดชอบงานต่างๆในบริษัททั้งหมด แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว ที่เขามาชวยในช่วงนี้เพราะมนปริยาไม่อยู่ เขาต้องมาช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนของลูกสาวคนเล็กเพราะไม่อยากให้ลูกชายทั้งสองทำงานหนักเกินไปนัก
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่จะมาช่วงพ่อกับแม่ไปทานข้าวครับ” มนต์ธรเป็นคนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลุกไปนั่งที่โซฟาอีกตัวเรียบร้อยแล้ว
“ต้าย! เป็นไปได้หรือนี่ลูกชายฉันมาชวนพ่อกับแม่ไปทานข้าวแทนการไปทานกับสาวๆ” ข้าวปั้นอุทานอย่างตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะว่างมาชวนทั้งสองคนไปทานข้าว
“โธ่ แม่ครับเราสองคนก็อยากทานกับพ่อแม่บ้างละครับ แต่ที่ไม่ได้มาชวนก็เพราะเกรงใจพ่อน่ะ เห็นบอกว่าอยากอยู่กับแม่ตามลำพัง เราเลยไม่อยากกวน” มนต์ธัชเอ่ยขึ้นอย่างยียวน
“นะครับไปทานข้าวกัน” มนต์ธรเอ่ยซ้ำ
“เอาซิ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้มีนัดที่ไหนด้วย”
“ดีครับไปกันเถอะครับ เดี๋ยวคนเยอะ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น