ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพป่วนรัก

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 สืบข่าวเล่าเรื่อง...

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 56


    ตอนที่ 7 สืบข่าวเล่าเรื่อง....

                    พอรถทั้งสองคันออกมาจากที่จอดรถ สองหนุ่มกับหนึ่งสาวที่นั่งรถมาคันเดียวกันก็ต่างเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่

                    เอ่อ..พี่ยะกับพี่กรเป้Hoเพื่อนกับพี่เวียร์นานแล้วเหรอคะ?” จิระประไพที่นั่งอยู่ตรงกลางด้านหลังยื่นหน้าออกมาถาม

                    “ตั้งแต่เด็กๆ แล้วละ แล้วน้องไพละ? เป็นเพื่อนกับเรียวนานแล้วเหรอ?” ภานุกรเป็นคนตอบคำถามของอีกฝ่าย

                    ค่ะตั้งแต่สมัยมัธยมค่ะ ว่าแต่พี่เวียร์เขามี..คนรักรึยังค่ะเธอลองสอบถามข้อมูลให้เพื่อนสาวหากว่าอีกฝ่ายมีคนรักแล้วจะได้ถอนตัวทัน ไม่ต้องถลำตัวไปมากกว่านี้ ยังไงเธอก้ห่วงเพื่อนเธออยู่ดีอีกฝ่ายออกจะเฟอร์เฟคขนาดนั้นนี่นา

                    หึๆ ยังไม่มีหรอกถ้าหมายถึงแฟนละก็..ทำไมน้องไพสนใจไอ้เวียร์มันรึไงคะ?” ภานุกรถามอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมายามที่มองหน้าสาวน้อย

                    หูย..เปล่าค้า...นะไม่...แต่อีกคนน่ะ..” เธอมอไปยังรถคันขhางหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ หึ เมื่อเขาไม่มีแฟนเพื่อนเธอก็มีโอกาสน่ะซิ..

                    “ว่าแต่พี่เวียร์นี่...รักเด็กรึเปล่าน้อ...” เผื่อเพื่อนเธอจะลงสนามแข่ง

                    “เอ...ไม่แน่ใจนะ..แต่เท่าที่เห็นที่เคยควงก็ไม่เด็กนะ...” ปกติเพื่อนเขาพยายามเลี่ยงการคบหาผู้หญิงที่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนภายหลัง แต่จากสายตาของธีรวิทย์ที่มองเด็กสาวอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในรถของอีกฝ่ายละก็ไม่แน่ ว่าเพื่อนเขาอาจจะอยากหาเรื่องใส่ตัวเองก็เป็นได้

                    “แหม..เสียดาย...”

                    ก็ไม่แน่หรอกนะ..ว่าแต่น้องเรียวมีแฟนรึยังเห็นเธอน่ารักดีปกติเด็กสาววัยนี้กำลังเป้Hoวัยสดใสและกำลังมีความรักที่กำลังร้อนแรงหากว่าเจอคนรักที่จริงใจก็ดีแต่ถ้าเจอคนหวังอย่างอื่นละแย่แน่

                    ยังค่ะ...ยัยเรียวน่ะยังไม่เคยคบใครเลยค่ะ..พวกพี่ละคะมีแฟนยังคะ?” เธอเหลือบมองทั้งสองหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าเธอ

                    “พี่น่ะยังแต่ไอ้ยะน่ะ...” เขาเหลือบตาไปมองเพื่อนรักอีกคนที่กำลังขับรถอยู่ และอีกฝ่ายก็มองเขานิดๆ ด้วยเหมือนกัน

                    ทำไมคะพี่ยะมีแฟนแล้วเหรอคะ? แหม...เสียดายคนหล่อๆ มีแฟนหมดแล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีคนรักแล้ว ไม่เห็นเหลือมาเผื่อแผ่คนไร้คู่อย่างเธอบ้างเลยหตายซิ

