ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ ๕
นฤตยานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างของห้องสมุด ตรงหน้าเธอยังมีหนังสือเล่มหนาเปิดวางไว้อยู่ แต่สายตาของเธอกลับเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ปล่อยความคิดให้ล่องลอยออกไปแสนไกล
...อยากเห็นรอยยิ้มของเขาอีก
หากแต่รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของ 'เขา'...อยู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า
"นั่งเหม่ออะไรอยู่คนเดียว" รามภณถามเสียงอ่อนโยน
"ภณ!" เธอตกใจจนร้องออกมา ทำเอาคนในห้องหันมามองเป็นตาเดียว ทว่าเธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้เธอกำลังคิดว่า ตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า... ฝันอันแสนหวาน หากแต่ภาพของเขา เสียงของเขา...ชัดเจน...เป็นความจริง
ราภณเห็นสีหน้าตื่นของเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ
"ขวัญอ่อนจัง เป็นอะไรรึเปล่า"
"ปละ เปล่า" เธอก้มหน้าปฏิเสธ แต่หัวใจเต้นระรัว...อึดอัด จนอยากจะกระโดดออกนอกหน้าต่างเสียเดี๋ยวนั้น
"แล้ว...มาทำอะไรที่ห้องสมุดเหรอ" หญิงสาวพยายามชวนคุยต่อ
"มาหาข้อมูลเรื่องที่จะเอาไปพูดออกอากาศเย็นพรุ่งนี้น่ะ" เขาตอบ พร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่น...รอยยิ้มที่เธอเฝ้าคิดคำนึงถึงมาตลอด
"แล้วก็ ขอบคุณมากนะ"
คำขอบคุณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เธอเลิกคิ้วมองชายหนุ่มอย่างงุนงง
"เรื่องอะไรเหรอ"
"เรื่องสอบไง เมื่อวานไม่มีโอกาสบอก ขอบคุณย้อนหลัง คงไม่ว่ากันนะ"
นฤตยายิ้มเขิน...จะให้เธอว่าอย่างไรได้ ในเมื่อเธอเต็มใจ และดีใจอย่างที่สุด
หญิงสาวก้มหน้า เหลือบมองเขา เธอไม่กล้าจ้องสบตาเขาตรงๆ ทว่าแค่เหลือบมองก็เพียงพอให้เธอสังเกตเห็น รอยช้ำที่มุมปากของเขา
"ตายจริง!" เธออุทานเสียเบา เผลอเอื้อมมือไปแต่คางของเขา "ไปทำอะไรมา ช้ำขนาดนี้เชียว"
"เอ่อ...อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ"
อุบัติเหตุที่มีอีกหลายคนร่วมชะตากรรม...รวมทั้งศาสตรา
รอยช้ำและรอยแผลแตกที่ใต้ตาทำให้ศาสตราต้องมาหลบสายตาสาวๆ ในห้องสมุด สถานที่ซึ่งคนไม่พลุกพล่าน และน่าจะมีคนสนใจเขาน้อยที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เขาสนใจจะอยู่ที่นี่ด้วย...
ศาสตราหลบอยู่หลังตู้หนังสือซึ่งอยู่ทางด้านหลังของรามภณ เขามองเห็นทุกอย่างจากร่องระหว่างตู้ เขาเห็นท่าทีของนฤตยาที่มีต่อเพื่อนของเขา...ในฐานะคนนอก
เธอชอบรามภณ...
ผู้หญิงที่เขาชอบมาตลอด กลับไปชอบเพื่อนของเขา
ถึงว่าสิ วันนั้นที่เขาอาสาไปส่งเธอ ท่าทีของเธอจึงดูแปลกไป หรือบางที เธออาจจะผิดหวัง ที่กลายเป็นเขา แทนที่จะเป็นรามภณ
เขาคิดถูกแล้วที่ไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไปในวันนั้น คิดถูก...ที่ไม่ได้สารภาพกับเธอ ไม่อย่างนั้น...
ศาสตราหลุบตามองพื้น ความคิดมากมายประดังเข้ามาในสมองจนสับสน
...รามภณ ผู้ชายที่น่าอิจฉา
ไม่ว่ามายาวดีหรือนฤตยา พวกเธอต่างก็น่ารัก เป็นผู้หญิงในอุดมคติของใครหลายๆ คน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
แต่คิดดูอีกที ถ้าเป็นคนอ่อนโยนอย่างรามภณ อาจจะดูแลสาวน้อยบอบบางคนนี้ได้ดี...ดีกว่าเขา ที่มีแต่ความบ้าบอ มุทะลุ
ศาสตราก้มหน้า ค่อยๆ หลบเดินออกจากห้องสมุดไปเงียบๆ
% ###
สนามฟุตบอลชื้นแฉะไปด้วยเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มองจากข้างสนามเหมือนมีหมอกหนาๆ ปกคลุมอยู่เหนือพื้นหญ้า
ศาสตรานั่งกอดเข่าเงียบๆ อยู่ในที่นั่งสำรองข้างสนาม ในขณะที่คนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว เนื่องจากฝนที่ตกโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ทำให้ต้องงดซ้อมภาคสนามไป
แต่สำหรับศาสตรา เวลานี้เขาอยากจะกระโจนออกไปในสายฝน อยากล้มตัวลงกลิ้งเกลือกไปบนพื้นโคลนอันเฉอะแฉะ
...อยากร้องไห้
ทว่าเวลานี้เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ความรู้สึกมากมายที่อยากระบายออกมา กลับต้องเก็บเอาไว้ก่อน
สิโรตม์แอบมองเขาจากบริเวณประตูเข้าสู่สนาม...แปลกใจ ทั้งที่คิดว่าเรื่องของภวาภพน่าจะทำให้เขาร้อนรนจนก่อเหตุอะไรบ้าง แต่เขากลับนั่งเงียบ เซื่องซึม จนดูไม่เหมือนศาสตรา
"เฮ้ ศาสตรา ยังไม่กลับอีกเหรอ" เสียงคณินทร ประธานชมรมฟุตบอลร้องทักแข่งกับเสียงฝน
ศาสตราสะดุ้ง หันไปมองตามเสียง เห็นเขายืนหลบฝนอยู่ในอุโมงค์ทางลงไปยังห้องพักนักกีฬาใต้อัฒจันทร์ จึงปั้นหน้าทะเล้นให้เป็นปกติ แล้วตอบกลับไป
"ยัง...นานๆ จะเจอฝนตกหนักๆ แบบนี้ซักที ขอนั่งทำมิวสิคก่อน"
"เออ เชิญตามสบาย แต่ระวังอย่าให้ไม่สบายไปนะโว้ย เดี๋ยวจะอดเป็นกัปตัน"
เสียงตะโกนของคณินทรทำให้ศาสตราขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น มันยังทำให้สิโรตม์ที่อยู่ห่างออกไปเบิกตาโพลงจนลุกวาว เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ตำแหน่งกัปตันทีมที่เขาใฝ่ฝัน หลุดลอยไปหาไอ้ขี้โอ่นั่นเสียแล้วหรือ
...ไม่สิ ยังไม่แน่หรอก เมื่อครู่ประธานก็บอกแล้ว หากศาสตราเกิดไม่สบาย หรือแม้แต่เล่นฟุตบอลไม่ได้ เขาก็จะมีโอกาส!
