ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสาปเสตาลัญฉน์ ฉบับปี ๒๕๕๖ [จบ]

    ลำดับตอนที่ #8 : เด็กกำพร้า

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 57


    คีตา...

     

    เสียงเรียกชื่อชายหนุ่มดังแว่วอยู่ในความมืด คีตาหมุนมองไปรอบตัว เห็นเพียงสีดำ และความมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด... เขาพบตัวเองเข้ามาอยู่ในความฝันอันดำมืดและหนาวเย็นอีกครั้ง

     

    คีตา...

     

    เสียงนั้นประหลาดนัก เป็นเสียงของชายหลายคนปนเปกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเสียงใคร มีจำนวนเท่าใด

     

    ชายหนุ่มพยายามเดินหาต้นเสียง เดินไปบนความเวิ้งว้างอันธการ

     

    เมื่อแรก เขาได้ยินเสียงดังมาจากทางขวา จึงก้าวไปทางขวา ทว่าเดินไปได้เพียงเล็กน้อย เขากลับได้ยินเสียงนั้นดังมากจากทางซ้าย เมื่อหันเดินไปทางซ้าย เสียงนั้นกลับคล้ายดังมาจากทางด้านหลัง ครั้นหมุนตัวกลับ เสียงนั้นก็พลันเงียบหายไป

     

    คีตาเดินวนเวียนอยู่ในความฝันของตนเอง วนไปวนมา ครั้นแล้วก็หยุด เขาสังเกตเห็นจุดแสงเรืองอ่อนจางจากที่เบื้องหน้าอันห่างไกล แสงนั้นค่อยๆ แผ่กว้างขึ้น สว่างมากขึ้น ชัดเจนขึ้นจนเห็นว่าที่ตรงกลางของแสงนั้นเป็นราชสีห์ตัวหนึ่ง ขนที่แผงคอเป็นสีดำ ท่วงท่าองอาจสง่างาม

     

    ราชสีห์นั้นค่อยๆ ก้าวย่างเข้ามาหาเขา...ใกล้เข้าๆ

     

    คีตา...

     

    เสียงเรียกชื่อเขา ฟังคล้ายดังมาจากราชสีห์ตัวนั้น ทว่าเมื่อฟังให้ชัดอีกทีกลับรู้สึกว่าไม่ใช่

     

    เจ้าเป็นใคร... คีตาถาม แต่เขาไม่ได้ยินแม้เสียงตัวเอง ไฉนจะได้ยินเสียงตอบกลับมาได้

     

    ราชสีห์ตัวนั้นยังคงก้าวเข้ามาหาเขา แสงเรืองรอบตัวยิ่งเรืองรอง เมื่อเข้ามาใกล้ชั่วแขนเอื้อม คีตาจึงเห็นว่ามันตัวใหญ่กว่าสิงโตธรรมดาถึงเท่าตัว

     

    ดวงตาสีดำสนิทของมันมองสำรวจคีตา เดินวนสำรวจตัวเขารอบหนึ่ง แล้วจึงหยุดลงตรงหน้าอีก

     

    ชายหนุ่มเห็นมันยื่นอุ้งเท้าข้างหนึ่ง วางแปะลงที่อกขวาของเขา วางลงบนบาดแผลซึ่งถูกพิษนั้น

     

    มันค่อยๆ ออกแรงกด...กดจนเขาเริ่มรู้สึกปวด...ปวดจนต้องกัดฟัน!

     

    ราวกับมีพลังต่อต้าน ความแสบร้อนทวีขึ้นจากบริเวณแผลนั้น ร้อนขึ้นๆ ราวกับอยู่ในกองเพลิง

     

    ชั่วครู่นั้นเอง อุ้งเท้าของราชสีห์ก็พลันบินเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นมีดยาวสีดำมะเมื่อม มันยกเงื้อขื้นแล้วจ้วงแทงลงมาที่บาดแผลของเขาอย่างไร้ปรานี!

     

     

    เขาลืมตาโพลง!

