ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
“พ่อ! จะบ้าเหรอ!?” เสียงสาวน้อยวัยยี่สิบหกปีร้องเสียงลงขึ้นมาอย่างตกใจ
“เปล่า...ยัยหนูต้องทำนะลูก” ชายหนุ่มกลางคนเอ่ยอย่างใจเย็น
“ไม่เอานะ พ่อก็รู้นี่นาว่าอิ่มน่ะไม่ใช้เงินเปลืองและงานที่ทำอยู่น่ะก็มีมากมายแทบไม่มีเวลาไปไหนอยู่แล้ว งานิ่มก็ทำเต็มที่พ่อจะให้หนูทำอย่างนั้นไปทำไมคะ?” เธอเริ่มลดระดับความโมโหลงบ้างแล้ว
“แต่มันต้องทำนี่นา ตอนแม่เขาสาวๆ เขาก็ต้องทำเหมือนกันนะมันเป็นกฎ พี่ๆ ของลูกเองก็ทำกันไปแล้ว อิ่มจะไม่ยอมทำเหรอหรือว่าลูกกลัวแพ้?...” จี้ใจดำลูกสาวเข้าอย่างจัง เพราะเขารู้ดีว่าลูกสาวเกลียดความพ่ายแพ้มากที่สุด
“พ่อ!..คนอย่างอิ่มไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว” รู้ว่าพ่อเธอแกล้งยั่วแต่เธอมันดันยั่วขึ้นเสียด้วยทำไงได้ละ เฮ้อ....
“ดีลูก...อิ่มเป็นลูกพ่อกับแม่ต้องเก่งอยู่แล้ว” ชายหนุ่มเดินเข้าไปกอดลูกสาวอย่างยินดี
“ว่าแต่ พ่อคะ อิ่มต้องทำไรบ้างคะ แล้วจะอยู่ที่ไหน?”
"ไม่ต้องห่วงลูก พรุ่งนี้อิ่มจะไว้รู้รายละเอียดทั้งหมดที่ต้องรู้”
“แล้ว...กติกาว่าไงบ้างคะ?” “เอาไว้รอรู้พร้อมกันเลยดีมั้ย”
“พ่อน่ะ...งก” เธอย่นจมูกใส่ชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าพ่ออย่างน่ารักในสายตาเขาเสมอไม่วาลูกสาวจะอายุแค่ไหนเป็นสาวมากแค่ไหนเธอก็ยังเป็นยัยหนูของเขาอยู่ตลอดเวลา
“แม่ละคะ?” เธอเพิ่งนึกได้ว่าแม่ของเธอไม่อยู่ด้วยทุกทีเห็นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
“อยู่ที่ห้องครัวเตรียมอาหารอยู่น่ะ มีอะไรเหรอ?”
“เล่าค่ะ อิ่มแค่สงสัยว่าทุกทีเห็นพ่อไม่ยอมให้แม่ห่างตัวซักที ทำไมคราวนี้มาคุยับอิ่มคนเดียวได้”
“อ๋อ..แม่เขาอยากให้พ่อพูดสะดวกน่ะ เลยให้พ่อมาคนเดียว”
“แหม...น่าอิจฉาอิ่มอยากได้แฟนแบบพ่อจัง”
“ปากหวาน..ไปเถอะแม่คงเตรียมเสร็จแล้ว” เข้าไปกอดเอวบางของลูกสาวให้ออกมาจากห้องทำงานของเขาที่เขาเรียกให้ลูกสาวมาพบหลังจากที่กลับจากที่บริษัทแล้ว
“เป็นไง..สองคนพ่อลูก คุยกันเสร็จแล้วเหรอ? ข้าวปั้นถามอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสองคนพ่อลุกกอดกนกลมอย่างรักใคร่
“เรียบร้อยฝีมือพี่ซะอย่างยัยหนูน่ะต้องยอมอยู่แล้ว” เขาบอกอย่างภาคภูมิ
“แหม....แก่งจังค่ะ” เธอเอ่ยชมสามีเบาๆ
“โอ้ย!...พ่อกับแม่อย่าหวานกันพร่ำเพรื่อได้มั้ยคะสงสารหนูที่ยังไม่มีคนรักบ้างเถอะค่ะ” เธอขัดอย่างอดไม่อยู่เมื่อนั่งรอทานข้าวแล้ว
