ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจเอย... [จบ]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ ๒

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 54


    ผนังห้องเรียนทาสีขาวสะอาดตา ฝ้าเพดานก็เป้นสีขาว พื้นหินขัดก็ยังเป็นสีขาว แม้จะมีจุดแต้มของหินสีอื่นอยุ่ประปราย แต่ก็ทำให้ห้องดูกว้างขวางสว่างไสว โต๊ะเลคเชอร์หลายสิบตัววางระเกะระกะอยู่ทั่วห้อง แต่มีคนนั่งอยู่ในห้องเพียงหกคน

    ชายหนุ่มห้าคนในห้องนั้นนั่งนิ่งอึ้งตะลึงงันกับข่าวที่เพิ่งได้รับจากอาจารย์ผู้สอน ก่อนหมดชั่วโมงเรียนเมื่อครู่

    "ฉิบหายล่ะ อาทิตย์หน้าสอบ!" ศาสตราโพล่งออกมาในที่สุด "ทำไงดีวะ"

    วสวัตติ์ที่นั่งอยู่หน้าเขา หันกลับมา สีหน้าเจื่อนไม่แพ้กัน

    "จะทำไงได้ล่ะ ยังไงก็ต้องสอบ"

    ทว่าธาวินที่ด้านข้างกลับสะกิดศาสตรา แล้วบุ้ยหน้าไปทางสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในห้อง

    นฤตยา หญิงสาวร่างเล็กบาง ท่าทีเรียบร้อย นั่งอยู่ที่ริมประตู ผมยาวประบ่าของเธอถูกรวบไว้ครึ่งศีรษะ พร้อมกับผูกริบบิ้นสีชมพูเส้นเล็กๆ น่ารัก เผยให้เห็นหน้าตาสะอาดสะอ้าน สดใส ดวงตากลมโตดำขลับ มองดูเพื่อนร่วมห้องอย่างนึกขำ

    "ยาจ๋า" ศาสตราลากเสียงหวาน พร้อมกับยิ้มกว้าง เดินไปทรุดนั่งที่โต๊ะเลคเชอร์ตัวที่อยู่ด้านหน้าหญิงสาว กอดพนักพิง วางคางลงบนแขนตัวเอง แล้วจ้องหน้าเธอด้วยรอยยิ้มทะเล้น

    "มีอะไรเหรอ" หญิงสาวถาม

    "อยากมองหน้ายานานๆ" เขาตอบพร้อมกับยิ้มจนตาเรียวแทบปิดสนิท

    นฤตยาหันไปมองรามภณที่อยู่ด้านข้าง สายตาของเธอดูเป็นกังวลกับความรู้สึกของเขา ทว่ารามรณเพียงแต่หยักไหล่น้อยๆ

    "เฮ้ย...มัวแต่ทำเป็นเล่นอยู่นั่นแหละ" เสียงวสวัตติ์ที่เดินมาสมทบดังขึ้น พร้อมกับมือใหญ่ๆ กดลงบนศีรษะศาสตรา จนหน้าลงไปซุกอยู่กับแขน "ขอโทษนะยา แต่เรื่องสอบนี่สงสัยพวกเราต้องขอร้องยาแล้วล่ะ"

    "ขอร้องยาเหรอ" สาวน้อยร้องพลางชี้มือมาที่ตัวเอง

    ศาสตราโงหัวโผล่หน้าขึ้นมา พร้อมส่งเสียงหัวเราะแหะๆ "ใช่เลย มีแต่ยาคนเดียวที่จะช่วยพวกเราได้ เพราะวิชานี้มีเราลงกันแค่หกคนเท่านั้นเอง ที่เหลือก็ไม่ได้เรื่องทั้งนั้น"

    นฤตยาหันไปมองรามภณยิ้มๆ แล้วจึงหันกลับมา "บอกก่อนนะ ยาไม่ช่วยทุจริตเด็ดขาด"

    "ไม่มี้ ไม่มี...ไม่ทุจริตแน่นอนจ๊ะ แหม ยา เห็นพวกเราเกเรนักหรือไง" ศาสตราตัดพ้อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ก็แค่ช่วยติวให้หน่อนเท่านั้นแหละ"

