ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ ๗
"โธ่โว้ย! ลืมมือถือว่ะ" ศาสตราที่เพิ่งหยุดควานหาของในกระเป๋ากีฬาสบถออกมาด้วยความขุ่นใจ หลังหมดชั่วโมงเรียนคาบสุดท้าย "ถึงว่าสิ ไม่มีเสียงให้ได้ยินสักแอะ ปรกติป่านนี้สาวๆ ต้องโทรหาข้าจนสายพันกันแล้ว"
วสวัตติ์ได้ยินแล้วหมั่นไส้นัก จึงตบหลังหัวเพื่อนไปหนึ่งที "ทำไมวะ วันนี้มีธุระปะปังอะไรนักหนาเหรอ เดี๋ยวก็ไปซ้อมแล้ว ยังต้องใช้โทรศัพท์ทำอะไรอีก"
ศาสตราคลำหัวตัวเองป้อยๆ แล้วจึงอธิบาย "พอดีวันนี้ประธานชมรมข้าจะประกาศตัวกัปตัน ถ้าข้าได้เป็น ข้าก็อยากจะโทรไปบอก...เอ่อ..." เขาทิ้งคำพูดหายไป
"เอาของข้าไปใช้ก่อนก็ได้" รามภณเสนอ พลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้ "เดี๋ยวข้าต้องออนแอร์ ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว"
"ขอบใจว่ะเพื่อน ซึ้งจนน้ำตาแทบเล็ด" เขาว่า พร้อมกับรับโทรศัพท์มา หากแต่ธาวินยังคงค้างคาใจอยู่กับคำพูดที่หายไปของศาสตรา
"เอ็งอยากโทรไปบอกใครวะ ต้องรีบขนาดนั้น"
"เอ่อ...รีบสิ วันนี้ข้ารีบมากด้วย" ศาสตราเฉไฉไปเรื่องอื่น "คณินทรบอกห้ามสาย ห้ามลา ห้ามขาด ข้าไปก่อนนะ"
ศาสตราเดินหายลงไปที่บันไดทางลงของอาคารเรียน เพื่อนๆ มองตามไปอย่างฉงนกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเขา
ภวาภพก็มองตามไปเช่นกัน ทว่าเขาไม่สงสัย มีหรือที่ภวาภพจะไม่รู้ว่าคนที่เขาอยากโทรไปบอก...เป็นใคร
% ###
ม้านั่งหินอ่อนริมทางเดินหน้าอาคารคหกรรมในเวลาเย็น ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน
ภารดีสังเกตอาการเพื่อนสาวที่นั่งเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก็เกิดสงสัย เธอจึงยื่นนิ้วออกไปจิ้มแก้มนุ่มๆ ของเพื่อน ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้ง
"ภา ทำอะไรน่ะ"
"ก็สงสัยน่ะสิ เห็นนั่งเหม่อจนตาเบลอ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่" ภารดีอธิบาย ความจริงเธอก็พอจะรู้ว่าในสมองเพื่อนมีภาพใครอยู่ เพียงแต่แกล้งถามแหย่เธอเท่านั้น
นฤตยาก้มหน้านิดหนึ่ง เธอไม่ได้ตอบ และคงจะไม่ตอบแน่ๆ
"นี่ เธอไปติวให้เขา ไปดูแลเขาตอนเป็นไข้ แล้วยังไปดูละครกับเขาอีก เขาไม่ได้พูดอะไรบ้างเลยเหรอ" ภารดีมองหน้าเศร้าๆ ของนฤตยา แล้วนึกขึ้นได้ จึงถามขึ้นอีก "เขารู้หรือยังว่าเธอชอบเขา"
นฤตยาส่ายหน้า "ฉันไม่รู้"
"เธอยังไม่เคยสารภาพกับเขาเลยเหรอ"
นฤตยาส่ายหน้าอีก
"เธอนี่นะ" ภารดีตวัดสายตามองเพื่อนเป็นเชิงตำหนิ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ เพื่อนของเธอคนนี้เรียบร้อยเสียยิ่งกว่าสาวรุ่นคุณแม่ ขี้อายจนกลายเป็นคนขาดความมั่นใจ เท่าที่ยอมเปิดเผยความรู้สึกให้เพื่อนอย่างเธอรับรู้ด้วยแบบนี้ ก็เรียกว่าแสดงออกมากแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็ควรทำอะไรบางอย่าง...
"ยา ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ"
ดวงตาของนฤตยามีแววสงสัยอย่างชัดเจน แต่ก็ยังยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เธอ "จะทำอะไรเหรอ"
ภารดีไม่ตอบทันที แต่ตั้งหน้าตั้งตาจิ้มปุ่มบนโทรศัพท์เป็นข้อความสั้นๆ แล้วกดส่งไปยังเลขหมายปลายทางที่บันทึกไว้ จากนั้นจึงหันไปอธิบายกับนฤตยา
"ก็เรียกเขามาไง นี่ก็ใกล้เวลาที่เขาจะออนแอร์แล้ว ถ้าเขาทิ้งงาน แล้วรีบมา ก็แปลว่าเขาเห็นเธอสำคัญ แบบนี้เชื่อได้เลยว่าเขาต้องชอบเธอแน่ๆ"
"บ้า ทำอย่างนั้นได้ยังไง" นฤตยาร้องเสียงสูง
"หรือเธอไม่อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ"
คำพูดของภารดีทำให้เพื่อนสาวได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยคำถามออกมา "แล้วถ้าเขา...ไม่ได้ชอบฉันล่ะ"
"เขาก็คงจะแค่โทรกลับมาถามละมั้ง" หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อน มองจ้องดวงตาใสตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง "ยังไงก็ตาม ถ้าเขามาแล้ว เธอก็อย่าลืมคุยกับเขาให้เรียบร้อยด้วยล่ะ"
% ###
ศาสตราผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกีฬาสำหรับผู้รักษาประตูเรียบร้อยแล้ว กำลังเก็บของเข้าล็อกเกอร์ในห้องแต่งตัว และเตรียมจะออกไปรวมกลุ่มกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ เพื่อฟังการประกาศเลือกตัวกัปตัน ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็เรียกให้เขาเหลียวกลับมาหยิบมันออกจากล็อกเกอร์
...ยา...ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอเป็น นฤตยา เขาจึงรีบกดดูข้อความ
'รออยู่ที่ม้าหินหน้าตึกคหกรรม...ยา'
ยา...มีอะไรนะ
ศาสตรารีบจ้ำออกจากห้องแต่งตัว ไม่สนใจกับการประกาศคัดเลือกกัปตันทีม ใครจะได้เป็นก็ไม่สำคัญแล้ว ใจของเขาคิดแต่เป็นห่วงเธอ โดยลืมนึกไปว่า โทรศัพท์เครื่องนี้ ไม่ใช่ของเขา...
ยา...มีอะไร เป็นอะไรรึเปล่า...เขาคิดระหว่างที่หันรีหันขวางมองหาสาวน้อยของเขา ภายในบริเวณด้านหน้าอาคารคหกรรม
"ยา" เขาส่งเสียงเรียกทันทีที่สายตาปะทะเข้ารกับร่างบาง ซึ่งนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนจริงๆ
นฤตยาได้ยินเสียงแล้วจึงลุกยืนขึ้น เธอมองกลับมา กระพริบตาถี่ๆ ด้วยความสงสัย
"ยา...มีอะไรเหรอ" เขาร้องถาม พร้อมกับรีบปรี่เข้าไปหาเธอ
"ไม่มีอะไรนี่"
"แต่...ฉันได้รับข้อความของเธอ"
สายตาของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นตระหนก แล้วก้มหลบสายตาเขาที่มองมาด้วยความเป็นห่วง
"เธอ...ไม่มีซ้อมเหรอ" หญิงสาวยังคงก้มหน้า ถามเสียงเบา
"ก็มีนะ วันนี้ประกาศตัวกัปตันด้วยสิ" ศาสตราตอบพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ "แต่ไม่เป็นไรหรอก ยาสำคัญกว่า ตกลงมีอะไรเหรอ"
...ถ้าเขาทิ้งงาน แล้วรีบมา ก็แปลว่าเขาเห็นเธอสำคัญ แบบนี้เชื่อได้เลยว่าเขาต้องชอบเธอแน่... นฤตยาคิดทบทวนคำพูดของภารดี กับการกระทำของศาสตรา ...เขารีบมาในชุดกีฬา เขาทิ้งการซ้อม ทั้งยังเห็นเธอสำคัญกว่าการประกาศตัวกัปตันทีม หากแต่...เขาไม่ใช่คนที่เธอต้องการ
ไม่ใช่...เธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้...ไม่ใช่เขา!