% ###
ฝนดูท่าจะไม่ยอมหยุดตกเอาง่ายๆ
สายฝนในเวลาหัวค่ำเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศในบริเวณด้านหลังอาคารกิจกรรมยิ่งวังเวง รับกับเรื่องภูตผีวิญญาณที่ขู่ขวัญรามภณจนฝ่ออยู่ในขณะนี้
...ผีที่อาคารกิจกรรมเฮี้ยนจะโว้ย...นึกถึงคำพูดของศาสตราเมื่อวันก่อนแล้วขนลุกจนเย็นวาบไปทั้งตัว
ท่าจะบ้า อยู่มาตั้งนานเพิ่งเคยได้ยินเรื่องพรรค์นี้ ผีวิญญาณอะไร มีที่ไหน ริบบิ้นนี่ก็ของจริง จะมีวิญญาณที่ไหนทำริบบิ้นจริงๆ ตกลงมาแบบนี้...เขาคิดพลางล้วงมือหยิบเอาริบบิ้นสีขาวครีมที่พับใส่กระเป๋าเสื้ออย่างเรียบร้อย ออกมาพินิจพิเคราะห์
ทำไมนะ ทุกครั้งที่เขาตั้งใจจะมองหาเธอ เธอกลับต้องหายไปเสียทุกครั้ง หายไป...ราวกับไม่มีตัวตน
เม็ดฝนยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย ฟ้าแลบยังมีให้เห็นอยู่เป็นระยะ
รามภณยืนถือร่ม กันตัวเองจากสายฝน พลางแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
สายฟ้าเป็นเส้นสว่างวาบอยู่เหนือดาดฟ้าของอาคาร ส่องให้เห็นเงาคนบนอาคารเพียงแวบเดียวแล้วก็กลับกลายเป็นมืดมิด
...เธออยู่ที่นั่น
เงาของหญิงสาวที่วนเวียนอยู่ในความคิดคำนึงของเขายังคงปรากฏอยู่ในที่เดิม ทว่าเส้นผมยาวสยายเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน
รามภณรีบหมุนตัวสลับฝีเท้าอย่างรวดเร็ว ร่มที่ถือยู่กลัวโยนทิ้งไว้ที่ทางเดินใต้อาคารนั้น เขาพยายามจะวิ่งไปให้ถึงที่ซึ่งเธอยืนอยู่โดยเร็วที่สุด... ก่อนที่เธอจะหายไปอีก
สายฟ้าพุ่งปลาบลงมาเป็นเส้นหงิกงอพาดลงสู่พื้นดินไกลออกไป ตามมาด้วยเสียงคร่ำครวญของท้องฟ้าดังครืนครั่น ก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหวราวกับลูกโป่งแตกที่ข้างหู
รามภณผลักประตูเหล็กให้เปิดผางออก แล้วพรวดพราดออกไปริมกำแพงบริเวณที่เห็นเธอยืนอยู่เมื่อครู่ เขาพุ่งออกไปโดยแรงจนตัวเองคงจะพลัดตกจากด้าฟ้า หากไม่มีผนังสูงระดับอกกั้นไว้
...นี่มันอะไรกัน...เธอ...เธอหายไปอีกล้ว
เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นปูนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน หันหลังพิงผนัง เงยหน้าหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน
สายฝนกระหน่ำชโลมใบหน้าเขาราวกับจะเยาะให้กับการคว้าน้ำเหลวอีกครั้งของเขา
"เธอเป็นคนหรือผีกันแน่!" เขาร้องถามเอากับสายฝน แล้วจึงลูบหยาดน้ำออกจากใบหน้า จากนั้นจึงซบหน้าลงกับหัวเข่า
เสียงฝนกระทบพื้นดังไม่ขาดสาย แต่เม็ดฝนดูเหมือนจะไม่ได้ตกต้องตัวเขาแล้ว
"มานั่งตากฝนทำอะไรแถวนี้น่ะ" เสียงห้าวที่คุ้นหูดังมาจากใครคนหนึ่งซึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
รามภณมองไล่จากปลายรองเท้าหนังขึ้นไปตามลำตัวของคนที่ยืนอยู่ แล้วจึงได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่กำลังมองจ้องลงมา ภายใต้ร่มซึ่งกางยื่นมาทางเขาเล็กน้อยเพื่อบังฝนให้
"ไม่มีอะไร" เขาก้มหน้าตอบเสียงเบา
นภสินธุ์ย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าตัวเอง ยื่นมือปาดน้ำออกจากปลายจมูกของดีเจหนุ่ม
"คนบ้าที่ไหนจะมานั่งตากฝนเล่นโดยไม่มีอะไร ขนาดนกยังต้องหาที่หลบฝนเลย"
รามภณไม่ตอบ แต่เบือนหลบตายตาซุกซนที่จ้องมองมาอย่างรู้ทัน
"เฮ้ นายไปเอาริบบิ้นเส้นนี้มาจากไหนน่ะ" หนุ่มหน้าสวยถาม เมื่อเหลือบไปเห็นริบบิ้นสีขาวครีมในมือของเขา
"เอ่อ...เก็บได้ ข้างล่างนี่แหละ นายรู้จักเจ้าของเหรอ"
นภสินธุ์เลิกคิ้วเล็กน้อย มองหน้าใสซื่อชุ่มน้ำฝนแล้วยิ้ม รอยยิ้มของเขาสวยหวาน หากแต่เหมาะจะเป็นรอยยิ้มของหญิงสาวมากกว่า
"รู้จักสิ ไม่อยากนั้นจะถามเหรอ"
ได้ยินเท่านั้น รามภณถึงกับลุกพรวดขึ้นทันที ศีรษะจึงชนเข้ากับปลายร่มที่นภสินธุ์ถึงอยู่พอดี จนร่มเกือบกระเด็นหลุดมือคนถือไป
"โอ๊ะ ขอโทษ ขอโทษ" รามภณก้มหน้าสำนึกผิด ตัวของเขาออกมายืนตากฝนอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมคราม แทบจับจังหวะไม่ได้
นภสินธุ์หัวเราะร่วน พลางยืดตัวยืนขึ้น
"ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วยล่ะ"
รามภณยิ้มเก้อ เขาทำตัวเปิ่นให้ชายหนุ่มหน้าสวยคนนี้เห็นอีกแล้ว
"เอ่อ...เปล่า เพียงแต่อยากจะคืนริบบิ้นให้เจ้าของน่ะ งั้น...ฝากนายคืนเลยก็แล้วกัน" พูดออกไปแล้วก็อยากจะชกปากตัวเองเสียหมัดหนึ่ง โอกาสมาแล้วแท้ๆ กลับโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตา
"อะไรกัน ไม่อยากจะเจอเธอหรอกเหรอ" นภสินธุ์ถามอย่างรู้ทัน แต่เมื่อเห็นรามภณเอาแต่ยิ้มไม่ตอบ เขาจึงแกล้งพูดแหย่ "นายนี่น่ารักดีแฮะ ชักชอบแล้วสิ"
...บรื๋อ!
"ฮะๆ ล้อเล่นน่า" หนุ่มหน้าสวยพูดกลั้วหัวเราะ "เอาเป็นว่า ถ้าอยากคืนริบบิ้นให้กับตัวจริงๆ ล่ะก็ พรุ่งนี้ลองแวะไปที่ชมรมดนตรีสากลตอนดึกๆ สิ"
ว่าแล้วเขาก็หันหลังเดินลงจากดาดฟ้าไป ทิ้งให้รามภณยืนยิ้มเป็นบ้าอยู่ท่ามกลายสายฝนที่ยังคงสาดใส่ร่างอย่างไม่ปราณี
...นี่ถ้าเขาไม่บังเอิญเห็นรามภณวิ่งพราวดพราดขึ้นมาบนดาดฟ้า แล้วตามขึ้นมา ป่านนี้หมอนั่นคงคิดว่าตัวเองเห็นผีอยู่เป็นแน่
% ###
การทดสอบร่างกายของนักฟุตบอล กับร่างกายของดีเจที่ไม่ค่อยได้ออกกำลัง ด้วยการตากฝนนั้น ให้ผลที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เช้าวันต่อมา รามภณต้องนอนซมเพราะพิษไข้ ในขณะที่ศาสตราไม่มีแม้แต่อาการจาม
ด้วยเหตุนี้ วสวัตติ์จึงต้องทำหน้าที่สารถีแทน โดยมีศาสตรานั่งท้าวคางนิ่ง ไม่พูดไม่จาอยู่ในที่นั่งข้างคนขับ ส่วนภวาภพกับธาวินโดยสารอยู่เบาะหลัง
"ศาสตรา เอ็งเป็นใบ้ชนิดเฉียบพลันเหรอวะ" ในที่สุด วสวัตติ์ก็อดไม่ได้ต้องถามออกมา
"ใบ้บ้านเอ็งสิ มีชนิดเฉียบพลัน" ศาสตราตอบเสียงหงุดหงิด
"ก็เห็นเอ็งไม่พูดอะไรเลยนี่หว่า แล้วตกลงเป็นอะไรของเอ็ง"
"เบื่อ..." เขาตอบสั้นๆ
"เบื่อหรืออกหัก" อยู่ๆ ภวาภพที่เป็นใบ้ชนิดเรื้อรังกลับส่งเสียง ทำเอาศาสตราต้องขมวดคิ้ว เหล่ไปทางคนถามอย่างสงสัย
"เฮ้ย! ศาสตราเนื่ยนะ อกหัก" ธาวินหันขวับมาถามคนเปิดประเด็นทันที วสวัตติ์เองก็รอฟังคำตอบอยู่ด้วยความอยากรู้เช่นกัน
"ถามมันเองสิ"
คำตอบของภวาภพทำให้ธาวินเปลี่ยนเป้ามาสะกิดเอาคำตอบจากเจ้าตัว
"ใครพูดก็ไปถามคนนั้นสิวะ" ศาสตราบอกอย่างหงุดหงิด ทั้งยังทำท่าทางราวกับรำคาญ คนสงสัยจึงไม่อยากเซ้าซี้มาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัยกันเงียบๆ
ทว่า ประเด็นมันไม่ยอมยุติลงเพียงความเงียบ...