    "อืม..." หญิงสาวทำท่าคิด กลอกตากลมโตน่ารักรอบหนึ่งก่อนตอบรับ "ก็ได้จ๊ะ" แล้วเธอก็หันไปยิ้มกับรามภณด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน พร้อมกับหัวใจที่พองโต

    "อะแฮ่ม!" เสียงกระแอมใสๆ ดังขึ้นที่หน้าห้อง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ก็พบภารดียืนอยู่พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่น "จะให้ยาช่วยติว แล้วมีอะไรตอบแทนละจ๊ะ"

    "มารับยาเหรอ" รามภณเงยหน้าถามพร้อมกับรอยยิ้ม

    "จ๊ะ" ภารดีตอบรับ "ว่าแต่ภณจะมีอะไรตอบแทนที่ยาช่วยติวล่ะ"

    "แหม...ภา" นฤตยาหันมาค้อนให้เพื่อนสาววงโต

    "อ๊ะๆ ไม่ได้นะ ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนสิ ไม่อย่างนั้นขาดทุนแย่" ภารดีว่า พลางหันไปทางรามภณ ราวกับต้องการสื่อกับเขาเท่านั้น ทว่าคนตอบกลับไม่ใช่คนที่คาดหมายไว้

    "มีอยู่แล้ว..." ศาสตราบอก "ทั้งตัวกับหัวใจฉัน เอาไปให้หมดเลย"

    "ยี้ น้ำเน่า" ภารดีหันมาทำหน้าแหย

    "ไม่ต้องหรอกจ๊ะ ภาเขาล้อเล่นน่ะ" นฤตยาบอก ด้วยเห็นว่าสถานการณ์ชักจะไปกันใหญ่

    "เอาละสิ มัวแต่เถียงกัน เอาอย่างนี้ดีกว่า" ธาวินเสนอ พลางหันไปมองศาสตรา "ไหนๆ เอ็งก็กะจะไปดูละครเวทีของชมรมการแสดงปีนี้อยู่แล้ว เอ็งก็เลี้ยงสองสาวนี่ด้วยสิวะ"

    "เออดี...อ้าว เฮ้ย!? แบบนี้พวกเอ็งก็ได้อานิสงส์กันไปฟรีๆ สิวะ"

    "เปล่า ไม่ใช่แค่เอ็ง" ธาวินว่า "ไอ้ภณกับไอ้วัตติ์ก็ต้องไปด้วย"

    "ไม่ดีมั้ง เอ็งก็รู้เรื่องข้ากับจิรัชย์นี่หว่า เดี๋ยวได้เป็นเรื่อง" รามภณแย้ง

    "ก็เพราะรู้น่ะสิ เอ็งถึงควรไป มัวแต่หลบหน้าก็ไม่เคลียร์ซีทีสิวะ" คำตอบของธาวิน ทำให้เขามีแต่ต้องยอมรับ

    "งั้นข้าก็ไม่เกี่ยวสิ แล้วเอ็งกับไอ้ภพล่ะ" วสวัตติ์ท้วง

    "เอ็งน่ะ เกี่ยวเต็มๆ จิรัชย์มันเป็นประธานชมรม เอ็งก็ประธานชมรม ยังไงมันก็ต้องเกรงใจเอ็งบ้างล่ะน่า" ธาวินให้เหตุผล "ส่วนไอ้ภพ เอ็งก็รู้ว่ามันไม่ยอมไปอยู่แล้ว วันๆ มันดูแค่ต้นไม้ต้นหญ้าก็อิ่ม ส่วนข้าก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนมัน ไม่งั้นมันจะฟุ้งซ่าน"

    "อ้างไปได้นะเอ็งน่ะ" ศาสตราว่า แล้วหันกลับไปอ้อนนฤตยาอีก "ยา...ดูมันสิ"

    "ก็บอกแล้วไง ไม่ต้องก็ได้" นฤตยาบอกด้วยความรู้สึกเกรงใจ

    "ไม่ได้นะยา" ภารดีขึ้นเสียงสูง "ไปดูกันแค่นี้ก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ละครเรื่องอะไรน่ะ" เธอหันไปถามหนุ่มๆ

    "เออว่ะ ยังไม่รู้เลย เรื่องอะไรวะ ไอ้ภณ" ศาสตราโยนคำถามต่อ

    "มัทนพาธา" รามภณตอบ "พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่หกไง..."