"ยา..." ศาสตรายังคงมองเธอด้วยสายตากังวลห่วงใย "เป็นอะไรรึเปล่า"
หญิงสาวกัดริมฝีปาก ส่ายหน้าแรงๆ แล้วทรุดนั่งลง ตัวเธอเริ่มสั่นน้อยๆ ...หยุดไม่ได้ เธอข่มความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ มันกำลังจะล้นทะลักออกมา...ออกมาทางดวงตา
ศาสตราทรุดเข่าลงตรงหน้าเธอ กุมมือของเธอ กระชับแน่น
"ยา...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น" เขาถามเสียงเบา และอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีใครเคยได้ยิน
แต่นฤตยาไม่ตอบ เธอดึงมือทั้งสองปิดหน้า สะอื้นไห้ออกมา
ศาสตรานิ่งไป ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมือไม่มีแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ เขาปลอบใครไม่เป็น ไม่ใช่คนอ่อนโยนโดยบุคลิก ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร เพียงขยับตัวขึ้นมานั่งที่ข้างกายหญิงสาว ดันศีรษะเธอให้ซบลงมาแนบอก โอบกอดเธอเบาๆ
ไม่ใช่...ไม่ใช่เขา!... เสียงหัวใจของสาวน้อยร้องสั่งออกมา ร่างกายของเธอจึงตอบสนองเสียงนั้น ด้วยการสะบัดตัวยืนขึ้น แล้วถอยห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว
"ไม่ใช่เธอ! ฉันไม่ได้ส่งมันให้เธอ!" หญิงสาวตะโกน แล้ววิ่งออกจากบริเวณนั้นทันที
ศาสตราตัวชาไปในที่สุด...จริงสิ ไม่ใช่เขา...ที่เธอต้องการ ไม่ใช่ศาสตราคนนี้ หากแต่เป็นเจ้าของโทรศัพท์...เป็นรามภณ เพื่อนของเขาต่างหาก
% ###
ทันทีที่รามภณก้าวพ้นประตูเข้ามาในห้องชมรมวิทยุกระจายเสียง เท้าของเขาก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะเสียงของหญิงสาวที่เรียกเขาอย่างอ่อนหวาน
"ภณ..." มายาวดีวิ่งออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มสดใส "เดี๋ยวต้องออนแอร์ใช่มั้ย เข้ามานั่งพักก่อนสิ" เธอฉุดกระชากลากแขนเขาเข้ามา ท่ามกลางสายตาของคนในชมรม
รามภณขืนตัวเองไว้ ดึงให้เธอหยุดกึก หันมามองเขา
"เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ" เขากระซิบถามเสียงเบา "ไม่ต้องไปชมรมตัวเองเหรอ"
"ฉันย้ายชมรมแล้ว" หญิงสาวลอยหน้าตอบ" จะมาอยู่กับเธอไง ไม่ดีใจเหรอ"
รามภณไม่ตอบ แต่ก้มหน้าถอนหายใจ แล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องออกอากาศ
อันที่จริง เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร ไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด ทว่าการกระทำของเขากลับเป็นการทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น
มายาวดีเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเธอห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้...เธอชอบเขา เธอก็แสดงความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ เป็นความผิดของเธอหรือ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องชมรมช้าๆ ออกมายืนเกาะริมระเบียงอยู่เงียบๆ จนเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่ เธอจึงสะดุ้งหันมองคนที่ด้านหลัง
ดวงตาที่มองผ่านเลนส์ไร้กรอบมามีรอยยิ้มเล็กน้อย
จิรัชย์ขยับเข้ามายืนข้างเธอ วางแขนท้าวขอบระเบียง มองออกไปเบื้องหน้า ไกลออกไป
"ฉันบอกเธอแล้ว...มันไม่ชอบเธอหรอก"
เธอรู้...แต่เมื่อฟังอย่างนี้แล้วยังอดไม่ได้ที่จะตวัดดวงตามองคนพูดอย่างไม่พอใจ ทว่าเขากลับมองตอบมายิ้มๆ
"ฉันถึงบอกให้เธอย้ายชมรมมานี่ไง ถ้าเธอไม่มาเฝ้ามันไว้ดีๆ ปล่อยให้มันมายุ่งกับรมัณยา แล้วเธอจะเสียใจ"
เขาทิ้งคำพูดไว้ แล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม...ยิ้มเยาะเธอ เยาะในความเขลาของเธอที่บังอาจบอกเลิกเขาในตอนนั้น
% ###
ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศ บังเกิดเสียงฟิ้ว ก่อนจะไปปักลงบนเป้า ทว่าคลาดจากจุดสีเหลืองตรงกลางไปเล็กน้อย
วสวัตติ์นิ่วหน้า แล้วดึงลูกธนูดอกใหม่ออกมาขึ้นสาย
สมาธิ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการยิงธนู... ประโยคนี้เขาเป็นคนพูดเอง และพูดทุกครั้งที่เขาอบรมนักกีฬาคนอื่นๆ ของชมรม เขาพูดทุกครั้ง ...ให้เพ่งไปที่จุดศูนย์กลางของเป้า มองให้เห็นเพียงจุดศูนย์กลางของเป้า แล้วปล่อยมือ
สายธนูถูกดึงจนตึง ทว่าสั่น...มือของเขาสั่น
เขาพยายามเพ่งจุดศูนย์กลางของเป้า แต่กลับมองไม่เห็นจุดสีเหลืองนั้น ที่เขาเห็น เป็นภาพใบหน้าสวยของหญิงสาว...ภาพรอยยิ้มของรมัณยา
ในที่สุด ลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง พุ่งฝ่าอากาศออกไปปักลงที่เป้าอีกครั้ง คราวนี้ ปักอยู่ในพื้นที่สีดำรอบนอก
เลขาหนุ่มของชมรม จดแต้มของเขา รวมคะแนน แล้วเดินเข้ามา
"วันนี้ฟอร์มตกนะ เป็นอะไรรึเปล่า ประธาน"
วสวัตติ์ถอนหายใจ ก่อนตอบเสียงเนือย "นิดหน่อย..."
"ดูแลตัวเองหน่อยสิครับ อีกสองเดือนก็จะมีกีฬามหาวิทยาลัยของเขตนี้แล้วนะ" เขาพลิกเปิดสมุดบันทึกดู "แล้วเรื่องคัดคนที่จะลงแข่ง ว่ายังไงครับ"
"คงต้งอรอดูอีกสักหน่อย"
"แล้วปีนี้ประธานจะลงด้วยรึเปล่า ประเภทอะไร"
"ยังไม่แน่เลย" เขาว่า แล้วเหม่อมองออกไป...ใบหน้าของเธอยังลอยอยู่ ราวกับภาพมายา
จะให้แน่ใจได้อย่างไร ในเมื่อยังมีภาพเธอ คอยรบกวนจิตใจอยู่อย่างนี้
% ###
ภาพใบหน้าอาบน้ำตาของหญิงสาว ก่อนที่เธอจะวิ่งจากไปเมื่อครู่ ทำให้เขาเจ็บเสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่รู้ว่า เธอมีใจให้เพื่อนเขาเสียอีก
ศาสตราออกมาไกลจากบริเวณตึกคหกรรมมากแล้ว แต่เขาไม่ได้กลับไปซ้อม
เขาเดินมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเดินออกมาไกลแค่ไหน แต่ตอนนี้ เขามาหยุดอยู่ที่ชายหาด เหม่อมองออกไปยังทะเลสุดไกล
...ทำอย่างไรดีหนอ ทำไมหัวใจของเขาจึงต้องวุ่นวายเช่นนี้
เป็นแบบนี้แล้ว พบนฤตยาครั้งต่อไป เขาควรทำหน้าอย่างไร ไม่สิ...บางที เธออาจจะไม่ต้องการพบเขาอีกก็ได้ เธออาจจะหนีหายไปจากชีวิตเขา แล้วเขาจะทนได้หรือ
ชายหนุ่มทรุดนั่งลงบนพื้นทราย กอบทรายขึ้นมากำหนึ่ง แล้วปล่อยให้มันไหลออกจากกำมือไปช้าๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกล
เวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาไม่รู้ ทว่าท้องทะเลสีครามถูกความมืดแผ่คลุมจนเห็นเป็นสีดำสลัว ในเสียงลมทะเล มีเสียงโทรศัพท์ดังแว่วมา
เขาปล่อยให้มันดังอยู่นาน กว่าจะหยิบขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า...วสวัตติ์
ชายหนุ่มกดต่อสัญญาณ แล้วกรอกเสียงอ่อนล้าของตนลงไป
"เฮ้ย! ไปทำบ้าอยู่ที่ไหนวะ ดึกป่านนี้แล้วยังไม่มา" ปลายสายตะคอกส่งมา "ข้าไปดูที่สนามก็ไม่มีใครแล้ว เอ็งอยู่ไหนเนี่ย"
"โทษที จะไปเดี๋ยวนี้แหละ" เขาบอก แล้วจึงลุกขึ้นปัดฝุ่นทรายบนตัว
...จริงสิ เขาควรลบข้อความนั้นออกไปมั้ยนะ
ศาสตรายกโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความนั้นอีกครั้ง ดวงตาเงื่อหงอยมองจ้องข้อความนั้น
...ทำไมข้อความนี้ ถึงไม่ได้เจาะจงส่งมาที่เขา ทำไมต้องเป็นแบบนั้น
ชายหนุ่มกดลบข้อความทิ้ง ถอนหายใจยาว แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าประดับดาราราวอัญมณีอันพราวพราย
เขาควรทำอย่างไรดี...