เมื่อพวกเขาไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว และกำลังจะก้าวขึ้นอาคารเรียนนั้นเอง ภวาภพที่เดินรั้งท้ายอยู่ก็เหลือบไปเห็นนฤตยากับภารดี ซึ่งกำลังจะเดินผ่านด้านหลังพวกเขาไป
ถ้าเป็นภวาภพในเวลาปกติ เขาจะทำเฉย และปล่อยให้พวกเธอเดินผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าวันนี้...ไม่ปกติ
"ยา...ภา..." เขาร้องเรียกสองสาวไว้ ทำให้เพื่อนๆ หันมาให้ความสนใจกับพวกเธอ
"จะไปเรียนที่ตึกโน้นเหรอ" ศาสตราถาม พยายามปั้นหน้ายิ้มให้เป็นปกติ
"จ๊ะ" ภารดีตอบ จากนั้นจึงนึกแปลกใจ ที่ใครบางคนในกลุ่มของพวกเขาหายไป "ภณไม่มาด้วยเหรอ"
"มันไม่สบาย นอนซมอยู่ที่บ้านแน่ะ" ศาสตราชิงตอบโดยเร็ว
นฤตยามีท่าทีตกใจและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ภวาภพจึงต้องบอกให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากรามภณไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่ศาสตราว่า เพียงแค่กินยาแล้วนอนพักเสียหน่อยก็หายแล้ว เธอจึงคลายใจลงได้บ้าง
เมื่อแยกจากสองสาวมาแล้ว ศาสตรายังคงเหลียวกลับไปมองสาวน้อยที่แสนบอบบาง ด้วยสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกบางอย่าง
...เขารู้ว่าเธอยังคงไม่สบายใจ รู้ว่าเธอเป็นห่วงเพื่อนของเขา ห่วง...จนไม่ได้สังเกตรอยแผลใต้ตาของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดกว่ารอยช้ำที่มุมปากของรามภณเสียอีก
...เอาเถอะ ถึงในสายตาเธอจะไม่มีเขา แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้เธอเป็นทุกข์ อยากให้ใบหน้าของเธอมีแต่รอยยิ้ม
ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจ...
เขาแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนหลังหมดชั่วโมงเรียนในตอนเที่ยง เพื่อแอบมาโทรศัพท์ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาออกปากขอยืมกุญแจรถจากวสวัตติ์
"จะไปไหนวะ" เสียงถามจากชายหนุ่มผมยาว ขณะยื่นพวงกุญแจให้
"มีธุระนิดหน่อย" ศาสตราตอบ พลางรับพวงกุญแจมา "แต่ไม่ต้องห่วง ข้ากลับมาทันรับพวกเอ็งแน่" เขายืนยันก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ภวาภพสังเกตเห็นท่าทีของเพื่อนเลือดร้อนคนนี้แล้วก็พอจะเดาได้ เขาพอดูออกว่าเพื่อนของเขาจะทำอะไร และก็รู้ว่าคนอย่างศาสตรา เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็แทบไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเขาได้เลย
% ###
ผลจากการตากฝนแล้วรีบขับรถกลับบ้านพร้อมเพื่อนๆ ทั้งที่ตัวเปียกมะลอกมะแลก ทำให้รามภณมีอาการไข้ จนต้องหยุดอยู่กับบ้าน
...จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะ ที่กระวีกระวาดขึ้นไปตากฝนบนดาดฟ้า ซึ่งทำให้เขาได้รู้ว่า 'เธอ' มีตัวตนอยู่จริง แต่กลับต้องมานอนแหมะไม่สบายอยู่อย่างนี้ ทั้งนี้วันนี้เขากำลังจะได้พบเธอแล้วแท้ๆ
รามภณถอนหายใจ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเสียงออดบ่งบอกว่ามีคนมาเยือนที่หน้าบ้าน
เขาลุกจากเตียง เดินออกจากห้องนอนของตนเอง ลงบันไดมาเปิดประตูบ้าน แล้วมองออกไปยังประตูรั้วไม้เตี้ยๆ
นฤตยากำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่เพียงลำพัง ในมือของเธอถือถุงพลาสติกใบใหญ่ เขาจึงรีบออกไปเปิดประตูให้เธอ
"ยา มาได้ยังไงน่ะ" เขาถามพร้อมกับรับถุงใบใหญ่นั้นมาจากมือเธอ
"เห็นพวกเพื่อนของเธอบอกว่าเธอไม่สบาย ฉันก็เลยจะมาช่วยดูแลน่ะ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง" เธอเอื้อมเอาหลังมือแตะหน้าผากเขาด้วยความเป็นห่วง หรือบางที เธออาจจะอยากทำแบบนี้...อยากสัมผัสตัวเขาอยู่แล้ว
"ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่" เธอว่า "งั้นเดี๋ยวฉันจะทำอะไรให้กินนะ พอดีก่อนมาแวะซื้อกับข้าวมาเพียบเลย" เธอยิ้ม แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
% ###
"เฮ้ย ศาสตรา ผิดทางแล้ว" วสวัตติ์ร้องบอกสารถีที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าศาสตราขับรถออกนอกเส้นทางกลับบ้าน โดยที่ฝนยังตกหนักมาตลอดตั้งแต่ช่วงเย็น
"ไม่ผิดหรอกน่า พวกเอ็งใจเย็นๆ ไว้เถอะ"
"จะไปไหนของเอ็งวะ ไม่รีบกลับไปดูไอ้ภณมัน" ธาวินเตือน
"ไม่ต้องห่วงมันหรอก ข้าโทรไปหามันแล้ว มันบอกว่าหายแล้ว"
"งั้นเหรอ แล้วตกลงเอ็งกำลังจะไปไหนเนี่ย"
"บันนี่"
"หือ..." ธาวินเบิกตาโต หันไปมองภวาภพที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเพื่อนไม่ทักท้วงอะไรจึงยิ่งสงสัยหนัก "เอ็งยอมไปด้วยเหรอวะ ไอ้ภพ"
"อืม" ภวาภพตอบรับในลำคอสั้นๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ด้วยรู้ดีตั้งแต่ตอนที่ศาสตรายึดกุญแจรถไว้ ไม่ยอมให้วสวัตติ์ขับกลับ เพื่อนของเขามีแผนที่จะให้สองคนนั้นอยู่กันตามลำพังแต่แรกแล้ว
% ###
ฝนยังพรำอยู่ไม่ขาดสาย นฤตยานั่งมองสายฝนซึ่งไหลเป็นทางที่นอกหน้าต่าง แววตาเริ่มมีความกังวล
จะว่าไปมันก็ดีอยู่หรอก ที่เธอจะได้อยู่กับรามภณแบบนี้ต่อไปอีกนานๆ แต่เมื่อนึกถึงว่าคนทางบ้านจะเป็นห่วง เธอก็อดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะโทรศัพท์บอกกับทางบ้านว่ามากับภารดีแล้วก็ตาม