    % ###

    ชมรมการแสดง อยู่ชั้นล่างสุดของอาคารกิจกรรม

    ความจริงถ้าเป็นไปได้รามภณไม่อยากมาที่ชมรมนี้ เขาไม่อยากพบ 'โจทก์' และคนที่ทำให้เขาต้องตกเป็น 'จำเลย'

    "เอ็งไปจองบัตรด้วยนะ..." ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ควรมา แต่ธาวินก็ยังสั่งให้เขามา "...ถ้าเจอมายาวดีก็ขอส่วนลดด้วยแล้วกัน" เสียงหัวเราะของเพื่อนยังดังอยู่ในโสตประสาท

    รามภณมองเข้าไปในชมรม 'โจทก์' ของเขาไม่อยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาจึงเดินมาหยุดอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าชมรมการแสดง ซึ่งมีผืนผ้าสีฟ้าที่แขวนอยู่หน้าประตูเขียนประกาศรับจองบัตรชมละครด้วยอักษรสีเข้มตัวใหญ่ เห็นชัดแต่ไกล

    เขาเดินตรงเข้าไปทางหญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารปึกหนาบนเคาน์เตอร์

    "ขอโทษนะครับ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลเช่นเคย "ผมจะมาจองบัตรละครครับ"

    หญิงสาวเงยหน้าจากปึกเอกสาร พร้อมกับรอยยิ้ม แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร เสียงอ้อนของหญิงสาวอีกคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาทางด้านหลัง

    "ภณ!" มายาวดีปรี่เข้ามาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี "ภณมาทำอะไรจ๊ะ"

    "เอ่อ...มาจองบัตรละครน่ะ" เขาตอบ

    "อ๋อ จะเอากี่ใบล่ะ"

    "ห้าใบ"

    "โอโห จะพาเพื่อนๆ มาดูกันหลายคนเลยเหรอ"

    "ใช่"

    "งั้น เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวฉันจัดการให้" หญิงสาวว่า พลางฉุดแขนเขาให้ตามเข้ามาด้านใน

    ภายในห้องชมรมการแสดงดูค่อนข้างคับแคบไปถนัด เนื่องจากพื้นที่บางส่วนถูกแบ่งกั้นไว้สำหรับเป็นห้องซ้อม และห้องเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก ซึ่งแน่นอน ปิดประตูมิดชิด ไม่มีแม้แต่หน้าต่างให้ใครมองเข้าไปได้เลย โดยเฉพาะห้องซ้อมที่ถือเป็นเขตหวงห้ามของชมรมเลยทีเดียว

    มายาวดีดึงร่างสูงให้นั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะประชุมซึ่งตั้งอยู่กลางห้องชมรม ด้านหลังของเขาจึงมีที่ว่างพอให้เป็นทางเดินได้สะดวก ห่างออกไปอีกไม่กี่ก้าว คือประตูเขตหวงห้าม...

    "นั่งรออยู่นี่ก่อน ห้ามไปไหนนะ" เธอสั่งแล้วรีบออกไปจัดการเรื่องบัตรชมละครให้เขา ที่หลังเคาน์เตอร์อย่างกระตือรือร้น

    รามภณนั่งรออยู่ ไม่ได้ขยับไปไหนตามคำสั่งของเธอ และคงจะรออยู่เช่นนั้น ถ้าไม่มีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจให้ไขว้เขว

