คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : แนวคิดจักวรรดินิยมที่นำไปสู่ สงครามโลกครั้งที่1
►แนวคิดจักวรรดินิยม◄
ตามลัทธิจักวรรดินิยมยุโรป
นำไปสู่การเผชิญหน้าของ 2 มหาอำนาจในยุโรปคือ
1.ไตรภาคี (Triple entente มาจากฝรั่งเศส ententeหมายถึง "ข้อตกลง")
กลุ่มของ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย
เพื่อยับยั้งฝ่ายมหาอำนาจกลาง และยังเป็นแผนการของฝรั่งเศสซึ่งต้องการโอบล้อมจักรวรรดิเยอรมัน
2.ไตรพันธมิตร (Triple
Alliance Alliance หมายถึง "พันธมิตร")
*พันธมิตรทหารระหว่างเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการีและอิตาลี
โดยให้สัญญาจะช่วยเหลือกันในกรณีที่ถูกโจมตีจากรัฐมหาอำนาจอื่นอีกสองรัฐ
►ความเป็นมาในอดีต◄
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
เคยเป็น 1ใน มหาอำนาจโลก (รองจาก รัสเซีย และ เยอรมนี)
แต่เพราะความ
ทะเยอทะยานอยากขยายอิทธิพล กลับทำให้ล่มสลายไปพร้อมกับราชวงศ์ผู้กลุ่มอำนาจ
เชื้อแห่งสงครามถูกบ่มเพาะขึ้นในคาบสมุทรบอลข่าน ที่เป็นพื้นที่กันชนของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีกับจักรวรรดิออตโตมัน
แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิออตโตมันที่กำลังเสื่อมถอยก็ค่อยๆเสียอิทธิพลในคาบสมุทรแห่งนี้ไป
เมื่อถึงปลายศตวรรษเพื่อยับยั้งอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคมหาอำนาจในยุโรปจึงเข้าแทรกแซงข้อพิพาท
(Congress of Berlin, 1878) โดยตกลงกันให้จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเข้ามามีอำนาจในการบริหารจัดการดินแดนบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
(โดยยังถือว่าดินแดนดังกล่าวอยู่ใต้อธิปไตยของออตโตมัน)
ทำให้ชาวเซิร์ป+ชาวสลาฟ ไม่พอใจอย่างแรง และเมื่อออสเตรีย-ฮังการีประกาศผนวกเอาดินแดนบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิพร้อมกันนั้น
ก็สร้างความประหลาดใจให้กับชาติมหาอำนาจอื่นๆ
และก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ทางการทูตเป็นระยะเวลาหลายเดือน....
ภาวะความตึงเครียดในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนายิ่งขยายตัวมากขึ้นในช่วงสงครามบอลข่านครั้งที่
1 ในช่วงปี 1912-13
(พ.ศ. 2455-2456)
เมื่อเซอร์เบียได้แพร่อิทธิพลลงใต้ขับไล่กองกำลังชาวเติร์กออกจากโคโซโว, โนวีพาซาร์
(Novi Pazar, เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของเซอร์เบีย) และมาซิโดเนีย
ในเดือนพฤษภาคม 1913 ข้าหลวงผู้ดูแลด้านการทหารแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
ยุบรัฐสภา สั่งปิดสมาคมทางวัฒนธรรมของชาวเซิร์บทั้งหมด
พร้อมกับสั่งงดการใช้ศาลยุติธรรม
หนึ่งปีให้หลัง ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์
อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย (Franz Ferdinand, Archduke of Austria) รัชทายาทโดยพฤตินัยของจักรพรรดิฟรานซ์
โจเซฟ (Emperor Franz Joseph)
[เนื่องจากมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟ (Rudolf, Crown Prince of Austria) พระโอรสของจักรพรรดิโจเซฟ ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม
