ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจเอย... [จบ]

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ ๘

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 54


    รามภณขับรถออกจากบ้านด้วยอารมณ์แจ่มใส สดชื่นราวกับทะเลในฤดูร้อน เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่เขามีนัด...นัดสำคัญเสียด้วย

    เขาไปรับรมัณยาที่มหาวิทยาลัยก่อน ตามที่นัดกันไว้ แล้วจึงพาเธอตรงดิ่งไปยังจุดชมวิว ที่เขาคิดว่าสวย

    เพียงสิบห้านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมาย...

    อ่าวแห่งนี้สาวยจริงอย่างที่รามภณบอกไว้ หาดทรายสีขาวสะอาดตาตัดกับน้ำทะเลสีเขียวมรกต ถัดเข้าไปอีกหน่อยมีต้นไม้รกครึ้มราวกับป่า ส่วนด้านที่เป็นหน้าผาก็มีน้ำตกแคบๆ ไหลจากหน้าผาสูง ข้างน้ำตกเป็นแนวโขดหินที่มีหญ้ามอสเล็กๆ ขึ้นคลุมจนเขียวไปหมด

    รมัณยาเลือกทิวทัศน์บริเวณน้ำตกเป็นแบบสำหรับภาพแรก เธอนั่งลงตรงบริเวณเนินหิน วางอุปกรณ์ทั้งหมดลงข้างตัว ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากเลย มีเพียงกล่องดินสอ สมุดสำหรับร่างภาพคร่าวๆ กระดานรองเขียน และกระดาษจำนวนหนึ่ง เธอไม่ได้พกเอาสีมาด้วย เนื่องจากโดยปกติ เธอจะร่างภาพไว้ก่อน แล้วค่อยไปลงสีน้ำเอาทีหลัง

    หญิงสาวเริ่มต้นลากดินสอไปบนกระดาษที่หนีบติดกับกระดานรองเขียน สลับกับการมองกะสัดส่วนทิวทัศน์เบื้องหน้า

    รามภณยืนห่างออกไปในแนวชายหาด มองดูหญิงสาวที่กำลังร่างภาพอย่างเอาจริงเอาจังด้วยแววตานุ่มนวล

    ...อยากหยุดเวลาไว้เพียงแค่ตรงนี้ ได้อยู่กับเธอสองคน อยู่ข้างๆ เธอ

    ชายหนุ่มขยับเดินเข้าไปใกล้เธอ เพื่อที่จะมองเธอ มองภาพที่เธอวาดให้ชัดตา ทว่าจิตรกรสาวกลับตวัดสายตาคม จ้องเขาเขม็ง

    "อ๊ะ ห้ามแอบดูนะ ต้องให้เราวาดให้เสร็จก่อน ถึงจะดูได้"

    รามภณได้ยินเธอพูดเช่นนั้นก็มีแต่ต้องถอยเท้ากลับ ก้มหน้าถอนหายใจเบาๆ กลัวว่าเธอจะโกรธ แต่เมื่อเห็นเธอหันมายิ้มให้อีกครั้ง ราวกับสามารถสัมผัสความกังวลของเขาได้ เขาก็โล่งใจ

    รมัณยา...ผู้หญิงที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ใส่ใจต่อความรู้สึกของเธอมากที่สุด...มากกว่าใครๆ ที่ผ่านมาในชีวิต

    % ###

    ศาสตราเป็นอีกคนหนึ่งที่มีนัดในวันนี้

    เขาบึ่งมอเตอร์ไซค์ของตนไปยังศูนย์กีฬาของมหาวิทยาลัยในตอนบ่าย ตามเวลาที่สิโรตม์บอกไว้

    ทว่าเมื่อเขาไปถึงสนามฟุตบอล กลับไม่มีใครอยู่ในสนามเลย เขาจึงคิดว่าคนอื่นๆ อาจจะอยู่ในห้องแต่งตัว จึงคิดจะลงไปที่นั่น ทว่าเมื่อหมุนตัวกลับ ก็พบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิโรตม์ วสุ และปฤษฎ์

    "คนอื่นล่ะ ไปไหนกันหมด" เขาถามพาซื่อ

    "ข้าบอกแต่พวกข้าจะมา ไม่ได้บอกว่าคนอื่นจะมาด้วยนี่หว่า"

    ..เอาแล้วไง

    "บอกตามตรง ข้าไม่คิดว่าเอ็งจะเป็นกัปตันทีมได้" สิโรตม์เริ่มชี้แจงจุดประสงค์ของตน "ข้าก็เลยอยากจะท้าเอ็ง..."