% ###
สิ่งแรกที่ภวาภพเห็นเมื่อศาสตราปรากฏตัวขึ้นที่สวนซึ่งเป็นจุดนัดของพวกเขาคือ นักฟุตบอลยังอยู่ในชุดกีฬา เสื้อแขนยาว กางเกงวอร์มขายาว รองเท้าสตั๊ด จะขาดก็เพียงถุงมือ
"ศาสตรา กระเป๋าเอ็งหายไปไหนวะ" วสวัตติ์ถามขึ้นทันทีที่สังเกตเห็นเขาเดินมาตัวเปล่า
"เออ ลืม" ศาสตราก้มหน้าตอบ
"ลืมเปลี่ยนชุดด้วยเหรอ" ภวาภพถามขึ้นบ้าง
ศาสตราก็เพียงแต่พยักหน้า
"จะกลับไปเอารึเปล่า เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน" รามภณบอก ทำให้ศาสตราเงยหน้าขึ้นมามอง
"ไม่ต้องหรอก ขอบใจ ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเอาก็ได้" เขาตอบ แล้วยื่นโทรศัพท์เจ้ากรรมส่งคืนให้เจ้าของ "...ของเอ็ง"
"แล้วตกลงได้เป็นกัปตันรึเปล่าวะ" ธาวินโพล่งถามขึ้นมา
ศาสตราเงียบไป ใบหน้า แววตาของเขา ทำให้เพื่อนๆ ไม่กล้าถามต่อ ด้วยคิดว่าเขาคงจะพลาดหวังจากตำแหน่งกัปตัน
"เอาน่า ปีนี้ไม่ได้เป็น ปีอื่นก็ยังมี" วสวัตติ์เดินเข้ามากอดคอปลอบ
ดีแล้ว ให้เพื่อนๆ คิดว่าเขาเสียใจเพราะเหตุนี้ ยังดีกว่าได้รู้ความจริง ถึงอย่างไร เขาขาดซ้อมในสำคัญเช่นนี้ ก็เป็นไปได้อยู่หรอก ที่ประธานชมรมจะเลือกคนอื่น ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า
% ###
บ่ายอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่อากาศเหมาะแก่การฝึกซ้อมภาคสนามเป็นที่สุด ทว่าศาสตรากลับดูไม่กระปรี้กระเปร่าอย่างเช่นวันก่อนๆ
เขายืนนิ่งอยู่ในเขตโทษของสนามฟุตบอล
ลูกฟุตบอลที่อยู่ระหว่างเท้าของเพื่อนร่วมทีมในสนาม กำลังเคลื่อนใกล้เขามา ทว่าเขากลับดูเหมือนไม่รู้ตัว ทั้งที่ควรตั้งท่ารับ แต่เขากลับยังยืนเฉย ไม่ขยับ จนเมื่อลูกฟุตบอลปั่นหลุดจากปลายเท้าของสิโรตม์ พุ่งเข้ามาตรงหน้า เขาจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งมองเห็นมัน
พลั่ก!
สายไปเสียแล้ว ลูกฟุตบอลลอยมากระแทกหน้าเขาอย่างแรง จนหน้าหงาย ล้มลงไปกับพื้น เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้ง จมูกโด่งได้รูปของเขากลับแดงช้ำ และมีเลือดไหลออกจากรูจมูก
คณินทร รวมทั้งคนอื่นๆ ในทีมรีบฉวยกล่องปฐมพยาบาล กรูกันเข้ามาดูอาการให้เขา
"ระวังหน่อยสิวะ เอ็งเป็นกัปตันทีมนะโว้ย มัวเหม่ออะไรอยู่" คณินทรตะคอกเสียงด้วยความเป็นห่วง
ทว่าศาสตรากลับมองหน้าประธานชมรมอย่างแปลกใจ
"ประธาน ว่าอะไรนะ"
"ก็บอกว่าให้ระวังไงวะ เอ้า เงยหน้าขึ้น พูดมากอยู่ได้" คณินทรส่งเสียงดุ พร้อมทั้งจับหน้าศาสตราเงยขึ้น เพื่อห้ามเลือด ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้ถามต่อ
ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว คณินทรก็รีบพาศาสตราไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลให้เรียบร้อย ด้วยเหตุนี้ ศาสตราจึงมีเฝือกดามอยู่ที่จมูก ทำให้หน้าเขาดูตลกไป
ระหว่างที่รอจ่ายค่าทำแผล ศาสตราจึงได้โอกาสถามคำถามที่คั่งค้างอยู่ในใจ
"เมื่อกี้ ประธานบอกว่าผมได้เป็นกัปตันเหรอ"
"เออสิ เคยบอกไปแล้วนี่" คณินทรว่า
"แต่ผม ขาดซ้อมเมื่อวานนะครับ"
"ไม่เห็นเป็นไรนี่ ปีนี้เอ็งเพิ่งขาดแค่ครั้งสองครั้งเอง"
"แต่ว่า..."
"เฮ้ย ไอ้นี่มันยังไงวะ คนอื่นเขาอยากเป็นแทบแย่ ไม่ได้เป็น ไอ้นี่ได้เป็นแล้วยังพูดโน่นพูดนี่อีก" คณินทรเริ่มรำคาญ
"คือ...ผมว่า ผมไม่มีคุณสมบัติ..."
