ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นนักสะดุดรักยัยบอดี้การ์ด

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 3:ทำงานวันแรก [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 51


                วันนี้หนูนามาถึงบ้าน โรจน์รัตนาอมรบดินทร์ด้วยรถชอปเปอร์ของเธอ หากจะให้ชายชุดดำร่างยักษ์ไปรับเธอที่บ้านทุกวันคงมีสักวันแน่ที่เธอต้องตกใจจนเผลอฆ่าพวกเขา

                วันนี้แม่บ้านดูวุ่นวายเป็นพิเศษ รีบปัดกวาดเช็ดดูเครื่องร้านเครื่องใช้อย่างขะมักเขม้น หญิงสาววัยชราในชุดแม่บ้านยืนสั่งงานให้บรรดาสาวใช้ในบ้าน เมื่อเห็นหนูนาเธอจึงเดินเข้ามาหาและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                คุณหนูนาใช่มั้ยคะ?” หญิงชราถาม

                ค่ะหนูนาตอบรับก่อนจะยิ้มให้

                หญิงชรามองเครื่องแต่กายของหนูนาแล้วยิ้มให้ ชุดสูทสีดำที่คลายคลึงกับบรรดาบอดี้การ์ดคนอื่นๆ หากแต่มีสัดส่วนโค้งเว้าแบบผู้หญิง  หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี

                ป้าว่าคุณหนูนาไปเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ คุณหนูซิงค์เขาไม่ชอบให้บอดี้การ์ดของเขาแต่งตัวแบบนี้แอ๋ว ไปหยิบชุดที่คุณหนูเตรียมไว้ให้คุณหนูนามาซิ!” หญิงชรากล่าวกับหนูนาก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ใกล้ๆ ตัว เธอได้แต่โค้งตัวให้แล้วเดินหายไปอีกทาง คุณหนูนาลองมองดูผู้ชายสามคนนั้นสิคะหญิงชราชี้ไปที่โต๊ะสนามหญ้าด้านข้างของบ้าน ที่มีชายรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวสะอาดสะอ้านสามคนนั่งทางอาหารเช้ากันอยู่  การแต่กายของแต่ละคนนั้นเรียกได้ว่ามีสีสันเจ็บจี๊ดได้ใจคนมองมากๆ ชายคนแรกแต่งกายด้วยเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเจ็กเก็ตสีเทากับกางเกงยีนขาเดฟสีเขียวแสด แว่นกันแดดสีชากับหมวกสีเหลืองไม่ได้เข้ากันสักนิด! ชายคนต่อมาใส่เสื้อยืดสีเหลืองทับด้วยเจ็กเก็ตสีขาว กางเกงยีนขาเดฟสีแดงสด แว่นกันแดดสีดำกับหมวกสีน้ำตาลอำพลางใบหน้า  ชายคนสุดท้ายเขาใส่เสื้อยืดสีดำทับด้วยเสื้อเจ็กเก็ตสีแดงกับกางเกงยีนขาเดฟสีซีด แว่นกันแดดสีเหลือง ชายคนนี้ไม่ได้ใส่หมวก  หากแต่เขาย้อมผมสีแดงเพลิงหวังว่าพวกเขาคงไม่ใช่บอดี้การ์ดเหมือนเธอหรอกนะ

                พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนูซิงค์ค่ะหญิงชราไขข้อสงสัยให้เหมือนรู้ทัน  เป็นจังหวะเดียวกันที่สาวใช้เอาเสื้อผ้ามาให้หนูนา

                คุณหนูนาเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำนะคะ ตรงไปอยู่ข้างๆ ครัวน่ะค่ะ

                หนูนาเพียงแต่ยิ้มขอบคุณแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำตามที่หญิงชราบอก

                ทันทีที่ถึงห้องน้ำหนูนาแทบจะเป็นลม มันเป็นชุดเดียวกันกับคนพวกนั้น  ไซส์และสีสันที่แตกต่างกันเท่านั้น

                เธอจำใจสวมเสื้อผ้าที่ซิงค์สั่ง  เมื่อส่องกระจกเธอก็แทบผงะ  นี่เธอมาทำงานเป็นบอดี้การ์ดหรือว่าเป็นเด็กสาวใจแตกที่หนีผู้ปกครองเที่ยวกันนี่!

                ผมสีดำเหลือบน้ำตาลที่เคยยาวสยายบัดนี้ถูกรวบขึ้นไปเป็นหางม้า  เสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเจ็กเก็ตสีเขียว กางเกงขาเดฟสีชมพูแปร๋นกับรองเท้าผ้าใบที่สีเหลืองที่ถูกพ่วงมาด้วย  ที่สำคัญยังมีแว่นกันแดดสีชมพูแบบเดียวกับกางเกง และหมวกยีน

                เธอเปลี่ยนไป~!!