    กลิ่นหอมอ่อนๆ จางๆ ลอยมาสะกิดจมูกเขาเพียงแผ่วเบา กลิ่นหวานๆ คล้ายกลิ่นดอกไม้

    รามภณหันขวับไปทางด้านหลังทันที พลางลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ตรงไปยังประตูห้องซ้อม เขากำลังจะก้าวเข้าไปในเขตหวงห้ามของขมรมการแสดง ทว่ากลับมีมือใหญ่กระชากไหล่เขาอย่างแรง จนเขาเซถลาไปชนกับโต๊ะประชุมที่ด้านหลัง

    "จิรัชย์!" รามภณครางออกมาอย่างงุนงง

    "คนนอกห้ามเข้า เชิญด้านนอก!" แม้คำพูดของจิรัชย์จะสุภาพ แต่น้ำเสียงดวงตาที่มองผ่านเลนส์พลาสติกใสไร้กรอบนั้น ฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน

    "จิรัชย์!" มายาวดีรีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนรามภณแน่น "ทำอะไรน่ะ พูดกันดีๆ ไม่ได้เหรอ"

    "แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหนมิทราบ เธอนั่นแหละ ควรจะรู้กฎ ไม่จำเป็นห้ามพาคนนอกเข้ามา เข้าใจไว้ด้วย"

    "แล้วที่เธอให้คนนอกเข้ามาถึงในห้องซ้อมน่ะ ไม่ละเมิดกฎรึไง"

    จิรัชย์นิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกออกมา "นั่นพวกเขาเป็นนักแสดง ก็ต้องมาซ้อมที่ห้องซ้อมเป็นธรรมดา"

    "แต่เราไม่เคยรับคนนอกมาเป็นนักแสดง จะเป็นนักแสดงก็ต้องมาเช้าชมรมก่อน จะมีก็แต่ปีนี้นั่นแหละ แหม...ทีเขาบอกไม่อยากแสดงเพราะไม่อยากเข้าชมรม ก็หยวนให้เขาซะแล้ว" เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน

    จิรัชย์นิ่งมองไปรอบๆ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกของชมรมมุงดูกันอยู่เต็ม จนรู้สึกอึดอัด ทว่าเขากลับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

    "หึงรึไง"

    "เชอะ หึงบ้าบออะไร อย่าลืมสิ ฉันเป็คนบอกเลิกกับเธอเองนะ"

    จิรัชย์อึ้งไปทันที เขากวาดตามองผู้คนที่มุงอยู่โดยรอบ แล้วกระแทกเสียง

    "มองอะไรวะ! ไปทำงานสิ" จากนั้นจึงสะบัดหน้า หันไปเปิดประตูห้องซ้อม ก้าวยาวๆ เข้าไปพร้อมกับผลักประตูกระแทกปิดโดยแรง

    "ไปทำงานสิ" มายาวดีหันมาทำท่าทางล้อเลียนอีก "หนอยแหน่ะ ตาบ้า..."

    รามภณรอให้ไทยมุงสลายตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว จึงหันไปถามเธอ

    "มายาวดี ถามอะไรอย่างสิ"

    "ได้สิ อะไรเหรอ"

    "ทำไมถึงเลิกกับเขาล่ะ เขาออกจะเก่ง หน้าตาก็ดี..."

    "แต่อารมณ์ร้าย แล้วก็ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง" มายาวดีตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางเดินไปหยิบบัตรละครที่วางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์เมื่อตอนเกิดเรื่อง

    "เอ่อ...แล้วทำไมเมื่อกี้ เขาต้องโมโหขนาดนั้นด้วยล่ะ" รามภณพยายามถามโยงไปถึงหญิงสาวเจ้าของริบบิ้น และเจ้าของกลิ่นที่รบกวนใจเขาเมื่อครู่นี้

    มายาวดีหัวเราะคิก แล้วหันมาป้องปากกระซิบ

    "ไม่รู้เหรอ ข่าวที่ว่าจิรัชย์หวงแม่นางเอกใหม่น่ะ จริงซะยิ่งกว่าจริง เวลาแม่นั่นมาซ้อมนะ ตาบ้านี่คุมแจไม่ห่าง ขนาดคนในชมรมเองยังไม่อยากให้เข้าใกล้เลย"