                    “อะไรกันพี่ก็หล่อนะ?” ภานุกรเลิกคิวมองหน้าเด็กสาวที่เปิดเผยคนนี้อย่างเย้าแหย่

                    อิๆ ไม่เอาหรอกค่ะพี่กรน่ะดูเป็นมิตรกับสาวๆ มากเกินไป ได้เป็นแฟนสงสัยช้ำใจแย่เลย แต่พี่ยะนี่ดูเป็นคนนิ่งๆ แต่เสียดาย

                    สงสัยชาตินี้เธอคงเป็นโสดเป็นแน่แท้ เธอไม่ชอบคนอายุเท่านั้นอย่างทั้งสองหนุ่มนี่ตรงสเปคแต่คนมีแฟนเธอก็ไม่ยุ่งเดี๋ยวแฟนเขามาแหกอกเอาเธอแย่ซิ

                    สุริยะได้แต่มองหน้าเด็กสาวนิ่งๆ เขารู้ว่าเธอเป็นคนน่ารักและดูสดใสต่างจากเขามาก ยิ่งเธอพูดตรงๆ เมื่อครู่เขากลับรู้สึกว่าเธอเป็นคนเปิดเผยดี ถ้าเขายังไม่มีคนรักเธออาจจะเป็นคนที่เขาไม่อาจจะมองข้าม

                    “ไม่เอาละ...แล้วพี่เวียร์เนี่ยมีสาวๆ เยอะรึเปล่าคะ?” หนุ่มหล่ออย่างเขา มีรถหรูขับคงเป็นที่แก่งแย่งเขาผู้หญิงหลายคน แต่เธออยากจะรู้ว่าเพื่อนเธอมีโอกาสมั้ย

                    “ให้พูดตรงๆ ถ้าคบจริงจังเลยไม่มีนะ..แต่ก็มีเพียงแค่คู่ควงเท่านั้น...” ต้องเขาใจนะว่าหนุ่มโสดในฝันอย่างธีรวิทย์เป็นที่หมายปองของสาวๆ หลายคน แต่ส่วนมากชายหนุ่มจะไม่คบใครจริงจังมีข้อตกลงตั้งแต่แรก แลกความพึงพอใจทั้งสองฝ่ายเพื่อนเขาก็ตอบแทนอย่างดีไม่ว่าเงินทองหรือข้าวของ หากใครที่คิดจะครอบครองเขาละก็คงต้องกระเด็น

                    “ว้า...แย่จังเลยค่ะ..” อย่างนี้พี่เวียร์คงจะมีสาวๆ เข้ามาต่อคิวเพียบ ยิ่งพวกดารานางแบบด้วยแล้ว แล้วเด็กสาวกะโปโลอย่างยัยเรียวจะสู้เขาได้เหรอ

                    ความสดใสของเด็กสาวบางทีอาจจะดึงดูดสายตาของไอ้เวียร์มันได้นะ...ดูจากเท่าที่เห็นท่าทีที่ดูอบอุ่นเมื่อครู่น่ะพี่ไม่เคยเห็นนอกจากตอนที่มันอยู่กับยัยไวน์น้องสาวของมันนะสุริยะออกความเห็นเขาเห็นเหมือนที่เพื่อนเห็นน่ะละแต่ยังไม่กล้าฟันธงเท่านั้น ต้องรอดูกันต่อไปว่าเพื่อนเขาจะสานต่อคามสัมพันธ์กับเธอคนนั้นแบบไหนหรือหยุดที่คนรู้จัก

                    “จริงเหรอคะ!!” หญิงสาวร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้น เธอมองหน้าคนที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่อย่างชื่นชม เขาไม่เหมือนเพื่อนอีกคนที่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันเพราะว่าเขาดูนิ่ง และเงียบ ต่างจากพี่กรที่ดูเป็นคนอารมณ์ดีและเข้าหาง่ายมากกว่า..เสียดายมีแฟนแล้ว...