    เขาหันไปส่งสัญญาณให้ปฤษฎ์ เข็นกรงสี่เหลี่ยมสำหรับใส่ลูกฟุตบอลของชมรมจากข้างสนาม ในนั้นมีลูกฟุตบอลที่ใช้การได้ดีอยู่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบลูก

    สิโรตม์เปิดกรงขึ้นทางด้านบน หยิบเอาลูกฟุตบอลลูกหนึ่ง ทิ้งลงบนพื้นสนาม

    "ข้าจะให้โอกาสเอ็งแสดงฝีมือ ถ้าเอ็งรับลูกที่พวกข้ายิงได้เกินห้าสิบลูก ก็ถือว่าเอ็งมีคุณสมบัติพอจะเป็นกัปตัน แต่ถ้าเอ็งทำไม่ได้ ก็ถอนตัวซะ!" ประโยคสุดท้ายเขาเน้นเสียงให้ดังขึ้น ราวกับมั่นใจว่า ผู้รักษาประตูของทีมคนนี้ ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน

    % ###

    รมัณยาเปลี่ยนมุมสำหรับวาดภาพแล้ว คราวนี้เธอหันหลังให้กับน้ำตก หันหน้าไปทางเวิ้งน้ำที่เว้าเข้ามา บริเวณนั้นเป็นหาดทรายขาวละเอียด เมื่อทอดมองออกไปจะเห็นผืนทะเลสีเขียว ไกลสุดตา

    รามภณปักหลักนั่งอยู่ตรงหาดทรายนั้น เขาถอดรองเท้า พับขากางเกงขึ้น แล้วนั่งเหยียดขาไขว้เท้า อิงหลังกับหินก้อนหนึ่ง ในมือมีนิตยสารเกี่ยวกับวงการบันเทิง ข้างตัวยยังมีหนังสืออ่านเล่นอีกหลายเล่มวางกองอยู่

    หญิงสาวมองแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอค่อยๆ จรดดินสอ ลากภาพคร่าวๆ ของทิวทัศน์ที่เห็นนั้น รวมทั้งคนที่นั่งอยู่ด้วย

    % ###

    ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ในที่สุดขอบฟ้าทางทิศตะวันตกก็เปลี่ยนเป็นเรื่อแดง

    ศาสตราซึ่งยังอยู่ในชุดไปรเวท ไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดกีฬา ยืนอยู่ในสนาม หน้าประตูตาข่าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทว่าตอนนี้เส้นผม ใบหน้า รวมถึงเสื้อผ้าของเขาล้วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขากำลังตั้งท่าเตรียมรับลูกฟุตบอลอีกลูก จากปลายเท้าของเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเป็นกองหน้าที่ยิงประตูได้แม่นยำ และเฉียบคมคนหนึ่ง

    ลูกฟุตบอลกระจายเกลื่อนไปทั่ว สิโรตม์ก็ยืนประจันหน้ากับเขา วสุ และปฤษฎ์ ก็ยืนอยู่ไม่ห่างจากศูนย์หน้าตัวยิงเท่าใดนัก

    เหลืออีกสิบลูก...