"เอ็งเอาอะไรมาวัด"
"ผมรู้สึกว่าช่วงนี้ฟอร์มไม่ค่อยดี อย่างเมื่อกี้ยังทำเสียเรื่อง"
"อะไรวะ ศาสตราที่เคยมั่นใจ เคยบ้าพลัง ลากบอลยาวจากประตูตัวเองไปถึงหน้าประตูฝั่งตรงข้าม เมื่อตอนแข่งกระชับมิตรคราวก่อนหายไปไหนวะเนี่ย" คณินทรจ้องหน้าเขาตาโต ทั้งยังจับศีรษะเขาหันซ้ายขวา
"โธ่ ประธาน อย่าล้อเล่นสิ" ศาสตราย่นคิ้วจนหัวคิ้วชิดติดกัน คณินทรจึงหันมายิ้มให้นิดหนึ่ง ก่อนจะอธิบาย
"ศาสตรา ข้าไม่ได้เลือกกัปตันที่ความสามารถอย่างเดียวนะ โอเค ฟอร์มมันก็ควรจะดีแหละ แต่นั่นก็แค่ส่วนประกอบเท่านั้น ที่สำคัญคือความเป็นผู้นำ แล้วก็ น้ำใจนักกีฬา ข้าสังเกตมานานแล้ว เอ็งมีส่วนนี้อยู่ ข้าถึงได้เลือกเอ็งไง"
ศาสตรายิ้มออกมานิดหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่ปนไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
"อย่างนั้นแหละ เอ็งควรจะดีใจสิ ที่ได้เป็นกัปตัน" คณินทรบอก
ดีใจ...เขาควรจะดีใจหรือ ในเมื่อคนที่เขาอยากบอก อยากให้ร่วมดีใจกับเขาเป็นที่สุด ตอนนี้อยู่ห่างไกลเกินไปเสียแล้ว
"เอาล่ะ ทีนี้ก็เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้แล้วนะ ศาสตรา"
กัปตันทีมคนใหม่ได้แต่พยักหน้า แต่จะทำได้หรือเปล่า แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
...ในเมื่อภาพที่เธอวิ่งร้องไห้จากไปนั้น ยังทำให้เขารู้สึกปวดแปลบอยู่ในอก ทุกครั้งที่นึกถึง
% ###
ทางเดินด้านหลังอาคารกิจกรรมในยามค่ำ ยังคงเปลี่ยวและให้ความรู้สึกวังเวง ทว่าหัวใจของรามภณที่กำลังเดินอ้อมมาตามเส้นทางประจำกลับพลุกพล่านไปด้วยภาพต่างๆ ทั้งภาพของมายาวดี ภาพของจิรัชย์ และท้ายที่สุดคงหนีไม่พ้นภาพหญิงสาวสวย ผมยาว นัยน์ตาคมที่คล้ายจ้องมองทะลุไปได้ถึงหัวใจ กับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ราวกับจะเย้าให้หัวใจของเขากระเด็นกระดอนออกจากอก
หากแต่ภาพเหล่านั้นยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อเขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารกิจกรรมอีกครั้ง โดยไม่รู้ตัว
รมัณยายืนอยู่ในที่เดิม แต่คราวนี้เธอไม่ได้หายไปราวกับภาพหลอนอีกแล้ว เธอเพียงส่งยิ้ม พร้อมกับโบกมือให้เขาเป็นการทักทาย แต่สำหรับรามภณ เขารู้สึกว่าเธอกำลังเรียกให้เขาโบยบินขึ้นไปหาเสียมากกว่า
รามภณรีบย้อนกลับไปทางบันไดอาคาร เพื่อปีนป่ายขึ้นไปหาเธอ
คราวนี้เขาไม่ผิดหวัง เธอยืนยิ้มรอรับเขาอยู่ที่เดิม พร้อมด้วยดินสอในมือ และกระดานรองเขียนที่มีกระดาษแผ่นใหญ่หนีบติดอยู่
"เอ่อ กำลัง...วาดรูปอยู่เหรอ" รามภณเริ่มบทสนทนาด้วยคำถาม เธอจึงหันกลับมายิ้มรับเล็กน้อย แล้วกลับไปตั้งหน้าตั้งตาวาดภาพของเธอต่อ
รามภณเหลือบมองภาพที่เธอกำลังวาดอยู่นิดหนึ่ง ก่อนจะถามคำถามต่อไป
"ชอบทะเลเหรอ" รามภณถามด้วยเสียงที่เบาลง เนื่องจากเกรงว่าเธอจะรำคาญ ทว่าเธอกลับยกดินสอในมือขึ้นเหน็บไว้ที่ใบหู แล้วดึงกระดาษไขแผ่นใหญ่มาปิดทับภาพที่กำลังวาดอยู่ จากนั้นจึงเริ่มเก็บอุปกรณ์
"ไม่เชิงหรอก วาดไปเรื่อยๆ เห็นทะเลที่นี่สวยดี ก็เลยวาด"
"มีที่สวยกว่านี้อีกนะ" รามภณเสนอ "ถ้าเธออยากไป ฉันจะพาไป"
"เหรอ ที่ไหนล่ะ" รมัณยาหันมาทำตาโต
ชายหนุ่มชี้ออกไปที่ชะง่อนผาด้านหนึ่ง "ด้านหลังหน้าผาตรงโน้นจะมีอ่าว มีวิวสวยๆ ให้วาดหลายจุด ถ้าเธออยากไป ฉันจะพาเธอไป"
"ก็...น่าสนใจนี่"
"วันอาทิตย์นี้เลยมั้ย" เขารีบนัดวัน ทำให้เธอปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
"นี่ เราแค่บอกว่าน่าสนใจเฉยๆ ยังไม่ได้บอกว่าจะไปเลยนะ"
"เอ่อ...ขอโทษ"
"ขอโทษทำไม นายยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย" เธอว่า แล้วหยุดมองรอยยิ้มเขินอันน่าดูของเขา "แต่...เอาเป็นวันอาทิตย์นี้ก็ได้"
รามภณดีใจจนแทบอยากตะโกนออกมาดังๆ เขาจะนัดกับเธอ จะได้ไปดูทะเล เดินเล่นที่ชายหาดกับเธอ...สองคน
% ###
รถเอนกประสงค์สีฟ้าเมททาลิกแล่นออกจากมหาวิทยาลัยในยามดึก สารถีหนุ่มขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ทำเอาเพื่อนๆ แปลกใจจนต้องถาม
"ไม่มีอะไร" เขาปฎิเสธ ทั้งที่ตัวเองก็นัดวันเวลากับรมัณยาไว้เรียบร้อยแล้ว "เอ้อ วันอาทิตย์นี้ข้าไม่ว่างนะ มีธุระนิดหน่อย"
"ธุระอะไรของเอ็งวะ" ธาวินสงสัย
"เอาน่า อย่าถาม เอาเป็นว่าข้าจะไม่อยู่บ้านก็แล้วกัน"
"ข้าก็มีธุระเหมือนกัน" ศาสตราบอก "นัดกับคนที่ชมรมไว้"
"ดั้งหักอย่างนี้ยังจะนัดนอกรอบอีกเหรอวะ" ธาวินซักอีกตามนิสัย
"ช่วงนี้ฟอร์มตก คงต้องซ้อมหนักหน่อย" ศาสตราตอบ
ซึ่งความจริง เมื่อครู่ก่อนออกจากสนามฟุตบอล สิโรตม์เป็นคนมานัดแนะขอซ้อมเพิ่มกับเขาเอง คนอืนๆ ในชมรมที่รู้เรื่องนี้ ก็มีแค่วสุ และปฤษฎ์ ทว่าศาสตรากลับไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า การนัดซ้อมนอกรอบครั้งนี้ จะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
"แล้วใครมีนัดที่ไหนอีกรึเปล่า ข้าไม่ว่างไปส่งนะโว้ย บึ่งมอเตอร์ไซค์กันไปเองนะ" รามภณพูดดักคอเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนผิดสังเกต ซึ่งเรื่องที่ผิดสังเกตย่อมไม่พ้นสายตาภวาภพ
% ###
คืนนั้นเป็นอีกครั้งที่ภวาภพเปิดประตูเข้าไปในห้องของศาสตรา แล้วจึงเคาะประตู
ศาสตราไม่ได้ส่งเสียงรับ เขากำลังนั่งอยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ โดยมีหนังสือนิตยสารฟุตบอลอยู่ในมือ ทว่าเขาไม่ได้อ่านมัน สายตาเขาเหม่อออกไปไกล จมอยู่ในความคิดที่น่าปวดหัว
ต่อเมื่อภวาภพแง้มประตูปิดลงแล้ว จึงถามขึ้น
"ข้าว่า มันไม่ใช่เรื่องกัปตันทีมใช่มั้ย"
"เอ็งพูดเรื่องอะไร" ศาสตราเฉไฉ ยังไม่หันมามองคนถาม
ภวาภพเดินมาทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา
"นฤตยา" ภวาภพตอบสั้นๆ แต่ไม่อ้อมไปไหนเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ศาสตราเงียบไปอีกครู่ใหญ่
ทั้งคู่นั่งเงียบกันไปอีกนาน จนศาสตราเป็นฝ่ายทนไม่ได้ ต้องพูดออกมาก่อน
"เอ็งจะให้ข้าทำยังไงวะ ข้าชอบยา แต่ยาไม่ได้ชอบข้า ยาชอบไอ้ภณ"
"ทำไม เอ็งไม่ปล่อยให้มันเป็นไป...อย่างที่มันควรจะเป็นล่ะ" ภวาภพถาม
"ยังไงวะ ข้าไม่เข้าใจ"
"แล้วถ้า ข้าถามว่า วันหนึ่ง เอ็งรู้ว่าไอ้ภณก็ชอบยา เอ็งจะทำยังไง"
ศาสตราก้มหน้านิดหนึ่ง หลับตา ราวกับว่าคำตอบนี้ต้อง เขากลั่นกรองอย่างละเอียด คิดทบทวนอย่างลึกซึ้ง
"ข้า...ก็คงได้แต่อวยพร"
"แล้วถ้า มันตรงกันข้าม ถ้าไอ้ภณ ไม่ได้ชอบยา"
"ข้าก็จะอยู่กับยา เป็นกำลังใจให้ ดูแลยา จนกว่า..."
