ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ข่าวลือ
หลังจากบทนี้แล้วจะหายไปสักพักนะฮับ ^^
###
บทที่ ๑๓ ข่าวลือ
###
บทที่ ๑๓ ข่าวลือ
น้ำอุ่นใสกระเพื่อมเป็นระลอก ส่งไอกรุ่นลอยขึ้นเหนืออ่างทองเหลืองเนื้อเรียบ
คีตาวักน้ำจากอ่างทองเหลืองขึ้นลูบหน้า แล้วเงยมองตัวเองในกระจก หยาดน้ำเกาะปรอยไปทั่วใบหน้า คิ้ว ขนตา รวมทั้งเส้นผมสีดำขลับ หยาดน้ำบางส่วนยังกระเซ็นต้องผ้าพันแผลสีขาว...
ชายหนุ่มค่อยๆ แก้ผ้าพันแผลออก เลื่อนมือแตะที่รอยช้ำใต้ปากแผล ถึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่าใดนัก แต่ลักษณะของแผลก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะหายในเร็ววัน ยิ่งไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแม้แต่น้อย
รอบๆ บาดแผลยังบวมช้ำ เห็นเป็นสีม่วงคล้ำ รอยแผลเป็นรูลึก ปากแผลไม่มีรอยไหม้แล้ว หากแต่กลายเป็นสีดำ...ดำเช่นเดียวกับนัยน์ตาของเขา
คีตาถอนใจเล็กน้อย...เขาไม่กลัวความเจ็บปวด ไม่เกรงว่าบาดแผลนี้จะทำให้เขาถึงตาย แต่กังวลว่ามันจะทำให้เขากลายเป็นภาระของคนอื่นมากกว่า
แสงแดดอ่อนยามเช้าลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ภายในห้องสีทึมจึงแลดูสว่างขึ้นถนัดใจ
เสียงเคาะเบาๆ ดึงความสนใจของเขาไปที่ประตูห้อง
บานประตูค่อยๆ แง้มเปิดออก ใบหน้าสวยสดใสของเด็กสาวแรกรุ่นชะโงกมองเข้ามา นางกลอกตามองตั้งแต่เตียงไม้สีดำ ไล่ไปจนถึงร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้ากระจกเงา ซึ่งวางพิงผนังฝั่งตรงข้าม โดยมีอ่างทองเหลืองวางไว้บนโต๊ะเตี้ยทางด้านข้าง เมื่อเห็นเจ้าของห้องแล้วนางก็ตรงรี่ไปหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มร่าเริง
“คีตา... อุ๊ย!” มินนราหยุดกึกลงทันทีเมื่อเห็นบาดแผลน่ากลัวบนอกขวาของชายหนุ่ม
“เข้ามาแต่เช้า มีอะไรหรือ” คีตาถามขึ้นเรียบๆ
เด็กสาวไม่ได้ตอบ แต่กลับย้อนถามถึงบาดแผลของเขา “แผลเจ้า ยังไม่หายอีกหรือ”
“ถูกพิษ... คงไม่หายง่ายๆ” เขาบอก แล้วจึงหันไปหยิบผ้าขนหนูสีขาววางอยู่ข้างอ่างทองเหลืองขึ้นซับใบหน้า “จริงสิ เจ้าสบายใจขึ้นบ้างแล้วหรือยัง”
“ข้าสบายใจขึ้นมากแล้วล่ะ” นางตอบ จากนั้นจึงก้มหน้า บีบมือตัวเองเบาๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มเอ่ยออกมา “ข้าขอโทษ...ที่เมื่อคืนก่อนพูดไปแบบนั้น ข้า...”
