ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สังคมไม่ขมอย่างที่คิด Junko Sang.

    ลำดับตอนที่ #3 : มหากาพย์กิลกาเมซฉบับการ์ตูน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 508
      1
      23 เม.ย. 62

    ไฟล์ล่ม ไปอ่านที่https://www.webtoons.com/th/challenge/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5-%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%A7/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%8B-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%99/viewer?title_no=160096&episode_no=3


    มหากาพย์กิลกาเมซ" Epic of Gilgamesh

     เรื่องราวการผจญภัยของวีรบุรุษนามว่า

         กิลกาเมช (Gilgamesh) ถูกจารึกดินเหนียวด้วย อักษรคูนิฟอร์ม ของชาวสุเมอเรียน แห่งเมโสโปเตเมีย

    นับเป็นหนึ่งในมหากาพย์ เรื่องแรกๆ ของอารยธรรมมนุษยชาติ

    (รูปที่วาดอิงมาจากหนังสือประวัติศาสตร์บวกกับจินตนาการของคนวาด)

    เริ่ม!

    ณ นครอุรุก นครรัฐใหญ่ของชาวสุเมอร์เรียน

    มีกษัตริย์ชื่อ กิลกาเมช

    " มีพระมารดาเป็นเทพและมีพระบิดาเป็นมนุษย์ ทําให้ทรงมีเลือดเทพอยู่ในวรกายครึ่งหนึ่ง

    เขามัวเมาในเรื่องของกามารมณ์เป็นอย่างมาก

    ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการหา สาวงามมาสนองตัณหาของตัวเอง โดยไม่ว่าจะสาวโสดหรือแต่งงานแล้ว

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

    ชอบที่จะไปปรากฏตัวใน งานแต่งและเรียกร้องสิทธิใน การนอนกับเจ้าสาวในคืนแรกสมรส

    ซึ่งทําให้ ชาวเมืองพากันคับแค้นใจอย่างมาก

    แต่ก็ทําอะไรไม่ได้ เพราะ กลัวอํานาจ และ ความมีเลือดเทพในตัวกิลกาเมซ

    เหตุนี้เอง ชาวเมืองเลยต่างพากันไป อ้อนวอนเทพ จนเสียงร้องส่งถึงสวรรค์

    เหล่าเทพเจ้าจึงลงมติที่จะต้อง จัดการกับมนุษย์ครึ่งเทพผู้นี้

    โดยเหล่าเทพ ได้ให้เทพอารารูปปั้นดินเหนียว

    เป็นรูปบุรุษผู้หนึ่ง

    นามว่า"เอ็นคิดู"

     

    โดยเทพเจ้า นําความป่าเถื่อนของสัตว์ป่า 12 ชนิดใส่ลงไป

    เพื่อให้มีพลังมากพอที่จะจัดการกับเขาได้

    เอ็นคิด เป็นครึ่งคนครึ่งกระทิง

    มีร่างกายกํายําใหญ่

    เหล่าเทพได้ส่งให้เอ็นคิดู

    ลงไปอยู่กับสัตว์ป่า เพื่อใช้พลังปกป้อง

    จากพวกนายพราน

    ทําให้พวกนายพรานไม่พอใจอย่างมาก แต่ด้วยพลังมหาศาลของเอ็นคิดู ทําให้ไม่กล้าที่จะจัดการเอง

    จึงหาวิธีโดยไปว่าจ้าง "แซมฮัต"ยอดหญิงนครโสเภณีประจําเทวาลัยแห่งอรุก

    ไปล่อลวงเอ็นคิดูออกมาจากป่า และทําให้พลังกับความป่าเถื่อน

    ของมนุษย์ผู้นี้ลดน้อยลง

    และแล้วเขาก็หลงในบ่วงสวาทของเธอ

    ทําให้พลังของเขาลดลง

    แซมฮัต จึงชวนเขาออกมาจากป่า

    แล้วเข้าเมือง เขาไปรู้จักการใช้ชีวิตชาวเมือง

    จนในที่สุด เอ็นคิดูก็หมดสภาพความป่าเถื่อน และกลายเป็นชาวเมืองโดยสมบูรณ์

    วันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่ที่อยู่ด้วยกันที่พํานัก

    กับเหล่าคนเลี้ยงแกะ พวกเขาก็ได้ข่าวว่า ราชากิลกาเมชกําลังจะเสด็จไปที่งานแต่งงาน งานหนึ่ง