    ก่อนหน้านี้ศาสตรายังไม่พลาดเลย ไม่ว่าสิโรตม์จะยิงลูกบอลเข้ามาอย่างไร จากทิศทางไหน จะปั่น หรือโค้ง เขาก็รับ หรือปัดป้องได้หมด

    ...ไม่มีสักลูกที่เล็ดลอดผ่านกรอบเสาสีขาวที่เขาป้องกันอยู่

    สิโรตม์ตั้งลูกบอลแล้วก้าวถอยหลังไปราวสามสี่ก้าว เล็งตำแหน่ง จากนั้นซอยเท้ากลับมา ง้างเท้าขวาแล้วปล่อยปลายเท้ากวาดลงไปกระแทกลูกฟุตบอลลูกนั้น จนลอยโด่งข้ามคานไปไกล

    ศาสตรามองตามลูกฟุตบอลเมื่อครู่พลางขมวดคิ้ว ...หรือมันกำลังหัดยิงเป้าบิน

    ช่วงจังหวะนั้นเอง ลูกฟุตบอลอีกสองลูกก็ลอยละลิ่วตรงมาที่ตัวเขา โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว มารู้ตัวอีกที ลูกหนึ่งก็กระแทกถูกกกหูซ้ายไปเต็มแรงแล้ว!

    ...สองลูกนี้มาจากเท้าของวสุกับปฤษฎ์

    ศาสตราถูกลูกฟุตบอลกระแทกใส่จนหน้าคว่ำ ล้มกองลงกับพื้น รู้สึกมึนจนต้องสะบัดหัวแรงๆ

    ทว่าสิโรตม์ไม่ยอมปล่อยโอกาสงามๆ เช่นนี้หลุดมือไปง่ายๆ ทั้งเขา วสุ และปฤษฎ์ ช่วยกันระดมซัดลูกบอลเข้าใส่ผู้รักษาประตูที่ยังนอนลุกไม่ขึ้น!

    ลูกฟุตบอลลูกแล้วลูกเล่า ลอยมาราวห่ากระสุน ศาสตราไม่ทันได้ปัดป้องลูกหนึ่ง อีกลูกก็ปลิวเข้ามา ลูกบอลกระแทกหน้าแข้ง ขา ลำตัว และศีรษะ

    เขาพยายามดิ้นรนหาที่หลบ ทว่าภายในสนามฟุตบอลกว้างขวาง มีเขาเป็นเป้านิ่งกลางแจ้ง จะให้เขาไปหลบที่ไหนได้

    ลูกฟุตบอลยังคงปลิวเข้ามาไม่หยุด

    ศาตราทำได้เพียงยกแขนกันศีรษะ งอตัวป้องกันส่วนหน้าอกและท้อง ปล่อยให้ลูกบอลเหล่านั้นกระแทกใส่แขนและขา โดยไม่อาจปัดป้องหรือตอบโต้ได้เลย!

    % ###

    รมัณยาเก็บอุปกรณ์ใส่รถเรียบร้อยแล้ว จึงมานั่งที่ชายหาดข้างรามภณ ซึ่งกำลังทอดสายตามองผืนทะเลสีเขียว สะท้อนแสงสีส้มแดงตรงขอบฟ้า จนะเป็นประกายระยิบระยับ

    "ชอบที่นี่มั้ย" เขาถามขึ้น

    "ชอบ" รมัณยาพยักหน้าตอบ

    ชายหนุ่มหันมองจิตรกรสาวคนสวยข้างตัว รู้สึกปลื้มใจที่ตัวเองสามารถทำอะไรให้เธอพอใจได้บ้าง

    "ถ้าอยากมาอีกก็บอกนะ ยินดีพามาทุกเมื่อ"

    หญิงสาวยิ้มรับอ่อนหวาน

    รามภณไม่รู้หรอกว่า ในจำนวนภาพที่เธอร่างไว้ มีภาพหนึ่งเป็นภาพชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อย ขี้อาย กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมทะเล

    "หรือจะเอาเป็นอาทิตย์หน้าดี" เขาถามเป็นเชิงชักชวน

    "จะมาบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ที่ร่างไว้นี่ก็กลับไปลงสีไม่ทันแล้ว" เธอพูดกลั้วหัวเราะ รามภณจึงต้องยิ้มเขินออกมา เผลอยกมือลูบศีรษะตนเองอย่างไม่ตั้งใจ