     

    ราชสีห์ตัวนั้นหายไปแล้ว ความมืด ความหนาวเย็นเมื่อครู่ก็มลายหายไปเช่นกัน คงรู้สึกอยู่ก็แต่ความเจ็บปวด ร้อนวาบที่บาดแผล

     

    คีตาหอบหายใจ ตั้งสตินิดหนึ่ง ก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ ครั้นเห็นเพดานกระโจมค่ายพัก จึงนึกได้ว่าเมื่อคืน เขากลับมายังค่ายพักแล้วก็สลบไป

     

    "คีตาแห่งเสตาลัญฉน์" เสียงใสๆ ดังขึ้นที่ข้างหู ชายหนุ่มสะดุ้งพรวดขึ้น หันมองไปยังเด็กสาวซึ่งนั่งคุกเข่าเท้าคางอยู่ข้างเตียงแคร่ที่เขานอนอยู่ เตียงแคร่ซึ่งสร้างขึ้นจากไม้ผูกด้วยเชือกอย่างลวกๆ สำหรับใช้เพียงชั่วคราว

     

    "คีตาแห่งเสตาลัญฉน์ตื่นตกใจเป็นด้วยหรือ" เด็กสาวถาม ดวงตาสีทองมีแววสงสัยจริงจัง

     

    เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกช้าๆ ก่อนหันไปตอบเรียบๆ "ข้าก็เป็นคน ตกใจเป็นเหมือนกัน"

     

    "คีตาแห่งเสตาลัญฉน์ก็เป็นคน..." นางพูดขึ้นอีก "ข้าเคยได้ยินแต่คนพูดกัน เขาว่าท่านกล้าหาญ ไม่เคยกลัวอะไร พวกเขายกยอท่านจนข้าคิดว่าท่านไม่ใช่คน เขาว่าท่านได้รับพรจากเทพแห่งแสงสว่าง เช่นเดียวกับศิษฎีในตำนาน"

     

    คีตามองนัยน์ตาสีทองที่จ้องแป๋วกลับมาอย่างซื่อๆ แล้วก็ต้องคลี่ยิ้มบาง "ข้าเป็นคนธรรมดา ไม่ได้รับพรใดๆ ไม่เหมือนศิษฎีหรอก

     

    ...ถูกแล้ว อย่างน้อย เขาก็ไม่ใช่คนสกุลเสตาลัญฉน์

     

    "อีกอย่าง" ชายหนุ่มพูดขึ้นอีก "เจ้าเรียกข้าว่าคีตาเถิด อย่าเรียกคีตาแห่งเสตาลัญฉน์เลย"

     

    เด็กสาวกลอกตาตลบหนึ่ง "ได้ ข้าจะเรียกท่านว่าคีตา"

     

    เขามองเด็กสาวตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาอีก วันนี้นางดูสะอาดสะอ้านขึ้นบ้าง แต่ผมเผ้ายังรุงรังไม่ได้หวีสาง เพียงแค่รวบไว้ลวกๆ ด้วยเศษผ้า ซึ่งคงตัดฉีกมากจากเสื้อผ้าชุดเดิมของนางเอง ส่วนเสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้น เป็นเสื้อผ้าผู้ชาย ประกอบด้วยเสื้อแขนยาว และกางเกงผ้าเนื้อหยาบ เสื้อผ้าชุดนั้นตัวใหญ่เกินไป นางใส่แล้วดูรุ่มร่าม จนต้องพับทั้งแขนเสื้อและขากางเกง รวมทั้งใช้เศษผ้าผูกขอบกางเกงไว้ ไม่ให้เลื่อนหลุดจากเอวคอดเล็กนั้น

     

    "พิฆานให้ข้าใส่ชุดนี้" นางบอก คงเห็นแววขำในรอยยิ้มของคีตา "เขาบอกว่านี่เป็นชุดที่เล็กที่สุดที่เขาหาได้แล้ว"

     

    "ชุดเดิมของเจ้าเล่า"

     

    "ทิ้งไปแล้ว พิฆานบอกว่ามันขาดรุ่งริ่ง มีแต่เลือด"

     

    "นั่นสิ ทำไมตอนที่ข้าเจอเจ้า ตัวเจ้าจึงเปื้อนเลือดมากมายเช่นนั้น เจ้าคงไม่ได้บาดเจ็บกระมัง"

     

    เด็กสาวสั่นศีรษะ "ข้าไม่ได้บาดเจ็บ เลือดพวกนั้น..." นางหยุด ก้มหน้านิดหนึ่ง "เลือดพวกนั้นเป็นของคนอื่น ของญาติๆ ข้า"