    "ขนาดนั้นเลยเหรอ"

    มายาวดีพยักหน้า แล้วยื่นบัตรละครให้เขา "นี่จ๊ะ เลือกแถวหน้าๆ ให้เลยนะ"

    รามภณรับบัตรมาเงียบๆ แต่ในใจยังคงว้าวุ่นสับสน...กลิ่นเมื่อครู่นี้ ไม่ผิดแน่ เขาสัมผัสได้

    "ภณ" มายาวดีส่งเสียงเรียก เมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบไป "ภณ เป็นอะไรรึเปล่า"

    "เอ่อ ไม่มีอะไร" รามภณบอก พร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มแบบอายๆ ที่ดูมีเสน่ห์

    มายาวดีมองรอยยิ้มนั้นจนแทบเคลิ้มไป ในที่สุดเธอก็พูดออกมา

    "ฉันชอบที่ภณยิ้มแบบนี้ที่สุดเลย"

    ทว่าคำพูดนี้ทำให้รอยยิ้มที่เธอชอบที่สุดคลายลง เขาเงยหน้ามองเธอนิดหนึ่ง แล้วก้มมองมือที่ถือบัตรละครไว้แน่นอีก

    มายาวดีเห็นอย่างนั้นแล้วก็ถอนหายใจแรงๆ

    "เฮ้อ รู้อย่างนี้ไม่พูดดีกว่า...แล้วจองตั้งห้าไป จะไปดูกับใครเหรอ สาวๆ รึไง ฉันหึงนะ" เธอพูดเย้า

    "ก็ทั้งหนุ่มทั้งสาวนั่นแหละ"

    % ###

    เสียงกีตาร์โซโล่ดังออกมาจากลำโพงทั้งหน้าหลังเป็นเวลาเกือบนาที ราวกับจะอวดฝีมือคนเล่นกีตาร์ ก่อนที่จังหวะกลองจะดังคลอพร้อมกับเสียงร้องแหบสูงอย่างเพลงร็อค

    ดีเจหนุ่มเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ภายในห้องกระจายเสียง เขาพริ้มตาลงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ให้ซึมซับไปกับบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่

    'แม้ตัวฉันจะอยู่...แสนไกล
    แต่หัวใจฉันอยู่...ใกล้เธอ
    ไม่ว่าวันเวลาจะยาวนานอีกสักเท่าใด
    หัวใจฉันจะมีเพียงเธอ...'

    เพลงเพียงผูกพันธ์ เพลงในแทร็กสุดท้ายของซีดีใหม่ซึ่งได้รับมาจากชมรมการแสดง เป็นเพลงที่รามภณเลือกมาเปิดออนแอร์

    'แม้ว่าเธอจะอยู่...แสนไกล
    ขอเพียงใจเราอยู่...ใกล้กัน'

    นอกจากความไพเราะของเนื้อเพลงแล้ว เขายังรู้สึกว่าเพลงนี้ต่างจากเพลงอื่นๆ ที่ชมรมดนตรีสากลเคยทำมา ถึงดนตรีจะเป็นแนวอะคูสติกตามแบบฉบับของชมรมนั้น ทว่าทางดนตรีกับฉีกออกไป อีกทั้งเสียงคนร้องก็ไม่คุ้นหู

    'ไม่ว่าขอบฟ้าจะแยกเราห่างกันไกลเพียงใด
    หัวใจฉนจะยังมั่นคง...ตลอดไป'

    เสียงห้าว แต่ค่อนข้างสูง แบบเพลงร็อค...รามภณไม่เคยได้ยินว่าชมรมดนตรีสากลจะมีนักร้องเสียงแบบนี้

    บางทีอาจจะเป็นนักร้องใหม่ แต่เขาก็ไม่ได้ข่าวว่าชมรมดตรีสากลรับสมัครนักร้องใหม่ในช่วงนี้ เขาอาจจะต้องไปถามเสียหน่อย เผื่อจะได้ข่าวมาประกาศในครั้งต่อไป