    ระหว่างนั้นเสียงดนตรีจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ รามภณจึงต้องหยิบมันขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ชื่อบนหน้าจอบอกว่าเป็นเพื่อนของเขา...วสวัตติ์

    "มีอะไรเหรอ" เขากรอกเสียงลงไป พลางมองไปที่หญิงสาวข้างกาย

    "เอ็งไปดูศาสตราที่สนามฟุตบอลที" ปลายสายบอกเสียงร้อนรน "คนของชมรมข้าโทรมาบอกว่าเห็นมันโดนรุมอยู่ พวกข้าก็กำลังรีบไปด้วย"

    "ว่าไงนะ!"

    % ###

    รามภณรีบบึ่งรถกลับมาที่มหาวิทยาลัยพร้อมกับรมัณยา และตรงไปยังสนามฟุตบอลในทันที

    ที่หน้าประตูตาข่ายด้านในของสนาม กลุ่มของสิโรตม์ไม่ได้ระดมเตะลูกฟุตบอลใส่ศาสตราที่นอนตัวงออยู่บนพื้นสนามแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นใช้เท้าที่สวมรองเท้าสตั๊ด เขี่ยตัวเขาหงายขึ้น แล้วเหยียบลงบนหน้าอก

    รามภณวิ่งนำรมัณยา ตัดผ่านสนามเข้าไปกระชากไหล่สิโรตม์ออกมา พร้อมกับชกใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามทีหนึ่ง จากนั้นวสุและปฤษฎ์จะเข้ามารวบแขนของเขาไว้คนละข้าง

    สิโรตม์ตั้งตัวติดแล้วก็หันกลับมา ส่งหมัดคืนใส่ปลายคางเขาได้ทีหนึ่งเช่นกัน ก่อนที่รมัณยาจะเข้ามาห้ามทัน

    สิโรตม์หันมองรมัณยา เหลือบมองรามภณแวบหนึ่ง แล้วจึงหันกลับมามองรมัณยาอีกครั้ง จากนั้นจึงเหยียดยิ้มออกมา

    "อย่างนี้นี่เอง จิรัชย์ถึงฝากให้ฉันจัดการไอ้นี่ด้วย" สิโรตม์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน บอกออกมา สายตามองไปยังชายหนุ่มที่ถูกยึดตัวไว้อยู่

    "จิรัชย์...จิรัชย์เป็นคนบอกให้นายทำแบบนี้เหรอ" รมัณยาถามเสียงดัง

    "เปล่า เขาแค่แนะนำมาเท่านั้น" สิโรตม์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งก่อนถามต่อ "ถามจริงเถอะ ไอ้ดีเจนี่มีอะไรดีกว่าจิรัชย์ตรงไหน ทำไมเธอไม่เปลี่ยนไปชอบจิรัชย์"

    หัวใจของรามภณเต้นแรง เขากำลังรอฟังคำตอบ แต่เธอกลับเงียบอยู่

    "อย่างน้อย ไอ้ภณมันก็ไม่พาลเหมือนพวกแกก็แล้วกัน" เสียงทุ้มแฝงความเด็ดขาดของวสวัตติ์ ราวกับเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา

    ภวาภพกับธาวินรีบตรงเข้าไปประคองศาสตราที่นอนหายใจหอบหมดแรงอยู่บนพื้น ให้ขยับห่างออกมา

    รามภณสะบัดแขนหลุดจากการยึดกุมของวสุและปฤษฎ์แล้ว เขาก็ยืนสูดหายใจลึก สงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดกับสิโรตม์

    "ไปบอกไอ้จิรัชย์ด้วย อย่าใช้วิธีขี้ขลาดแบบนี้...ถ้ามันชอบรมัณยา ก็มาแข่งกัน!"

