คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Sadness: ความโศกเศร้า
20 ธันวาคม 2035
ร้านไก่ทอดวิลเลี่ยม
“เป็นไงบ้างครับช่วงนี้” ผมทักทายลูกจ้างของวิล ผมกับฮอว์คปลอมตัวเป็นลูกค้ามาสำรวจโครงการส่งเสริมการมีงานทำที่ผมประชุมไปเมื่อคราวก่อน ผมยังไม่เห็นวิลเลี่ยม แต่ก็ลองคุยกับพนักงานทอดไก่ดู
“ก็เรื่อยๆ แหละครับ" เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ
"คุณมีความสุขกับงานไหม? " ฮอว์คยิงคำถามตรงๆ
"ผมเคยเป็นนายธนาคาร ตั้งแต่ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา ผมก็ตกงานทันที พอไปของานจากรัฐ ก็ต้องมาขายไก่ทอดบ้าๆ นี่” เขาบ่น แต่ก็ยังคงง่วนกับการทอดไก่ “แต่นี่ก็ดีกว่าไม่มีงานทำเลย” เสียงของเขาอ่อยลง
ผมกับฮอว์คมักปลอมตัวไปตามร้านสาขาของวิลเพื่อฟังความเห็นของลูกจ้าง ผลตอบรับจากโครงการของผมไม่ดีเอาเสียเลย หลายคนบอกว่านี่ไม่ใช่งานที่เขา 'อยากทำ' ทุกครั้งที่เราได้ฟังความเห็นเหล่านี้ ฮอว์คจะชอบขมิบปากให้ผมเห็นคนเดียวว่า ‘ยุ่งยาก’
โควทคำคมยอดฮิตสมัยก่อนเคยบอกไว้ว่า 'ผู้คนมักจะมองข้ามสิ่งที่ตนมีเสมอ' หลายคนฝันว่าจะได้กลับไปทำงานที่ตนเคยมีความสามารถ แต่ระบบเหล่านั้นมันถูกแทนด้วยอะไรที่ ‘มีความสามารถกว่า’ ไปแล้ว และเป็นความจริงที่การแก้ปัญหาเหล่านี้มัน ‘ยุ่งยาก’ แบบที่ฮอว์คบอกผมเสมอมา ขนาดรัฐบาลยังไม่จริงจังที่จะทำ ทำไมคนจาก Cyber Life แบบผมถึงต้องคิดเพื่อคนพวกนี้ด้วยนะ
“ผมรู้สึกแย่ งานทอดไก่นี่ใช้แอนดรอยด์ทำก็ได้” พนักงานคนหนึ่งบอกผม
“แต่นี่มันงานของคุณนะ ผมหมายถึง อย่างน้องก็มีงานทำ” ผมพูดเสียงจริงจัง
“แล้วคุณทำงานอะไรล่ะ?” เขาตอบผมด้วยคำถาม
“นักเขียนครับ... แต่มันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่หรอก” ผมไม่ได้โกหกเขา ผมเป็นนักเขียน แต่เขียนโปรแกรมแทนหนังสือน่ะ พนักงานคนนั้นนิ่งไป
“นักเขียน ถ้าขายดีก็คงได้เงินพออยู่ได้ ไม่ต้องมาทำงานแรงงานแบบนี้... ถ้าเก็บเงินได้ ผมคิดว่าจะลาออก ผมทนทำงานไร้ความสามารถพวกนี้ต่อไปไม่ได้ ผมจะย้ายไปอยู่แคนาดา” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเหลืออดเจือโมโห
“คุณจะปล่อยให้เมืองนี้มีแต่แอนดรอยด์งั้นหรือ” ฮอว์คยิงคำถาม
“ช่างมันปะไร ตอนนี้มันก็เป็นอย่างงั้นนี่ หรือคุณว่าไม่จริง” เขายักไหล่ แล้วทำงานต่ออย่างเหม่อลอย
สำหรับบางประเทศที่ยังมีการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนกันอยู่ งานบางอย่างถูกสงวนไว้ให้มนุษย์ทำเท่านั้น แต่ที่ดีทรอยต์ เหมือนแอนดรอยด์จะได้รับความนิยมมากกว่า หลายคนเลยตกงาน รวมทั้งอาชีพที่เป็นทักษะชั้นสูงแบบวิศวกร และแพทย์