"แปลกแฮะ ปกติเวลานี้พวกนั้นต้องมาถึงนานแล้วนะ" รามภณเปรยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดของเธอ "เดี๋ยวลองโทรตามดูแล้วกัน" เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดหาชื่อวสวัตติ์ หากแต่ยังไม่ทันหาชื่อของเพื่อนพบ เสียงรถที่คุ้นหูก็ดังมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน
"นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ" เขาหันไปขยิบตาให้กับหญิงสาว ทำให้เธอยิ้มแก้มแทบปริ จากนั้นจึงออกไปยืนกอดอกดักรอเพื่อนๆ ที่หน้าประตู "ไปไหนมาวะ ปล่อยให้รออยู่ตั้งนาน"
"ศาสตราน่ะสิ อยู่ดีๆ มันก็ขับพาพวกข้าไปบันนี่เฉยเลย ถ้าไอ้วัตติ์ไม่แย่งกุญแจรถจากมันมา ป่านนี้มันคงยังไม่ยอมกลับ" ธาวินโยนบาปให้ชายหนุ่มที่กำลังพยายามปั้นหน้าให้ร่าเริงเป็นปกติที่สุด
"อะไรวะ ทีตอนไปก็ไม่เห็นร้องอยากจะกลับเลยนี่หว่า" เขาตอบโต้ไปบ้าง
"ดีมาก พวกเอ็งไปเที่ยวกัน ปล่อยให้ข้านอนป่วยอยู่กับบ้านคนเดียว" รามภณตัดพ้อออกมาบ้าง
"พูดมากขนาดนี้ ท่าทางคงหายดีแล้วสิ" วสวัตติ์ว่า "อ้าว นั่นยานี่หว่า"
นฤตยาเยี่ยมหน้าออกมาจากด้านหลังของรามภณ เธอยิ้มเขินเล็กน้อยก่อนจะโบกมือทักทายหนุ่มๆ ที่เพิ่งกลับเข้าบ้าน
"ไอ้ภณ เอ็งยังไม่พายากลับบ้านอีกเหรอวะ!" ศาสตราตะคอกใส่เพื่อน
"เฮ้ย ใจเย็นๆ เป็นอะไรวะเนี่ย" รามภณบอก ยังงงกับน้ำเสียงของศาสตรา "เอ็งก็เห็นนี่ว่าฝนมันตก แล้วจะให้ข้าขับมอเตอร์ไซค์พวกเอ็งพายากลับบ้านเนี่ยนะ"
"เอ่อ โทษที" ศาสตราทำเสียงอ่อย จากนั้นจึงฉวยกุญแจรถจากวสวัตติ์ยื่นส่งให้รามภณ
"เดี๋ยว" ภวาภพที่ยืนมองการกระทำของเพื่อนๆ อยู่นานเอ่ยขัดขึ้น "ข้าว่าเอ็งไปดีกว่า ไอ้ภณมันเพิ่งหายไข้"
"ไม่ได้ ข้า..." ศาสตราพยายามหาเหตุผลบ่ายเบี่ยง แต่จนใจที่หาไม่ได้ จึงต้องเงียบเสียงไป
"ความจริง...ยากลับเองก็ได้นะ" นฤตยาค่อยๆ เปล่งเสียงออกจากในคำ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำให้ใครบางคนต้องลำบาก
"ไม่ได้ ไม่ได้ เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวดึกๆ ได้ยังไง" ศาสตราว่า คิ้วขมวดมุ่น
"นั่นสิ...งั้นเอ็งก็รีบๆ ไปสิวะ ยางอนแล้วนะโว้ย" วสวัตติ์บอกทิ้งท้ายก่อนที่ศาสตราจะจำใจเดินนำหน้าหญิงสาวไปที่รถ ซึ่งจอดเรียบร้อยอยู่ใต้เพิงจอดรถ
เมื่อศาสตราและนฤตยาไปแล้ว พวกเขาก็พากันเข้าไปในบ้าน ธาวินทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แล้วหันไปทางรามภณที่กำลังเดินมานั่งข้างๆ
"ดีนะที่ยามาเยี่ยมเอ็ง ไม่งั้น ข้าว่าเอ็งคงอดตายแน่ๆ"
รามภณยิ้ม ไม่ตอบ พลางนั่งเหยียดขาไปตามโซฟายาว วสวัตติ์ที่เดินถือแก้วน้ำออกมาจากครัวจึงช่วยตอบให้
"ไม่อดตายหรอก อย่างน้อยมันก็มีบะหมี่อีกเป็นลัง"
"ใจคอเอ็งจะให้คนไม่สบายกินแต่บะหมี่เหรอวะ" ธาวินว่า
"แต่ก็ไม่อดตายนะโว้ย"
"เออ...ว่าแต่ ยามาได้ยังไงวะ ยาไม่เคยมาที่นี่นี่หว่า" ธาวินตั้งข้อสงสัย
"ไอ้คนไปสั่งนั่นแหละ ตัวการ" ภวาภพตอบเสียงเรียบ แต่ความจริงเขารอจังหวะที่จะพูดประโยคนี้อยู่แล้ว เขาอยากให้เพื่อนๆ ของเขารู้ว่าศาสตรารู้สึกอย่างไรกับนฤตยา แต่ในเมื่อเขายังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว จึงมีแต่ต้องพูดอ้อมๆ ไปก่อน
"เอ็งรู้ได้ยังไง" ธาวินถามอีก
"แล้วเอ็งคิดว่าเมื่อตอนเที่ยง ศาสตรามันเอารถหายหัวไปไหนล่ะ"
"อืม มีเหตุผลแฮะ"
% ###
ศาสตรานอนหนุนแขนตัวเองภายในห้องส่วนตัว แหงนหน้าเบิกตามองเพดานอย่างใช้ความคิด...ยังสับสน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นถูกหรือผิด เหมาะสมหรือไม่...
เมื่อตอนที่เขาไปส่งนฤตยาเมื่อครู่ ก็พอดูออกว่าเธอเป็นกังวล และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะถูกคนทางบ้านตำหนิที่กลับดึกขนาดนั้นหรือเปล่า
จะว่าไปสาเหตุก็มาจากเขา เพราะเขาเจ้ากี้เจ้าการพาเธอมาเอง ทั้งนี้เพราะหวังจะให้เธอกับเพื่อนของเขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกันบ้าง เขานี่เองที่เป็นคนพาเพื่อนไปเที่ยวจนดึก เพื่อว่าจะได้ให้รามภณเป็นคนไปส่งเธอ ทว่าเขาคิดผิด...ผิดไปถนัด คนที่ไปส่งเธอ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นเขา
เสียงลูกบิดประตูบิดหมุน ตามมาด้วยเสียงบานประตูค่อยๆ แง้มออก จากนั้นจึงมีเสียงเคาะประตูสองครั้ง
ศาสตราไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใครมาเยือนเขาถึงในห้อง คนที่ทำพิเรนทร์แบบนี้มีเพียงคนเดียว...
"เปิดประตูเข้ามาแล้ว จะเคาะทำไมอีกวะ ไอ้ภพ"
ภวาภพไม่ตอบ เขาก้าวเข้ามาในห้อง แล้วดันประตูปิด
"มีอะไรวะ" ศาสตราถามเสียงแข็ง แต่ยังไม่ยอมหันไปมองผู้มาเยือน
ภวาภพเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะเขียนหนังสือมานั่งใกล้เตียงเขา พิงพนักแหงนมองเพดานด้วยอีกคน ก่อนจะถามคำถามตรงๆ ทื่อๆ อย่างที่เขามักจะทำ
"เอ็งชอบยาใช่มั้ย"
ศาสตราดีดตัวขึ้นนั่งแทบจะทันที
"ถามอะไรของเอ็งวะ ไม่รู้เรื่อง" เขาเฉไฉ
"รู้สิ...เอ็งชอบยา แต่ก็คิดจะจับคู่ยากับไอ้ภณ"
ศาสตราก้มมองตัวเองแล้วถอนหายใจ
"ก็ยาชอบไอ้ภณนี่หว่า"
"แล้วเอ็งคิดว่าไอ้ภณชอบยาเหรอ"
คำถามของภวาภพทำให้เขาอึ้งไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าราภณจะรู้สึกกับนฤตยาอย่างไร รู้แต่ว่า เพื่อนของเขาคนนี้น่าจะทำให้เธอมีความสุขได้ จริงอยู่มันอาจจะเป็นอย่างนั้น ถ้ารามภณเองก็ชอบเธอ
ภวาภพทิ้งคำถามไว้ แล้วก็กลับออกไปเงียบๆ ปล่อยให้ศาสตราเก็บประเด็นนี้ไปคิดจนถึงเช้า...