    จากนั้นเขาก็สะบัดหน้า สะกิดชวนรมัณยาเดินตามภวาภพและธาวิน ที่กำลังช่วยกันประคองศาสตราออกจากสนามอย่างระมัดระวัง

    วสวัตติ์ปรายหางตา มองกลุ่มนักฟุตบอลที่ขาดน้ำใจนิดหนึ่ง แล้วหันหลังเดินตามออกมา เขามองเงาหลังชายหนุ่มกับหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า คำถามผุดขึ้นมาในสมองมากมาย พร้อมกับความรู้สึกเหมือนหัวใจ ถูกกำปั้นที่มองไม่เห็น ทุบถอง...ซ้ำแล้วซ้ำอีก

    รมัณยา...เธอมากับรามภณได้อย่างไร

    ...ถ้าชอบรมัณยาก็มาแข่งกัน...คำพูดของเพื่อนเมื่อครู่ ราวกับพูดกับตัวเขาเอง

    เพื่อนของเขาชอบผู้หญิงคนนี้หรือ

    นี่เขากำลังชอบผู้หญิงคนเดียวกันกับเพื่อนหรือ

    % ###

    "ตกลงว่าเอ็งยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสองวัน"

    ศาสตราพยักหน้าตอบคำถามของธาวิน หลังจากทำแผลฟกช้ำตามตัว เข้าเฝือกที่ขาขวาเรียบร้อยแล้ว และกำลังรอให้พยาบาลพาไปย้งห้องพักคนไข้

    "ไม่รู้ว่าจะกระทบกระเทือนอะไรรึเปล่า ก็เลยต้องอยู่รอดูอาการก่อน"

    "ข้าว่าน่าจะกระเทือนสมองเอ็งหน่อยนะ จะได้มีความคิดเหมือนคนอื่นเขาบ้าง" ธาวินหยอกต่อ คนเจ็บจึงหันมาถลึงตาเขียว เพราะถึงอยากจะลุกขึ้นมาเอามืออุดปากเขา ก็ทำไม่ได้

    "พวกเอ็งอย่าทำเป็นเล่นไป" ภวาภพที่ยืนกอดอกมองอยู่นานแล้วพูดแย้งขึ้นมาบ้าง "เจ็บขนาดนี้เอ็งคิดว่าจะได้ลงแข่งกีฬามหาวิทยาลัยอีกเหรอ"

    คำเตือนของภวาภพทำให้ศาสตราถึงกับต้องก้มหน้าคิด อย่างว่า...ถ้าเขาหายไม่ทัน ก็คงไม่ได้ลงแข่ง

    หากต้องถูกถอนออกจากตำแหน่งกัปตันทีม นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ตำแหน่งนี้มาตั้งแต่วันนั้นแล้ว และเขาก็ยังไม่ได้บอกกับใคร แต่หากหายไม่ทันลงแข่งแล้วล่ะก็ เขาคงต้องรู้สึกเสียใจไปอีกนาน

    "แต่ยังไงเอ็งก็ควรจะบอกเรื่องนี้กับประธานชมรมของเอ็ง" ภวาภพเสนออีก

    ทว่าศาสตรากลับส่ายหน้าปฏิเสธแรงๆ

    "ทำไมวะ"

    "ถ้าข้าไม่ได้ลงแข่งจริงๆ คนที่จะช่วยทีมได้มากที่สุดก็คือสิโรตม์ อีกอย่าง ถ้าพวกมันสามคนถูกลงโทษไม่ให้ลงเล่น หรือแม้แต่ถูกไล่ออก ทีมก็จะขาดคน"

    "เออ พ่อมหาประเสริฐ มหาจำเริญ" ธาวินประชด "ว่าแต่ ไอ้ภณมันเดินไปส่งรมัณยาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาอีกวะ"

    คำถามของธาวินสะกิดภวาภพให้นึกขึ้นได้

    "นั่นสิ ข้าไปดูให้"

    % ###

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนประดับด้วยดวงดาววิบวับล้อแสงจันทร์อย่างน่ารัก

    รามภณเฝ้ามองหญิงสาวข้างกาย ที่เดินไปพลางแหงนหน้ามองฟ้า ดวงตาคมสวยดูราวกับล่องลอยไปไกลแสนไกล

    ...อยากรู้เหลือเกิน เธอกำลังคิดอะไร คิดถึงใครอยู่

    "จะไม่ให้ไปส่งจริงๆ เหรอ" รามภณถามขึ้นเมื่อพากันเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาลแล้ว