“เฮ้ ชอว์น เป็นยังไงมั่ง” วิลตะโกนเรียกผม เขาเดินร่าเริงเข้ามาหาผม
ผมยอมรับว่าหลายวันมานี้ ผมรู้สึกเศร้า ตอนนี้ผมต้องทำวิจัยเพื่อยืนยันว่าคุณภาพชีวิตของผู้คนในโครงการดีขึ้น แต่การได้ฟังคนพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตัวเองบ่อยๆ ทำให้จิตใจของผมหม่นหมอง แต่ทุกครั้งที่ผมเศร้า ผมจะมาหาวิล ถึงฮอว์คเป็นเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่เรามีทัศนคติไม่ตรงกันในบางเรื่อง ส่วนวิลเราไปด้วยกันได้ดี เขาเป็นคนมองโลกอย่างตรงไปตรงมา ผมเลยชอบคุยกับเขา
“ผมมาทำวิจัยต่อน่ะ”
“เฮ้ย ผมว่าคุณควรจะพักบ้างนะ" ผมรู้สึกล้า เลยแหงนหน้าแล้วหลับตาลงครู่หนึ่ง
“แล้วที่ร้านของคุณเป็นอย่างไรบ้าง" ผมยังคงพักสายตา วิลไม่ถือสาผมที่เป็นแบบนี้ เขาเดินไปเอาเครื่องดื่มและอาหารมาวางตรงหน้าผม
“มันเหมือนจะไปได้ด้วยดีนะ แต่ก็ไม่...” วิลพูดตรงๆ “ดูเหมือนนายจะต้องส่งแอนดรอยด์มาทำแทนในบางสาขาเสียแล้วล่ะ” วิลพูด
“ทำไมล่ะ?” ผมสงสัย
“พวกเขาบอกว่าโครงการนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนโดนดูถูก การที่พวกเขาเคยทำงานที่ใช้ความสามารถมาก่อน แต่วันหนึ่งต้องมาทอดไก่ มันทำให้พวกเขาซึมเศร้าได้นะ... บางคนก็กลับไปติดยา”
"ผมเสียใจที่โครงการของผมเริ่มจะล้มเหลว" ผมพูดอย่างอ่อนแรง
"แต่ก็มีพวกที่ไม่ยอมทิ้งโอกาสนะ แบบนายยูจีนนั่นยังไงล่ะ” วิลชี้ไปทางยูจีนที่ท่าทางขยันขันแข็ง
ผมกับวิลสรุปยอดขาย ตัวเลขทุกอย่างไปได้สวยก็จริง แต่ความพึงพอใจของพนักงานและลูกค้านั้นตกฮวบ ลูกค้าให้ความเห็นว่าคนขายไม่ค่อยมี Service Mind ดูเหมือนไม่เต็มใจทำงาน และความพึงพอใจของพนักงานก็ออกมาในทางเดียวกัน พวกเขาบ่นว่างานนี้เป็นงานชั่วคราวที่ทำพอให้มีข้าวกิน ความคิดเห็นเชิงลบเหล่านี้ทำให้ผมเริ่มคิดมาก บางทีผมควรจะหยุด แต่นี่เพิ่งผ่านมาได้เกือบเดือนเอง
“ผมจะช่วยพวกเขาได้ยังไง วิล” ผมก้มหน้า เอามือขยี้หัว เผื่อสมองจะโล่งขึ้นมาบ้าง
“รู้อะไรไหมชอว์น... เราช่วยเขาทั้งหมดไม่ได้หรอก” วิลดันแก้วโซดากลิ่นวานิลลาให้ผม เขารู้ว่าผมชอบ
“แต่มันเป็นปัญหาที่เราต้องแก้ไข” ผมพูดเสียงอ่อย
“ใครว่านาย 'ต้อง' แก้ไข” วิลเน้นเสียง
“พวกเขาต่างหากที่ต้องแก้ไขตัวเองบ้าง” วิลพูดอย่างหนักแน่น
“ผมขายไก่ทอด เพราะผมชอบกินไก่ทอดฝีมือของคุณยาย” วิลบอกผมไม่รู้กี่ครั้งเรื่องนี้ แต่ตาของเขามักจะมีประกายเสมอ “แต่ผมก็ไม่ได้อยากได้พนักงานที่วันๆ เอาแต่บ่นว่าชีวิตเฮงซวย... มันทำให้ไก่ทอดของผมรสเจื่อนลงเปล่าๆ”
