ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสาปเสตาลัญฉน์ ฉบับปี ๒๕๕๖ [จบ]

    ลำดับตอนที่ #1 : ซ่อนกล

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 56


    รัตติกาลไร้เมฆา ดวงจันทราลอยเด่นอยู่กลางผืนฟ้า
     
    ในราตรีแห่งแดนชนบทที่ควรสงบสงัด กลับบังเกิดเสียงแผดร้องลั่นระงม
     
    ภายใต้ท้องฟ้าสีเทาหม่น ผู้คนในหมู่บ้านต่างวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน สามีฉุดดึงภรรยา แม่โอบอุ้มลูก คนเฒ่าชราที่หาเรี่ยวแรงไม่ได้ก็ต้องหาที่หลบซ่อนริมกองไม้ระเกะระกะ อันอาจเคยเป็นบ้านเรือนของตนเมื่อไม่ถึงชั่วยามก่อนหน้านี้ เด็กเล็กที่พลัดหลงจากพ่อแม่ร้องไห้จ้าอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังซึ่งกำลังลุกไหม้ในกองเพลิง
     
    ท่ามกลางความวุ่นวายสับสน หมาป่าขนาดใหญ่สี่ตัวพลันกระโจนเข้ามาในกลุ่มคนที่กำลังระส่ำระสาย ชาวบ้านต่างพากันแตกตื่น ที่วิ่งหนีได้ก็วิ่งหนี ที่ไม่อาจหลบหนีก็ถูกพวกมันตะปบล้มลง ฝังเขี้ยวลงในลำคออย่างโหดร้าย
     
    จากนั้นชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำอีกสองคนจึงก้าวย่างเข้ามาสมทบกับพวกหมาป่า พวกเขายิ้มแยกเขี้ยวให้หมาป่าอย่างสมใจ ก่อนที่คนทั้งคู่ก็กลับกลายร่างเป็นหมาป่าขนาดใหญ่ ไล่ฆ่าทำร้ายผู้คน
     
    พวกมันล่าสังหาร แต่ไม่กลืนกิน...ไม่ใช่ฆ่าเพราะความหิวความกระหาย หากแต่ฆ่าเพราะความเคียดแค้นชิงชัง!
     
    ไม่เพียงหมาป่าร่างโต บนท้องฟ้ายังมีค้างคาวสามตัวบินวนไปมาราวกับกำลังมองหาเหยื่ออันโอชะบนพื้นดิน พวกมันก็ล้วนมีร่างกายใหญ่โตใกล้เคียงมนุษย์ ทั้งหมดล้วนมีดวงตาสีอำพันดุร้าย ล้วนมีเล็บแหลมที่ปลายแขนซึ่งมีพังผืดเชื่อมต่อกับขา จนกลายเป็นผืนปีกกว้างใหญ่
     
    และแล้วค้างคาวตัวหนึ่งก็พบเหยื่อที่หมายปอง มันพลันลู่ปีกโฉบสู่เบื้องล่าง พุ่งลงมาที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสีน้ำตาลผู้หนึ่ง ทว่าเป้าหมายของมันไม่ได้อยู่ที่หญิงสาว หากแต่อยู่ที่ทารกน้อยในอ้อมกอดของนางนั้น
     
    ค้างคาวตัวโตอาศัยแรงปะทะ ผลักหญิงสาวล้มลง แล้วฉวยเอาทารก บินสูงขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
     
    แต่นั่นกลับยังไม่เร็วพอจะหลบเลี่ยงแสงสีเงินปลาบที่วูบขึ้น แสงนั้นตวัดตัดผ่าลำตัวระหว่างปีกมหึมาคู่นั้น ทำให้ทารกน้อยหลุดจากอุ้งเท้าของมัน ร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง
     
    ทว่าก่อนที่ร่างทารกน้อยจะกระแทกพื้นแหลกเหลว ม้าสีน้ำตาลตัวโตพลันโผนทยานเข้ามา ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำบนหลังม้านั้นยื่นแขนซ้ายอันแข็งแกร่งออก รองรับร่างเด็กน้อยไว้ได้อย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงยื่นมือขวายกชูสูงขึ้น เพื่อรับแสงสีเงินที่ลอยลิ่วเข้ามาในมือ
     