     

    "ญาติๆ เจ้า" คีตาทวนคำ

     

    "ถูกแล้ว เป็นของญาติข้า" นางบอก ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นสบตา "แต่พวกเขาตายหมดแล้ว พวกเขา...ถูกฆ่าตายหมด" น้ำเสียงของนางเศร้าสร้อย ทำให้ชายหนุ่มนึกสงสารจับจิต

     

    เด็กสาวชำเลืองมองคีตานิดหนึ่ง เห็นดวงตาสีดำสนิทจ้องกลับมาด้วยแววตาอ่อนโยน นางจึงก้มหน้าเล่าต่อไปว่า หมู่บ้านของนางถูกพวกเมยาดิครุกรานบ่อยๆ เพราะอยู่ห่างไกลลงมาทางใต้ ใกล้กับป่าปิศาจ ครอบครัวของนางจึงคิดจะอพยพไปอยู่ที่อื่น ทว่าระหว่างเดินทางนั้นเอง ขบวนเดินทางก็พบกับพวกเมยาดิคเข้า ถูกพวกมันทำร้าย คนในครอบครัวถูกฆ่าสังหารทั้งหมด นางเองแม้จะรอดชีวิต แต่ก็ถูกพวกมันตามล่า วิ่งหลบหนีอย่างไม่รู้ทิศรู้ทางจนมาถึงที่นี่

     

    คีตาได้ฟังแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ...นางก็มีชะตาคล้ายเขา ครอบครัวถูกพวกเมยาดิคสังหาร เหลือเพียงตัวคนเดียว

     

    "เจ้าไม่มีญาติมิตรที่อื่นอีกแล้วหรือ"

     

    เด็กสาวส่ายหน้าช้าๆ "ไม่มีแล้ว ข้า..." พูดได้เพียงแค่นี้ น้ำตาก็ค่อยๆ หยดหยาดจากดวงตาสีทอง คำพูดที่เหลือกลับกลืนหายไปหมด

     

    คีตาแพ้น้ำตา เมื่อใดที่เขาเห็นน้ำตาก็มักทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไร ไม่รู้จะปลอบโยนเช่นไร เขาจึงได้แต่เอื้อมมือ ลูบศีรษะเด็กสาวเบาๆ

     

    "จริงสิ คุยกันมาตั้งนาน ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย เจ้าชื่ออะไร" คีตาเอ่ยออกมาเบาๆ

     

    "มิ...มินนรา" นางตอบ

     

    ระหว่างนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ที่หน้ากระโจม เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพิฆานเลิกกระโจมเดินเข้ามาพอดี

     

    "คีตา ท่านตื่นแล้ว!" เด็กหนุ่มร้องขึ้นอย่างยินดี แล้วหันไปร้องบอกข่าวดีต่อคนอื่นๆ ที่ด้านนอก ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งด้วยท่าทางตื่นเต้น

     

    "ท่านทราบหรือไม่ ท่านหลับไปสองวันสองคืนเลยทีเดียว" เขาบอก พลางก้าวมายืนทางด้านหลังมินนรา

     

    "สองวันเชียวหรือ!" คีตาอุทาน

     

    "ใช่ สองวันสองคืน แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการทุกอย่างแทนท่านเรียบร้อยแล้ว" พิฆานยืนอก แสดงความภาคภูมิ

     

    คีตาเห็นแล้วก็ยิ้มออกมา เด็กหนุ่มนี้ติดตามเขามาแต่เล็ก เรียนรู้การทำงานและการตัดสินใจแบบเขาแทบทุกอย่าง บ่อยครั้งที่คีตาลองถามความเห็นจากเขา เพื่อดูว่าพัฒนาการทางความคิดของเขาเป็นเช่นไร หากเห็นว่าถูกต้องเหมาะสมก็ชมเชย หากเห็นว่าไม่ควรก็บอกเหตุบอกผล ซึ่งพิฆานก็รับฟังและนำไปปรับใช้ได้เป็นอย่างดี

     

    "ถ้าอย่างนั้น บอกข้าซิ เจ้าทำอะไรบ้าง"

     