“คุณว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันถูกไหม วิล?” สบตาเขา ตอนนี้ผมต้องการคำแนะนำอย่างจริงจัง
“คิ้วนายขมวดเข้าหากันหมดแล้ว” วิลเอานิ้วชี้จี้คิ้วที่ผูกกันเป็นโบว์กลางหน้าผากของผมให้ยุบลง
“ผมตอบไม่ได้หรอกชอว์น แต่สิ่งที่คุณไม่ควรทำเลย ก็คือ 'ให้ความหวัง'” วิลสูดโคล่ารสวานิลลาอึกใหญ่ หลังเห็นว่าผมไม่ได้แตะต้องมัน
“บอกพวกเขาไปตามความจริง และให้พวกเขาเลือกกันเอง” วิลตบบ่าผม
“บางคนการได้งานทำคือสวรรค์ บางคนเหมือนกลับมาตกนรกเสียอย่างนั้น” วิลแค่นหัวเราะ
“ทำไมผมไม่คิดได้อย่างคุณนะ”
“ผมแค่คิดตามความเป็นจริง ไม่ได้คิดซับซ้อนอะไรเลยชอว์น”
“ผมว่าผมควรยุติโครงการขายฝันนี้” แม้ในใจอาจจะไม่ยอมรับ แต่นี่ไม่ใช่งานที่ผมถนัดเลย ผมควรกลับเข้าไปอยู่ในห้องวิจัย คิดซอฟต์แวร์ใหม่ๆ มาใส่หุ่นแอนดรอยด์ ไม่ต้องมารับฟังความคิดที่เป็นพิษบ่อยๆ ด้วย
“ร้านที่ ‘เปิดได้’ ผมก็จะเปิดต่อไปนะชอว์น ผมจะดูแลพวกเขาจนกว่าเขาจะลาออกกันไปเอง คุณเชื่อใจผมได้” วิลยิ้ม ผมรู้สึกได้รับกำลังใจ อย่างน้อย คนบางกลุ่มก็ยังจะได้รับความช่วยเหลือต่อไป
ตอนนี้ภายในใจของผมเหมือนมีหลุมดำ ผมรู้สึกผิดพลาด เหมือนโลกที่สวยงามของผมพังทลายลงมาเมื่อเจอความคิดเห็นจริงของพนักงานกลุ่มใหญ่ ผมเหนื่อย รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเหลือเกิน อากาศข้างนอกร้านที่เริ่มหนาวเหน็บทำให้ผมยิ่งหดหู่ ผมไม่กล้าสู้หน้าฮอว์ค ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรให้ผมเสียน้ำใจ
ศูนย์วิจัย Cyber Life
21 ธันวาคม 2035 เวลา 10.00 น.
เมื่อวานหลังจากที่ผมส่งผลการสำรวจให้ทีม ไม่มีใครติดใจอะไรในโปรเจกต์ที่ ‘ล้มเหลว’ ของผม ตัวผมเองถูกส่งกลับให้มาช่วยฮอว์คเขียนโปรแกรม ‘Amanda’ แทน ฮอว์คบ่นว่าเขาไม่สามารถทำคนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว
“ก่อนอื่น เราต้องรู้ว่า Deviant คิดอะไร” ผมบอกฮอว์ค
“เราสำรวจจากข้อมูลที่บันทึกไว้ของพวกเขาได้” ฮอว์คไล่สไลด์ดู เราพบว่าหุ่นแอนดรอยด์บางตัวมีอาการคล้ายๆ แดเรียล แต่เราสามารถรีเซ็ทระบบได้ทัน เลยไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น เราแอบเจาะเข้าระบบหุ่น Deviant บางตัวเพื่อศึกษา แต่นั่นก็ยังมืดแปดด้านอยู่
“ผมว่ามันมีวิธีนะ... ผมนึกอะไรดีๆ ออกแล้ว เราก็ทำตัวเป็นแอนดรอยด์เสียเองไง” ผมน่าจะนึกออกตั้งนานแล้ว
“ใช้ปลอกแขน กับอุปกรณ์แปลคลื่นสมองดีไหม ผมจะ 'ลอง' กับแดเรียลดูก่อน”
“อุปกรณ์แปลคลื่นสมอง... มันเสี่ยงมากนะ นายจะเชื่อใจ RK1210 ได้แค่ไหน” ฮอว์คหลิ่วตามาอย่างจับผิด อุปกรณ์แปลคลื่นสมองคือเครื่องมือที่ทำให้ข้อมูลของสมองกลายมาเป็นกระแสไฟฟ้า แล้วก็สามารถบันทึกมันไว้ได้ตลอดกาล เพียงแต่มันอยู่ในขั้น 'กำลังพัฒนา'