    แสงสีเงินนั้น ที่แท้เป็นอาวุธชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายดาบสั้นสองเล่มที่ยึดอยู่กับด้ามจับอันเดียวกัน ใบมีดทั้งสองมีลักษณะหยักโค้ง มีร่องตรงกลางตามความยาวของมีด และมีการแกะสลักอย่างประณีตงดงาม ส่วนด้ามจับที่อยู่ตรงกลางนั้นเป็นสีดำ ประดับด้วยแผ่นโลหะกลมสีขาว สลักรูปราชสีห์บนดาวหกแฉก
     
    ครั้นรับอาวุธไว้ได้แล้ว ชายหนุ่มบนหลังม้าก็รั้งบังเหียนหยุดม้าไว้ เนื่องจากเบื้องหน้าพลันปรากฏหมาป่าร่างใหญ่กระโจนเข้ามาขวาง เขาจึงชักม้าหันกลับ ทว่าเมื่อหันกลับไปก็พลันพบว่าตนเองถูกหมาป่าหกตัวล้อมไว้อยู่
     
    หมาป่าเหล่านั้นยืนแยกเขี้ยว ส่งเสียงขู่คำรามในลำคอ สายตาเดือดดาลของพวกมันจ้องเขม็งมาที่เขา เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า ค้างคาวอีกสองตัวยังคงบินร่อนวนเวียนคอยหาโอกาสจู่โจม
     
    ชายหนุ่มบนหลังม้ามีสีหน้าเคร่งขรึม เขายกอาวุธในมือขวางอยู่เบื้องหน้า ดวงตาเรียวสีดำสนิทจ้องมองพวกมันอย่างเยือกเย็น...นัยน์ตาสีดำ หากมีประกายทรงอำนาจ ประดุจแสงที่ส่องผ่านหลุมลึกอันมืดมิด
     
    ริมฝีปากของเขาเม้มสนิทแสดงความน่าเชื่อถือ สันจมูกตรงทรงพลังอันน่าเกรงขาม ร่างสูงใหญ่แม้อยู่บนหลังม้ายังคงตั้งตรง มีเพียงเส้นผมยาวสีดำสนิท และชายผ้าคาดหน้าผากเท่านั้น ที่ปลิวไสวอยู่ในสายลมแห่งราตรี
     
    ผ้าคาดหน้าผากของเขาก็เป็นสีดำ ตรงกลางประดับแผ่นโลหะกลมสีขาว บนแผ่นโลหะนั้นสลักเป็นรูปราชสีห์บนดาวหกแฉก เช่นเดียวกับที่ปรากฏบนอาวุธในมือ
     
    สัญลักษณ์นี้ ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นก็ล้วนเคารพยำเกรง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงและความปลอดภัย
     
    …มันคือสัญลักษณ์แห่ง “กองกำลังเสตาลัญฉน์”
     
    ยามนั้น ชายหนุ่มได้ยินหมาป่าตัวหนึ่งส่งเสียงคำรามขึ้น จากนั้นหมาป่าทั้งหมดจึงถาโถมเข้าจู่โจม
     
    ชายหนุ่มตวัดอาวุธในมือวาดออกคราหนึ่ง รวดเร็วจนแทบมองไม่เห็น หมาป่าสองตัวที่กระโจนเข้ามาทางด้านหลังพลันล้มลง ไม่อาจส่งเสียงร้อง ทว่าอีกสี่ตัวที่ด้านหน้ายังคงแยกเขี้ยวกางเล็บหมายตะครุบ หากแต่ยังไม่ทันที่เขี้ยวเล็บของพวกมันจะสัมผัสผิวเนื้อ หมาป่าตัวหนึ่งพลันส่งเสียงร้องหวนโหย ถูกดาบยาวเล่มหนึ่งฟันเข้าที่กลางหลัง
     
    ผู้มาใหม่เป็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลสั้น และหยักศกเป็นลอนน้อยๆ หน้าผากของเขาก็คาดผ้าสีดำเช่นเดียวกับชายหนุ่มบนหลังม้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววซุกซนตามวัย หากยามเมื่อเหลือบมองชายหนุ่มบนหลังม้า ดวงตาของเขาพลันมีประกายเคารพนับถือ อันสื่อออกมาจากเบื้องลึกแห่งจิตใจ
     