"เอ็งก็รู้คำตอบแล้วนี่"
จริงสิ เขามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่ว่ารามภณจะรู้สึกอย่างไรกับนฤตยา เขาก็ยังคงชอบเธอ ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วทำไม เขาจะต้องเก็บมาคิดให้วุ่นวายด้วย
% ====================
วสวัตติ์ได้ยินแล้วหมั่นไส้นัก จึงตบหลังหัวเพื่อนไปหนึ่งที "ทำไมวะ วันนี้มีธุระปะปังอะไรนักหนาเหรอ เดี๋ยวก็ไปซ้อมแล้ว ยังต้องใช้โทรศัพท์ทำอะไรอีก"
ศาสตราคลำหัวตัวเองป้อยๆ แล้วจึงอธิบาย "พอดีวันนี้ประธานชมรมข้าจะประกาศตัวกัปตัน ถ้าข้าได้เป็น ข้าก็อยากจะโทรไปบอก...เอ่อ..." เขาทิ้งคำพูดหายไป
"เอาของข้าไปใช้ก่อนก็ได้" รามภณเสนอ พลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้ "เดี๋ยวข้าต้องออนแอร์ ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว"
"ขอบใจว่ะเพื่อน ซึ้งจนน้ำตาแทบเล็ด" เขาว่า พร้อมกับรับโทรศัพท์มา หากแต่ธาวินยังคงค้างคาใจอยู่กับคำพูดที่หายไปของศาสตรา
"เอ็งอยากโทรไปบอกใครวะ ต้องรีบขนาดนั้น"
"เอ่อ...รีบสิ วันนี้ข้ารีบมากด้วย" ศาสตราเฉไฉไปเรื่องอื่น "คณินทรบอกห้ามสาย ห้ามลา ห้ามขาด ข้าไปก่อนนะ"
ศาสตราเดินหายลงไปที่บันไดทางลงของอาคารเรียน เพื่อนๆ มองตามไปอย่างฉงนกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเขา
ภวาภพก็มองตามไปเช่นกัน ทว่าเขาไม่สงสัย มีหรือที่ภวาภพจะไม่รู้ว่าคนที่เขาอยากโทรไปบอก...เป็นใคร
% ###
ม้านั่งหินอ่อนริมทางเดินหน้าอาคารคหกรรมในเวลาเย็น ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน
ภารดีสังเกตอาการเพื่อนสาวที่นั่งเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก็เกิดสงสัย เธอจึงยื่นนิ้วออกไปจิ้มแก้มนุ่มๆ ของเพื่อน ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้ง
"ภา ทำอะไรน่ะ"
"ก็สงสัยน่ะสิ เห็นนั่งเหม่อจนตาเบลอ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่" ภารดีอธิบาย ความจริงเธอก็พอจะรู้ว่าในสมองเพื่อนมีภาพใครอยู่ เพียงแต่แกล้งถามแหย่เธอเท่านั้น
นฤตยาก้มหน้านิดหนึ่ง เธอไม่ได้ตอบ และคงจะไม่ตอบแน่ๆ
"นี่ เธอไปติวให้เขา ไปดูแลเขาตอนเป็นไข้ แล้วยังไปดูละครกับเขาอีก เขาไม่ได้พูดอะไรบ้างเลยเหรอ" ภารดีมองหน้าเศร้าๆ ของนฤตยา แล้วนึกขึ้นได้ จึงถามขึ้นอีก "เขารู้หรือยังว่าเธอชอบเขา"
นฤตยาส่ายหน้า "ฉันไม่รู้"
"เธอยังไม่เคยสารภาพกับเขาเลยเหรอ"
นฤตยาส่ายหน้าอีก
"เธอนี่นะ" ภารดีตวัดสายตามองเพื่อนเป็นเชิงตำหนิ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ เพื่อนของเธอคนนี้เรียบร้อยเสียยิ่งกว่าสาวรุ่นคุณแม่ ขี้อายจนกลายเป็นคนขาดความมั่นใจ เท่าที่ยอมเปิดเผยความรู้สึกให้เพื่อนอย่างเธอรับรู้ด้วยแบบนี้ ก็เรียกว่าแสดงออกมากแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็ควรทำอะไรบางอย่าง...
"ยา ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ"
ดวงตาของนฤตยามีแววสงสัยอย่างชัดเจน แต่ก็ยังยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เธอ "จะทำอะไรเหรอ"
ภารดีไม่ตอบทันที แต่ตั้งหน้าตั้งตาจิ้มปุ่มบนโทรศัพท์เป็นข้อความสั้นๆ แล้วกดส่งไปยังเลขหมายปลายทางที่บันทึกไว้ จากนั้นจึงหันไปอธิบายกับนฤตยา
"ก็เรียกเขามาไง นี่ก็ใกล้เวลาที่เขาจะออนแอร์แล้ว ถ้าเขาทิ้งงาน แล้วรีบมา ก็แปลว่าเขาเห็นเธอสำคัญ แบบนี้เชื่อได้เลยว่าเขาต้องชอบเธอแน่ๆ"
"บ้า ทำอย่างนั้นได้ยังไง" นฤตยาร้องเสียงสูง
"หรือเธอไม่อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ"
คำพูดของภารดีทำให้เพื่อนสาวได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยคำถามออกมา "แล้วถ้าเขา...ไม่ได้ชอบฉันล่ะ"
"เขาก็คงจะแค่โทรกลับมาถามละมั้ง" หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อน มองจ้องดวงตาใสตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง "ยังไงก็ตาม ถ้าเขามาแล้ว เธอก็อย่าลืมคุยกับเขาให้เรียบร้อยด้วยล่ะ"
% ###
ศาสตราผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกีฬาสำหรับผู้รักษาประตูเรียบร้อยแล้ว กำลังเก็บของเข้าล็อกเกอร์ในห้องแต่งตัว และเตรียมจะออกไปรวมกลุ่มกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ เพื่อฟังการประกาศเลือกตัวกัปตัน ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็เรียกให้เขาเหลียวกลับมาหยิบมันออกจากล็อกเกอร์
...ยา...ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอเป็น นฤตยา เขาจึงรีบกดดูข้อความ
'รออยู่ที่ม้าหินหน้าตึกคหกรรม...ยา'
ยา...มีอะไรนะ
ศาสตรารีบจ้ำออกจากห้องแต่งตัว ไม่สนใจกับการประกาศคัดเลือกกัปตันทีม ใครจะได้เป็นก็ไม่สำคัญแล้ว ใจของเขาคิดแต่เป็นห่วงเธอ โดยลืมนึกไปว่า โทรศัพท์เครื่องนี้ ไม่ใช่ของเขา...
ยา...มีอะไร เป็นอะไรรึเปล่า...เขาคิดระหว่างที่หันรีหันขวางมองหาสาวน้อยของเขา ภายในบริเวณด้านหน้าอาคารคหกรรม
"ยา" เขาส่งเสียงเรียกทันทีที่สายตาปะทะเข้ารกับร่างบาง ซึ่งนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนจริงๆ
นฤตยาได้ยินเสียงแล้วจึงลุกยืนขึ้น เธอมองกลับมา กระพริบตาถี่ๆ ด้วยความสงสัย
"ยา...มีอะไรเหรอ" เขาร้องถาม พร้อมกับรีบปรี่เข้าไปหาเธอ
"ไม่มีอะไรนี่"
"แต่...ฉันได้รับข้อความของเธอ"
สายตาของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นตระหนก แล้วก้มหลบสายตาเขาที่มองมาด้วยความเป็นห่วง
"เธอ...ไม่มีซ้อมเหรอ" หญิงสาวยังคงก้มหน้า ถามเสียงเบา
"ก็มีนะ วันนี้ประกาศตัวกัปตันด้วยสิ" ศาสตราตอบพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ "แต่ไม่เป็นไรหรอก ยาสำคัญกว่า ตกลงมีอะไรเหรอ"
...ถ้าเขาทิ้งงาน แล้วรีบมา ก็แปลว่าเขาเห็นเธอสำคัญ แบบนี้เชื่อได้เลยว่าเขาต้องชอบเธอแน่... นฤตยาคิดทบทวนคำพูดของภารดี กับการกระทำของศาสตรา ...เขารีบมาในชุดกีฬา เขาทิ้งการซ้อม ทั้งยังเห็นเธอสำคัญกว่าการประกาศตัวกัปตันทีม หากแต่...เขาไม่ใช่คนที่เธอต้องการ
ไม่ใช่...เธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้...ไม่ใช่เขา!