“นายคงไม่ได้ชอบเจ้าหุ่นนั่นเข้าแล้วใช่ไหม?” เขาเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย
“ถ้าผมบอกว่า ผมชอบเขาแล้วล่ะ เขาดูแลผมดีนะ” ผมยียวนใส่ฮอว์ค เขาถลึงตาเหยี่ยวของเขาให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้ใส่ผม ผมว่าเขาตลกดีเวลาทำหน้าแบบนี้
“นายจะรักตุ๊กตาของนายก็ได้ แต่สักวันนายจะต้องเติบโต และทิ้งตุ๊กตาของนายไป เราเป็นมนุษย์นะชอว์น เรามีชีวิต” ฮอว์คพูดอย่างจริงจัง เน้นตรงประโยคสุดท้าย ผมเข้าใจสิ่งที่เขากำลังสื่อออกมา ถ้าผมเป็นแอนดรอยด์ ตอนนี้ไฟ LED ของผมคงเป็นสีแดงหมุนติ้ว
“เขามีชีวิต อย่างน้อยผมก็มองว่าแบบนั้น” ผมเถียงกลับ
“ตามใจ... แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง" ฮอว์คตัดบท
"บ่ายนี้ผมมีกำหนดการเข้าพบ มาร์แชล เฮนเนสซี ดูท่าผมคงต้องปล่อยให้คุณจัดการงานคนเดียวเสียแล้วสิ”
ฮอว์คก้มหน้าไถแท็บเล็ตต่อไปเรื่อยๆ มาร์แชลเป็นนายกเทศมนตรีในตอนนี้ เขาเป็นพวกอนุรักษนิยมที่ได้ฐานเสียงจากคนต่อต้านแอนดรอยด์ สิ่งทีย้อนแย้งเสมอก็คือ รัฐบาล ‘เป็นเจ้าของ’ Cyber Life ด้วยการถือหุ้นส่วนใหญ่ไว้
“คุณอยากให้ผมบอกอะไรเขาไหม?” ฮอว์คเงยหน้าจากแท็บเล็ตโปร่งแสง หน้าของเขาดูอ่อนล้า มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ จากจอสะท้อน
“ผมอยากให้คุณพูดเรื่องสิทธิความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับแอนดรอยด์ด้วย” ผมโพล่งออกไป
“นายนี่มันชอบหางานยุ่งยากมาให้ผมทำเรื่อยเลยนะชอว์น” ฮอว์คเดินเกาหัวออกจากแล็บไป
บ้านชอว์น
21 ธันวาคม 2035 21.00 น.
ผมให้แดเรียลอยู่เฝ้าบ้าน ช่วงนี้เขาง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือการ์ตูนที่ผมสะสม ตั้งแต่ที่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้รับความนิยม การ์ตูนที่พิมพ์ด้วยกระดาษก็เลิกผลิต ทำให้มันกลายเป็นของสะสมที่มีค่า และดูเหมือนแดเรียลจะชอบอ่านมันมาก โดยเฉพาะมังงะที่เป็นการ์ตูนจากญี่ปุ่น เขาดูจะเพลิดเพลินมากเสียจนไม่ทันสังเกตว่าผมกลับมาแล้ว ผมจึงกระแอมหนึ่งที
อะแฮ่มๆ
“กลับมาแล้วหรือครับชอว์น” แดเรียลยิ้มต้อนรับผม เขายังนั่งอ่านหนังสืออยู่บีนแบ็คตัวโปรดของเขา
“ผมอยากทำอะไรบางอย่างกับคุณ” ผมพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปรกติ เขาอาจจะไม่ชอบถูกอ่านความคิดก็เป็นได้ และถ้าเป็นอย่างที่ฮอว์คพูด ผมจะถูกอ่านความคิดกลับ นั่นอาจจะทำให้ข้อมูลของ Cyber Life ที่ผมมีรั่วไหลออกไป ผมลังเล มองหน้าแดเรียล
“ครับ?”
