สังคมไม่ขมอย่างที่คิด Junko Sang.

ลำดับตอนที่ #11 : เหตุการณ์สมัยกลาง :สงครามครูเสด

สงครามครูเสด

Crusades หรือ สงครามไม้กางเขน

ส่วนใหญ่มักหมายถึงสงครามครั้งใหญ่ระหว่าง

ชาวมุสลิม VS ชาวคริสต์

→สงครามครูเสดในมุมมองคริสต์

ชาวคริสต์มองว่า…

                                               สงครามครูเสด คือ สงครามไม้กางเขน                        

    (เดิมมาจากคำว่า “ครอส” cross →  Crossed → Crusade )

·    และเดิมทีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (เยรูซาเลม) 

นั้นเป็นของชาวคริสต์อยู่แล้ว แต่ถูกชาวมุสลิมรุก

·    ผู้นำศาสนายังประกาศว่าผู้ใดที่ร่วมรบจะได้ขึ้นสวรรค์ 

ถือหลักว่า “ต่อสู้เพื่อความถูกต้องตามหลักศาสนา”

→สงครามครูเสดในมุมมองมุสลิม

ชาวมุสลิมมองว่า…

·    เป็นการที่คริสต์รุกรานมุสลิม 

·     และคิดว่าเกิดจากการที่ชาวคริสไม่พอใจชาวมุสลิม

ที่ไม่ต้อนรับพวกเขาในการเข้าไปแสวงบุญที่ เยรู-ซาเลม

“สงครามครูเสด” ยังมีความหมายว่า

·    การต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรม

·    เป็นสงครามที่ต่อสู้ความถูกต้องตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

(ชาวมุสลิมใช้คำว่า “จิฮัด”=ความพยายามที่จะเพิ่มศรัทธาในพระเจ้า)

·    ภายหลังคำว่า สงครามครูเสด ถูกนำไปใช้ในทำนองว่า...

“ฆ่าคนนอกรีต-คนต่างศาสนา ไม่บาป แล้วยังได้ขึ้นสวรรค์”

♦สาเหตุหลักของสงคราม ♦

·    ความขัดแย้งของ ชาวคริสต์กับอิสลาม ตั้งแต่ คริสต์ศตวรรษที่ 7 ...เมื่อมุสลิมบุกรุกยุโรปและยึดดินแดนบางส่วนได้

♦ผล♦

·    ทำให้ชาวคริสต์ต้องรบต่อต้าน และ สกัดกั้นการแผ่อำนาจของมุสลิม

โดยเหตุการณ์สำคัญ คือ

‘ ชัยชนะของ ชาร์ล มาร์แตล  ’

เขามีชื่อเสียงเพราะ...

ได้รับชัยชนะในยุทธการที่ตูร์(Tour) ค.ศ.732

ซึ่งเป็นยุทธการที่เป็นการหยุดยั้งการรุกรานของกองทัพมุสลิมขึ้นมาทางเหนือและตะวันตกของยุโรป

แต่กระนั้น!!...

พวกมุสลิมก็ยังเป็นภัยต่อ

“โรมันตะวันออก/ไบเซนไทน์”อยู่ดี

อีกทั้งยังมีการรุกรานของ…

“พวกเติร์ก(นับถืออิสลาม)”

ที่ยึด ‘เยรูซาเล็ม’ไปเมื่อ ค.ศ.1077

และยังมีทีท่าว่าจะยึด กรุงคอนสแตนติโนเปิล อีก

นั่น...สร้างความ หายนะ แก่ชาวคริสต์ อย่างมาก!!

ทำให้

“จักรพรรดิอเล็กซิออสที่ 1 โคมเนนอส”

ที่ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจาก

‘พระสันตปาปา’

สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 (Urban II)

ทำให้ พระสันตะปาปา ตระหนักว่า...

·    ต้องหาทางกำจัดภัยจากพวกนอกศาสนา

·    อีกทั้ง อยากจะให้คริสต์2นิกายปรองดองกัน

(โรมันคาทอลิก+ออทอดอกซ์)

จึงถือโอกาสนี้ระดมชาวคริสต์ทุกนิกาย

มาร่วมสงคราม โดยอ้างว่า

“สงครามนี้จำเป็น เพราะ เป็นประสงค์ของพระเจ้า 

หากตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์”

ทำให้มีชาวคริสต์ที่ศรัทธาจำนวนมากมาย

เข้าร่วมรบในสงครามครั้งที่1

(25,000-30,000)

