คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2: วุ่นวาย! [100%]
Top 1‘รักแท้ต้องแย่งชิงรักไม่จริงก็ทิ้งไป’: ขนม นม เนย
Top 2‘นายตัวร้ายแสนเย็นชากับอาม่าข้างบ้าน’: ฝันหวาน
Top 3‘เกลียดชะมัด โจรสลัดหน่อมแน้ม’: แสบใส
Top 4‘แผนฮาป่วนใจนายเพลย์บอย’: หวานใจตัวดี
Top 5‘เจ้าหญิงคนใหม่กับเจ้าชายคนเดิม’: รักเดียว
หนูนาปิดคอมทันทีที่เห็นชื่อนิยายเหล่านั้นได้ขึ้น Top 5 ทั้งๆ ที่ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเลย ผิดกับนิยายบู๊สนั่นกระดาษของเธอที่แทบจะร้างผู้คน มีเพียงแฟนพันธ์แท้สองสามคนเท่านั้นที่ยังคงติดตามอยู่เสมอ
หนูนาเป็นหญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบ เธออายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี ความสามารถพิเศษนอกจากแต่งนิยายแล้ว เธอยังรับจ๊อบเป็นบอดี้การ์ดให้เหล่าดาราตามงานคอนเสิร์ต เธอเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กๆ อาชีพนี้จึงเป็นอาชีพประจำของเธอ
หากแต่จริงๆ แล้วเธอต้องการที่จะเป็นนักเขียนนิยายมากกว่า ถึงแม้ภายนอกจะดูแข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ภายในเธอก็คือผู้หญิงตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ เท่านั้น
~ โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม ~¯
เสียงริงโทนเพลง โปรดส่งใครมารักฉันที ของวง Instinct ดังขึ้นปลุกหนูนาให้ออกจากภวังค์ กดรับเบอร์แปลกๆ นี้ด้วยใจหวั่นๆ
“สวัสดีค่ะ”
(หวัดดีค่ะ คุณณัฐนันท์ใช่ไหมคะ?)
ปลายสายถามชื่อจริงของเธอ ทำให้เธอรู้สึกตกใจไม่น้อย
“ค่ะ เรียก ‘หนูนา’ ก็ได้ค่ะ”
(ค่ะ ดิฉันเป็นเลขาของคุณธนาธร ชื่อปุญญาค่ะ เรียนแป๋วก็ได้ค่ะ)
คุณธนาธรเป็นที่รู้จักกันในแวดวงสังคมเนื่องจากธุรกิจของเขาต่างๆ นาๆ ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ใครๆ จึงอยากที่จะเข้าไปหาความรุ่งเรืองในบริษัทของเขา
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอคะ?”
(ดิฉันทราบมาว่าคุณเป็นบอดี้การ์ดตามงานคอนเสิร์ตต่างๆ เลยอยากจะให้คุณมาทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกชายของคุณธนาธรน่ะค่ะ ช่วงนี้มีคู่แข่งคิดไม่ซื่อ คุณหนูนาพอจะสนใจไหมคะ?)
“แต่
ดิฉันเป็นผู้หญิงนะคะ อาจจะสู้ผู้ชายบางคนไม่ได้ด้วยซ้ำ”
หนูนาโกหกคำโตออกไป ไม่ใช่ว่าเธอสู้พวกผู้ชายไม่ได้ หากแต่เธอเข้าใกล้พวกเขาไม่ได้ต่างหาก เธอเก็บตัวอยู่ในโรงฝึกกับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยได้ออกไปเล่นหรือพบเจอกับเพื่อนผู้ชายมากนัก เลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน เวลามีเพื่อนผู้ชายแตะต้องตัว เธอก็มักจะตกใจแล้วก็ทำร้ายเขาซะทุกครั้ง จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้เธอ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่อยากจะไปทำงานอะไรที่มันเข้าใกล้ผู้ชายมากนัก อย่างงานที่เธอทำอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินหญิง ยิ่งเธอเคยได้ข่าวมาว่าลูกคุณธนาธรเป็นหนุ่มหล่ออีก เธอยิ่งแทบไม่อยากจะรับงาน หากแต่
(เราให้เงินคุณดีแน่นอนค่ะ คุณหนูนาไม่ต้องห่วง!)
เรื่องเงินเนี่ยแหละเป็นปัญหาสำคัญสำหรับหนูนา ครอบครัวเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พอมีพอใช้จนถึงขั้นกำลังดี แต่เธอก็อยากจะเรียนต่อปริญญาโท โดยไม่ต้องพึ่งเงินพ่อแม่
“จะให้ดิฉันไปพบวันไหนดีคะ?”