เขาวางหนังสือการ์ตูนลง แล้วลุกขึ้นยืน ผมหงายแขนขวา ยื่นออกไป นี่เป็นท่าแลกเปลี่ยนข้อมูลของแอนดรอยด์ เขายังคงสงสัย แต่ก็ยื่นมือซ้ายมาวางทับ
ไฟ LED ของแดเรียลเป็นสีแดงแทบจะในทันที รูม่านตาของเขาเบิกโพลง
“ผมเห็นความคิดของคุณ ชอว์น... คุณกำลัง... ผมไม่เข้าใจ” เขาแสดงสีหน้าสับสน
“ผมกำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณ มันเป็นอย่างไรบ้าง?” ผมถามแดเรียล
สิ้นคำถาม แดเรียลเอามือขวาคว้าตัวผมไว้ เขากอดผมแน่น มือซ้ายของเขาประสานกับมือขวาของผม ผมรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต กล้ามเนื้อของผมชาไปทั่วร่าง ตอนนี้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
เหมือนโลกถล่มลงมา ผมอ่านความคิดของแดเรียลได้ ไฟล์ของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมดูกล่องไฟล์ที่ขนาดใหญ่ที่สุด เข้าถึงข้อมูลนั้น แต่ก็ทำให้ผมทะลักด้วยคำว่า 'ขอโทษ' เต็มไปหมด พอข้อมูลของเขากับผมรวมกันทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมแบกรับไว้มันหนักเหลือเกิน ผมเศร้าลงอย่างควบคุมไม่ได้ ผมปวดหัว และรู้สึกเหมือนจะร้องไห้
“หัวใจคุณเต้นไม่เป็นจังหวะ สมองส่วน Anterior cingulate cortex เร่งการทำงานของ Vagus Nerve ทำให้กล้ามเนื้อคอ หน้าอก และช่วงท้องของคุณบีบรัด... คุณกำลังเศร้าอย่างรุนแรง” เสียงของแดเรียลตกใจมาก เขาสะบัดมือที่เราประสานกันทิ้ง
จู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมา ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ข้อมูลต่างๆ วิ่งวนในหัวผม สิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อคนอื่นมันไร้ค่า ความรู้สึกผิดของแดเรียล พอมันมารวมกัน หลุมดำในท้องผมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับแรงสะอื้น
“ไม่เป็นไรนะครับ ผมอยู่ตรงนี้”
เขาลูบหลังผมเพื่อปลอบใจ มืออีกข้างลูบท้ายทอยผมอย่างแผ่วเบา ผมซบหน้าลงกับไหล่ของเขา โดยปรกติแล้ว ผมไม่ร้องไห้ออกมาให้ใครเห็น แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมร้องไห้มันจะหยุดยากเหมือนเขื่อนแตก ที่บ่าของแดเรียลเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกของผม อุณหภูมิของแดเรียลอุ่นขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเหมือนกับมนุษย์ เขาตอบสนองต่อผม
“ในวันที่เศร้าที่สุด คุณยังมีผมเสมอนะครับชอว์น”
แดเรียลแทบจะอุ้มผม เขากอดรัดผมแน่น โยกตัวไปมา สุดท้ายผมก็เหนื่อยจนทิ้งตัวลงบนร่างของเขา แดเรียลทรงตัวไม่อยู่ ทรุดลงบนโซฟาโดยมีผมอยู่บนตัวเขาอีกที ผมเงยหน้าขึ้นมา ดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ไม่มีแรงพอ สุดท้ายผมก็ร้องไห้บนตัวแดเรียลต่อ
“ฮึก...ฮือ”
สีหน้าของแดเรียลกังวล เราประสานมืออีกครั้ง คราวนี้ผมเห็นข้อมูลของเขาในอีกลักษณะ ในนั้นฉายภาพของผมกำลังสะอื้น ผมทึ่งกับสิ่งที่ได้รับรู้ ผมสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนที่มีผลต่อการตัดสินใจของ Deviant ได้เป็นครั้งแรก ชุดคำสั่งของเขามีระบบเลือกอัตโนมัติ โดยปัจจัยสำคัญที่เลือกในทุกคำตอบคือผม มันแปลกมาก เพราะปรกติแล้วแอนดรอยด์จะเลือกทำตาม ‘คำสั่ง’ เท่านั้น จะไม่ตัดสินใจทำอะไรเอง นี่มันแปลกมากๆ