    "ไม่มีนี่ ชมรมเรา ไม่ได้รับนักร้องใหม่หรือสมาชิกใหม่เลยนะ" เป็นคำตอบจากประชาสัมพันธ์หนุ่มของชมรมดนตรีสากล

    "แล้วคนที่ร้องเพลง เพียงผูกพันธ์ ล่ะ"

    "อ๋อ ไม่ใช่คนของชมรมเราหรอก เป็นนักแสดงใหม่ของชมรมการแสดงน่ะ พอดีเขากับเพื่อนผู้หญิงอีกคนชอบมาขอยืมเปียโนที่นี่เล่นบ่อยๆ เพื่อนเขาเล่นเปียโน ส่วนตัวเขาก็ร้อง เพลงเพียงผูกพันธ์นี่เขาก็แต่งกันเองนะ มีคนฟังแล้วก็ว่าเพราะดี ประธานเลยขอเอามาลงซีดีน่ะ"

    "ถึงว่าสิ ทางเพลงไม่เหมือนกันเพลงอื่น"

    "อืม ความจริง ตอนแรกที่ฟังพวกเขาเล่น มันออกเป็นคลาสสิกร็อคนะ แต่อย่างว่า มันแหวกแนวเกินไป พอเอามาใส่ในซีดีชุดนี้ ก็เลยต้องทำเป็นอะคูสติก เพื่อให้มันเข้ากันน่ะ"

    "งั้นเหรอ คลาสสิกร็อคงั้นเหรอ"

    "อยากฟังต้นฉบับมั้ยล่ะ"

    รามภณพยักหน้ารับ

    "เสียใจด้วยว่ะ ช่วงนี้เขาถูกชมรมการแสดงกักตัวไว้ซ้อมละครเวที ก็เลยแทบไม่ได้มาเลย"

    "น่าเสียดายแฮะ" ดีเจหนุ่มว่า พลางยิ้มแห้งๆ

    "นี่ จะบอกอะไรให้"

    รามภณยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อรอฟัง ประชาสัมพันธ์คนนั้นป้องปากกระซิบเสียงเบา

    "เพื่อนผู้หญิงที่มากับเขาน่ะ อย่างสวยเลย รู้สึกจะเป็นนางเอกละครเวทีปีนี้ ที่เขาว่าจิรัชย์มันตามคุมแจด้วย"

    คำพูดของเขาทำให้รามภณต้องตะลึงด้วยความแปลกใจ อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนั้น ผู้หญิงที่ศาสตราชะเง้อมองหาจนคอยาว กลับเป็นเพื่อนของคนที่ร้องเพลงนี้

    "แล้ว...มีรูปพวกเขามั้ย" รามภณถาม เสียงตื่นเต้นเล็กน้อย

    "นั่นแน่ อยากเห็นล่ะสิ แต่เสียใจอีกที ไม่มีว่ะ"

    "แล้วรู้ชื่อพวกเขารึเปล่า"

    "รู้แต่ชื่อนักร้อง เพื่อนเขาไม่รู้ชื่ออะไร ไม่เคยคุยด้วยเลย"

    "อ๋อ แล้วนักร้องชื่ออะไรล่ะ"

    "นภสินธุ์...หมอนั่นชื่อ นภสินธุ์"

    % ###

    ทางเดินด้านหลังอาคารกิจกรรมในเย็นวันนี้ยังคงเงียบเชียบเช่นเคย รามภณเดินเรื่อยออกมาทางด้านหลังอาคาร หลังจากคุยกับประชาสัมพันธ์ของชมรมดนตรีสากลแล้ว ในสมองของเขาก็มีแต่เรื่องที่คุยนั้นเต็มไปหมด

    ...นภสินธุ์ คนที่ร้องเพลงนั้น กับเพื่อนสาวของเขา นางเอกใหม่ของชมรมการแสดง...ชักอยากเห็นหน้าแฮะ สวยอย่างนั้นหรือ...จะสวยสักแค่ไหนกันนะ ขนาดที่จิรัชย์ตามคุมไม่ห่าง

    พลั่ก...