    เพื่อเรียกร้องสิทธิ์นั่นอีกแล้ว

    เมื่อเอ็นคิดทราบเรื่องก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

    เขารีบตรงดิ่งไปที่งาน

    เข้าขัดขวางกิลกาเมช ไม่ให้กระทําการอันน่าบัดสีนั้น

    กษัตริย์หนุ่มทรงกริ้วที่มีผู้มาขัดขวาง จึงเข้าต่อสู้กับเอ็นคิดูอย่างดุเดือดจน

    บ้านเรือนรอบข้างพังพินาศ

    ทว่าหลังจากทั้งสองขับเคี่ยวกันเป็นเวลานาน

    ต่างก็ไม่มีใครปราบใครลงได้

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทําให้กิลกาเมชทรงประทับใจในพละกําลังของอีกฝ่าย

    พระองค์จึงได้ยุติการต่อสู้และขอให้เอ็นคิดู

    มาอยู่กับพระองค์ในฐานะพระสหาย

    "แต่นี้ไป ข้าอยากให้เจ้ามาอยู่เคียงข้างข้า และจงช่วยแนะนําให้ข้าทําในสิ่งที่ถูกต้อง

    กิลกาเมชตรัสกับเอ็นคิด ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบตกลงในทันที

    และหลังจากนั้น ทั้งสองก็กลายเป็นสหายที่สนิทสนมกันมากที่สุด

    มิตรภาพทําให้กิลกาเมชเปลี่ยนไป เขาเลิกพฤติกรรมร้ายกาจที่เคยทําจนหมดสิ้น

    และด้วยคําแนะนําของเอ็นคิด พระองค์ได้หันมาใส่พระทัยกับการดูแลบ้านเมือง

    จนนครอุรุกเจริญรุ่งเรือง ประชาชนต่างพากันสรรเสริญ ในคุณงามความดีของราชากิลกาเมช

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุข แต่กิลกาเมซกลับเบื่อหน่ายในความสงบสุขนี้

    เขาจึงอยากหาความตื่นเต้นโดยชวนเอ็นคิดู ไปยังป่า"ซีดาร์" 

    เพื่อปราบอสูรร้า

    "ฮูวาวา"

    เอ็นคิดได้ยินดังนั้นก็ ส่ายหน้าและเตือนเขาว่า

    อสูรตนนี้สูงใหญ่เทียมฟ้า ลมหายใจของมันเป็นเปลวไฟที่นํามา

    ซึ่งความตายอย่างน่าสยดสยอง อีกทั้งเทพเอนลิลยังประทานพละกําลังให้มัน เพื่อเป็นผู้ปกป้องป่าซีดาร์แห่งทิศตะวันตก

    การเผชิญหน้า กับมันไม่ผิดอะไรกับการเดินเข้าหาความตาย

    หากข้าชนะ ข้าจะได้รับเกียรติอย่างยิ่งใหญ่หรือหากข้าตาย ข้าก็ยังได้รับชื่อเสียงว่า เป็นผู้กล้าที่จะเผชิญหน้า กับจอมอสูรฮวาวาซึ่งนั่นคือการตายที่มีศักดิ์ศรี

    กิลกาเมชตรัส ก่อนจะตําหนิเอ็นคิดว่า ไม่กล้าหาญพอที่จะตายอย่างมีศักดิ์ศรี

    ซึ่งเมื่อถูกผู้เป็นสหายตําหนิดังนั้นแล้ว เอ็นคิดจึงตัดสินใจที่จะร่วมเดินทางไปกับกิลกาเมช

    เพื่อเผชิญหน้ากับอสูรฮวาวา

     

    ทั้งสองออกเดินจากนครอูรุกโยปราศจากผู้ติดตาม

    หลังจากเดินทางเป็นเวลานับเดือน

    ก็มาถึง เขตป่าซีดาร์ยักษ์ของอสูรฮวาวา

    หลังจากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันโค่นต้นซีดาร์ลง

    เพื่อท้าทายจอมอสูรให้ปรากฏตัว

    เมื่อฮวาวารู้ว่ามีมนุษย์บุกเข้ามาโคนต้นไม้ของมัน

    เจ้าอสูรก็ปรากฏกายขึ้น!!