ทำให้อาร์ชดยุกคาร์ล ลุดวิก (Karl
Ludwig, Archduke of Austria) พระบิดาของอาร์ชดยุกฟรานซ์
เฟอร์ดินานด์ และพระอนุชาของจักรพรรดิโจเซฟเป็นผู้สืบราชบัลลังก์โดยธรรม
แต่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อน]
ได้เสด็จมายังบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเพื่อเยี่ยมชมการซ้อมรบในวันที่
28 มิถุนายน 1914
(พ.ศ. 2457)
ระหว่างเสด็จพระดำเนินด้วยรถเปิดประทุนในกรุงซาราเยโวของบอสเนีย
อาร์ชดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์พร้อมด้วยพระชายาถูกลอบยิงสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือของกาฟริโล
พรินซิป (Gavrilo Princip) ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ สมาชิกกลุ่ม Mlada Bosna (หรือ Young
Bosnia ขบวนการปฏิวัติของคนรุ่นใหม่ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
สมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวเซิร์บ)
แผนการดังกล่าวเชื่อกันว่า ดรากูติน ดิมิตริเยวิช
(Dragutin
Dimitrijevic, หรือ Apis) นายทหารหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของกองทัพเซอร์เบีย
และผู้กองตั้งองค์กร "หัตถ์ทมิฬ" (Black Hand)
น่าจะเป็นผู้ที่บทบาทสำคัญในการวางแผน
ซึ่งนิโกลา ปาซิส (Nicola Pasic) นายกรัฐมนตรีเซอร์เบียในขณะนั้นและศัตรูทางการเมิองของดิมิตริเยวิช ได้เตือนถึงแผนการดังกล่าวไปยังรัฐบาลออสเตรียก่อนล่วงหน้าแล้ว
แต่คำเตือนดังกล่าวกลับเลือกใช้คำอย่างระมัดระวังจนอีกฝ่ายไม่อาจเข้าใจสารที่ต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน
หลังเกิดเหตุออสเตรีย-ฮังการีได้ยื่นข้อเรียกร้องที่คาดว่าเซอร์เบียจะไม่ยอมรับแต่แรก
แต่ปรากฏว่าในวันที่ 25 กรกฎาคม
เซอร์เบียได้รับข้อเรียกร้องเกือบทั้งหมด
นอกเสียจากข้อเรียกร้องให้ปลดเจ้าหน้าที่เซอร์เบียตามคำสั่งออสเตรีย-ฮังการี
และข้อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ออสเตรีย-ฮังการีมีอำนาจในดินแดนของเซอร์เบียเพื่อการสอบสวนคดีลอบปลงพระชนม์
ด้านจักรพรรดิวิลเลียมที่ 2 แห่งเยอรมนีพันธมิตรของออสเตรีย-ฮังการีเมื่อได้ทรงทราบการตอบรับข้อเรียกร้องของเซอร์เบียก็ได้มอบนโยบายให้กับกระทรวงต่างประเทศให้แจ้งออสเตรีย-ฮังการีว่า
เหตุในการประกาศสงครามนั้นได้สิ้นไปแล้วในวันที่ 28
กรกฎาคม แต่ลีโอโปลด์
กราฟ ฟอน เบิร์ชโทลด์ (Leopold Graf
von Berchtold) เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรีย-ฮังการีได้ยุยงให้จักรพรรดิฟรานซ์
โจเซฟประกาศสงครามกับเซอร์เบียได้สำเร็จในวันเดียวกันนั่นเอง
เหตุการณ์ที่น่าจะสามารถยุติได้ด้วยวิถีทางการทูตจึงลุกลามดึงให้หลายประเทศที่เป็นพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมสงคราม
จนกลายเป็นมหาสงคราม (The Great War)
หรือสงครามโลกครั้งที่
1 ตลอดการสู้รบกว่า
4 ปี
หลังสิ้นสุดสงครามยังทำให้จักรวรรดิเยอรมนี
ออสเตรีย-ฮังการี และออตโตมันล่มสลายไปพร้อมกับราชวงศ์ผู้ปกครอง
รวมถึงราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียที่ถึงกาลสิ้นสุดหลังการปฏิวัติในปี 1917
ความคิดเห็น