                    ทันที่เห็นป้ายทางเข้ารถยนต์คันหรูก็ตีไฟเลี้ยวแล้วเข้าไปหาที่จอดรถทันที ธีรวิทย์จอดรถแล้วมองหน้าอีกฝ่ายนิดหนึ่งแล้วตังเองลงจากแล้วแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งให้หญิงสาวลงมา

                    “ขอบคุณค่ะ” เธอเปิดยิ้มให้อีกฝ่ายที่บริการเธอ

                    ทั้งคู่ยืนรอรถอีกคันที่กำลังเข้ามาจอด และรอเดินเข้าร้านพร้อมกัน จิระประไพเดินนำหน้าสองหนุ่มมาหาเธอ

                    “ว้าว..ร้านสวยมากเลยค่ะ...ไพเพิ่งเคยมานะคะ” เธอมองไปรอบๆ ร้านที่ประดับด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และดูร่มรื่น

                    “อาหารอร่อยด้วยนะ” ภานุกรเป็นคนบอกเมื่อเขาเดินตามมาทัน

                    สงสัยต้องลองชิมแล้วค่ะ...เรียวแกชอบทำอาหารไม่ใช่เหรอ?” เพื่อนสาวของเธอเป็นคนที่ชอบทำขนมทานเอง เลยชอบที่จะไปชิมขนมแล้วลองแกะวิธีการทำเอาเอง และเธอก็ไอ้อานิสสงค์ไปด้วย

                    “ว้าว..น้องเรียวทำอาหารเก่งเหรอครับเนี่ย”

                    “พอได้ค่ะ..เรียวชอบทำขนมมากกว่าค่ะ...แต่มีเพื่อนของพี่ชายค่ะเก่งทั้งอาหารแล้วก็ขนมเลยเรียวยังไปเรียนกับพี่เขาบ่อยๆ” เอ่ยถึงอีกฝ่ายอย่างชื่นชม

                    “น่ารักนะคะยัยเรียวเนี่ย” เสียงใสๆ ของจิระประไพดังอยู่ข้างๆ ตัวเขา ชายหนุ่มหันไปมองเธอแล้วยิ้มมุมปากให้เธอน้อยๆ เท่านั้น

                    หญิงสาวเห็นอย่างนั้นเธอละอยากจะกรี้ดออกมาดังๆ กับสายตาและรอยยิ้มนั่นของเขามันทำให้เธอแทบละลาย แหม...ถ้าไม่ติดว่ายัยเรียวมันหลงเสน่ห์ชายหนุ่มอยู่ละก็เธอก็จะลงสนามด้วยละนะ

                    “ชักอยากรู้จักแล้วซิ...” ภานุกรชื่นชอบสาวเก่งเรื่องงานบ้านเพราะเขารู้สึกว่าพวกเธอมีเสน่ห์

                    “หึๆ” ธีรวิทย์พอจะรู้ว่าเรียวหมายถึงใคร ก็น้องสาวเขาน่ะซิ...ยัยไวน์เก่งเรื่องอาหารไม่ว่าจะของคาวของหวานได้หมด ถ่ายทอดมาจากมารดาพวกเขาท่านชอบทำอาหารเสมอ เลยทำให้น้องสาวเขาชอบการเข้าครัวไปด้วย

                    “อิๆ ไม่ได้หรอกค่ะคนนี้เรียวจองมาเป็นพี่สะใภ้” เธอดูออกหรอกว่าเพื่อนพี่ชายคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนดูจากท่าทางที่พี่ชายเธอแสดงออกมายามที่อีกฝ่ายแวะเวียนมาที่บ้าน และเธอเห็นสายตายามที่พี่ชายเผลอเขาแสดงออกมาชัดเจนว่ารู้สึกกับเพื่อนคนนี้

     

                    “อย่าเพิ่งคุยกันเลยตรงนี้ร้อนเข้าไปในร้านดีกว่า” สุริยะเป็นคนที่เอ่ยขัดขึ้นมาที่ดูท่าจะคุยกันยาว

                    “ว่าแต่เรียวพี่มีน้องกี่คนคะ?” ภานุกรเป็นคนสืบประวัติ

                    “สองคนค่ะพี่ราฟ แล้วเรียวเป็นคนเล็ก..”