(วันนี้ตอนเย็นได้ไหมคะ เดี๋ยวเราจะส่งรถไปรับคุณที่บ้าน)
ถึงแม้หนูนาจะสงสัยว่าทางคุณธนาธรรู้จักบ้านของเธอได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่กล้าถาม ได้แต่ตอบคำถามของคุณแป๋วจนเธอวางสายไป
เธอบอกกับหนูนาว่าจะให้คนรถมารับตอนเวลาสี่โมงเย็น ให้หนูนาแต่งตัวในชุดทะมัดทะแมง เพื่อทดสอบภาคปฏิบัติแล้วก็สัมภาษณ์ ไอ้การปฎิบัตินี่หนูนาไม่หวั่น แต่สัมภาษณ์เนี่ยน่ะสิ หนูนาไม่ค่อยแน่ใจว่าเธอจะทำได้หรือเปล่า
?
เมื่อถึงเวลานัด ก็มีรถเฟอร์รารี่สีดำมาจอดรอเธอที่หน้าบ้าน พ่อกับแม่ดูจะตกใจไม่ใช่น้อยเพราะผู้ชายร่างใหญ่บึกบึนเป็นคนเข้ามาตามหนูนาออกไป พ่อกับแม่ของหนูนาเลยคิดว่าเป็นพวกมาเฟียมาทวงหนี้ แต่ปัญหานี้หนูนาก็จัดการอธิบายก่อนจะออกมาพร้อมกับชายชุดดำสองคน
พวกเขาเปิดเพลงสากลเบาๆ ให้หนูนาฟังเพื่อเป็นการคลายเครียด หากแต่หนูนาพยายามที่จะระงับอาหารคลื่นไส้เหมือนอาหารจะขย้อนออกมานี้ไว้ ที่สำคัญยังต้องนั่งตัวเกร็งไม่หันไปมองหน้าคนพวกนี้อีกด้วย เกรงว่าจะเผลอซัดพวกเขาสักหมัดสองหมัดจนเกิดเรื่อง
รถแล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังหนึ่ง อันที่จริงเรียกว่าเป็นคฤหาสถ์เลยก็ว่าได้ บ้านหลังโตตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป
หนูนาเดินตามชายชุดดำสองคนด้วยระยะที่ห่างพอสมควร ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ในห้องนั่งเล่นซึ่งมีชายหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั่งอยู่ เขาทั้งสองลุกขึ้นผายมือเป็นเชิงให้เธอนั่ง
“สวัสดีครับ คุณหนูนาเชิญนั่งก่อน”
“คุณดูไม่น่าที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดได้เลยนะคะ สวยขนาดนี้”
“ขอบคุณค่ะ” หนูนาไหว้พวกเขาก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแสนสบาย
“คุณจะทดสอบภาคปฏิบัติหรือสัมภาษณ์ก่อนดีครับ?” คุณธนาธรถาม
“ขอเป็นปฏิบัติก่อนก็แล้วกันค่ะ”
ชายหญิงทั้งสองเดินนำหนูนามาที่สวนหลังบ้าน ซึ่งมีชายตัวใหญ่ใส่ชุดดำนับสิบยืนเรียงกัน เธอแอบตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติและฟังคำอธิบายของคุณธนาธร
“ผมจะให้คุณสมมติว่าคนพวกนี้คือคนที่จะเข้ามาทำร้ายลูกชายผม ให้คุณแสดงการต่อสู้ให้ผมดู ไม่ต้องยั้งมือก็ได้ครับ อย่าเอาให้พวกเขาตายก็พอ” คุณธนาธรพูดติดตลกก่อนที่จะปล่อยให้ชายชุดดำเดินเข้ามาหาเธอ
ชายคนแรกทำท่าจะต่อยท้องเธอ หากแต่เธอสวนเตะเข้าที่ท่อนแขนก่อนจะถีบเข้าที่ท้อง
ชายคนที่สองพุ่งเข้ามารัดแขนเธอ เธอตกใจเป็นที่สุดจึงเผลอทุ่มเขาลงกับสนามหญ้าอย่างแรง
เมื่อเหล่าชายชุดดำรู้ว่าหากเข้าไปคนเดียวคงไม่สามารถชนะเธอได้แน่ ชายชุดดำจึงเขามาทีเดียวสามคน หนูนาจัดการเตะ ต่อย ถีบ บิด ทุ่ม ชายชุดดำไม่ยั้ง ยิ่งมองเหมือนเธอกำลังบ้า
คุณธนาธรเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยยุติการทดสอบปฏิบัติ “พอๆๆๆ คุณหนูนาเชิญในห้องนั่งเล่นอีกครั้งด้วยครับ”
หนูนาเดินตามสองชายหญิงเข้าไปในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ฝ่ายคุณหญิงดูเหมือนจะภาคภูมิใจมาก หากแต่คุณธนาธรยังคงหน้านิ่งๆ อยู่
“คุณหนูนาสอบผ่านครับ คุณเก่งจริงๆ”
“แฮ่กๆ ค่ะ” หนูนาแอบยิ้มฝืดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะโรคเข้าใกล้ผู้ชายไม่ได้ของเธอ เธอคงไม่มีวันชนะชายชุดดำพวกนั้นแน่ๆ
“คุณหนูนาอายุเท่าไหร่ครับ” คุณธนาธรเริ่มสัมภาษณ์
“21 ค่ะ”
“ครับ เอ่อ
ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่?”