% ===================
...อยากเห็นรอยยิ้มของเขาอีก
หากแต่รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของ 'เขา'...อยู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า
"นั่งเหม่ออะไรอยู่คนเดียว" รามภณถามเสียงอ่อนโยน
"ภณ!" เธอตกใจจนร้องออกมา ทำเอาคนในห้องหันมามองเป็นตาเดียว ทว่าเธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้เธอกำลังคิดว่า ตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า... ฝันอันแสนหวาน หากแต่ภาพของเขา เสียงของเขา...ชัดเจน...เป็นความจริง
ราภณเห็นสีหน้าตื่นของเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ
"ขวัญอ่อนจัง เป็นอะไรรึเปล่า"
"ปละ เปล่า" เธอก้มหน้าปฏิเสธ แต่หัวใจเต้นระรัว...อึดอัด จนอยากจะกระโดดออกนอกหน้าต่างเสียเดี๋ยวนั้น
"แล้ว...มาทำอะไรที่ห้องสมุดเหรอ" หญิงสาวพยายามชวนคุยต่อ
"มาหาข้อมูลเรื่องที่จะเอาไปพูดออกอากาศเย็นพรุ่งนี้น่ะ" เขาตอบ พร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่น...รอยยิ้มที่เธอเฝ้าคิดคำนึงถึงมาตลอด
"แล้วก็ ขอบคุณมากนะ"
คำขอบคุณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เธอเลิกคิ้วมองชายหนุ่มอย่างงุนงง
"เรื่องอะไรเหรอ"
"เรื่องสอบไง เมื่อวานไม่มีโอกาสบอก ขอบคุณย้อนหลัง คงไม่ว่ากันนะ"
นฤตยายิ้มเขิน...จะให้เธอว่าอย่างไรได้ ในเมื่อเธอเต็มใจ และดีใจอย่างที่สุด
หญิงสาวก้มหน้า เหลือบมองเขา เธอไม่กล้าจ้องสบตาเขาตรงๆ ทว่าแค่เหลือบมองก็เพียงพอให้เธอสังเกตเห็น รอยช้ำที่มุมปากของเขา
"ตายจริง!" เธออุทานเสียเบา เผลอเอื้อมมือไปแต่คางของเขา "ไปทำอะไรมา ช้ำขนาดนี้เชียว"
"เอ่อ...อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ"
อุบัติเหตุที่มีอีกหลายคนร่วมชะตากรรม...รวมทั้งศาสตรา
รอยช้ำและรอยแผลแตกที่ใต้ตาทำให้ศาสตราต้องมาหลบสายตาสาวๆ ในห้องสมุด สถานที่ซึ่งคนไม่พลุกพล่าน และน่าจะมีคนสนใจเขาน้อยที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เขาสนใจจะอยู่ที่นี่ด้วย...
ศาสตราหลบอยู่หลังตู้หนังสือซึ่งอยู่ทางด้านหลังของรามภณ เขามองเห็นทุกอย่างจากร่องระหว่างตู้ เขาเห็นท่าทีของนฤตยาที่มีต่อเพื่อนของเขา...ในฐานะคนนอก
เธอชอบรามภณ...
ผู้หญิงที่เขาชอบมาตลอด กลับไปชอบเพื่อนของเขา
ถึงว่าสิ วันนั้นที่เขาอาสาไปส่งเธอ ท่าทีของเธอจึงดูแปลกไป หรือบางที เธออาจจะผิดหวัง ที่กลายเป็นเขา แทนที่จะเป็นรามภณ
เขาคิดถูกแล้วที่ไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไปในวันนั้น คิดถูก...ที่ไม่ได้สารภาพกับเธอ ไม่อย่างนั้น...
ศาสตราหลุบตามองพื้น ความคิดมากมายประดังเข้ามาในสมองจนสับสน
...รามภณ ผู้ชายที่น่าอิจฉา
ไม่ว่ามายาวดีหรือนฤตยา พวกเธอต่างก็น่ารัก เป็นผู้หญิงในอุดมคติของใครหลายๆ คน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
แต่คิดดูอีกที ถ้าเป็นคนอ่อนโยนอย่างรามภณ อาจจะดูแลสาวน้อยบอบบางคนนี้ได้ดี...ดีกว่าเขา ที่มีแต่ความบ้าบอ มุทะลุ
ศาสตราก้มหน้า ค่อยๆ หลบเดินออกจากห้องสมุดไปเงียบๆ
% ###
สนามฟุตบอลชื้นแฉะไปด้วยเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มองจากข้างสนามเหมือนมีหมอกหนาๆ ปกคลุมอยู่เหนือพื้นหญ้า
ศาสตรานั่งกอดเข่าเงียบๆ อยู่ในที่นั่งสำรองข้างสนาม ในขณะที่คนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว เนื่องจากฝนที่ตกโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ทำให้ต้องงดซ้อมภาคสนามไป
แต่สำหรับศาสตรา เวลานี้เขาอยากจะกระโจนออกไปในสายฝน อยากล้มตัวลงกลิ้งเกลือกไปบนพื้นโคลนอันเฉอะแฉะ
...อยากร้องไห้
ทว่าเวลานี้เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ความรู้สึกมากมายที่อยากระบายออกมา กลับต้องเก็บเอาไว้ก่อน
สิโรตม์แอบมองเขาจากบริเวณประตูเข้าสู่สนาม...แปลกใจ ทั้งที่คิดว่าเรื่องของภวาภพน่าจะทำให้เขาร้อนรนจนก่อเหตุอะไรบ้าง แต่เขากลับนั่งเงียบ เซื่องซึม จนดูไม่เหมือนศาสตรา
"เฮ้ ศาสตรา ยังไม่กลับอีกเหรอ" เสียงคณินทร ประธานชมรมฟุตบอลร้องทักแข่งกับเสียงฝน
ศาสตราสะดุ้ง หันไปมองตามเสียง เห็นเขายืนหลบฝนอยู่ในอุโมงค์ทางลงไปยังห้องพักนักกีฬาใต้อัฒจันทร์ จึงปั้นหน้าทะเล้นให้เป็นปกติ แล้วตอบกลับไป
"ยัง...นานๆ จะเจอฝนตกหนักๆ แบบนี้ซักที ขอนั่งทำมิวสิคก่อน"
"เออ เชิญตามสบาย แต่ระวังอย่าให้ไม่สบายไปนะโว้ย เดี๋ยวจะอดเป็นกัปตัน"
เสียงตะโกนของคณินทรทำให้ศาสตราขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น มันยังทำให้สิโรตม์ที่อยู่ห่างออกไปเบิกตาโพลงจนลุกวาว เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ตำแหน่งกัปตันทีมที่เขาใฝ่ฝัน หลุดลอยไปหาไอ้ขี้โอ่นั่นเสียแล้วหรือ
...ไม่สิ ยังไม่แน่หรอก เมื่อครู่ประธานก็บอกแล้ว หากศาสตราเกิดไม่สบาย หรือแม้แต่เล่นฟุตบอลไม่ได้ เขาก็จะมีโอกาส!