                หนูนาแทบไม่กล้าจะออกจากห้องน้ำเลยถ้าไม่มีสาวใช้มาตาม เธอค่อยๆ ก้าวเท้าไปตามทางเดินของบ้านด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวว่าเจ้านายของเธอจะหัวเราะกับการแต่งตัวที่แปลกไป

                ทันทีที่มาถึงห้องนั่งเล่น  ซิงค์เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์แล้วหันมายิ้มให้กับหนูนา  เธอแทบจะอ้วกทันทีที่เห็นรอยยิ้มนั่น  บวกกันบอดี้การ์ดสามคนที่นั่งอยู่ในสนามก็มายืนอยู่ข้างหลังโซฟาของเขาแล้ว  เธอพยายามที่จะมองเลยผ่านพวกเขาไปยังรูปพร้อมครอบครัว และพยายามไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ!

                ว้าว~  เยี่ยมเลย  ชุดแบบนี้เหมาะกับบอดี้การ์ดของฉันที่สุด!” ซิงค์อุทานมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข  หากแต่หนูนาคิดว่าเขาบ้า  มีเจ้านายที่ไหนที่จำบอดี้การ์ดแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบนี้

                ทันนายว่าวันนี้ฉันจะไปไหนเขาเลิกสนใจกันบอดี้การ์ดหญิงตรงหน้า  หันไปถามนายหมวกเหลืองที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายของเขา

                ไม่ทราบสิครับ  คุณซิงค์อยากจะไปไหนล่ะ?” ทันตอบ

                อ๊ะคิมช่วยไปหยิบโทรศัพท์มือถือในห้องฉันให้หน่อยสิ ฉันลืมไว้น่ะเขาหันไปบอกนายหมวกน้ำตาลที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง  เขารีบโค้งตัวแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองทันที

                พัชนายไปสตาร์ทรถให้ฉันที ฉันจะไปหาคุณแม่ที่ค่ายเพลง แล้วก็จะแวะไปเที่ยวด้วยเขาหันไปสั่งนายหัวแดงเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะเดินนำออกไปที่โรงรถ ทิ้งให้เธอเดินทิ้งระยะห่างตามเขาไปต้อยๆ

                ทันทีที่นายทันหนึ่งในบอดี้การ์ดหยิบโทรศัพท์กลับมาแล้วส่งให้นายซิงค์  เขาก็ขึ้นรถบีเอ็มดับบลิวสีขาวสะอาดที่ด้านหน้ามีมอเตอร์ไซน์คันหนึ่งจอดอยู่  ทันเข้านั่งประจำตำแหน่งคนขับมีคิมนั่งข้างๆ ส่วนมอเอตร์ไซน์ด้านหน้าถูกพัชจับจอง  หนูนาจ้องซิงค์ที่มองหน้าเธอเพื่อบอกให้เธอนั่งข้างเขา  แต่ไม่มีทางเสียหรอกเธอคงจะต้องขาดใจตายแน่ๆ

                เธอเดินไปที่รถชอปเปอร์คันโปรดขึ้นขี่มันแล้วสตาร์ทเครื่องพร้อมกับตะโกนบอกเขา

                ฉันเป็นบอดี้การ์ด  มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้านาย  เชิญออกรถเลยเธอบอกพร้อมกับยักคิ้วยียวนกวนประสาทใส่เขา  พัชขับรถออกไปก่อนจะตามด้วยรถบีเอ็มที่มีทันขับ ส่วนหนูนานั้นขับรถชอปเปอร์รั้งท้าย  เพราะเธอไม่รู้ทางไปค่ายเพลงของคุณหญิง

                ซิงค์กระตุกยิ้มที่มุมปากตอนที่รถติดไฟแดง  เขามองไปที่หญิงสาวรูปร่างเล็กที่นั่งคร่อมอยู่บนรถชอปเปอร์  ดูท่าเธอจะหยิ่งไม่น้อย  ขนาดให้มานั่งข้างเขายังไม่ยอม  ผู้หญิงอะไร  ทั้งเก่ง  ทั้งแกร่ง  ขี่รถชอปเปอร์คันใหญ่ได้ดียิ่งกว่ารถยนต์

                หนูนาเธอน่าสนใจจริงๆ  ซิงค์คิดก่อนที่จะยิ้มกว้าง

                กลายเป็นว่าตลอดระยะทาง เขาเอาแต่นั่งจับจ้องหนูนาบนรถชอปเปอร์โดยไม่รู้ตัว!