“แหมก็ปล่อยพ่อกับแม่บ้างละ ไม่ค่อยได้หวานใส่แม่เขาเลย”
“อ๋าย...อย่าพูดเลย พ่อทำอย่างนี้ประจำตั้งแต่จำความได้อิ่มก็เห็นอย่างนี้มาตลอดเลย” เธอทำหน้าสยองเมื่อคิดถึงตอนเด็กๆ ที่เห็นพ่อแม่แสดงความรักต่อกัน แม่จะดูมีความสุขดี แต่เธอที่เห็นบ่อยๆ เข้าก็เกิดอาการแหยงได้เหมือนกัน แม้จะมีช่วงที่เอไปเรียนที่ต่างประเทศ แต่ทุกครั้งที่พ่อกับแม่ไปเยี่ยมที่โน่นเธอก็จะเห็นอีก จนชินไปเอง
“ขนาดพวกอาๆ ยังพูดกันเลยว่าพ่อเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ยังไม่มีพวกหนูเสียอีก”
“พวกนั้นมันขี้อิจฉาอย่าไปเชื่อมาก” มาร์โคตอบลูกสาวอย่างไม่ใส่ใจนัก เขารู้ว่าเพื่อนๆ เขาพูดถึงเขาว่ายังไงเพราะฟังมาจนชินเสียแล้ว
“พ่อก็เป็นซะอย่างเนี้ย แม่คะไม่เบื่อพ่อบ้างเหรอคะ” หันไปถามแม่ผู้ใจดีของเธอที่นั่งมองเธอกับพ่อคุยกัน
“ชินแล้ว เจอมาตั้งกี่สิบปีแล้วละ” เอ่ยกับลูกสาวอย่างเอ็นดู
“เห็นมั้ยแม่เขายังไม่เป็นอะไรเลยลูกก็อย่าไปสนซิ” ตอบอย่างเข้าข้างตัวเอง
“พ่อก็เป็นอย่างนี้ทุกที”
“เอาน่า...อิ่มเองก็น่าจะดีใจนะที่พ่อกับแม่ยังรักกันดีน่ะ”
“ค้า...อิ่มไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย”
“ทานเถอะพ่อลูกเถียงกันเป็นเด็กๆ ไปได้” ขัดขึ้นเสียก่อนที่จะมีการเถียงกันต่อไปอีก
“ว่าแต่แม่คะพี่ชายไปไหนเหรอคะ?” เธอไม่เห็นพี่ชายเลยทั้งที่ปกติจะมาทานข้าวพร้อมหน้ากันถ้าไม่ติดธุระที่ไหน และถ้าทั้งสองคนจะไหนจะบอกเธอทุกครั้งเหมือนกับที่เธอเองก็ต้องบอกพี่ชายด้วยเหมือนกัน
“สองคนนั้นไปเบอร์ตอนเย็นน่ะ นี่อิ่มไม่รู้เหรอลูก”
“เบอร์ลิน! ไม่เห็นพี่เขาบอกหนูเลย แล้วไปนานมั้ยคะ”
“ก็...สองอาทิตย์น่ะ..มีอะไรเหรออิ่ม?” ข้าวปั้นมองลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู
“เปล่าค่ะอิ่มแค่สงสัยไปสองคนเลยเหรอคะ”
“เอาน่าพี่เขาไปแค่ไม่นานเดี๋ยวก็เจอกันแล้วนะ”
“อิ่มว่า...กลัวจะไม่ได้เจอน่ะซิ” เธอบอกอย่างกังวล เหมือนเธอสังหรณ์ว่าเธอจะไม่ได้เจอพี่ชายก่อนที่จะทำอะไรอย่างที่ตกลงกับพ่อของเอาไว้
“แม่คะ..รู้มั้ยคะว่าอิ่มต้อทำอะไรบ้าง?” หันไปถามข้าวปั้นที่นั่งมองพ่อลูกทานเค้กกันอยู่
“แม่เองก็ไม่รู้นะเห็นบอกว่าเป็นกิจกรรมที่ทำเฉพาะผู้หญิง และต้องช่วงอายุเท่าอิ่มเท่านั้นนะลูก”
“ว้า..แย่จังนึกว่าจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นเสียอีก” เธอร้องออกมาอย่างเสียดาย ตอนนี้เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง
“น่ายัยหนูพรุ่งนี้ก็จะรู้แล้ว..นะที่รัก” มองภรรยาอย่างอ่อนโยน ไม่เปลี่ยนตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักมาแล้ว เขามองเธออย่างนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“งั้นอิ่มขึ้นไปเคลียร์งานก่อนะคะ รักพ่อกับแม่นะคะ” เธอขอตัวและหอมแก้มทั้งสองอย่างเคยชิน ตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมาอย่างนี้
“อย่านอนดึกมากนักนะอิ่ม” ข้าวปั้นบอกอย่างเป็นห่วง ลกสาวคนเล็กนั้นค่อนข้างบ้างานเหมือนกับสามีเธอไม่มีผิด ตอนแรกที่เห็นว่าลูกสาวตัวเล็กเหมือนเอนั้นคิดว่านิสัยจะเหมือนเธอ แต่กลับเป็นว่าถอดแบบมาจากมาร์โคทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนลูกๆ อีกสามคนก็เหมือนเธอบ้างเหมือนเขาบ้างคละกันไป แต่มีลูกสาวคนนี้นี่ละที่เหมือนเสียจนเธอกลัว
“ค้า” ก่อนจะเดินลับหายขึ้นบันไดไป อย่างคนอารมณ์ดีอยู่เป็นนิตย์
“ยัยอิ่มจะเป็นอะไรมั้ยคะพี่มาร์คข้าวห่วงลูกจัง อย่างคราวยัยมนต์ก็ทีนึงแล้ว ที่นี้ก็ยัยอิ่มเหรอคะ?” เธอหมายถึงลูกสาวคนโตที่ตอนนี้แต่งงานไปแล้วหลังจากพบรักตอนที่ไปเล่นเกมนี้เข้า คราวนี้เธอก็กลัววาจะเป็นเหมือนเดิมอีก
“ไม่เอาน่าอย่าคิดมากซิคะ เราเลี้ยงลูกมาย่อมรู้ดีที่สุดนะว่าลูกเป็นคนยังไง และเอาตัวรอดเก่งแค่ไหนน่ะ เราต้องเชื่อว่าลูกทำซิจ้ะ อย่างคราวมนต์เอง เขาก็เก่งออกไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเลย แล้วยิ่งเป็นอิ่มด้วยยิ่งไม่น่าห่วงอะไร ข้าวเองก็เคยพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอิ่มเหมือนพี่มาก เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอันตรายนะ..” ชายหนุ่มบอกอย่างมั่นใจว่าลูกสาวจะไม่เป็นอะไรแน่ๆ...
เขาห่วงแต่ว่าที่ๆ จะให้ลูกสาวเขาไปอยู่นั้นจะป่วนแค่ไหนลูกสาวเขาจะยอมปรับตัวรึเปล่าเท่านั้นเอง ก็เขาเลี้ยงลูกอย่างคนจริงใครรังแกเราก็ต้องเอาคืน ยิ่งมนปริยาเป็นลูกที่เขาค่อนข้างมีเวลาคลุกคลีมากที่สุดไม่เหมือนลูกอีกสามคนที่เขาไม่ค่อยมีเวลามากนัก ปล่อยให้แม่เขาจัดการทุกอย่างและที่สำคัญลูกสาวคนแล้วของเขาคนนี้อยู่กับเพื่อนๆ เขาเยอะด้วยตอนที่ต้องเรียนรู้เหลายๆ เรื่อง เห็นแคทีบอกว่าลูกสาวเขาซึมซับดีมาก และเขาก็ได้เห็นว่ามนปริยาซึมซับมาทุกอย่างไม่ว่าได้ส่วนดีหรือร้ายของเพื่อนๆ กลุ่มนั้น...