    "สองวันนี้ข้าให้คนออกสำรวจตามแนวชายป่า ในตอนเช้าจนถึงเย็น ก่อนอาทิตย์ตกก็ให้รวบรวมข้อมูลกลับมายังค่ายพัก พูดคุยสรุปกันในยามค่ำ"

     

    "แล้วได้อะไรบ้าง" คีตาถามอีก หากพิฆานส่ายหน้านิดหนึ่ง

     

    "พวกเมยาดิคไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ทุกอย่างนิ่งสนิท แม้แต่พวกแร้งเมื่อวันก่อนก็ไม่มีใครเห็นตัวอีก"

     

    คีตานิ่งคิดนิดหนึ่ง ...พวกแร้งปรากฏตัว แล้วจากไป หาได้มีท่าทีต่อสู้แม้แต่น้อย พวกมันต้องการอะไร

     

    เขาชำเลืองไปทางเด็กสาว เห็นนางยังนั่งมองเขา ดวงตาสีทองสุกใสกะพริบปริบ แต่เมื่อเห็นเขามองมาเท่านั้น นางก็ก้มหน้าอีก ...หรือเพราะนาง

     

    ความไม่ไว้วางใจเริ่มคืบคลานเข้ามา เขาหวนนึกกลับไปที่การต่อสู้ครั้งก่อน ครั้งที่เขาได้บาดแผลตรงอกขวานี่ พวกเมยาดิคปะปนอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน รอคอยจังหวะที่พวกเขาเผลอ แล้วจึงจู่โจม!

     

    ...เด็กสาวผู้นี้เล่า นางจะเป็นเมยาดิคที่ปะปนเข้ามาเพื่อประทุษร้ายพวกเขาหรือไม่

     

    ...ทว่าเมื่อครู่นางก็นั่งอยู่เช่นนี้ พูดคุยกับเขา ไม่ได้มีท่าทีคิดร้ายอันใด หากนางเป็นเมยาดิคจริง คงมีโอกาสฆ่าเขาไปเสียตั้งแต่ตอนที่เขายังหลับอยู่นั่นแล้ว

     

    "เรื่องมินนราเล่า" คีตาถาม ยังไม่ถอนสายตาไปจากเด็กสาว

     

    "ข้าให้นางนอนในกระโจม ส่วนตัวข้ามานอนเฝ้าท่านที่นี่" พิฆานบอก พร้อมกับชี้มือไปยังที่นอนสนามซึ่งพับกองอยู่ตรงมุมหนึ่งของกระโจม

     

    คีตาพยักหน้า "เจ้าทำดีมาก" หยุดนิดหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ "เจ้าออกไปเรียกประชุมเถอะ อีกสักครู่ข้าจะตามออกไป คิดว่าเราคงต้องสำรวจลึกเข้าไปในป่าอีกสักหน่อย"

     

    "ท่านจะเข้าป่าหรือ!" พิฆานร้อง "บาดแผลท่านยังไม่ทุเลา ข้าเห็นว่าเราควรกลับเสตาลัญฉน์ รอให้ท่านหายดีก่อนค่อยมาสำรวจก็ยังได้"

     

    ชายหนุ่มส่ายหน้า "ไม่ได้ ระยะนี้พวกเมยาดิคมีอะไรแปลกๆ เราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันคิดทำอะไร จะได้เตรียมรับมือพวกมันเสียแต่เนิ่นๆ"

     

    "แต่ว่า..." พิฆานทำท่าจะค้าน หากคีตาโบกมือห้ามไว้

     

    แล้วข้าเล่าเสียงเด็กสาวเอ่ยตะกุกตะกักข้าต้องเข้าไปในป่ากับพวกเจ้าด้วยหรือ

     

    คีตาหันมองเด็กสาวแล้วก็ต้องถอนหายใจ...เวลานี้ในค่ายไม่ได้มีแต่นักรบ ทว่ามีเด็กผู้หญิงพ่วงมาด้วยอีกคนหนึ่ง แม้จะยังไม่แน่ใจว่านางมีอันใดเกี่ยวข้องกับเมยาดิคหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ควรพานางไปในที่ปลอดภัยก่อน

     

    "ได้" เขาตัดสินใจในที่สุด "เรากลับเสตาลัญฉน์กันก่อน ส่งข่าวบอกสายอื่นด้วย"

     

    ###

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×