                    “เหรอแล้วพี่ชายน้องเรียวเนี่ยเรียนหรือว่าทำงานละ...”

                    “เรียนค่ะ...พี่ราฟเรียนอยู่...คณะวิศวกรรมโยธาค่ะ” แต่เธอไม่ได้บอกให้ใครรู้ก็คือพี่ชายเธอเรียนจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมการบินและบริหารมาแล้ว ตั้งแต่อายุ 18 แต่พี่ชายอยากจะมีช่วงเวลาเหมือนคนอื่นเลยลงเรียนโยธาอีก

                    พอเริ่มสนิทกันแล้วภัทรลดาเธอก็เริ่มที่จะพูดคุยมากขึ้น ต่างจากครั้งแรกที่เจออย่างสิ้นเชิงเธอพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถสะกดสายตาของธีรวิทย์ให้มองมาทีเธอบ่อยๆ

                    “เรียนที่เดียวกับยัยไวน์เลยนี่...ว่าแต่พี่ชายน้องเรียวอยู่ปีอะไรแล้วคะ” ภานุกรอดที่จะซักต่อไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นจุดไต้ตำตอก็ได้

                    “ปี 4 ค่ะ”

                    “โห...ปีเดียวกันอีกต่างหาก...พี่ว่ายัยไวน์อ้อ...น้องสาวไอ้เวียร์น่ะเรียนอยู่ที่นั่นแล้วก็คณะเดียวกันอีก...” เขาละอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายน้องเรียวอาจจะเป็นเพื่อนน้องสาวไอ้เวียร์ก็ได้

                    “ชื่อเหมือนเพื่อนพี่ชายของเรียวเลยค่ะ...น้องสาวพี่เวียร์ชื่อจริงว่าอะไรคะ...เผื่อจะเป็นคนเดียวกัน” ไม่อยากจะคิดเลยว่าเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้

                    “ชื่อพิชญ์                นรี  กุลพิธานวรากุล เอาให้ชัดพี่มีรูปด้วย” เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกางเกงแล้วเปิดออกมาให้สองสาวดูรูปในกระเป๋า

                    พี่ไวน์! ใช่จริงด้วยพี่ไวน์เป็นน้องสาวพี่เวียร์จริงเหรอคะ?” เธอรู้จักพี่ไวน์มาสามปีแล้วไม่เคยเจอพี่ชายของพี่ไวน์เลยซักครั้ง แม้ว่าพี่ชายพี่ไวน์จะมารับพี่เขาบ้างแต่ส่วนมากเธอจะอยู่ไกลๆ มากกว่าไม่คิดว่าเขาจะอยู่ใกล้เธอแค่นี้เอง

                    ไม่น่าเชื่อเลยอะ...แล้วก็พี่กร...คนที่พี่กรอยากรู้จักน่ะก็พี่ไวน์ไงคะเธอหัวเราะออกมาน้อยๆ กับท่าทีเหวอๆ ของอีกฝ่าย เธอหมายตาพี่ไวน์มานานแล้ว และก็คิดว่าอีกไม่นานพี่ชายจะกล้าเผยความรู้สึกตัวเองเสียที ช่วงปิดเทอมที่พี่ไวน์ไม่อยู่เธอมองชัดเลยว่าพี่ชายเธอซึมลงไปมาก และติดโทรศัพท์อย่างมาก คอยแชทกับอีกฝ่ายตลอดเวลา