“พ่อ! จะบ้าเหรอ!?” เสียงสาวน้อยวัยยี่สิบหกปีร้องเสียงลงขึ้นมาอย่างตกใจ
“เปล่า...ยัยหนูต้องทำนะลูก” ชายหนุ่มกลางคนเอ่ยอย่างใจเย็น
“ไม่เอานะ พ่อก็รู้นี่นาว่าอิ่มน่ะไม่ใช้เงินเปลืองและงานที่ทำอยู่น่ะก็มีมากมายแทบไม่มีเวลาไปไหนอยู่แล้ว งานิ่มก็ทำเต็มที่พ่อจะให้หนูทำอย่างนั้นไปทำไมคะ?” เธอเริ่มลดระดับความโมโหลงบ้างแล้ว
“แต่มันต้องทำนี่นา ตอนแม่เขาสาวๆ เขาก็ต้องทำเหมือนกันนะมันเป็นกฎ พี่ๆ ของลูกเองก็ทำกันไปแล้ว อิ่มจะไม่ยอมทำเหรอหรือว่าลูกกลัวแพ้?...” จี้ใจดำลูกสาวเข้าอย่างจัง เพราะเขารู้ดีว่าลูกสาวเกลียดความพ่ายแพ้มากที่สุด
“พ่อ!..คนอย่างอิ่มไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว” รู้ว่าพ่อเธอแกล้งยั่วแต่เธอมันดันยั่วขึ้นเสียด้วยทำไงได้ละ เฮ้อ....
“ดีลูก...อิ่มเป็นลูกพ่อกับแม่ต้องเก่งอยู่แล้ว” ชายหนุ่มเดินเข้าไปกอดลูกสาวอย่างยินดี
“ว่าแต่ พ่อคะ อิ่มต้องทำไรบ้างคะ แล้วจะอยู่ที่ไหน?”
"ไม่ต้องห่วงลูก พรุ่งนี้อิ่มจะไว้รู้รายละเอียดทั้งหมดที่ต้องรู้”
“แล้ว...กติกาว่าไงบ้างคะ?” “เอาไว้รอรู้พร้อมกันเลยดีมั้ย”
“พ่อน่ะ...งก” เธอย่นจมูกใส่ชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าพ่ออย่างน่ารักในสายตาเขาเสมอไม่วาลูกสาวจะอายุแค่ไหนเป็นสาวมากแค่ไหนเธอก็ยังเป็นยัยหนูของเขาอยู่ตลอดเวลา
“แม่ละคะ?” เธอเพิ่งนึกได้ว่าแม่ของเธอไม่อยู่ด้วยทุกทีเห็นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
“อยู่ที่ห้องครัวเตรียมอาหารอยู่น่ะ มีอะไรเหรอ?”
“เล่าค่ะ อิ่มแค่สงสัยว่าทุกทีเห็นพ่อไม่ยอมให้แม่ห่างตัวซักที ทำไมคราวนี้มาคุยับอิ่มคนเดียวได้”
“อ๋อ..แม่เขาอยากให้พ่อพูดสะดวกน่ะ เลยให้พ่อมาคนเดียว”
“แหม...น่าอิจฉาอิ่มอยากได้แฟนแบบพ่อจัง”
“ปากหวาน..ไปเถอะแม่คงเตรียมเสร็จแล้ว” เข้าไปกอดเอวบางของลูกสาวให้ออกมาจากห้องทำงานของเขาที่เขาเรียกให้ลูกสาวมาพบหลังจากที่กลับจากที่บริษัทแล้ว
“เป็นไง..สองคนพ่อลูก คุยกันเสร็จแล้วเหรอ? ข้าวปั้นถามอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสองคนพ่อลุกกอดกนกลมอย่างรักใคร่
“เรียบร้อยฝีมือพี่ซะอย่างยัยหนูน่ะต้องยอมอยู่แล้ว” เขาบอกอย่างภาคภูมิ
“แหม....แก่งจังค่ะ” เธอเอ่ยชมสามีเบาๆ
“โอ้ย!...พ่อกับแม่อย่าหวานกันพร่ำเพรื่อได้มั้ยคะสงสารหนูที่ยังไม่มีคนรักบ้างเถอะค่ะ” เธอขัดอย่างอดไม่อยู่เมื่อนั่งรอทานข้าวแล้ว