% ###
ฝนดูท่าจะไม่ยอมหยุดตกเอาง่ายๆ
สายฝนในเวลาหัวค่ำเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศในบริเวณด้านหลังอาคารกิจกรรมยิ่งวังเวง รับกับเรื่องภูตผีวิญญาณที่ขู่ขวัญรามภณจนฝ่ออยู่ในขณะนี้
...ผีที่อาคารกิจกรรมเฮี้ยนจะโว้ย...นึกถึงคำพูดของศาสตราเมื่อวันก่อนแล้วขนลุกจนเย็นวาบไปทั้งตัว
ท่าจะบ้า อยู่มาตั้งนานเพิ่งเคยได้ยินเรื่องพรรค์นี้ ผีวิญญาณอะไร มีที่ไหน ริบบิ้นนี่ก็ของจริง จะมีวิญญาณที่ไหนทำริบบิ้นจริงๆ ตกลงมาแบบนี้...เขาคิดพลางล้วงมือหยิบเอาริบบิ้นสีขาวครีมที่พับใส่กระเป๋าเสื้ออย่างเรียบร้อย ออกมาพินิจพิเคราะห์
ทำไมนะ ทุกครั้งที่เขาตั้งใจจะมองหาเธอ เธอกลับต้องหายไปเสียทุกครั้ง หายไป...ราวกับไม่มีตัวตน
เม็ดฝนยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย ฟ้าแลบยังมีให้เห็นอยู่เป็นระยะ
รามภณยืนถือร่ม กันตัวเองจากสายฝน พลางแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
สายฟ้าเป็นเส้นสว่างวาบอยู่เหนือดาดฟ้าของอาคาร ส่องให้เห็นเงาคนบนอาคารเพียงแวบเดียวแล้วก็กลับกลายเป็นมืดมิด
...เธออยู่ที่นั่น
เงาของหญิงสาวที่วนเวียนอยู่ในความคิดคำนึงของเขายังคงปรากฏอยู่ในที่เดิม ทว่าเส้นผมยาวสยายเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน
รามภณรีบหมุนตัวสลับฝีเท้าอย่างรวดเร็ว ร่มที่ถือยู่กลัวโยนทิ้งไว้ที่ทางเดินใต้อาคารนั้น เขาพยายามจะวิ่งไปให้ถึงที่ซึ่งเธอยืนอยู่โดยเร็วที่สุด... ก่อนที่เธอจะหายไปอีก
สายฟ้าพุ่งปลาบลงมาเป็นเส้นหงิกงอพาดลงสู่พื้นดินไกลออกไป ตามมาด้วยเสียงคร่ำครวญของท้องฟ้าดังครืนครั่น ก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหวราวกับลูกโป่งแตกที่ข้างหู
รามภณผลักประตูเหล็กให้เปิดผางออก แล้วพรวดพราดออกไปริมกำแพงบริเวณที่เห็นเธอยืนอยู่เมื่อครู่ เขาพุ่งออกไปโดยแรงจนตัวเองคงจะพลัดตกจากด้าฟ้า หากไม่มีผนังสูงระดับอกกั้นไว้
...นี่มันอะไรกัน...เธอ...เธอหายไปอีกล้ว
เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นปูนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน หันหลังพิงผนัง เงยหน้าหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน
สายฝนกระหน่ำชโลมใบหน้าเขาราวกับจะเยาะให้กับการคว้าน้ำเหลวอีกครั้งของเขา
"เธอเป็นคนหรือผีกันแน่!" เขาร้องถามเอากับสายฝน แล้วจึงลูบหยาดน้ำออกจากใบหน้า จากนั้นจึงซบหน้าลงกับหัวเข่า
เสียงฝนกระทบพื้นดังไม่ขาดสาย แต่เม็ดฝนดูเหมือนจะไม่ได้ตกต้องตัวเขาแล้ว
"มานั่งตากฝนทำอะไรแถวนี้น่ะ" เสียงห้าวที่คุ้นหูดังมาจากใครคนหนึ่งซึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
รามภณมองไล่จากปลายรองเท้าหนังขึ้นไปตามลำตัวของคนที่ยืนอยู่ แล้วจึงได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่กำลังมองจ้องลงมา ภายใต้ร่มซึ่งกางยื่นมาทางเขาเล็กน้อยเพื่อบังฝนให้
"ไม่มีอะไร" เขาก้มหน้าตอบเสียงเบา
นภสินธุ์ย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าตัวเอง ยื่นมือปาดน้ำออกจากปลายจมูกของดีเจหนุ่ม
"คนบ้าที่ไหนจะมานั่งตากฝนเล่นโดยไม่มีอะไร ขนาดนกยังต้องหาที่หลบฝนเลย"
รามภณไม่ตอบ แต่เบือนหลบตายตาซุกซนที่จ้องมองมาอย่างรู้ทัน
"เฮ้ นายไปเอาริบบิ้นเส้นนี้มาจากไหนน่ะ" หนุ่มหน้าสวยถาม เมื่อเหลือบไปเห็นริบบิ้นสีขาวครีมในมือของเขา
"เอ่อ...เก็บได้ ข้างล่างนี่แหละ นายรู้จักเจ้าของเหรอ"
นภสินธุ์เลิกคิ้วเล็กน้อย มองหน้าใสซื่อชุ่มน้ำฝนแล้วยิ้ม รอยยิ้มของเขาสวยหวาน หากแต่เหมาะจะเป็นรอยยิ้มของหญิงสาวมากกว่า
"รู้จักสิ ไม่อยากนั้นจะถามเหรอ"
ได้ยินเท่านั้น รามภณถึงกับลุกพรวดขึ้นทันที ศีรษะจึงชนเข้ากับปลายร่มที่นภสินธุ์ถึงอยู่พอดี จนร่มเกือบกระเด็นหลุดมือคนถือไป
"โอ๊ะ ขอโทษ ขอโทษ" รามภณก้มหน้าสำนึกผิด ตัวของเขาออกมายืนตากฝนอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมคราม แทบจับจังหวะไม่ได้
นภสินธุ์หัวเราะร่วน พลางยืดตัวยืนขึ้น
"ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วยล่ะ"
รามภณยิ้มเก้อ เขาทำตัวเปิ่นให้ชายหนุ่มหน้าสวยคนนี้เห็นอีกแล้ว
"เอ่อ...เปล่า เพียงแต่อยากจะคืนริบบิ้นให้เจ้าของน่ะ งั้น...ฝากนายคืนเลยก็แล้วกัน" พูดออกไปแล้วก็อยากจะชกปากตัวเองเสียหมัดหนึ่ง โอกาสมาแล้วแท้ๆ กลับโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตา
"อะไรกัน ไม่อยากจะเจอเธอหรอกเหรอ" นภสินธุ์ถามอย่างรู้ทัน แต่เมื่อเห็นรามภณเอาแต่ยิ้มไม่ตอบ เขาจึงแกล้งพูดแหย่ "นายนี่น่ารักดีแฮะ ชักชอบแล้วสิ"
...บรื๋อ!
"ฮะๆ ล้อเล่นน่า" หนุ่มหน้าสวยพูดกลั้วหัวเราะ "เอาเป็นว่า ถ้าอยากคืนริบบิ้นให้กับตัวจริงๆ ล่ะก็ พรุ่งนี้ลองแวะไปที่ชมรมดนตรีสากลตอนดึกๆ สิ"
ว่าแล้วเขาก็หันหลังเดินลงจากดาดฟ้าไป ทิ้งให้รามภณยืนยิ้มเป็นบ้าอยู่ท่ามกลายสายฝนที่ยังคงสาดใส่ร่างอย่างไม่ปราณี
...นี่ถ้าเขาไม่บังเอิญเห็นรามภณวิ่งพราวดพราดขึ้นมาบนดาดฟ้า แล้วตามขึ้นมา ป่านนี้หมอนั่นคงคิดว่าตัวเองเห็นผีอยู่เป็นแน่
% ###
การทดสอบร่างกายของนักฟุตบอล กับร่างกายของดีเจที่ไม่ค่อยได้ออกกำลัง ด้วยการตากฝนนั้น ให้ผลที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เช้าวันต่อมา รามภณต้องนอนซมเพราะพิษไข้ ในขณะที่ศาสตราไม่มีแม้แต่อาการจาม
ด้วยเหตุนี้ วสวัตติ์จึงต้องทำหน้าที่สารถีแทน โดยมีศาสตรานั่งท้าวคางนิ่ง ไม่พูดไม่จาอยู่ในที่นั่งข้างคนขับ ส่วนภวาภพกับธาวินโดยสารอยู่เบาะหลัง
"ศาสตรา เอ็งเป็นใบ้ชนิดเฉียบพลันเหรอวะ" ในที่สุด วสวัตติ์ก็อดไม่ได้ต้องถามออกมา
"ใบ้บ้านเอ็งสิ มีชนิดเฉียบพลัน" ศาสตราตอบเสียงหงุดหงิด
"ก็เห็นเอ็งไม่พูดอะไรเลยนี่หว่า แล้วตกลงเป็นอะไรของเอ็ง"
"เบื่อ..." เขาตอบสั้นๆ
"เบื่อหรืออกหัก" อยู่ๆ ภวาภพที่เป็นใบ้ชนิดเรื้อรังกลับส่งเสียง ทำเอาศาสตราต้องขมวดคิ้ว เหล่ไปทางคนถามอย่างสงสัย
"เฮ้ย! ศาสตราเนื่ยนะ อกหัก" ธาวินหันขวับมาถามคนเปิดประเด็นทันที วสวัตติ์เองก็รอฟังคำตอบอยู่ด้วยความอยากรู้เช่นกัน
"ถามมันเองสิ"
คำตอบของภวาภพทำให้ธาวินเปลี่ยนเป้ามาสะกิดเอาคำตอบจากเจ้าตัว
"ใครพูดก็ไปถามคนนั้นสิวะ" ศาสตราบอกอย่างหงุดหงิด ทั้งยังทำท่าทางราวกับรำคาญ คนสงสัยจึงไม่อยากเซ้าซี้มาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัยกันเงียบๆ
ทว่า ประเด็นมันไม่ยอมยุติลงเพียงความเงียบ...