                    “ยัยไวน์ทำอาหารเก่งจริงๆ เหรอวะไอ้เวียร์?” ที่เขาสงสัยทำไมไม่เคยได้ชิมฝีมือน้องสาวเพื่อนรักเลยทั้งที่เคยไปเที่ยวบ้านบ่อยๆ

                    ไวน์น่ะเก่งแต่ไม่ชอบทำให้ใครกินเท่าไหร่แล้วแต่ความพอใจ บางครั้งพวกแกไม่รู้เองว่าเป็นยัยไวน์เป็นคนทำเพราะคิดว่าเป็นคุณแม่หรือก็แม่บ้านน่ะเขาไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะไม่จำเป็นต้องโอ้อวดเรื่องพวกนี้เขาเลยไม่จำเป็นต้องบอกใครแค่คนในครอบครัวรู้ก็พอ

                    “เหรอ...ว่าแต่มีอะไรวะยะเห็นหน้ายุ่งเลย?” ภานุกรถามเอเห็นเพื่อนเดินเข้ามาหาพวกเขาหลังจากที่ปลีกตัวไปรับสายที่เข้ามา

                    “เปล่าหรอก....เรื่องงี่เง่าน่ะ...” ส่ายหน้าอย่างเบื่อๆ แล้วก็นั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ จิระประไพ

                    “เออ...ว่าแต่ยะแกจะสั่งอะไรเพิ่มรึเปล่า”

                    “สั่งอะไรไปบ้างแล้วละ?” เขาดื่มน้ำที่พนักงานเอามาเสิร์ฟทันทีเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อน

                    “ต้มยำรวมมิตร กุ้งอบวุ้นเส้น ก้านปวยเล้งผัดน้ำมันงา หอยลายผัดฉ่า ยำปลาดุกฟู แกงเขียวหวานไก่” ภานุกรไล่รายการอาหารที่ตกลงสั่งไปเมื่อครู่

                    “งั้นก็พอแค่นี้ละ...” เมื่อเห็นว่ามีอาหารเพียงพอแล้วเขาก็ไม่คิดจะสั่งเพิ่มอีก

                    “แล้วน้องเรียวกับน้องไพเรียนอะไรกันอยู่เหรอ?”

                    “วิศวะคอมฯ” เสียงที่ตอบไม่ใช่เสียงใสๆ ของทั้งสองสาวแต่เป็นเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่นั่งติดภัทรลดานั่นเอง

                    “เอ๋? พี่เวียร์รู้ได้ไงคะว่าเราเรียนวิศวคอมฯ ยัยเรียวบอกพี่เขาเหรอ?” จิระประไพหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

                    “เปล่า...พี่เวียร์รู้ได้ไงคะ?” เธอหันไปมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะมองหน้าเขาในระยะใกล้ชิดขนาดนี้

                    “เดาเอา” เขายิ้มขรึม แววตาพราวที่มองหน้าสาวน้อยๆ ข้างๆ เขา

                    “เก่งเว้ยเอ็งเนี่ย...ว่าแต่สาวๆ มากับพวกพี่อย่างนี้แฟนจะไม่เข้าใจผิดเหรอ?” ภานุกรเย้าสองสาวอย่างสนุกสนาน

                    “อุ้ย...แฟนเฟินที่ไหนมีคะเราสองคนโสดค่ะรักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียนค่ะ” รีบปฏิเสธเสียงหลง

                    ตุ้บ...เสียงดังที่เรียกความสนใจจากสองสาวได้เป็นอย่างดีจิระประไพหันไปมองชายหนุ่มที่แทบจะไม่พูดอะไรเลยเอาแต่ฟังคนอื่นพูดคุยกันอย่างสุริยะ

                    “เอ่อ..มีอะไรรึเปล่าคะ?” เธอได้แต่ถามเขาอย่างไม่แน่ใจเพราะเธอกลัวว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเขาที่เพิ่งรู้จักมากเกินไป