    ด้วยรูปร่างอันสูงใหญ่เทียมฟ้า เสียงคํารามของมันดังไปไกลทั่วผืนป่า ขณะที่ดวงตาแดงจ้องมองสองมนุษย์ผู้อหังการ

    การต่อสู้ดําเนินไปอย่างดุเดือดและรุนแรง

    จนในที่สุด กิลกาเมชก็สามารถสังหารฮวาวาลงได้

    และโค้นป่าซีดาร์จนราบเรียบ

    ชัยชนะในครั้งนี้ส่งผลให้ชื่อเสียงทั้งคู่ เลื่องลือระบือไกล จนแทพบนสรวงสวรรค์ก็ยังรับรู้

    ในยามนั้น เทพี"อิชตาร์" เทพีแห่งความงาม ความรัก สงคราม และตัณหา ทรงได้ยินเรื่องราว จึงเสด็จลงมาเพื่อดูราชาหนุ่ม

    และเมื่อได้เห็นแล้ว องค์เทพีก็บังเกิดความเสน่หาในตัวกิลกาเมช

    พระนางจึงมาปรากฏองค์ต่อหน้าเขา

    และขอให้เขาเสกสมรสกับพระนาง

    โดยทรงยื่นข้อเสนอว่า

    "จะมอบอํานาจอันยิ่งใหญ่ ให้กับเขาเป็นการตอบแทน

    ทว่า...

    กิลกาเมชกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

    ทั้งยังตรัสกับเทพีด้วยว่า

    เขารู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างกับอดีตคู่รักของพระนาง

    ยามเมื่อพระนางสิ้นรักแล้ว และเขาไม่ปรารถนาจะเป็นเช่นนั้น

    เทพทรงโกรธและอับอายที่ถูกปฏิเสธซึ่งหน้า จึงเสด็จไปเข้าเฝ้าเทพอน พระบิดาของพระนาง

    เพื่อขอให้ลงโทษมนุษย์โอหังผู้นี้

    กิลกาเมะทําให้ข้าได้รับความอับอายยิ่งนัก ขอพระบิดาได้โปรดส่งกระทิงสวรรค์ไปสังหารมัน

    และทําลายนครของมันให้พินาศสิ้นด้วยเถิด และหากพระบิดามทรงยอมตามที่ลูกร้องขอ ลูกจะไปทลายประตูนรกเพื่อปลดปล่อย เหล่าผีร้ายให้ขึ้นมาย่ํายีมวลมนุษย์

    เมื่อทรงได้ฟังคําขอของพระธิดาแล้ว

    เทพอนูจึงส่งกระทิงสวรรค์ลงมา เพื่อสังหารกิลกาเมชและทําลายนครอุรุก

    โดยในทันทีที่กระทิงสวรรค์เหยียบลงบนแผ่นดินอูรุก

    ก็เกิดแผ่นดินแยก และสูบเอาทหารของกิลกาเมชลงไป

    ในการพ่นลมหายใจครั้งที่สาม

    เอ็นคิดูก็พลัดตก ลงไปในรอยแยกของแผ่นดิน

    ทว่าชายหนุ่มสามารถปืนกลับขึ้นมาได้

    พร้อมกับร้องบอก ให้กิลกาเมชใช้ดาบแทงเข้าไปยังจุดตาย

    ระหว่างเขาและคอของมัน

    กษัตริย์หนุ่ม ใช้ดาบแทงเข้าไปตามที่สหายร้องบอก

    และกระทิงสวรรค์ก็สิ้นชีพลงในทันที

    ด้วยความอหังการ์ของสองสหาย ทําให้เหล่าเทพตัดสินใจให้บทเรียนที่สําคัญแก่กิลกาเมช

    โดยบันดาล ให้เอ็นคิดูล้มป่วยและเสียชีวิตลง

    ความตายของสหาย ทําให้กิลกาเมชเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เขาจมอยู่กับความทุกข์เป็นเวลานาน

    อีกทั้งยังกลัวว่าสักวันเขาก็จะต้อง

    ตายแบบเอ็นคิดูแน่ๆ

    กิลกาเมะจึงตัดสินใจ หาวิธีที่จะทําให้พระองค์ไม่ต้องตาย โดยออกเดินทางไปยังต้นน้ํา แห่งแม่น้ําทั้งมวลของโลก