    ครั้นเห็นการจู่โจมของตนสำฤทธิ์ผล โค่นหมาป่าลงได้ตัวหนึ่งแล้ว เด็กหนุ่มก็ไม่รอช้า ตวัดดาบยาวพุ่งใส่หมาป่าอีกตัวที่ด้านข้าง ทว่ามันกลับกระโดดหลบ คมดาบจึงเพียงเฉียดผ่านเส้นขนของมันไปเท่านั้น เมื่อตั้งหลักได้ มันก็หันกายกระโจนเข้ามาอีก เล็บแหลมคมมุ่งหมายดวงตาของเด็กหนุ่ม เขาจึงย่อกายหลบอย่างว่องไว แล้วพลิกตัวกลิ้งสวนออกไป พร้อมกับยกปลายดาบ เสียบเข้าใต้ท้องของหมาป่า
     
    ในระหว่างการต่อสู้ของเด็กหนุ่มนั้น ทางด้านชายหนุ่มบนหลังม้ากลับต้องรับศึกสองด้าน เบื้องหน้าเป็นหมาป่าที่กำลังกระโจนเข้ามา เหนือศีรษะขึ้นไป ค้างคาวทั้งสองตัวก็กำลังกางเล็บพุ่งโฉบลงมาเช่นกัน!
     
    ชั่วพริบตานั้น เขาตัดสินใจยกอาวุธในมือ เหวี่ยงมันขึ้นไปในอากาศ คมอาวุธกรีดผ่านปีกกว้างใหญ่ของค้างคาวตัวหนึ่ง ตัดศีรษะค้างคาวอีกตัวหนึ่ง ก่อนที่แรงขว้างจะอ่อนโทรมลง อาวุธตกกลับลงมาในมือของเขา
     
    จังหวะเดียวกันนั่นเอง หมาป่าสองตัวที่พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มบนหลังม้าในคราแรกก็ล้มลงเช่นกัน ที่หลังและไหล่ของพวกมันถูกหอกดาบทิ่มแทงเป็นแผลฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบแห่ง ผู้ทิ่มหอกตวัดดาบเหล่านั้นเป็นนักรบที่เพิ่งควบม้าตามมาสมทบ ทั้งหมดคาดผ้าสีดำซึ่งมีสัญลักษณ์ของกองกำลังเสตาลัญฉน์ด้วยกันทั้งสิ้น
     
     
    การต่อสู้สิ้นสุดลง พร้อมกับจำนวนศพเกลื่อนกลาด...
     
    ในสายลมเฉื่อยฉิว ได้ยินเสียงทารกแผดร้องด้วยความตื่นกลัว
     
    ขณะที่คนจากกองกำลังเสตาลัญฉน์กำลังช่วยกันรวบรวมศพชาวบ้านที่ถูกสังหาร เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับไปบรรจุตามประเพณี ชายหนุ่มบนหลังม้าก็ค่อยๆ ควบขับม้าเหยาะย่างมาทางกลุ่มชาวบ้านซึ่งบัดนี้รวมตัวกันได้แล้ว เขาตวัดเท้าลงจากหลังม้า ในแขนซ้ายยังประคองทารกน้อยไว้อย่างทะนุถนอม
     
    เขาก้มมองทารกที่ยังคงร้องไห้จ้าอยู่ ใบหน้าเคร่งขรึมคมคายกลายเป็นอ่อนโยน รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
     
    “ท่านคือคีตา...คีตาแห่งเสตาลัญฉน์หรือ” เสียงสั่นพร่ากล่าวถาม เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองชายชราซึ่งก้าวออกมาจากลุ่มชาวบ้านนั้น แล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการยอมรับ จากนั้นจึงได้ยินเสียงซุบซิบเซ็งแซ่
     
    ถูกแล้ว ผู้คนที่รู้จักเขาล้วนเรียกเขาว่า คีตาแห่งเสตาลัญฉน์ หากในความเป็นจริง เขาคือ คีตา อะคีรา หาได้เป็นคนสกุลเสตาลัญฉน์ไม่...ในดินแดนนี้ไม่มีตระกูลเสตาลัญฉน์อีกแล้ว จะมีก็เพียงกองกำลังเสตาลัญฉน์เท่านั้น
     