                    สุริยะมองหน้าเด็กสาวเพียงครู่แล้วเขาก็ยื่นโทรศัพท์สุดหรูของตัวเองที่กำลังส่งเสียงดังไม่ยอมหยุดให้เธอรับโทรศัพท์เครื่องนี้ให้หน่อยแล้วบอกว่าอย่าโทรมาอีกน่ารำคาญเขาถอนหายใจหนักๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรไปอีกฝ่ายไม่รับรู้ทั้งนั้น

                    “เอ่อ...แต่ว่า...มันจะดีเหรอคะ?” อยู่ๆ ให้เธอรับโทรศัพท์ให้นี่นะ

                    “ดีซิช่วยหน่อย...ถ้าอยากให้พี่โสดจริงแล้วเปิดโอกาสให้ตัวเองน่ะ...รับสายแล้วทำยังไงก็ได้ให้สายนี้เลิกโทรมาซะที” คนเงียบๆ เวลาจะพูดออกมาก็ดูมีเสน่ห์ในสายตาของเด็กสาวเหลือเกิน เธอได้แต่อมยิ้มแล้วเลิกคิ้วมองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ก็ไหนบอกว่ามีแฟนไงเล่า...

                    “...แฟนเก่าน่ะ...ถ้าเขาไม่ยอมเลิกพี่ก็ยังไม่โสดจริงๆ ใช่มั้ย?” เขาเลิกคิ้วให้อีกฝ่ายกวนๆ

                    “หึ...แน่ใจนะคะว่าจะให้ไพรับสายจริงๆ น่ะ ไม่ใช่ว่าไพไปทำให้พี่กับแฟนทะเลาะกันนะ” เธอชอบบุคลิกเขาก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไปแย่งแฟนใครหรอก

                    “ครับ..ช่วยหน่อย” พยักหน้ารับเร็วๆ

                    “...ฮัลโหล” แค่เพียงกรอกเสียงออกไปเธอก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายโวยวายมาทันที เธอเหลือบมองหน้าอีกคนที่จ้องเธออยู่เช่นกัน

                    นั่นโทรศัพท์ยะใช่มั้ย...แกเป็นใครมารับโทรศัพท์แฟนฉันเสียงแวดๆ ของอีกฝ่ายดังขึ้นทันทีที่มีคนรับสายหลังจากทีเธอพยายามโทรมาหลายรอบแล้ว

                    “หูย...อะไรกันค้า...โทรศัพท์พี่ยะน่ะใช่แต่ว่าตอนนี้พี่ยะยังรับสายไม่ได้อะ...ว่าแต่คุณเป็นใครละ...ถึงโทรมาหาแฟนฉัน” เธอพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ยิ่งได้ยินเสียงกรี้ดลั่นๆ ของปลายสาย

                    กรี้ด...อย่างมามั่วนะยะเป็นผัวฉันนะยะแล้วหล่อนน่ะเป็นใครให้ยะมาคุยเดี๋ยวนี้เลยนะ..นังหน้าด้านเธอกรี้ดลั่นเมื่ออีกฝ่ายอ้างวาเป็นแฟนของคนที่เธอหมายจะกลับมาคืนดี

                    อุ้ยตายแล้ว...กล้าเนอะมาอ้างว่าคนอื่นเขาเป็นผัวน่ะ...แล้วผู้ชายเขารับรู้ด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้...อีกอย่างนะป้า...การที่ชายเขานอนกับผู้หญิงซักคนคงไม่ต้องไปเป็นผัวผู้หญิงทุกคนที่นอนด้วยหรอกนะ แล้วป้าก็แค่คนเก่า...ที่เขาไม่สนใจ...ของเก่าจะเหมือนของใหม่ได้ยังไง...จะบอกตรงนี้เลยนะว่าอย่าโทรมากวนแฟนฉันอีก...แล้วฉันก็ไม่ยอมให้คุณมาวุ่นวายอีก...ของเก่าก็อยู่ส่วนของเก่าซิยะ...ไม่รู้เหรอว่าผู้ชายเขาชอบสาวๆ เอาะๆ อะยิ่งพูดเธอยิ่งสะใจคนอะไรกรี้ดลั่นๆ อย่างนั้นไม่กลัวเจ็บคอรึไง...