"ยา..." ศาสตรายังคงมองเธอด้วยสายตากังวลห่วงใย "เป็นอะไรรึเปล่า"
หญิงสาวกัดริมฝีปาก ส่ายหน้าแรงๆ แล้วทรุดนั่งลง ตัวเธอเริ่มสั่นน้อยๆ ...หยุดไม่ได้ เธอข่มความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ มันกำลังจะล้นทะลักออกมา...ออกมาทางดวงตา
ศาสตราทรุดเข่าลงตรงหน้าเธอ กุมมือของเธอ กระชับแน่น
"ยา...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น" เขาถามเสียงเบา และอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีใครเคยได้ยิน
แต่นฤตยาไม่ตอบ เธอดึงมือทั้งสองปิดหน้า สะอื้นไห้ออกมา
ศาสตรานิ่งไป ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมือไม่มีแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ เขาปลอบใครไม่เป็น ไม่ใช่คนอ่อนโยนโดยบุคลิก ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร เพียงขยับตัวขึ้นมานั่งที่ข้างกายหญิงสาว ดันศีรษะเธอให้ซบลงมาแนบอก โอบกอดเธอเบาๆ
ไม่ใช่...ไม่ใช่เขา!... เสียงหัวใจของสาวน้อยร้องสั่งออกมา ร่างกายของเธอจึงตอบสนองเสียงนั้น ด้วยการสะบัดตัวยืนขึ้น แล้วถอยห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว
"ไม่ใช่เธอ! ฉันไม่ได้ส่งมันให้เธอ!" หญิงสาวตะโกน แล้ววิ่งออกจากบริเวณนั้นทันที
ศาสตราตัวชาไปในที่สุด...จริงสิ ไม่ใช่เขา...ที่เธอต้องการ ไม่ใช่ศาสตราคนนี้ หากแต่เป็นเจ้าของโทรศัพท์...เป็นรามภณ เพื่อนของเขาต่างหาก
% ###
ทันทีที่รามภณก้าวพ้นประตูเข้ามาในห้องชมรมวิทยุกระจายเสียง เท้าของเขาก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะเสียงของหญิงสาวที่เรียกเขาอย่างอ่อนหวาน
"ภณ..." มายาวดีวิ่งออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มสดใส "เดี๋ยวต้องออนแอร์ใช่มั้ย เข้ามานั่งพักก่อนสิ" เธอฉุดกระชากลากแขนเขาเข้ามา ท่ามกลางสายตาของคนในชมรม
รามภณขืนตัวเองไว้ ดึงให้เธอหยุดกึก หันมามองเขา
"เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ" เขากระซิบถามเสียงเบา "ไม่ต้องไปชมรมตัวเองเหรอ"
"ฉันย้ายชมรมแล้ว" หญิงสาวลอยหน้าตอบ" จะมาอยู่กับเธอไง ไม่ดีใจเหรอ"
รามภณไม่ตอบ แต่ก้มหน้าถอนหายใจ แล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องออกอากาศ
อันที่จริง เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร ไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด ทว่าการกระทำของเขากลับเป็นการทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น
มายาวดีเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเธอห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้...เธอชอบเขา เธอก็แสดงความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ เป็นความผิดของเธอหรือ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องชมรมช้าๆ ออกมายืนเกาะริมระเบียงอยู่เงียบๆ จนเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่ เธอจึงสะดุ้งหันมองคนที่ด้านหลัง
ดวงตาที่มองผ่านเลนส์ไร้กรอบมามีรอยยิ้มเล็กน้อย
จิรัชย์ขยับเข้ามายืนข้างเธอ วางแขนท้าวขอบระเบียง มองออกไปเบื้องหน้า ไกลออกไป
"ฉันบอกเธอแล้ว...มันไม่ชอบเธอหรอก"
เธอรู้...แต่เมื่อฟังอย่างนี้แล้วยังอดไม่ได้ที่จะตวัดดวงตามองคนพูดอย่างไม่พอใจ ทว่าเขากลับมองตอบมายิ้มๆ
"ฉันถึงบอกให้เธอย้ายชมรมมานี่ไง ถ้าเธอไม่มาเฝ้ามันไว้ดีๆ ปล่อยให้มันมายุ่งกับรมัณยา แล้วเธอจะเสียใจ"
เขาทิ้งคำพูดไว้ แล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม...ยิ้มเยาะเธอ เยาะในความเขลาของเธอที่บังอาจบอกเลิกเขาในตอนนั้น
% ###
ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศ บังเกิดเสียงฟิ้ว ก่อนจะไปปักลงบนเป้า ทว่าคลาดจากจุดสีเหลืองตรงกลางไปเล็กน้อย
วสวัตติ์นิ่วหน้า แล้วดึงลูกธนูดอกใหม่ออกมาขึ้นสาย
สมาธิ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการยิงธนู... ประโยคนี้เขาเป็นคนพูดเอง และพูดทุกครั้งที่เขาอบรมนักกีฬาคนอื่นๆ ของชมรม เขาพูดทุกครั้ง ...ให้เพ่งไปที่จุดศูนย์กลางของเป้า มองให้เห็นเพียงจุดศูนย์กลางของเป้า แล้วปล่อยมือ
สายธนูถูกดึงจนตึง ทว่าสั่น...มือของเขาสั่น
เขาพยายามเพ่งจุดศูนย์กลางของเป้า แต่กลับมองไม่เห็นจุดสีเหลืองนั้น ที่เขาเห็น เป็นภาพใบหน้าสวยของหญิงสาว...ภาพรอยยิ้มของรมัณยา
ในที่สุด ลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง พุ่งฝ่าอากาศออกไปปักลงที่เป้าอีกครั้ง คราวนี้ ปักอยู่ในพื้นที่สีดำรอบนอก
เลขาหนุ่มของชมรม จดแต้มของเขา รวมคะแนน แล้วเดินเข้ามา
"วันนี้ฟอร์มตกนะ เป็นอะไรรึเปล่า ประธาน"
วสวัตติ์ถอนหายใจ ก่อนตอบเสียงเนือย "นิดหน่อย..."
"ดูแลตัวเองหน่อยสิครับ อีกสองเดือนก็จะมีกีฬามหาวิทยาลัยของเขตนี้แล้วนะ" เขาพลิกเปิดสมุดบันทึกดู "แล้วเรื่องคัดคนที่จะลงแข่ง ว่ายังไงครับ"
"คงต้งอรอดูอีกสักหน่อย"
"แล้วปีนี้ประธานจะลงด้วยรึเปล่า ประเภทอะไร"
"ยังไม่แน่เลย" เขาว่า แล้วเหม่อมองออกไป...ใบหน้าของเธอยังลอยอยู่ ราวกับภาพมายา
จะให้แน่ใจได้อย่างไร ในเมื่อยังมีภาพเธอ คอยรบกวนจิตใจอยู่อย่างนี้
% ###
ภาพใบหน้าอาบน้ำตาของหญิงสาว ก่อนที่เธอจะวิ่งจากไปเมื่อครู่ ทำให้เขาเจ็บเสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่รู้ว่า เธอมีใจให้เพื่อนเขาเสียอีก
ศาสตราออกมาไกลจากบริเวณตึกคหกรรมมากแล้ว แต่เขาไม่ได้กลับไปซ้อม
เขาเดินมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเดินออกมาไกลแค่ไหน แต่ตอนนี้ เขามาหยุดอยู่ที่ชายหาด เหม่อมองออกไปยังทะเลสุดไกล
...ทำอย่างไรดีหนอ ทำไมหัวใจของเขาจึงต้องวุ่นวายเช่นนี้
เป็นแบบนี้แล้ว พบนฤตยาครั้งต่อไป เขาควรทำหน้าอย่างไร ไม่สิ...บางที เธออาจจะไม่ต้องการพบเขาอีกก็ได้ เธออาจจะหนีหายไปจากชีวิตเขา แล้วเขาจะทนได้หรือ
ชายหนุ่มทรุดนั่งลงบนพื้นทราย กอบทรายขึ้นมากำหนึ่ง แล้วปล่อยให้มันไหลออกจากกำมือไปช้าๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกล
เวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาไม่รู้ ทว่าท้องทะเลสีครามถูกความมืดแผ่คลุมจนเห็นเป็นสีดำสลัว ในเสียงลมทะเล มีเสียงโทรศัพท์ดังแว่วมา
เขาปล่อยให้มันดังอยู่นาน กว่าจะหยิบขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า...วสวัตติ์
ชายหนุ่มกดต่อสัญญาณ แล้วกรอกเสียงอ่อนล้าของตนลงไป
"เฮ้ย! ไปทำบ้าอยู่ที่ไหนวะ ดึกป่านนี้แล้วยังไม่มา" ปลายสายตะคอกส่งมา "ข้าไปดูที่สนามก็ไม่มีใครแล้ว เอ็งอยู่ไหนเนี่ย"
"โทษที จะไปเดี๋ยวนี้แหละ" เขาบอก แล้วจึงลุกขึ้นปัดฝุ่นทรายบนตัว
...จริงสิ เขาควรลบข้อความนั้นออกไปมั้ยนะ
ศาสตรายกโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความนั้นอีกครั้ง ดวงตาเงื่อหงอยมองจ้องข้อความนั้น
...ทำไมข้อความนี้ ถึงไม่ได้เจาะจงส่งมาที่เขา ทำไมต้องเป็นแบบนั้น
ชายหนุ่มกดลบข้อความทิ้ง ถอนหายใจยาว แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าประดับดาราราวอัญมณีอันพราวพราย
เขาควรทำอย่างไรดี...