“ผมรู้ว่าคุณคิดอะไร?” เขาเอาศีรษะอิงเข้ากับผม
“ผมก็รู้ว่าคุณคิดอะไรแล้ว ชอว์นครับ...ผมดีใจ”
แดเรียลกำลังดีใจที่สามารถอ่านความคิดของผมได้ เพราะอุปกรณ์เปลี่ยนคลื่นสมองเป็นข้อมูลที่ทีมเราวิจัยค้างไว้ โปรเจกต์นี้เกิดจากความคิดที่ว่า ‘เราอาจจะต้องการเก็บสมองของบางคนไว้ชั่วนิรันดร์ก็ได้’ แต่อุปกรณ์มันอยู่ในขั้นพัฒนา ที่ผมตัวชาคงเพราะคลื่นไฟฟ้าของแดเรียลแรงเกินไป
“คุณสวยมาก” แดเรียลพูด
“สวย? ผมไม่เข้าใจ”
“ความคิดของคุณ มันเป็นระเบียบ และสวยมาก”
“แดเรียล ผมขอให้คุณหยุด” ผมโดนแอนดรอยด์คุกคามทางความคิดเหรอเนี่ย
“ไม่ครับ ผมชอบดูความคิดของคุณ ระดับความเศร้าของคุณกำลังลดลง ตอนนี้คุณกำลังเขินอาย”
“แดเรียล ผมขอร้อง” ผมอายจนแทบจะมุดหน้าเข้ากับแผงอกของเขา พอนึกได้ว่าตัวของผมแนบอยู่กับตัวของเขาบนโซฟา ผมก็สะดุ้งยืนขึ้น
“ผม เอ้อ.... ขอโทษ” ผมวิ่งขึ้นไปล้างหน้าที่ห้องนอน ทิ้งแดเรียลไว้แบบนั้น นี่มันเป็นความรู้สึกที่แปลก แปลกมากๆ แทบจะในทันที ที่แท็บเล็ตของผมสว่างวาบขึ้น
ฮอว์ค: ได้รับข้อมูลแล้ว คุณเข้าถึงมันได้ คุณต้องการให้ผมไปหาไหม
แดเรียล: ไม่ครับ ผมดูแลชอว์นได้
ฮอว์ค: หลบไปไอ้หุ่นกระป๋อง ผมจะคุยกับชอว์น
แดเรียล: คุณนั่นแหละครับฮอว์ค ที่ควรพักผ่อนได้แล้ว
สิ้นสุดการสื่อสาร
แดเรียลตัดสายฮอว์คทิ้ง ดีเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าข้อมูลที่ฮอว์คได้ไปคืออะไรบ้าง แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก ผมต้องการการพักผ่อน ผมทิ้งตัวลงบนเตียง
“ชาคาโมมายล์ครับชอว์น”
แดเรียลวางถ้วยชาลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง เขาปลดอุปกรณ์ ‘แกล้งเป็นแอนดรอยด์’ ของผมออก
“นายไม่อยากได้ยินความคิดของผมอีกแล้วหรอ?” ผมถามเขากลับเสียงหอบ การร้องไห้เนี่ยมันเหนื่อยจริงๆ ให้ตายสิ
“ผมอยากให้คุณเล่าออกมาเองดีกว่าครับชอว์น" แดเรียลเอามือลูบปอยผมของผมที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงมาก
"ตอนนี้คุณต้องการอาหารอ่อน” แดเรียลทำท่าจะลุกยืนขึ้น
“ตอนนี้ผมต้องการคุณ”
ผมมองไปที่แอนดรอยด์ผิดปรกติของผม ผมไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป แต่ที่แน่ๆ เวลาแบบนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว
“ครับชอว์น ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”
เขายิ้มกลับมา ราวกับมีสายลมพัดเอาความเศร้าออกไป แดเรียลทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผม เราเหม่อมองเพดานไปพร้อมกัน ผมขยับตัวให้หนุนบนต้นแขนของเขาได้ เราอยู่ในท่านี้ทั้งคืน ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ เราเหมือนเชื่อมชีวิตกันในเสี้ยววินาที ความทรงจำของเขาที่อยู่ในหัวผมมันชัดเจนมาก ส่วนที่เศร้าที่สุดของเขามันทำให้หัวใจผมปวดไปด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาจะเศร้าแบบผมบ้างไหม แต่บางทีการที่เขายังอยู่กับผมตอนนี้ คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า เรา 'เชื่อมโยงกันได้ด้วยความเศร้า' ผมทิ้งคืนนี้ให้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ความคิดเห็น