    เพื่อค้นหา

    "อุชนาธิชติม" มนุษย์ผู้รอดตายจากเหตุการณ์ น้ําท่วมโลกและได้รับพรจากเทพเจ้าให้เป็นอมตะ

    เขาออกเดินทางเพียงลําพัง และเผชิญหน้ากับสิ่งแปลกประหลาด

    มากมายในป่านั้น

    เช่น มนุษย์แมงป่องยักษ์ที่น่ากลัวสองตนที่

    ทําหน้าที่เฝ้าหนทางสู่โลกใต้พิภพ

    กิลกาเมชจึงตัดสินใจ หาวิธีที่จะทําให้พระองค์ไม่ต้องตาย โดยออกเดินทางไปยังต้นน้ํา แห่งแม่น้ําทั้งมวลของโลก

    เพื่อค้นหา

    "อุชนาปชติม" มนุษย์ผู้รอดตายจากเหตุการณ์ น้ําท่วมโลกและได้รับพรจากเทพเจ้าให้เป็นอมตะ

    เขาออกเดินทางเพียงลําพัง และเผชิญหน้ากับสิ่งแปลกประหลาด

    มากมายในป่านั้น

    เช่น มนุษย์แมงป่องยักษ์ที่น่ากลัวสองตนที่

    ทําหน้าที่เฝ้าหนทางสู่โลกใต้พิภพ

    ทั้งสองรู้ว่า กิลกาเมชมีสายเลือดของเทพเจ้าอยู่ และเมื่อพวกมนุษย์แมงป่องรู้ถึงความตั้งใจของกิลกาเมช พวกนั้นก็เอ่ยเตือนเขาถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า

    แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เขาเดินทางต่อไป

    จากนั้นกิลกาเมชก็ไปถึงยังฝั่งทะเลแห่งมรณะ

    และเมื่อข้ามพ้นทะเลแห่งนั้น

    เขาก็ได้พบกับอุชนาปีชติม และเขาบอกกับกิลกาเมชว่า

     “ความตายเป็นสิ่งที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่พ้น

    เพราะเหล่าเทพเจ้า มีประสงค์ให้ชีวิตมนุษย์เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว

    แต่กิลกาเมชก็ยังคงดึงดันที่จะเป็นอมตะ

    อุชาปิชติมจึงเล่าถึงเหตุการณ์น้ําท่วมโลก และกล่าวถึงการที่เทพเจ้าสั่งให้ตนต่อเรือ

    ช่วยสิ่งมีชีวิตบนโลกให้รอดตาย จากนั้นจึงได้รับพรจากเทพเจ้าให้เป็นอมตะ

    อย่างไรก็ตาม ในที่สุด อุชนาปชติมก็ทนการอ้อนวอนของกิลกาเม้ชไม่ไหว

    จึงบอกให้กิลกาเมช ดําน้ําลงไปต้นมหาสมุทร ณ จุดสิ้นสุดของโลก เพื่อนําเอาต้นไม้แห่งการกลับคืนสู่ความหนุ่มสาวขึ้นมา

    กิลกาเมชทําได้สําเร็จและดีใจมาก

    เขาตั้งใจจะนําต้นไม้นี้ กลับไปทดลองกับคนชราที่เมืองอูรุก

    ทว่าระหว่างเดินทางกลับ

    งูตัวหนึ่งได้มาขโมยต้นไม้ต้นนั้นไป ทําให้เหล่าทั้งหลายสามารถลอกคราบ เพื่อกลับคืนสู่ความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้อีกครั้ง

    เขารู้สึกผิดหวังมาก ในความพยายามที่สุดท้ายก็สูญเปล่าของตน

    แต่ในที่สุด เขาก็ได้เข้าใจถึงสัจจะธรรมของชีวิต

    และยอมรับชะตากรรมของชีวิต โดยไม่คิดดิ้นรนเป็นอมตะอีกต่อไป

    จากนั้นกิลกาเมชก็สั่งให้ขุนนางจารึกเรื่องราว การเดินทางของพระองค์ไว้ที่ฐานของประตูเมือง

    และกลายเป็นตํานานที่เล่าขานมานานนับพันปี


    ***********************


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×