“เจ้า...ทำไมหรือ”
เด็กสาวเงยหน้าขึน สบดวงตาสีดำสนิท “ข้าเพียงแค่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอุตตราศูรกับเมยาดิคจึงต้องต่อสู้กัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดทั้งสองเผ่าพันธุ์จึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่ตอนนี้...” นางก้มหน้าลงไปอีก “ข้าคิดว่า...เข้าใจแล้ว”
คีตายิ้มบางเป็นการปลอบโยน “เข้าใจก็ดีแล้ว”
“เจ้าจะทำแผลหรือ” นางหันเหหัวเรื่อง พลางเอามือไพล่หลัง สาวเท้าก้าวมายืนตรงหน้า
คีตาก้มมองแผลซึ่งเปลือยเปล่า ไม่มีผ้าพัน “ใช่ คงต้องรออัยยามาทำให้”
“ถ้าอย่างนั้นรอก่อนนะ” เด็กสาวว่า แล้วสะบัดหางเปีย วิ่งหายออกจากห้องไป
เวลาผ่านไปสักครู่ นางกลับมาอีกครั้งพร้อมกล่องไม้สีน้ำตาลเข้ม ซึ่งเคยเห็นอัยยาถือมาจากห้องโถงเสมอ ในยามที่ต้องมาทำแผลให้เขา
มินนราจัดแจงวางกล่องไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียง ดึงแขนชายหนุ่มมานั่งลงบนเตียง “ข้าจะทำให้เอง เจ้านั่งเฉยๆ นะ” นางว่า แล้วจัดแจงเปิดฝากล่องขึ้น ภายในนั้นบรรจุด้วยผ้าพันแผล ลูกประคบ สมุนไพรต่างๆ ที่อยู่ในรูปพร้อมใช้งาน เช่นบดเป็นผง ตากแห้ง เป็นขี้ผึ้ง หรือเป็นน้ำมันบรรจุในขวดแก้ว
เด็กสาวจัดแจงหยิบม้วนผ้าพันแผลสีขาวสะอาดขึ้นถือไว้ในมือ พร้อมกับยิ้มเผล่
“หา!” เขาอุทานด้วยความตกใจ รู้สึกเสียววาบที่แผลขึ้นมาทันที “แล้วเจ้า...ไม่กลัวหรือ”
มินนราปั้นหน้าเครียด สะบัดศีรษะแรงๆ จนหางเปียไหวตาม นัยน์ตาสีทองฉายแววตั้งใจอย่างเต็มที่ เขาจึงต้องจำใจยอมแต่โดยดี
เด็กสาวใช้มือซ้ายยึดปลายผ้าด้านหนึ่งไว้ แล้วคลี่ม้วนผ้าออก วางแปะลงบนบาดแผลของเขาอย่างระมัดระวัง พลางมือซ้ายก็ค่อยๆ พันผืนผ้าไล่ลงมา โอบใต้แขนของเขา แล้วพันกลับขึ้นมาอีกครั้ง นางทำอย่างที่เคยเห็นอัยยาทำ
ใบหน้าขาวนวลลอยอยู่ใกล้ใบหน้าเขา ดวงตาของนางมุ่งมั่นจนค่อนไปทางเครียด มือน้อยๆ สั่นนิดๆ
ชายหนุ่มมองนางตั้งแต่หน้าผากจรดหางเปีย ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจยาว คลายจากความกังวลเมื่อครู่...เริ่มวางใจ
ทว่าผ่านไปอีอึดใจ ไหล่ขวาพลันกระตุกหน่อยหนึ่ง
“อุ๊ย... ข้าขอโทษ เอาใหม่อีกรอบนะ”
“โอ๊ย!”
“กรี๊ด! ข้าขอโทษ... ขอโทษๆ”
“อ๊าก!”
“เสียงเอะอะอะไรหรือ” ได้ยินเสียงอัยยาดังขึ้นที่หน้าห้อง คีตาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที
เมื่อหญิงกลางคนก้าวเข้ามาในห้อง เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของชายหนุ่ม นางก็ยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ
“ตายจริง!” นางอุทาน แต่น้ำเสียงยังคงกลั้นหัวเราะสุดระงับ “พยาบาลตัวน้อย ท่าจะมือหนักเอาเรื่องทีเดียว”
“อย่ามัวแต่เย้ยข้าอยู่เลย” คีตาเอ่ยเสียงอ่อย “ช่วยข้าหน่อยเถอะ นางกำลังจะฆ่าข้าแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น มินนราก็ทำหน้าไม่ถูก นางวางผ้าพันแผลกลับลงไปในล่วมยา ทำท่าจะหันหลังเดินออกจากห้องไป ทว่ามือใหญ่รั้งแขนน้อยไว้เบาๆ
“ตอนนี้ดูนางทำไปก่อนเถิด อีกหน่อยก็เก่งเอง” คำพูดปลอบโยนของเขา เติมรอยยิ้มน่ารักขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว
อัยยาเรียกให้นางมายืนข้างๆ ให้นางดูและจดจำ พร้อมทั้งสอนนางไปด้วย
มินนราตั้งใจเรียนรู้จากอัยยาอย่างเต็มที่ นางเป็นเด็กฉลาด หัวไว เรียนรู้ได้เร็ว เพียงแต่ประสบการณ์ยังน้อยนัก
ระหว่างนั้น พลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก คราวนี้คนที่กะโผลกกะเผลกเข้ามาเป็นพิฆาน เขามีสีหน้าร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“คีตา พวกชาวบ้านมารอท่านอยู่...”