% ###
สิ่งแรกที่ภวาภพเห็นเมื่อศาสตราปรากฏตัวขึ้นที่สวนซึ่งเป็นจุดนัดของพวกเขาคือ นักฟุตบอลยังอยู่ในชุดกีฬา เสื้อแขนยาว กางเกงวอร์มขายาว รองเท้าสตั๊ด จะขาดก็เพียงถุงมือ
"ศาสตรา กระเป๋าเอ็งหายไปไหนวะ" วสวัตติ์ถามขึ้นทันทีที่สังเกตเห็นเขาเดินมาตัวเปล่า
"เออ ลืม" ศาสตราก้มหน้าตอบ
"ลืมเปลี่ยนชุดด้วยเหรอ" ภวาภพถามขึ้นบ้าง
ศาสตราก็เพียงแต่พยักหน้า
"จะกลับไปเอารึเปล่า เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน" รามภณบอก ทำให้ศาสตราเงยหน้าขึ้นมามอง
"ไม่ต้องหรอก ขอบใจ ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเอาก็ได้" เขาตอบ แล้วยื่นโทรศัพท์เจ้ากรรมส่งคืนให้เจ้าของ "...ของเอ็ง"
"แล้วตกลงได้เป็นกัปตันรึเปล่าวะ" ธาวินโพล่งถามขึ้นมา
ศาสตราเงียบไป ใบหน้า แววตาของเขา ทำให้เพื่อนๆ ไม่กล้าถามต่อ ด้วยคิดว่าเขาคงจะพลาดหวังจากตำแหน่งกัปตัน
"เอาน่า ปีนี้ไม่ได้เป็น ปีอื่นก็ยังมี" วสวัตติ์เดินเข้ามากอดคอปลอบ
ดีแล้ว ให้เพื่อนๆ คิดว่าเขาเสียใจเพราะเหตุนี้ ยังดีกว่าได้รู้ความจริง ถึงอย่างไร เขาขาดซ้อมในสำคัญเช่นนี้ ก็เป็นไปได้อยู่หรอก ที่ประธานชมรมจะเลือกคนอื่น ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า
% ###
บ่ายอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่อากาศเหมาะแก่การฝึกซ้อมภาคสนามเป็นที่สุด ทว่าศาสตรากลับดูไม่กระปรี้กระเปร่าอย่างเช่นวันก่อนๆ
เขายืนนิ่งอยู่ในเขตโทษของสนามฟุตบอล
ลูกฟุตบอลที่อยู่ระหว่างเท้าของเพื่อนร่วมทีมในสนาม กำลังเคลื่อนใกล้เขามา ทว่าเขากลับดูเหมือนไม่รู้ตัว ทั้งที่ควรตั้งท่ารับ แต่เขากลับยังยืนเฉย ไม่ขยับ จนเมื่อลูกฟุตบอลปั่นหลุดจากปลายเท้าของสิโรตม์ พุ่งเข้ามาตรงหน้า เขาจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งมองเห็นมัน
พลั่ก!
สายไปเสียแล้ว ลูกฟุตบอลลอยมากระแทกหน้าเขาอย่างแรง จนหน้าหงาย ล้มลงไปกับพื้น เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้ง จมูกโด่งได้รูปของเขากลับแดงช้ำ และมีเลือดไหลออกจากรูจมูก
คณินทร รวมทั้งคนอื่นๆ ในทีมรีบฉวยกล่องปฐมพยาบาล กรูกันเข้ามาดูอาการให้เขา
"ระวังหน่อยสิวะ เอ็งเป็นกัปตันทีมนะโว้ย มัวเหม่ออะไรอยู่" คณินทรตะคอกเสียงด้วยความเป็นห่วง
ทว่าศาสตรากลับมองหน้าประธานชมรมอย่างแปลกใจ
"ประธาน ว่าอะไรนะ"
"ก็บอกว่าให้ระวังไงวะ เอ้า เงยหน้าขึ้น พูดมากอยู่ได้" คณินทรส่งเสียงดุ พร้อมทั้งจับหน้าศาสตราเงยขึ้น เพื่อห้ามเลือด ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้ถามต่อ
ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว คณินทรก็รีบพาศาสตราไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลให้เรียบร้อย ด้วยเหตุนี้ ศาสตราจึงมีเฝือกดามอยู่ที่จมูก ทำให้หน้าเขาดูตลกไป
ระหว่างที่รอจ่ายค่าทำแผล ศาสตราจึงได้โอกาสถามคำถามที่คั่งค้างอยู่ในใจ
"เมื่อกี้ ประธานบอกว่าผมได้เป็นกัปตันเหรอ"
"เออสิ เคยบอกไปแล้วนี่" คณินทรว่า
"แต่ผม ขาดซ้อมเมื่อวานนะครับ"
"ไม่เห็นเป็นไรนี่ ปีนี้เอ็งเพิ่งขาดแค่ครั้งสองครั้งเอง"
"แต่ว่า..."
"เฮ้ย ไอ้นี่มันยังไงวะ คนอื่นเขาอยากเป็นแทบแย่ ไม่ได้เป็น ไอ้นี่ได้เป็นแล้วยังพูดโน่นพูดนี่อีก" คณินทรเริ่มรำคาญ
"คือ...ผมว่า ผมไม่มีคุณสมบัติ..."