เมื่อพวกเขาไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว และกำลังจะก้าวขึ้นอาคารเรียนนั้นเอง ภวาภพที่เดินรั้งท้ายอยู่ก็เหลือบไปเห็นนฤตยากับภารดี ซึ่งกำลังจะเดินผ่านด้านหลังพวกเขาไป
ถ้าเป็นภวาภพในเวลาปกติ เขาจะทำเฉย และปล่อยให้พวกเธอเดินผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าวันนี้...ไม่ปกติ
"ยา...ภา..." เขาร้องเรียกสองสาวไว้ ทำให้เพื่อนๆ หันมาให้ความสนใจกับพวกเธอ
"จะไปเรียนที่ตึกโน้นเหรอ" ศาสตราถาม พยายามปั้นหน้ายิ้มให้เป็นปกติ
"จ๊ะ" ภารดีตอบ จากนั้นจึงนึกแปลกใจ ที่ใครบางคนในกลุ่มของพวกเขาหายไป "ภณไม่มาด้วยเหรอ"
"มันไม่สบาย นอนซมอยู่ที่บ้านแน่ะ" ศาสตราชิงตอบโดยเร็ว
นฤตยามีท่าทีตกใจและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ภวาภพจึงต้องบอกให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากรามภณไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่ศาสตราว่า เพียงแค่กินยาแล้วนอนพักเสียหน่อยก็หายแล้ว เธอจึงคลายใจลงได้บ้าง
เมื่อแยกจากสองสาวมาแล้ว ศาสตรายังคงเหลียวกลับไปมองสาวน้อยที่แสนบอบบาง ด้วยสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกบางอย่าง
...เขารู้ว่าเธอยังคงไม่สบายใจ รู้ว่าเธอเป็นห่วงเพื่อนของเขา ห่วง...จนไม่ได้สังเกตรอยแผลใต้ตาของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดกว่ารอยช้ำที่มุมปากของรามภณเสียอีก
...เอาเถอะ ถึงในสายตาเธอจะไม่มีเขา แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้เธอเป็นทุกข์ อยากให้ใบหน้าของเธอมีแต่รอยยิ้ม
ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจ...
เขาแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนหลังหมดชั่วโมงเรียนในตอนเที่ยง เพื่อแอบมาโทรศัพท์ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาออกปากขอยืมกุญแจรถจากวสวัตติ์
"จะไปไหนวะ" เสียงถามจากชายหนุ่มผมยาว ขณะยื่นพวงกุญแจให้
"มีธุระนิดหน่อย" ศาสตราตอบ พลางรับพวงกุญแจมา "แต่ไม่ต้องห่วง ข้ากลับมาทันรับพวกเอ็งแน่" เขายืนยันก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ภวาภพสังเกตเห็นท่าทีของเพื่อนเลือดร้อนคนนี้แล้วก็พอจะเดาได้ เขาพอดูออกว่าเพื่อนของเขาจะทำอะไร และก็รู้ว่าคนอย่างศาสตรา เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็แทบไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเขาได้เลย
% ###
ผลจากการตากฝนแล้วรีบขับรถกลับบ้านพร้อมเพื่อนๆ ทั้งที่ตัวเปียกมะลอกมะแลก ทำให้รามภณมีอาการไข้ จนต้องหยุดอยู่กับบ้าน
...จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะ ที่กระวีกระวาดขึ้นไปตากฝนบนดาดฟ้า ซึ่งทำให้เขาได้รู้ว่า 'เธอ' มีตัวตนอยู่จริง แต่กลับต้องมานอนแหมะไม่สบายอยู่อย่างนี้ ทั้งนี้วันนี้เขากำลังจะได้พบเธอแล้วแท้ๆ
รามภณถอนหายใจ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเสียงออดบ่งบอกว่ามีคนมาเยือนที่หน้าบ้าน
เขาลุกจากเตียง เดินออกจากห้องนอนของตนเอง ลงบันไดมาเปิดประตูบ้าน แล้วมองออกไปยังประตูรั้วไม้เตี้ยๆ
นฤตยากำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่เพียงลำพัง ในมือของเธอถือถุงพลาสติกใบใหญ่ เขาจึงรีบออกไปเปิดประตูให้เธอ
"ยา มาได้ยังไงน่ะ" เขาถามพร้อมกับรับถุงใบใหญ่นั้นมาจากมือเธอ
"เห็นพวกเพื่อนของเธอบอกว่าเธอไม่สบาย ฉันก็เลยจะมาช่วยดูแลน่ะ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง" เธอเอื้อมเอาหลังมือแตะหน้าผากเขาด้วยความเป็นห่วง หรือบางที เธออาจจะอยากทำแบบนี้...อยากสัมผัสตัวเขาอยู่แล้ว
"ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่" เธอว่า "งั้นเดี๋ยวฉันจะทำอะไรให้กินนะ พอดีก่อนมาแวะซื้อกับข้าวมาเพียบเลย" เธอยิ้ม แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
% ###
"เฮ้ย ศาสตรา ผิดทางแล้ว" วสวัตติ์ร้องบอกสารถีที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าศาสตราขับรถออกนอกเส้นทางกลับบ้าน โดยที่ฝนยังตกหนักมาตลอดตั้งแต่ช่วงเย็น
"ไม่ผิดหรอกน่า พวกเอ็งใจเย็นๆ ไว้เถอะ"
"จะไปไหนของเอ็งวะ ไม่รีบกลับไปดูไอ้ภณมัน" ธาวินเตือน
"ไม่ต้องห่วงมันหรอก ข้าโทรไปหามันแล้ว มันบอกว่าหายแล้ว"
"งั้นเหรอ แล้วตกลงเอ็งกำลังจะไปไหนเนี่ย"
"บันนี่"
"หือ..." ธาวินเบิกตาโต หันไปมองภวาภพที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเพื่อนไม่ทักท้วงอะไรจึงยิ่งสงสัยหนัก "เอ็งยอมไปด้วยเหรอวะ ไอ้ภพ"
"อืม" ภวาภพตอบรับในลำคอสั้นๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ด้วยรู้ดีตั้งแต่ตอนที่ศาสตรายึดกุญแจรถไว้ ไม่ยอมให้วสวัตติ์ขับกลับ เพื่อนของเขามีแผนที่จะให้สองคนนั้นอยู่กันตามลำพังแต่แรกแล้ว
% ###
ฝนยังพรำอยู่ไม่ขาดสาย นฤตยานั่งมองสายฝนซึ่งไหลเป็นทางที่นอกหน้าต่าง แววตาเริ่มมีความกังวล
จะว่าไปมันก็ดีอยู่หรอก ที่เธอจะได้อยู่กับรามภณแบบนี้ต่อไปอีกนานๆ แต่เมื่อนึกถึงว่าคนทางบ้านจะเป็นห่วง เธอก็อดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะโทรศัพท์บอกกับทางบ้านว่ามากับภารดีแล้วก็ตาม