    รมัณยาหันกลับมายิ้มให้เขา "ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้"

    "แต่มันดึกมากแล้วนะ"

    หญิงสาวยิ้ม แต่ไม่ตอบ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับคำพูดของเขา จะเห็นว่าเขายุ่มย่ามเรื่องของเธอมากเกินไปหรือเปล่า

    เขาและเธอมาหยุดยืนรอรถแท็กซี่ด้วยกันเงียบๆ ที่หน้าโรงพยาบาล เมื่อรถมาแล้ว รมัณยาก็หันมา พร้อมกับรอยยิ้มที่กุมหัวใจของเขาไว้ได้อยู่หมัด

    "ขอบใจนะที่เดินมาส่ง" เธอบอก ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป

    รามภณฝืนยิ้ม มองตามรถคันนั้น...ใจหาย อยากรั้งเธอไว้ แต่ก็จนใจ เวลาที่ได้อยู่กับเธอตามลำพังช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน

    เขายืนมองรถแท็กซี่คันนั้นจนลับตาไปแล้วก็ถอนหายใจยาว หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล

    เมื่อกลับมาถึงอาคารผู้ป่วย จึงได้พบภวาภพยืนรออยู่ที่ใต้อาคารแล้ว

    "คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงเห็นเอ็งมากับรมัณยา..." ภวาภพเริ่มบทสนทนาตรงเข้าประเดิน

    รามภณแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน พลางเดินผ่านเพื่อนไป เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

    "นัดของเอ็ง คือเธอล่ะสิ" ภวาภพถามต่อ

    รามภณหยุดกึกลงทันที หากแต่ไม่ได้หันกลับมา และไม่ได้ส่งเสียงตอบ

    "แล้วนฤตยากับมายาวดีล่ะ" เพื่อนของเขายังคงถามไม่เลิก ทว่าคำถามนี้กลับทำให้รามภณหันกลับมาได้

    "ยา...เกี่ยวอะไรกับยา"

    "ยาก็ชอบเอ็ง" ภวาภพบอกตรงๆ ทื่อๆ

    "ไม่จริงมั้ง"

    "จริง" ภวาภพตอบสั้น แต่ชัดเจน

    รามภณมองหน้าเพื่อน เห็นใบหน้าเครียดขรึมจริงจังนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถเถียงได้ ความจริงเขาไม่ควรสงสัย สิ่งที่หลุดออกจากปากภวาภพ มีแต่ความจริง ไม่เสแสร้ง ไม่เพ้อเจ้ออย่างแน่นอน

    "แต่ข้าไม่ได้ชอบสองคนนั้น" เขาบอกออกมาในที่สุด

    "เอ็งชอบรมัณยา"

    คำพูดเรียบๆ ของภวาภพ แทงลงถูกจุด เขาจึงมีแต่ต้องยอมรับด้วยอาการเงียบ

    ภวาภพเดินมาตบบ่าเขาสองที แล้วถอนหายใจ

    "เอ็งจะชอบหรือไม่ชอบใครก็เป็นเรื่องของเอ็ง แต่เอ็งก็ควรจะทำอะไรให้มันชัดเจน ไม่อย่างนั้น คนที่จะต้องเสียใจ ไม่ได้มีแค่เอ็งกับพวกเธอ"

    ...คนที่จะต้องเสียใจ อาจรวมไปถึงเพื่อนของเขา ซึ่งนอนเจ็บอยู่บนอาคารผู้ป่วย กับอีกคนหนึ่ง ที่กำลังจ้องมองผ่านกระจกหน้าต่างของอาคารหลังนั้นลงมา

    เงาร่างใหญ่ของชายหนุ่มผมยาว ที่ทาบอยู่บนบานหน้าต่าง

    วสวัตติ์กำลังมองลงมา ในอกของเขาราวกับถูกบีบเค้นด้วยมือใหญ่...มือของเพื่อนเขาเอง

    % ====================

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×