                    “นังบ้า...หน้าด้าน ยะเขารักฉันยะแกเป็นอีตัวมาให้เขาเอาน่ะซิ...”

                    ต้ายตาย...ป้าจ๋าว่าคนอื่นน่ะดูตัวเองรึยังอะ...แล้วก็นะพี่ยะเขาบอกว่าเขารำคาญป้าจะตายเลิกโทรมาได้แล้ว..บอกให้เอาบุญนะพี่ยะเขารักฉัน....” เธอกดเสียงหนักให้อีกฝ่ายยอมเข้าใจเสียที

                    “ฉันไม่ยอมหรอกนะยังไงยะก็ต้องเป็นของฉันส่วนหล่อนน่ะฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าแกเป็นใครแล้วฉันจะเขี่ยแกเองไม่เชื่อก็คอยดู”

                    หูย..กลัวจะตายอยู่แล้ว...จะบอกอะไรให้นะ..ป้าน่ะควรเอาเวลาไปดูแลตัวเองให้มากๆ ดีกว่านะ ผู้ชายเขาไม่สนใจยังจะตื้ออยู่ได้ แล้วก็นะถ้าป้าดีจริงพี่ยะเขาจะเลิกรักป้ายังไงเอ้ะ...หรือว่าไม่เคยรัก...” เธอมองหน้าเขาที่กำลังจ้องเธอนิ่งอยู่ตอนนี้

                    “กรี้ด...”

                    พออีกฝ่ายร้องกรี้ดๆ อยู่นั้นจิระประไพก็กดวางสายไปทันที เธอมองหน้าชายหนุ่มที่เธอถูกใจอย่างหนักใจ แค่พูดคุยกับปลายสายเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่

                    แฟนพี่นี่น่ากลัวอะ..” เธอบอกเขาเสียงเรียบทำหน้าแหยๆ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา

                    “หึๆ นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ...แล้วนี่เขากลับมาหาเอ็งอย่างนี้คนที่เขาไปแต่งงานด้วยละ?” ภานุกรหัวเราะออกมาน้อยๆ เขารู้ว่าแฟนเก่าของเพื่อนรักหันไปหาผู้ชายแก่คราวพ่อเพื่อแต่งงานเลยเลิกรากันไป เพื่อนเขาก็เฮิร์ทหนักอยู่นานแต่ตอนนี้รู้สึกว่าไอ้ยะจะไม่สนใจอีกฝ่ายแล้ว เลิกก็คือเลิกไม่มีการย้อนกลับมาอีก เมื่ออีกฝ่ายไม่ซื่อสัตย์และไม่มีใจแล้วก็ไม่ควรอยู่ด้วยกันเลย

                    “แล้วตกลงยังไงคะ...ตอนแรกไพยังคิดว่าพี่ยะมีคนรักอยู่แล้วซะอีก” เธอออกจะงงๆ อยู่นะเนี่ย

                    “หึๆ เลิกกันแล้วแต่ดูเหมือนลมจะพัดหวนน่ะ...” ภานุกรเย้าอย่างเป็นเรื่องตลก

                    ไม่นานพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟแล้วทั้งห้าคนก็เริ่มทานอาหารภัทรลดามีธีรวิทย์บริการชื้ชวนให้เธอลองชิมตลอด และคอยเทคแคร์เธอจนออกนอกหน้า จนหลายคนสังเกตเห็น

     





    ********************มาอัพแล้วจ้า...อย่าเพิ่งโกรธกันน้าคิดไม่ออกจริงๆ จ้า****************







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×