     

                ณ ค่ายพอม ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อยู่แข่งของค่ายฮอฟ  ที่มีศิลปินชื่อวง ฮารอสเป็นเบอร์หนึ่งของค่าย  หากแต่ค่ายของเขามีวง ซัมเป็นวงเบอร์หนึ่งเช่นกัน 

                ศิลปินสองวงนี้ดูด่าจะไม่ถูกกันแบบสุดๆ นักร้องนำหัวหน้าวงซัม ปฏิเสธทุกงานที่จะต้องไปพบเจอกับวงฮารอส

                เมื่อพนักงานเห็นคุณหนูของตระกูล โรจน์รัตนาอมรบดินทร์เดินเข้ามาในบริษัท  ต่างคนก็ต่างรีบตรงดิ่งเข้ามากล่าวทักทาย  หากแต่เมื่อเห็นบอดี้การ์ดชายสามคนที่ตามมาก็ถึงกับอึ้ง  ยิ่งพนักงานชายมองไปเห็นหญิงสาวที่รวมผมหางม้าที่เดินรั้งท้ายแล้วนั้น  หัวใจของพวกเขากำลังจะละลายช่วงนี้ก็ได้แต่วอนพนักงานคนอื่น อย่าเอาไปฟ้องแฟนของพวกเขาก็แล้วกัน

                พัชเห็นพนังงานชายจ้องหนูนาตาไม่กระพริบ  เขาจึงขยับลงมาเดินข้างๆ เธอ  ยื่นหมากฝรั่งรสชาเขียวที่เขาชอบให้

                 หนูนาทำหน้างง ก่อนจะค่อยๆ รักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้อาหารกำเริบ ตอนนี้เธอก็เริ่มมึนๆ หัวแล้ว  แต่เธอก็เข้าใจว่าพัชอ่านจะอยากเป็นเพื่อนกับเธอ  เธอจึงหยิบหมากฝรั่งจากมือเขามาใส่ปากเคี้ยวมาใส่ปากเคี้ยว  แม้มันจะเสี่ยงแต่เธอก็ทำไปแล้ว

                หางตาของซิงค์เหลือบเห็นตอนที่บอดี้การ์ดหนุ่มของเขากำลังทำท่าสร้างสัมพันธไมตรีให้กับอดี้การ์ดสาว  เขาก็หยุดเดินทันที  พลางหันไปยิ้มให้เหล่าบอดี้การ์ดเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

                อ๋อ ผมลืมไปครับ ว่าคุณซิงค์ไม่ชอบให้ตามขึ้นไปข้างบนคิมเดาเอาพร้อมกับโค้งตัว เมื่อมองเห็นลิฟท์ที่อยู่ข้างหน้า

                อืม หนูนา…” ซิงค์เรียกหญิงสาว เธอสะดุ้ง ก่อนจะหันมามองหน้าเขา เธอช่วยขึ้นไปหาคุณแม่กับฉันหน่อยสิ

                ไม่มีทางที่บอดี้การ์ดอย่างเธอจะปฏิเสธได้อยู่แล้ว เธอพยักหน้า  แล้วเดินตามเขาไปยืนรอลิฟท์ ในขณะที่เหล่าบอดี้การ์ดชายเริ่มหาที่นั่งและหยิบนั่งสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน

                พัชมองไปทางหนูนากับเจ้านายของเขาอย่างไม่เข้าใจ คุณซิงค์ไม่เคยพาใครขึ้นไปหาคุณหญิงกับเขา หรือว่าจะมีอะไรในกอหญ้านี้!

                ทันที่เห็นเพื่อนยืนเหม่อมองแม้หนูนากับซิงค์จะเข้าไปในลิฟท์แล้ว จึงรีบสะกิดเพื่อน เฮ้ย! นายคิดอะไรอยูวะ? นั่นบอดี้การ์ดของเจ้านายนะเฟ้ย!” คิดเข้ามาตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนอีกคน พวกเราน่ะมันแค่บอดี้การ์ด เป็นแค่เพื่อนกันก็พอโว้ย! จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้