—
“ข้าว่าไม่ใช่เสือ มันไม่มีลาย และตัวเล็กเกินกว่าจะเป็นเสือ” หญิงร่างท้วมพูดขึ้น
“แต่ก็ตัวใหญ่เกินกว่าจะเป็นแมวธรรมดา” ชายชราอีกผู้หนึ่งกล่าวแย้ง
“มันต้องเป็น...เป็นพวกเมยาดิคแน่ๆ!” หญิงสาวที่ด้านข้างโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
คีตายืนฟังนิ่งอยู่ ชาวบ้านกลุ่มนี้มารวมตัวกันที่หน้าคฤหาสน์เพื่อขอพบเขา ร้องเรียนสิ่งที่พวกตนพบเห็นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา คราแรก คีตาให้เชิญพวกเขาเข้าไปพูดคุยในคฤหาสน์ หากแต่เพราะความกลัว พวกชาวบ้านจึงไม่กล้าแม้แต่จะย่างเท้าผ่านประตูใหญ่ด้านหน้า เขากับพิฆานจึงต้องออกมายืนรับฟังพวกชาวบ้านที่ด้านนอกแทน
ข่าวลือเรื่องแมวป่าในคฤหาสน์เสตาลัญฉน์แพร่กระจายไปทั่วกรุงอุษณบุรี โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง หลายคนพบเห็นแมวป่า บ้างเห็นตอนมันกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาในคฤหาสน์ บ้างเห็นมันกระโจนออกไป หากไม่มีใครเห็นมันขณะเปลี่ยนร่างคืนเป็นมนุษย์
“ข้ายังจำได้ติดตา ขนของมันเป็นสีทอง หางยาวเป็นพวง ตาของมันวาวราวกับดวงไฟในตะเกียง น่ากลัวยิ่งนัก แต่พอมันเห็นข้าเท่านั้น มันก็กระโดดแผล็ว หลบหนีไปอย่างว่องไว” หญิงกลางคนอีกผู้หนึ่งขยายความ นางเป็นผู้ที่บอกลักษณะของแมวป่าได้ชัดเจนที่สุด
คีตาย่นคิ้วด้วยความฉงน “ตอนที่พบมัน เจ้ามาเพียงคนเดียว หรือมีผู้อื่นอยู่ด้วย”
“ข้าออกมาซื้อยาให้ลูกข้าเพียงคนเดียว บริเวณนั้นก็ไม่มีใครอื่นอีก” หญิงกลางคนตอบ
“น่าแปลก...” คีตาพึมพำ “วิสัยอย่างพวกปิศาจเมยาดิค ไฉนจึงหลบหลีกเมื่อพบหญิงชาวบ้านอ่อนแอเพียงลำพัง”
“ข้าก็เห็นว่าแปลกอยู่” ชายชราคนเดิมเอ่ยขึ้น “มีคนเห็นมันมากมาย แต่ไม่มีใครเคยถูกทำร้าย และไม่มีใครเคยเห็นมันในที่อื่นเลย นอกจากบริเวณนอกกำแพงคฤหาสน์ท่านเท่านั้น”
ชายหนุ่มยิ่งฟังยิ่งประหลาดใจ แมวป่าตัวนี้ทำราวกับต้องการบอกใครต่อใครว่ามันมีตัวตนอยู่ ต้องการประกาศว่ามันอยู่ในคฤหาสน์เสตาลัญฉน์...
หลังจากแจ้งข้อมูลตามสมควรแล้ว พวกชาวบ้านก็พากันลากลับ คีตาหันกายเดินผ่านประตูเข้าสู่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ โดยมีพิฆานใช้ไม้ค้ำยัน เดินกะโผลกกะเผลกติดตามมา
“ข้าเองก็เคยเห็นมัน” เด็กหนุ่มกระซิบขึ้นเบาๆ คีตาจึงเหลียวหลังกลับ เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“แมวป่า...” พิฆานพูดขึ้นอีก “ข้าเห็นมันในสวนทางทิศเหนือเมื่อคืนก่อน”
คิ้วดำดกหนาของชายหนุ่มกระตุก “แสดงว่ามันอยู่ในคฤหาสน์นี่จริงๆ หรือ”
“ข้าเองก็ไม่ทราบ เห็นแต่มันวิ่งออกมาจากพุ่มไม้”
คีตาก้มหน้า ในใจประหวัดนึกถึงการประชุมที่ศูนย์บัญชาการ ก่อนจะเดินทางไปปราบปรามพวกเมยาดิคเผ่าแมงมุม...เขาเองก็เคยเห็นมันเช่นกัน
มินนรา... หัวใจของเขากระตุกวูบ เมื่อใบหน้าเด็กสาวลอยเข้ามาในห้วงความคิด ...เขาเพิ่งรับนางมาอยู่ที่คฤหาสน์ได้ไม่นานก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
...หรือจะเป็นนาง หรือนางมีส่วนเกี่ยวข้องใดกับเรื่องนี้!
###
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น