“แหมก็ปล่อยพ่อกับแม่บ้างละ ไม่ค่อยได้หวานใส่แม่เขาเลย”
“อ๋าย...อย่าพูดเลย พ่อทำอย่างนี้ประจำตั้งแต่จำความได้อิ่มก็เห็นอย่างนี้มาตลอดเลย” เธอทำหน้าสยองเมื่อคิดถึงตอนเด็กๆ ที่เห็นพ่อแม่แสดงความรักต่อกัน แม่จะดูมีความสุขดี แต่เธอที่เห็นบ่อยๆ เข้าก็เกิดอาการแหยงได้เหมือนกัน แม้จะมีช่วงที่เอไปเรียนที่ต่างประเทศ แต่ทุกครั้งที่พ่อกับแม่ไปเยี่ยมที่โน่นเธอก็จะเห็นอีก จนชินไปเอง
“ขนาดพวกอาๆ ยังพูดกันเลยว่าพ่อเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ยังไม่มีพวกหนูเสียอีก”
“พวกนั้นมันขี้อิจฉาอย่าไปเชื่อมาก” มาร์โคตอบลูกสาวอย่างไม่ใส่ใจนัก เขารู้ว่าเพื่อนๆ เขาพูดถึงเขาว่ายังไงเพราะฟังมาจนชินเสียแล้ว
“พ่อก็เป็นซะอย่างเนี้ย แม่คะไม่เบื่อพ่อบ้างเหรอคะ” หันไปถามแม่ผู้ใจดีของเธอที่นั่งมองเธอกับพ่อคุยกัน
“ชินแล้ว เจอมาตั้งกี่สิบปีแล้วละ” เอ่ยกับลูกสาวอย่างเอ็นดู
“เห็นมั้ยแม่เขายังไม่เป็นอะไรเลยลูกก็อย่าไปสนซิ” ตอบอย่างเข้าข้างตัวเอง
“พ่อก็เป็นอย่างนี้ทุกที”
“เอาน่า...อิ่มเองก็น่าจะดีใจนะที่พ่อกับแม่ยังรักกันดีน่ะ”
“ค้า...อิ่มไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย”
“ทานเถอะพ่อลูกเถียงกันเป็นเด็กๆ ไปได้” ขัดขึ้นเสียก่อนที่จะมีการเถียงกันต่อไปอีก
“ว่าแต่แม่คะพี่ชายไปไหนเหรอคะ?” เธอไม่เห็นพี่ชายเลยทั้งที่ปกติจะมาทานข้าวพร้อมหน้ากันถ้าไม่ติดธุระที่ไหน และถ้าทั้งสองคนจะไหนจะบอกเธอทุกครั้งเหมือนกับที่เธอเองก็ต้องบอกพี่ชายด้วยเหมือนกัน
“สองคนนั้นไปเบอร์ตอนเย็นน่ะ นี่อิ่มไม่รู้เหรอลูก”
“เบอร์ลิน! ไม่เห็นพี่เขาบอกหนูเลย แล้วไปนานมั้ยคะ”
“ก็...สองอาทิตย์น่ะ..มีอะไรเหรออิ่ม?” ข้าวปั้นมองลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู
“เปล่าค่ะอิ่มแค่สงสัยไปสองคนเลยเหรอคะ”
“เอาน่าพี่เขาไปแค่ไม่นานเดี๋ยวก็เจอกันแล้วนะ”
“อิ่มว่า...กลัวจะไม่ได้เจอน่ะซิ” เธอบอกอย่างกังวล เหมือนเธอสังหรณ์ว่าเธอจะไม่ได้เจอพี่ชายก่อนที่จะทำอะไรอย่างที่ตกลงกับพ่อของเอาไว้
“แม่คะ..รู้มั้ยคะว่าอิ่มต้อทำอะไรบ้าง?” หันไปถามข้าวปั้นที่นั่งมองพ่อลูกทานเค้กกันอยู่
“แม่เองก็ไม่รู้นะเห็นบอกว่าเป็นกิจกรรมที่ทำเฉพาะผู้หญิง และต้องช่วงอายุเท่าอิ่มเท่านั้นนะลูก”
“ว้า..แย่จังนึกว่าจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นเสียอีก” เธอร้องออกมาอย่างเสียดาย ตอนนี้เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง
“น่ายัยหนูพรุ่งนี้ก็จะรู้แล้ว..นะที่รัก” มองภรรยาอย่างอ่อนโยน ไม่เปลี่ยนตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักมาแล้ว เขามองเธออย่างนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“งั้นอิ่มขึ้นไปเคลียร์งานก่อนะคะ รักพ่อกับแม่นะคะ” เธอขอตัวและหอมแก้มทั้งสองอย่างเคยชิน ตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมาอย่างนี้
“อย่านอนดึกมากนักนะอิ่ม” ข้าวปั้นบอกอย่างเป็นห่วง ลกสาวคนเล็กนั้นค่อนข้างบ้างานเหมือนกับสามีเธอไม่มีผิด ตอนแรกที่เห็นว่าลูกสาวตัวเล็กเหมือนเอนั้นคิดว่านิสัยจะเหมือนเธอ แต่กลับเป็นว่าถอดแบบมาจากมาร์โคทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนลูกๆ อีกสามคนก็เหมือนเธอบ้างเหมือนเขาบ้างคละกันไป แต่มีลูกสาวคนนี้นี่ละที่เหมือนเสียจนเธอกลัว
“ค้า” ก่อนจะเดินลับหายขึ้นบันไดไป อย่างคนอารมณ์ดีอยู่เป็นนิตย์
“ยัยอิ่มจะเป็นอะไรมั้ยคะพี่มาร์คข้าวห่วงลูกจัง อย่างคราวยัยมนต์ก็ทีนึงแล้ว ที่นี้ก็ยัยอิ่มเหรอคะ?” เธอหมายถึงลูกสาวคนโตที่ตอนนี้แต่งงานไปแล้วหลังจากพบรักตอนที่ไปเล่นเกมนี้เข้า คราวนี้เธอก็กลัววาจะเป็นเหมือนเดิมอีก
“ไม่เอาน่าอย่าคิดมากซิคะ เราเลี้ยงลูกมาย่อมรู้ดีที่สุดนะว่าลูกเป็นคนยังไง และเอาตัวรอดเก่งแค่ไหนน่ะ เราต้องเชื่อว่าลูกทำซิจ้ะ อย่างคราวมนต์เอง เขาก็เก่งออกไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเลย แล้วยิ่งเป็นอิ่มด้วยยิ่งไม่น่าห่วงอะไร ข้าวเองก็เคยพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอิ่มเหมือนพี่มาก เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอันตรายนะ..” ชายหนุ่มบอกอย่างมั่นใจว่าลูกสาวจะไม่เป็นอะไรแน่ๆ...
เขาห่วงแต่ว่าที่ๆ จะให้ลูกสาวเขาไปอยู่นั้นจะป่วนแค่ไหนลูกสาวเขาจะยอมปรับตัวรึเปล่าเท่านั้นเอง ก็เขาเลี้ยงลูกอย่างคนจริงใครรังแกเราก็ต้องเอาคืน ยิ่งมนปริยาเป็นลูกที่เขาค่อนข้างมีเวลาคลุกคลีมากที่สุดไม่เหมือนลูกอีกสามคนที่เขาไม่ค่อยมีเวลามากนัก ปล่อยให้แม่เขาจัดการทุกอย่างและที่สำคัญลูกสาวคนแล้วของเขาคนนี้อยู่กับเพื่อนๆ เขาเยอะด้วยตอนที่ต้องเรียนรู้เหลายๆ เรื่อง เห็นแคทีบอกว่าลูกสาวเขาซึมซับดีมาก และเขาก็ได้เห็นว่ามนปริยาซึมซับมาทุกอย่างไม่ว่าได้ส่วนดีหรือร้ายของเพื่อนๆ กลุ่มนั้น...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น