    "โอ๊ะ! ขอโทษ...ขอโทษครับ" รามภณก้มหน้าก้มตากล่าวขอโทษ โดยที่ยังไม่มองว่าตนเองชนเข้ากับใครหรืออะไร

    "ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มห้าวกลั้วหัวเราะดังขึ้น รามภณเงยหน้ามองตามเสียง

    สวย...นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาในสมองเมื่อได้เห็นคนตรงหน้า...สวยเหมือนผู้หญิง ไม่สิ อาจจะสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก

    "นายไม่ได้ชนเราหรอกนะ" คนหน้าสวยนั้นพูดต่อ ยังคงมีความรู้สึกขบขันเจืออยู่ในน้ำเสียงคุ้นหู "ที่นายชนน่ะ...เจ้านี่ต่างหาก" เขายกมือขึ้นตบลำต้นของต้นไม้ใหญ่ข้างตัว

    "เอ่อ...งั้นเหรอ" รามภณยิ้มเก้อในความเปิ่นของตัวเอง

    "ว่าแต่นายมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ เห็นแถวนี้เงียบๆ ไม่คิดว่าจะมีใครมาเดิน"

    "ความจริงก็ไม่ค่อยมีคนผ่านหรอก" รามภณตอบ "ส่วนมากเขาจะใช้ทางเดินด้านหน้ากันมากกว่า แต่ผมชอบทางนี้นะ"

    "ทำไมล่ะ" สายตาซุกซนของชายหนุ่มหน้าสวยจ้องมองเขาอย่างขี้เล่น

    คำถามนี้ทำให้รามภณอึ้งไป จะให้เขาบอกได้อย่างไรว่าเขาพยายามหลีกเลี่ยงที่ต้องพบกับจิรัชย์

    "เอ่อ...ก็...มันไม่พลุกพล่านดีน่ะ"

    "เหรอ..." หนุ่มหน้าสวยว่า "นายชื่อรามภณใช่มั้ย"

    คำถามของเขาทำให้คนฟังอึ้งไปอีกรอบ อึ้งเพราะความงง

    "ใช่ รู้ได้ยังไงน่ะ"

    "เสียงของนายไง ดีเจภณ" เขาตอบยิ้มๆ "เรารู้จักนายแล้ว นายไม่อยากรู้จักเราบ้างเหรอ"

    "ขอโทษที เอ่อ...นาย..."

    "นภสินธุ์"

    รามภณเบิกตาโต เสียงร้องที่เขาเคยฟังในซีดี จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาในโสตประสาท

    "คนที่ร้องเพลงเพียงผูกพันธ์!"

    "ใช่ นายรู้ด้วยเหรอ เอ๊ะ...ไม่น่าถามเลยแฮะ นายเป็นดีเจก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่นะ"

    คนเป็นดีเจยิ้มรับเจื่อนๆ ไม่อยากบอกเลยว่าเขาก็เพิ่งจะรู้มาเมื่อครู่นี้เอง...นภสินธุ์กับเพื่อนสาวคนสวยของเขา แม่นางเอกใหม่ที่กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของศาสตรา...

    "เห็นว่านายมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งด้วยใช่มั้ย"

    นภสินธุ์มองเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็กลับเป็นยิ้มรับ พลางแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ดาดฟ้า รามภณจึงมองตามสายตาเขาขึ้นไป

    ...และก็ได้เห็น...เธอ!

    เธอยืนอยู่ที่นั่น ยืนอยู่ในที่เดิม ที่ซึ่งเขาเห็นในครั้งแรก

    รามภณแทบจะออกวิ่งไปในทันที แต่เสียงของนภสินธุ์ก็ชลอฝีเท้าเขาเอาไว้

    "เฮ้ นายจะไปไหนน่ะ"

    "ก็ไป..." เขาหันกลับมาเพื่อจะตอบ แต่เมื่อแหงนมองกลับไปบนดาดฟ้าอีกครั้ง ทั้งคำตอบและฝีเท้าของเขาก็ต้องชะงักอยู่แค่นั้น

    ...เธอหายไปอีกแล้ว!