                ในลิฟท์

                หนูนายืนตัวลีบติดผนังลิฟท์ด้านในสุด  เธอหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนจะคลื่นไส้อีกแล้ว  ทุกครั้งที่เข้าใกล้ซิงค์  อาการเธอจะกำเริบหนักคิดทุกครั้งขนาดตอนที่พัชส่งหมากฝรั่งให้เธอยังแค่มึนๆ ไม่ถึงขนาดนี้  ทุกครั้งที่อาการกำเริบ  เธอคิดว่าเธอสามารถควบคุมมันได้  ยกเว้นตอนที่ทดสอบภาคปฏิบัติกับคุณธนาธรตอนนั้นที่เธอไม่ได้ควบคุม  เธอปล่อยร่างกายให้เป็นธรรมชาติ และจัดการพวกนั้นตามวิถีของโรคบ้าๆ นี่

                ซิงค์เห็นหนูนายืนตัวลีบก็อดหัวเราะไม่ได้  เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ เธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว

                ติ๊ง~!

                หนูนาลืมตาขึ้นมาเมื่อลิฟท์มาหยุดอยู่ในชั้นที่ซิงค์กด  แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้ง เขามายืนอยู่ข้างๆ เธอตอนไหนก็ไม่รู้  ที่สำคัญตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเหงื่อออกทั้งที่อาการเริ่มร้อน ซิงค์ก้าวเท้าออกจากลิฟท์ไปในขณะที่ตาของหนูนาเริ่มลาย

                อ้าวเธอตามมาเร็วๆ สิ

                หนูตาข่มอาการก่อนจะเดินตามเขาออกไป  ดีนะที่ไหล่ของเขาไม่ได้กระทบกับไหล่ของเธอ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องเจ็บตัวมากกว่าเดิมแน่ๆ เมื่อวานแขนหัก วันนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นดั้งหักเพราะโดนเธอต่อย 

                เฮ้อการเป็นบอดี้การ์ดให้พวกผู้ชายนี่มันไม่ปลอดภัยจริงๆ  หนูนาคิดอย่างนั้น

                ซิงค์เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง ประตูทำจากไม้สักแกะสลักอย่างดี หน้าห้องมีเลขานุ่งสั้น อกอึ๋มก้มทีเห็นภูเขาไฟฟูจิกำลังปะทุ (ยัยหนูนามันคิดเองนะยะ! ปอมปาร่ามิเกี่ยว~) ซิงค์ยิ้มให้เลขานุ่งสั้นเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่เดี๋ยวก่อน ยัยหนูนาบอดี้การ์ดของเขายังไม่คายหมากฝรั่งที่รับมาจากนายพัชออกเลย เธอยังคงเคี้ยวส่งเสียง แจ๊บๆกระทบโสตประสาทของเขา

                นี่เธอกรุณาคายหมากฝรั่งออกด้วย มารยามน่ะมีมั้ย?!” เขารู้สึกหงุดหงิดจึงขึ้นเสียงใจเธอ ในขณะที่เธอแอบเบ้ปากใส่เขาก่อนจะไปคายทิ้งที่ถังขยะ

                เขาเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนเอาไฟมาจุดในหู จนเหมือนมีควันออกมา อาจจะเป็นเพราะเค้าไม่ชอบที่เธอไม่รู้จักมารยามก็เป็นได้  ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

                เขาเปิดประตูห้องเข้าไป ผู้เป็นแม่เงยหน้ามองผู้มาเยือนก่อนจะยิ้มกว้าง เขารีบเขาไปอ้อนแม่ของตัวเองทันที

                คุณแม่ครับ เหนื่อยมั้ยเอ่ย?” ซิงค์ถามก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นแม่ทั้งสองข้าง

                โห~ แค่ลูกมาหาแม่ก็หายเหนื่อยแล้วจ้ะ

                หนูนามองการกระทำของสองแม่ลูกแล้วเหมือนตัวเองเป็นคนนอก นายซิงค์เองลากเธอมาทำไมก็ไม่รู้ นี่มันเป็นเรื่องในครอบครัวของเขาทั้งนั้น!

                อ้าว~ หนูนามาด้วยเหรอจ้ะ นั่งก่อนสิคุณหญิงเอ่ยทักทันทีที่เห็นบอดี้การ์ดสาว เธอเองก็แปลกใจไม่น้อยที่ลูกชายพาหล่อนขึ้นมาหาเธอ หากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

                หนูนาเพียงแต่ยิ้มให้ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟา อ่านนิตยสารรอเจ้านายของเธอ

               

                ซิงค์เดินนำหนูนาลงมาที่ด้านล่างของบริษัท เขาหันไปมองหน้ามุ่ยๆ ของหญิงสาวก่อนจะหันมายิ้มให้กับตัวเอง

                เรื่องสนุกยังไม่จบแค่นี้หรอก หนูนา หึๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×