"เอ็งเอาอะไรมาวัด"
"ผมรู้สึกว่าช่วงนี้ฟอร์มไม่ค่อยดี อย่างเมื่อกี้ยังทำเสียเรื่อง"
"อะไรวะ ศาสตราที่เคยมั่นใจ เคยบ้าพลัง ลากบอลยาวจากประตูตัวเองไปถึงหน้าประตูฝั่งตรงข้าม เมื่อตอนแข่งกระชับมิตรคราวก่อนหายไปไหนวะเนี่ย" คณินทรจ้องหน้าเขาตาโต ทั้งยังจับศีรษะเขาหันซ้ายขวา
"โธ่ ประธาน อย่าล้อเล่นสิ" ศาสตราย่นคิ้วจนหัวคิ้วชิดติดกัน คณินทรจึงหันมายิ้มให้นิดหนึ่ง ก่อนจะอธิบาย
"ศาสตรา ข้าไม่ได้เลือกกัปตันที่ความสามารถอย่างเดียวนะ โอเค ฟอร์มมันก็ควรจะดีแหละ แต่นั่นก็แค่ส่วนประกอบเท่านั้น ที่สำคัญคือความเป็นผู้นำ แล้วก็ น้ำใจนักกีฬา ข้าสังเกตมานานแล้ว เอ็งมีส่วนนี้อยู่ ข้าถึงได้เลือกเอ็งไง"
ศาสตรายิ้มออกมานิดหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่ปนไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
"อย่างนั้นแหละ เอ็งควรจะดีใจสิ ที่ได้เป็นกัปตัน" คณินทรบอก
ดีใจ...เขาควรจะดีใจหรือ ในเมื่อคนที่เขาอยากบอก อยากให้ร่วมดีใจกับเขาเป็นที่สุด ตอนนี้อยู่ห่างไกลเกินไปเสียแล้ว
"เอาล่ะ ทีนี้ก็เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้แล้วนะ ศาสตรา"
กัปตันทีมคนใหม่ได้แต่พยักหน้า แต่จะทำได้หรือเปล่า แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
...ในเมื่อภาพที่เธอวิ่งร้องไห้จากไปนั้น ยังทำให้เขารู้สึกปวดแปลบอยู่ในอก ทุกครั้งที่นึกถึง
% ###
ทางเดินด้านหลังอาคารกิจกรรมในยามค่ำ ยังคงเปลี่ยวและให้ความรู้สึกวังเวง ทว่าหัวใจของรามภณที่กำลังเดินอ้อมมาตามเส้นทางประจำกลับพลุกพล่านไปด้วยภาพต่างๆ ทั้งภาพของมายาวดี ภาพของจิรัชย์ และท้ายที่สุดคงหนีไม่พ้นภาพหญิงสาวสวย ผมยาว นัยน์ตาคมที่คล้ายจ้องมองทะลุไปได้ถึงหัวใจ กับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ราวกับจะเย้าให้หัวใจของเขากระเด็นกระดอนออกจากอก
หากแต่ภาพเหล่านั้นยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อเขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารกิจกรรมอีกครั้ง โดยไม่รู้ตัว
รมัณยายืนอยู่ในที่เดิม แต่คราวนี้เธอไม่ได้หายไปราวกับภาพหลอนอีกแล้ว เธอเพียงส่งยิ้ม พร้อมกับโบกมือให้เขาเป็นการทักทาย แต่สำหรับรามภณ เขารู้สึกว่าเธอกำลังเรียกให้เขาโบยบินขึ้นไปหาเสียมากกว่า
รามภณรีบย้อนกลับไปทางบันไดอาคาร เพื่อปีนป่ายขึ้นไปหาเธอ
คราวนี้เขาไม่ผิดหวัง เธอยืนยิ้มรอรับเขาอยู่ที่เดิม พร้อมด้วยดินสอในมือ และกระดานรองเขียนที่มีกระดาษแผ่นใหญ่หนีบติดอยู่
"เอ่อ กำลัง...วาดรูปอยู่เหรอ" รามภณเริ่มบทสนทนาด้วยคำถาม เธอจึงหันกลับมายิ้มรับเล็กน้อย แล้วกลับไปตั้งหน้าตั้งตาวาดภาพของเธอต่อ
รามภณเหลือบมองภาพที่เธอกำลังวาดอยู่นิดหนึ่ง ก่อนจะถามคำถามต่อไป
"ชอบทะเลเหรอ" รามภณถามด้วยเสียงที่เบาลง เนื่องจากเกรงว่าเธอจะรำคาญ ทว่าเธอกลับยกดินสอในมือขึ้นเหน็บไว้ที่ใบหู แล้วดึงกระดาษไขแผ่นใหญ่มาปิดทับภาพที่กำลังวาดอยู่ จากนั้นจึงเริ่มเก็บอุปกรณ์
"ไม่เชิงหรอก วาดไปเรื่อยๆ เห็นทะเลที่นี่สวยดี ก็เลยวาด"
"มีที่สวยกว่านี้อีกนะ" รามภณเสนอ "ถ้าเธออยากไป ฉันจะพาไป"
"เหรอ ที่ไหนล่ะ" รมัณยาหันมาทำตาโต
ชายหนุ่มชี้ออกไปที่ชะง่อนผาด้านหนึ่ง "ด้านหลังหน้าผาตรงโน้นจะมีอ่าว มีวิวสวยๆ ให้วาดหลายจุด ถ้าเธออยากไป ฉันจะพาเธอไป"
"ก็...น่าสนใจนี่"
"วันอาทิตย์นี้เลยมั้ย" เขารีบนัดวัน ทำให้เธอปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
"นี่ เราแค่บอกว่าน่าสนใจเฉยๆ ยังไม่ได้บอกว่าจะไปเลยนะ"
"เอ่อ...ขอโทษ"
"ขอโทษทำไม นายยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย" เธอว่า แล้วหยุดมองรอยยิ้มเขินอันน่าดูของเขา "แต่...เอาเป็นวันอาทิตย์นี้ก็ได้"
รามภณดีใจจนแทบอยากตะโกนออกมาดังๆ เขาจะนัดกับเธอ จะได้ไปดูทะเล เดินเล่นที่ชายหาดกับเธอ...สองคน
% ###
รถเอนกประสงค์สีฟ้าเมททาลิกแล่นออกจากมหาวิทยาลัยในยามดึก สารถีหนุ่มขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ทำเอาเพื่อนๆ แปลกใจจนต้องถาม
"ไม่มีอะไร" เขาปฎิเสธ ทั้งที่ตัวเองก็นัดวันเวลากับรมัณยาไว้เรียบร้อยแล้ว "เอ้อ วันอาทิตย์นี้ข้าไม่ว่างนะ มีธุระนิดหน่อย"
"ธุระอะไรของเอ็งวะ" ธาวินสงสัย
"เอาน่า อย่าถาม เอาเป็นว่าข้าจะไม่อยู่บ้านก็แล้วกัน"
"ข้าก็มีธุระเหมือนกัน" ศาสตราบอก "นัดกับคนที่ชมรมไว้"
"ดั้งหักอย่างนี้ยังจะนัดนอกรอบอีกเหรอวะ" ธาวินซักอีกตามนิสัย
"ช่วงนี้ฟอร์มตก คงต้องซ้อมหนักหน่อย" ศาสตราตอบ
ซึ่งความจริง เมื่อครู่ก่อนออกจากสนามฟุตบอล สิโรตม์เป็นคนมานัดแนะขอซ้อมเพิ่มกับเขาเอง คนอืนๆ ในชมรมที่รู้เรื่องนี้ ก็มีแค่วสุ และปฤษฎ์ ทว่าศาสตรากลับไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า การนัดซ้อมนอกรอบครั้งนี้ จะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
"แล้วใครมีนัดที่ไหนอีกรึเปล่า ข้าไม่ว่างไปส่งนะโว้ย บึ่งมอเตอร์ไซค์กันไปเองนะ" รามภณพูดดักคอเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนผิดสังเกต ซึ่งเรื่องที่ผิดสังเกตย่อมไม่พ้นสายตาภวาภพ
% ###
คืนนั้นเป็นอีกครั้งที่ภวาภพเปิดประตูเข้าไปในห้องของศาสตรา แล้วจึงเคาะประตู
ศาสตราไม่ได้ส่งเสียงรับ เขากำลังนั่งอยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ โดยมีหนังสือนิตยสารฟุตบอลอยู่ในมือ ทว่าเขาไม่ได้อ่านมัน สายตาเขาเหม่อออกไปไกล จมอยู่ในความคิดที่น่าปวดหัว
ต่อเมื่อภวาภพแง้มประตูปิดลงแล้ว จึงถามขึ้น
"ข้าว่า มันไม่ใช่เรื่องกัปตันทีมใช่มั้ย"
"เอ็งพูดเรื่องอะไร" ศาสตราเฉไฉ ยังไม่หันมามองคนถาม
ภวาภพเดินมาทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา
"นฤตยา" ภวาภพตอบสั้นๆ แต่ไม่อ้อมไปไหนเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ศาสตราเงียบไปอีกครู่ใหญ่
ทั้งคู่นั่งเงียบกันไปอีกนาน จนศาสตราเป็นฝ่ายทนไม่ได้ ต้องพูดออกมาก่อน
"เอ็งจะให้ข้าทำยังไงวะ ข้าชอบยา แต่ยาไม่ได้ชอบข้า ยาชอบไอ้ภณ"
"ทำไม เอ็งไม่ปล่อยให้มันเป็นไป...อย่างที่มันควรจะเป็นล่ะ" ภวาภพถาม
"ยังไงวะ ข้าไม่เข้าใจ"
"แล้วถ้า ข้าถามว่า วันหนึ่ง เอ็งรู้ว่าไอ้ภณก็ชอบยา เอ็งจะทำยังไง"
ศาสตราก้มหน้านิดหนึ่ง หลับตา ราวกับว่าคำตอบนี้ต้อง เขากลั่นกรองอย่างละเอียด คิดทบทวนอย่างลึกซึ้ง
"ข้า...ก็คงได้แต่อวยพร"
"แล้วถ้า มันตรงกันข้าม ถ้าไอ้ภณ ไม่ได้ชอบยา"
"ข้าก็จะอยู่กับยา เป็นกำลังใจให้ ดูแลยา จนกว่า..."
"เอ็งก็รู้คำตอบแล้วนี่"
จริงสิ เขามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่ว่ารามภณจะรู้สึกอย่างไรกับนฤตยา เขาก็ยังคงชอบเธอ ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วทำไม เขาจะต้องเก็บมาคิดให้วุ่นวายด้วย
% ====================
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น