    สีหน้ารามภณซีดเผือดลงไปทันที เขาทำท่าเลิกลัก หันกลับมาถามหนุ่มหน้าสวย

    "เมื่อกี้ เห็นมั้ย"

    "เห็นอะไรเหรอ"

    "ผู้หญิงที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าน่ะ"

    "ไม่เห็นมีนี่" นภสินธุ์ตอบ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นในดวงตาคู่สวย "เป็นอะไรไป ท่าทางอย่างกับเห็นผี"

    ผีหรือ! พูดเป็นเล่น...สีหน้ารามภณซีดลงกว่าเดิม...จะใช่หรือ

    "เอ่อ...ฉันว่า...ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ" เขาว่า เหงื่อเริ่มซึมประปรายที่หน้าผาก "พอดีนัดเพื่อนไว้น่ะ"

    นภสินธุ์ยิ้ม พลางผายมือออก "ตามสบาย"

    % ###

    "หน้าซีดมาเลยนะเอ็ง เจอผีมารึไง" ศาสตราถามกวนประสาท เมื่อเห็นรามภณเดินหน้าถอดสีมาทางพวกเขา ซึ่งกำลังรออยู่ท่ามกลางความมืดของสวนริมทะเล

    "เปล่า ผีเผออะไร มีที่ไหน" รามภณพูดเฉไฉ ทั้งที่ตัวเองยังรู้สึกหวาดๆ อยู่

    "มีสิวะ ข้าเคยได้ยินนะ เขาว่าอาคารกิจกรรมมี...ผี" ศาสตราลากหางเสียงยาว พร้อมยกสองมือขึ้นมาห้อยอยู่แถวคอ

    "เฮ้ย อย่าไปแกล้งมัน" วสวัตติ์ปราม "ดูหน้ามันสิ สงสัยขวัญกระเจิงไปแล้วว่ะ" เขาว่าแล้วก็หัวเราะไปพร้อมกับศาสตรา

    รามภณเห็นเพื่อนๆ แกล้งหยอกเขานัก จึงพูดขึ้นบ้าง

    "ไอ้วัตติ์ เอ็งก็กลัวเหมือนกัน อย่าทำมากลบเกลื่อน"

    "แต่ตอนนี้ข้าไม่กลัวนี่หว่า" เพื่อนร่างใหญ่ตอบ จากนั้นเขากับศาสตราก็ชวนกันหัวเราะอีก

    "ท่าทางเอ็งจะไม่อยากรู้เรื่องนางเอกคนสวยนั่นล่ะสิ" รามภณงัดลูกไม้ที่สองออกมา

    ได้ผล ศาสตราตั้งท่าสนใจขึ้นมาทันที

    "โห ไอ้ภณ ทำงอนเป็นผู้หญิงไปได้ บอกข้าเหอะ เอ็งเจอเขาแล้วเหรอ ที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วเป็นยังไงมั่ง"

    "เปล่า ยังไม่เจอ" รามภณตอบยิ้มๆ

    "แล้วพูดทำไมวะ เสียเวลาตั้งใจฟัง" ศาสตราบ่น

    "ข้าไม่เจอตัว แต่เจอเพื่อนเขา คนที่ร้องเพลงเพียงผูกพันธ์ไง"

    "ข้าไม่สนใจเรื่องผู้ชาย ข้าอยากรู้แต่ว่าเอ็งรู้เรื่องนางเอกคนนั้นมาว่ายังไงบ้าง" ศาสตราขัดขึ้น

    รามภณทำท่านึกอยู่นาน...จริงสิ เขามัวแต่ผวาเรื่องหญิงสาวบนดาดฟ้า จนลืมเรื่องนี้ไปเลย

    "โทษที ยังไม่ทันได้ถามว่ะ" เขาตอบออกมาในที่สุด

    "ดีมาก เพื่อน" ศาสตราประชด แล้วจึงแกล้งพูดกระตุกขวัญต่อ "เขาว่ากันว่าผีที่อาคารกิจกรรมเฮี้ยนนะโว้ย"

    % ==================== 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×