“แล้วแต่เจ้านายค่ะ”
“มีโรคประจำตัวอะไรรึเปล่าครับ?”
“อะ
เอ่อ” หนูนาอึกอักแต่ก็จำใจต้องโกหกไปเพื่อให้ได้รับงาน “ไม่มีค่ะ”
“งั้นก็ยินดีด้วยครับ ผมจะรับคุณเข้าทำงาน นั่นมาพอดีเลย
” พูดยังไม่ทันจบคุณธนาธร(ว่าที่)เจ้านายของหนูนาก็หันไปมองผู้มาเยือน เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวสะอาดสะอ้านบ่งบอกความเป็นผู้ดี เขาเหลือบมองมาทางหนูนา เธอเกือบจะอ้วกออกมาแต่ก็ต้องกลืนมันลงไป ผู้ชายตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ เธอรู้สึกเวียนหัว เหมือนว่าผู้ชายคนนี้มีสองคน
“Hi!” เขายื่นมืออกมาให้เธอจับแบบการทักทายของชาวต่างชาติ เธอกำลังเวียนหัวและไม่ทันได้มองมือนั้น เขาจึงฉวยมือเธอมาจับแล้วเขย่าๆ เองเสียเลย อาการของเธอจึงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
เธอจับมือของเขาแน่นพร้อมกับบิดไปจนมีเสียงดัง ‘กร๊อบ’ คุณธนาธรหัวเราะลั่น ส่วนคุณผู้หญิงรีบเดินเข้ามาดูอาการลูกชาย ตอนนี้หนูนาปล่อยแขนของเขาแล้ว เธอลงมานั่งพับเพียบหอบแฮ่กๆ อยู่ที่พื้นแทน
“ฮ่าๆๆ เจ้าลูกบ้า อยากไปแตะตัวเขาเอง” คุณธนาธรว่าลูกชายก่อนที่จะหัวเราะต่อไป
“พ่อครับ
ผมเจ็บนะ นี่มือผมจะต้องหักแน่ๆ ดังกร๊อบแน่ะ เธอนะเธอ
ทำไมต้องรุนแรงกันด้วยละครับ” สิ้นเสียงชายหนุ่มเขาก็โดนผู้เป็นแม่หยิกเข้าที่แขนข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บอีก “โอ๊ย! คุณแม่หยิกผมทำไมละครับเนี่ย?” ชายหนุ่มถามพร้อมกับลูบแขนที่โดนหยิกป้อยๆ
“ตาซิงค์ไปแตะตัวคุณหนูนาเขาได้ลูก ลูกเป็นผู้ชายนะรีบไปหาหมอเลย” ผู้เป็นแม่ทำท่าจะไล่ลูกไป หากแต่ลูกชายตังดีกับพูดว่า
“ไม่ละครับแม่ เธอต้องพาผมไป เธอเป็นคนทำผมเองแท้ๆ” พูดเสร็จก็ทำหน้าตาแอ๊บแบ๊ว แบบว่าเหมือนโดนรถสิบล้อทับแขนก็ไม่ปาน นี่เธอแค่บิดแขนเองนะ ไม่ได้เอาปรณูมาขว้างใส่หัว
“นะคุณแม่ นะครับ” ซิงค์ส่งเสียงอ้อนจนผู้เป็นแม่อดใจอ่อนไม่ได้
“คุณหนูนาพอจะว่าอะไรมั้ยคะ?” เธอหันไปถามหญิงสาว มีหรือว่าเธอจะปฏิเสธผู้เป็นนาย
“ค่ะๆ” หนูนาตอบไปด้วยท่าทางไม่สู้ดี ปากของเธอแบะออก ทำท่าสะอิดสะเอียน หากแต่เจ้านายใหญ่ทั้งสองไม่เห็น มีเพียงเขาเท่านั้นที่เห็นการกระทำของเธอ
เธอเดินไปที่ลานจอดรถของบ้าน ชายชุดดำที่เป็นคนขับทำท่าจะขับรถให้เธอ หากแต่เธอปฏิเสธเพราะถ้าให้ชายชุดดำขับรถให้ เธอก็ต้องนั่งข้างหน้า(ข้างๆ ชายชุดดำหน้าตาเถื่อนๆ) หรือไม่เธอก็ต้องนั่งข้างหลังกับเขา(นายซิงค์จอมฉวยโอกาส(มั้ง?)) ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเธอเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะทำให้โรคเข้าใกล้ผู้ชายไม่ได้ของเธอกำเริบ ยังอาจจะทำให้เธอติดคุกหัวโตข้อหาฆ่าผู้ชายตายด้วย!
หนูนาขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ รอให้เขาเข้ามานั่ง ความจริงเธอขับรถไม่ค่อยแข็งสักเท่าไหร่ ค่อนข้างไปทางคำว่าห่วยแตกสุดๆ
ซิงค์ขึ้นรถมาแล้วมองหญิงสาวที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับด้วยแววตาทึ่ง นอกจากการป้องกันตัวที่เยี่ยมยอดแล้ว เธอยังสามารถขับรถได้อีกหรือนี่?! ผู้หญิงเก่งแบบนี้มีอยู่ด้วยเหรอ? เขาเองก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง ที่พอมีความรู้ในเรื่องพวกนี้บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้ ช่างน่าอายเสียนี่!
รถเฟอร์รารี่สีดำมันวาวค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างเชื่องช้า หนูนาในฐานะคนขับดูจะเกร็งๆ ไม่น้อย ซิงค์แอบถอดหายใจออกมา แขนเขาก็ใช้ได้ข้างเดียวเสียด้วย ชีวิตวัยหนุ่มของเขาจะต้องจบลงเพราะบอดี้การ์ดสาวหรือเปล่าเนี่ย
?
“ขับให้มันเร็วๆ หน่อยสิเธอ เดี๋ยวโรงพยาบาลก็ปิดหรอก ขับช้าอย่างนี้ชาติหน้านู่นกว่าจะไปถึง” เขาเอ่ยขึ้นเหน็บแนมหญิงสาว ทำให้อาการคลื่นไส้ของเธอกำเริบ เธอจึงเหยียบคันเร่งจนมิด รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า ชายหนุ่มที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกับหน้าคะมำทันที “เธอ!”
หญิงสาวขยับริมฝีปากกระตุกยิ้มแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่ม นั่นทำให้เธอรู้ว่าการกระทำนี้มันผิดถนัด! เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เสียจนเธอเกือบห้ามอาการไม่ได้ เธอรีบหันขวับกลับมาให้ความสำคัญกับท้องถนนทันที
ทางด้านชายหนุ่ม
เขารู้สึกสนุกสนานเวลาเห็นเธอทำท่าทางขยะแขยงเขา หากแต่เขาจะไม่แตะตัวเธอให้เจ็บตัวเองอีกต่อไปแล้ว
เขากลับพูดคล้ายเสียงกระซิบข้างๆ หูเธอแทน
“ดูๆ ไปเธอก็น่ารักดีน้า~”
หน้าของหนูนาแดงก่ำ เธอตวัดฝ่ามือไปข้างหลังหมายจะตบหน้าเขา แต่ชายหนุ่มไวกว่า เขาจับมือเธอได้ทันก่อนที่มือเธอจะให้สร้างสีสันให้ใบหน้าของเขา
หนูนารู้สึกเวียนหัว มองไม่เห็นถนนหนทางใดๆ แต่ก็ดึงมือออกมาจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม และพยายามเพ่งมองไปที่ถนน
แต่ช้าไปเสียแล้ว
เอี๊ยดดด~ โครมมม~
หนูนาขับรถชนรถกระบะคันสีแดงๆ ดีที่เธอขับรถไม่ค่อยเร็วมากนัก เสียแต่ว่าต้องลงไปจัดการ
“นายโทรเรียกให้คนที่บ้านนายมารับไปโรงพยายาบาลก่อน เดี๋ยวฉันจะจัดการทางนี้เอง” เธอเปิดประตูรถลงไปแล้วเพ่งมองป้ายที่ติดไว้กลางรถ
‘มูลนิธิปอเต็กตึ้ง’
ว้ากกก~!! นี่เธอขับรถชนรถเก็บศพเหรอเนี่ย?
“คุณขับรถภาษาอะไร เรียกประกันมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผม
”
ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ สติของหนูนาก็ดับไปพร้อมกับความตกใจที่ว่า ‘เธอขับรถชนรถเก็บศพ’
ช่างเป็นอะไรที่วุ่นวายเช่นนี้ คนนี้ก็แขนหัก อีกคนก็เป็นลม ที่เหลือก็คงเป็นหน้าที่ของบอดี้การ์ดชุดดำที่จะมาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นเสียแล้ว!
ความคิดเห็น