"แปลกแฮะ ปกติเวลานี้พวกนั้นต้องมาถึงนานแล้วนะ" รามภณเปรยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดของเธอ "เดี๋ยวลองโทรตามดูแล้วกัน" เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดหาชื่อวสวัตติ์ หากแต่ยังไม่ทันหาชื่อของเพื่อนพบ เสียงรถที่คุ้นหูก็ดังมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน
"นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ" เขาหันไปขยิบตาให้กับหญิงสาว ทำให้เธอยิ้มแก้มแทบปริ จากนั้นจึงออกไปยืนกอดอกดักรอเพื่อนๆ ที่หน้าประตู "ไปไหนมาวะ ปล่อยให้รออยู่ตั้งนาน"
"ศาสตราน่ะสิ อยู่ดีๆ มันก็ขับพาพวกข้าไปบันนี่เฉยเลย ถ้าไอ้วัตติ์ไม่แย่งกุญแจรถจากมันมา ป่านนี้มันคงยังไม่ยอมกลับ" ธาวินโยนบาปให้ชายหนุ่มที่กำลังพยายามปั้นหน้าให้ร่าเริงเป็นปกติที่สุด
"อะไรวะ ทีตอนไปก็ไม่เห็นร้องอยากจะกลับเลยนี่หว่า" เขาตอบโต้ไปบ้าง
"ดีมาก พวกเอ็งไปเที่ยวกัน ปล่อยให้ข้านอนป่วยอยู่กับบ้านคนเดียว" รามภณตัดพ้อออกมาบ้าง
"พูดมากขนาดนี้ ท่าทางคงหายดีแล้วสิ" วสวัตติ์ว่า "อ้าว นั่นยานี่หว่า"
นฤตยาเยี่ยมหน้าออกมาจากด้านหลังของรามภณ เธอยิ้มเขินเล็กน้อยก่อนจะโบกมือทักทายหนุ่มๆ ที่เพิ่งกลับเข้าบ้าน
"ไอ้ภณ เอ็งยังไม่พายากลับบ้านอีกเหรอวะ!" ศาสตราตะคอกใส่เพื่อน
"เฮ้ย ใจเย็นๆ เป็นอะไรวะเนี่ย" รามภณบอก ยังงงกับน้ำเสียงของศาสตรา "เอ็งก็เห็นนี่ว่าฝนมันตก แล้วจะให้ข้าขับมอเตอร์ไซค์พวกเอ็งพายากลับบ้านเนี่ยนะ"
"เอ่อ โทษที" ศาสตราทำเสียงอ่อย จากนั้นจึงฉวยกุญแจรถจากวสวัตติ์ยื่นส่งให้รามภณ
"เดี๋ยว" ภวาภพที่ยืนมองการกระทำของเพื่อนๆ อยู่นานเอ่ยขัดขึ้น "ข้าว่าเอ็งไปดีกว่า ไอ้ภณมันเพิ่งหายไข้"
"ไม่ได้ ข้า..." ศาสตราพยายามหาเหตุผลบ่ายเบี่ยง แต่จนใจที่หาไม่ได้ จึงต้องเงียบเสียงไป
"ความจริง...ยากลับเองก็ได้นะ" นฤตยาค่อยๆ เปล่งเสียงออกจากในคำ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำให้ใครบางคนต้องลำบาก
"ไม่ได้ ไม่ได้ เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวดึกๆ ได้ยังไง" ศาสตราว่า คิ้วขมวดมุ่น
"นั่นสิ...งั้นเอ็งก็รีบๆ ไปสิวะ ยางอนแล้วนะโว้ย" วสวัตติ์บอกทิ้งท้ายก่อนที่ศาสตราจะจำใจเดินนำหน้าหญิงสาวไปที่รถ ซึ่งจอดเรียบร้อยอยู่ใต้เพิงจอดรถ
เมื่อศาสตราและนฤตยาไปแล้ว พวกเขาก็พากันเข้าไปในบ้าน ธาวินทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แล้วหันไปทางรามภณที่กำลังเดินมานั่งข้างๆ
"ดีนะที่ยามาเยี่ยมเอ็ง ไม่งั้น ข้าว่าเอ็งคงอดตายแน่ๆ"
รามภณยิ้ม ไม่ตอบ พลางนั่งเหยียดขาไปตามโซฟายาว วสวัตติ์ที่เดินถือแก้วน้ำออกมาจากครัวจึงช่วยตอบให้
"ไม่อดตายหรอก อย่างน้อยมันก็มีบะหมี่อีกเป็นลัง"
"ใจคอเอ็งจะให้คนไม่สบายกินแต่บะหมี่เหรอวะ" ธาวินว่า
"แต่ก็ไม่อดตายนะโว้ย"
"เออ...ว่าแต่ ยามาได้ยังไงวะ ยาไม่เคยมาที่นี่นี่หว่า" ธาวินตั้งข้อสงสัย
"ไอ้คนไปสั่งนั่นแหละ ตัวการ" ภวาภพตอบเสียงเรียบ แต่ความจริงเขารอจังหวะที่จะพูดประโยคนี้อยู่แล้ว เขาอยากให้เพื่อนๆ ของเขารู้ว่าศาสตรารู้สึกอย่างไรกับนฤตยา แต่ในเมื่อเขายังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว จึงมีแต่ต้องพูดอ้อมๆ ไปก่อน
"เอ็งรู้ได้ยังไง" ธาวินถามอีก
"แล้วเอ็งคิดว่าเมื่อตอนเที่ยง ศาสตรามันเอารถหายหัวไปไหนล่ะ"
"อืม มีเหตุผลแฮะ"
% ###
ศาสตรานอนหนุนแขนตัวเองภายในห้องส่วนตัว แหงนหน้าเบิกตามองเพดานอย่างใช้ความคิด...ยังสับสน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นถูกหรือผิด เหมาะสมหรือไม่...
เมื่อตอนที่เขาไปส่งนฤตยาเมื่อครู่ ก็พอดูออกว่าเธอเป็นกังวล และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะถูกคนทางบ้านตำหนิที่กลับดึกขนาดนั้นหรือเปล่า
จะว่าไปสาเหตุก็มาจากเขา เพราะเขาเจ้ากี้เจ้าการพาเธอมาเอง ทั้งนี้เพราะหวังจะให้เธอกับเพื่อนของเขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกันบ้าง เขานี่เองที่เป็นคนพาเพื่อนไปเที่ยวจนดึก เพื่อว่าจะได้ให้รามภณเป็นคนไปส่งเธอ ทว่าเขาคิดผิด...ผิดไปถนัด คนที่ไปส่งเธอ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นเขา
เสียงลูกบิดประตูบิดหมุน ตามมาด้วยเสียงบานประตูค่อยๆ แง้มออก จากนั้นจึงมีเสียงเคาะประตูสองครั้ง
ศาสตราไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใครมาเยือนเขาถึงในห้อง คนที่ทำพิเรนทร์แบบนี้มีเพียงคนเดียว...
"เปิดประตูเข้ามาแล้ว จะเคาะทำไมอีกวะ ไอ้ภพ"
ภวาภพไม่ตอบ เขาก้าวเข้ามาในห้อง แล้วดันประตูปิด
"มีอะไรวะ" ศาสตราถามเสียงแข็ง แต่ยังไม่ยอมหันไปมองผู้มาเยือน
ภวาภพเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะเขียนหนังสือมานั่งใกล้เตียงเขา พิงพนักแหงนมองเพดานด้วยอีกคน ก่อนจะถามคำถามตรงๆ ทื่อๆ อย่างที่เขามักจะทำ
"เอ็งชอบยาใช่มั้ย"
ศาสตราดีดตัวขึ้นนั่งแทบจะทันที
"ถามอะไรของเอ็งวะ ไม่รู้เรื่อง" เขาเฉไฉ
"รู้สิ...เอ็งชอบยา แต่ก็คิดจะจับคู่ยากับไอ้ภณ"
ศาสตราก้มมองตัวเองแล้วถอนหายใจ
"ก็ยาชอบไอ้ภณนี่หว่า"
"แล้วเอ็งคิดว่าไอ้ภณชอบยาเหรอ"
คำถามของภวาภพทำให้เขาอึ้งไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าราภณจะรู้สึกกับนฤตยาอย่างไร รู้แต่ว่า เพื่อนของเขาคนนี้น่าจะทำให้เธอมีความสุขได้ จริงอยู่มันอาจจะเป็นอย่างนั้น ถ้ารามภณเองก็ชอบเธอ
ภวาภพทิ้งคำถามไว้ แล้วก็กลับออกไปเงียบๆ ปล่อยให้ศาสตราเก็บประเด็นนี้ไปคิดจนถึงเช้า...
% ===================
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น