NOTE:: ด้วยการกระทำนี้ พระสันตะปาปา สามารถสร้างความชอบธรรม ในฐานะ

ประมุขสูงสุดของทั้งศาสนจักรและอาณาจักร ได้สำเร็จ

สงครามครูเสดเกิดขึ้น 8 ครั้ง

ครั้งที่ 1 รบด้วยหัวใจและศรัทธาล้วนๆ 

      ผล  -ยึดเยรูซาเล็มกลับมาได้

          -จัดตั้งการปกครอง แบบ ฟิวดัลได้

ครั้งที่ 2-8  รบแบบเลื่อยลอย ปราศจากเป้าหมาย 

           บางครั้งชาวคริสต์ก็หักหลังกันเอง

    เช่น โดนหลอกเด็กไปขายแอฟริกาเหนือ ปล้นกันเอง 

         ขุนนางไม่ถูกกัน กษัตริย์อ่อนแอ  

        อีกทั้ง อาวุธของอิสลามดีกว่า(ดินปืน)

  ผล  -ล้มเหลว พ่ายแพ้ต่อมุสลิม

              และสงครามสิ้นสุดเมื่อ  ค.ศ. 1270

แต่ถึงแม้การสูญเสียในสงครามมากมาย

แต่กลับมี ผลลัพธ์อื่นๆ ทางอ้อม คือ...

·     การเข้ามาอยู่ในดินแดนที่มีมุสลิมอาศัยอยู่โดยรอบ

ทำให้พวกคริสเตียนและมุสลิมเกิดการรวมวัฒนธรรมกัน

o ชาวคริสต์ประทับใจใน ศิลปะการตกแต่งของมุสลิม

        เช่น พรม เครื่องใช้และกระเบื้องเคลือบ  

 

o ชาวคริสต์ได้กิน อาหารรสชาติใหม่ ๆ

        เช่น ผลแอปริคอท มะเดื่อ น้ำตาลและมะนาว 

 

o ชาวคริสต์ได้เรียนรู้การ ใช้ผ้าฝ้ายและผ้าไหมทำเสื้อผ้า

o ชาวคริสต์ได้เรียนรู้เรื่องการ ใช้เสาและคานรูปโค้งแบกรับน้ำหนักจากสิ่งที่ปลูกสร้างของมุสลิม

·      กระตุ้นการค้าให้ฟื้นตัว เช่น มาร์โค โปโล พ่อค้าเวนิส ไปค้าถึงจีนและกลับมาเล่าเรท่องที่น่าสนใจ(เครื่องเทศ ผ้า ยา)

·      ทำให้ชาวตะวันตกสนใจสินค้าตะวันออก(เครื่องเทศ ผ้า ยา)        

→จึงเร่งผลิตสินค้ามาแลกกับสินค้าตะวันออก

·      จากการค้าแบบฟิวดัลที่ใช้ เศรษฐกิจแบบพึ่งตัวเอง     

    หลังจากสงครามครูเสดก็เปลี่ยนเป็น→แบบพาณิชย์นิยม 

        (โดยใช้เงินเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน)

o  เมื่อทำลายระบบฟิวดัลได้ ทำให้ชาวนา/vessel จ่ายเงินล้างพันธะที่มีต่อ Lordได้

       →สิ้นสุดพันธะ→ยกฐานะเป็นชนชั้นกลาง เป็นพ่อค้าร่ำรวย

o  ขณะเดียวกันก็ทำให้ Lord ตกต่ำลง โดยเมื่อพวกเขาไปรบแล้วเกิดตายในสงคราม(หากชนะจะได้ดินแดนครองเพิ่มแต่ 90%มันตาย ทั้งตายในทะเลทรายเพราะทนอากาศไม่ได้ และ อาวุธด้อยกว่า)              

  → ทำให้พวกvessel(ที่เป็นชนชั้นกลางแล้ว) ยึดปราสาทของLordได้(เพราะไม่มีใครอยู่)และส่งเงินสนับสนุนกษัตริย์→ทำให้เวลาจะไปค้าขายที่ไหน กษัตริย์ก็จะส่งทหารคุมให้

o  และเมื่อ Lord ไร้อำนาจ vessel(ที่เป็นชนชั้นกลางแล้ว) ภักดีต่อกษัตริย์ →ทำให้สถาบันกษัตริย์รุ่งเรือง มีอำนาจอีกครั้ง

 จาก ‘กระจายอำนาจ’ 

ก็แปรเปลี่ยนเป็น →‘รวมอำนาจไว้ที่กษัตริย์’→รัฐชาติ

·      ตะวันตก ทั้งซื้อและนำความรู้ทุกเรื่องจากพวกอิสลามและตะวันออก                                                                            

    →ขนกลับมาที่บ้านตัวเองให้หมด →นำมาเรียบเรียงใหม่ →ต่อยอดจนเกิดการตื่นตัวทางการศึกษา→นำความรู้มารวบรวมและก่อตั้ง “มหาวิทยาลัย”