    ...ทั้งนี้เพราะตระกูลเสตาลัญฉน์ได้สูญสิ้นไปเสียตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน สูญสิ้นไปพร้อมกับคำสาปแห่งตระกูล
     
    ในเสียงอึงคะนึงของพวกชาวบ้าน พลันได้ยินหญิงสาวคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้น
     
    “ลูกแม่! ลูกแม่!” ถัดจากเสียง ก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเทาทึม หน้าตามอมแมมแหวกกลุ่มคน ตรงเข้ามาอย่างแตกตื่น
     
    “ลูกแม่!” นางร้องขึ้นอีกเมื่อเห็นเด็กทารกในอ้อมแขนของคีตา แล้วจึงคุกเข่าลง กล่าวอ้อนวอนพร้อมน้ำตาอาบใบหน้า “ท่านคีตา นั่นคือลูกชายข้า โปรดคืนลูกชายแก่ข้าเถิด”
     
    ชายหนุ่มมีสีหน้างุนงง จำได้ว่าทารกคนนี้ถูกคางคาวโฉบมาจากอ้อมอกของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง...หญิงสาวในชุดกระโปรงสีน้ำตาล
     
    คีตารู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ...พวกมันเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ก็ย่อมแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนได้เช่นกัน!
     
    เขารีบส่งเด็กคืนให้กับหญิงสาวผู้นั้น แล้วจึงกวาดตามองไปทั่วบริเวณซากปรักหักพังอย่างเร่งร้อน
     
    แต่แล้วดวงตาเรียวสีดำสนิทก็พลันเบิกกว้าง เขาเห็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยืนอยู่ที่ริมซากกำแพงอิฐ เด็กหนุ่มนั่นกำลังยื่นมือออกพร้อมกับรอยยิ้ม ยื่นส่งมือให้คนที่ทรุดนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น ปรารถนาจะฉุดคนผู้นั้นให้ลุกยืนขึ้น
     
    ...หากแต่คนที่เขาจะช่วยเหลือคือหญิงสาวในชุดกระโปรงสีน้ำตาล!
     
    "พิฆาน อย่า!" เสียงชายหนุ่มตะโกนห้าม ทว่าไม่ทันเสียแล้ว...
     
    ทันทีที่มือของหญิงสาวสัมผัสถูกมือเขา ร่างของนางก็พลันเปลี่ยนเป็นค้างคาวขนาดมหึมา มันใช้ปีกซ้ายที่เป็นพังผืดผลักร่างเด็กหนุ่มกดติดกำแพง ส่วนปลายปีกด้านขวาซึ่งมีเล็บยาวแหลมคมยกง้างขึ้น
     
    มันส่งเสียงแหลมเล็กเสียดหูคล้ายหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนจะปักเล็บยาวแทงลงที่ศีรษะของเด็กหนุ่ม!
     
    เลือดแดงฉีดพุ่ง แต่ไม่ได้ออกจากศีรษะของพิฆาน
     
    คีตาถลันเข้ามารับปลายเล็บไว้อย่างรวดเร็ว มันจึงเสียบแทงเข้าที่อกด้านขวาของเขาแทน
     
    "คีตา!" เด็กหนุ่มร้อง แล้วจึงรีบชักกริชสีเงินจากที่เหน็บข้างเอว จ้วงแทงลำคอค้างคาวยักษ์
     
    มันกรีดร้องโหยหวน ก่อนจะผละจากคนทั้งคู่ แล้วตวัดปีกบินฉวัดเฉวียนขึ้นไปบนฟ้า หายลับไปในความมืดดำ...
     
    "คีตา..." พิฆานประคองรับร่างซึ่งสูงใหญ่กว่าตน ที่กำลังทรุดลงช้าๆ พลางร้องเรียกเสียงสะท้าน "คีตา...ท่านต้องไม่เป็นอะไร คีตา!"
     
    ร่างของชายหนุ่มกระตุกอัก เลือดจากบาดแผลไหลไม่หยุด ดวงตาเหลือกค้างจนเห็นแต่ตาขาว ในที่สุด เปลือกตาก็ค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับร่างที่ค่อยๆ นิ่งไป
     
    ###
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×