คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9:Secrets Revealed
Chapter 9: Secrets Revealed
“อัลบัส ฉันบอกว่าเขาต้องการการพักผ่อน!”
“ป๊อบปี้ ฉันแน่ใจว่าเขาจะไม่เป็นไร”
“ยิ่งเราถ่วงเวลาออกไปนานเท่าไร เขาจะแย่มากขึ้นเท่านั้น”
เดรโกตื่นขึ้นรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก แสงสว่างที่คุ้นเคยฟ้องว่าเขาอยู่ในห้องพยาบาล ‘อะไรอีกล่ะคราวนี้’ เขาคิดกับตัวเองอย่างโกรธๆ
“คุณสองคนได้โปรดหยุดทะเลาะกันได้ไหม ยังไงผมก็ตื่นแล้ว” เขาพูดเสียงอู้อี้ในขณะที่เขาลืมตาเย็นชาขึ้นอย่างลังเล
“สวัสดีตอนบ่าย คุณมัลฟอย!” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างร่าเริง
“เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง” เดรโกรหรี่ตาแคบลงหันไปทางชายที่แก่กว่า หน้าของดัมเบิลดอร์แสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ผมรู้สึกดี...” เขาโกหกหน้าตาเฉย
“ผมจะได้ออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่?” มาดามพอมฟรีย์ เริ่มโบกไม้กายสิทธิ์ของเธอไปรอบๆร่างกายของเขา และพึมพำคาถาพยาบาล ไม่มีทางที่จะยั่วโทสะเดรโก มัลฟอย ได้ง่ายไปกว่านี้แล้ว
“มาดามพอมพรีย์ครับ ผมสบายดี!” เขาตะโกนพร้อมกับแสดงความรำคาญ และใช้การเคลื่อนไหวแบบซีกเกอร์โดยการปัดไม้กายสิทธิ์ออกไป มาดามพอมพรีย์เพ่งมองเดรโกด้วยความโกรธ แก้มของเธอแสดงให้เห็นถึงสีแดงเรื่อๆ
“ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง...คุณมัลฟอย อาการของเธอแย่มากเมื่อคืนนี้ และฉันต้องการแน่ใจว่าเธอจะเป็นปกติสมบูรณ์ก่อนที่เธอจะขยับกล้ามเนื้อได้!” เธอตอบเขากลับไป
“อย่าให้ฉันต้องใช้คาถาทำให้ร่างติดกัน และ เธอต้องกลายเป็นเด็กหัดเดินเตาะแตะเลยนะ!” หลังจากนั้นเดรโก ยอมละทิ้งความพยายามที่จะหยุดความจู้จี้ของมาดามพอมฟรีย์ เขาเพ่งมองไปยังอาจารย์ใหญ่อย่างมุ่งร้าย ในตอนนี้ดัมเบิลดอร์กำลังหัวเราะเบาๆอยู่คนเดียว ซึ่งพูดได้ว่า เดรโก สร้างความสนุกขบขันมากกว่าความรำคาญใจ
“ป๊อบบี้ ถ้าเผื่อว่า คุณมัลฟอยไม่บ่นว่าเขาเจ็บปวดใดๆ บางทีผมอาจจะพูดกับเขาตามลำพังซักครู่ได้ไหม ผมแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า เขาอาจจะตกอยู่ในสภาพแย่ลงไปในขณะที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่กับผม” มาดามพอมฟรีย์ส่งสายตาเป็นเชิงตำหนิ ให้ดัมเบิลดอร์เหมือนกับที่ส่งให้กับเดรโกเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ จากนั้นเธอจึงพยักหน้ายอมรับอย่างลังเล
“ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องอยู่ที่นี่ก่อน เข้าใจไหม?”
“ได้ ป๊อบปี้ ผมเข้าใจดี” ดัมเบิลดอร์ย้ำกับเธอ เธอพยักหน้าเร็วๆ และรีบเดินไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้าม มุ่งหน้าไปยังเด็กนักเรียนปีสองคู่หนึ่งที่มีหูกระต่ายติดอยู่ที่หู เดรโก จ้องมองดัมเบิลดอร์ รอคอยคำอธิบายเกี่ยวกับสภาพของตัวเองในตอนนี้
“ฉันจะพูดตรงประเด็นเลยนะ คุณมัลฟอย เมื่อคืนเธอตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก เราพบเธอ และพาเธอมาที่นี่ พอจะจำได้บ้างไหม” เดรโกขมวดคิ้วและเขาเกือบจะพูดว่าไม่ แต่มันไม่ใช่เพราะเขาจำได้ในทันที ความฝัน ภาพที่มองเห็น แม่
“ผมจำได้” เขาตอบอย่างเหม่อลอย
“ดีมาก แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าความเจ็บปวดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร” เดรโกหรี่ตาแคบลง ไม่ไว้ใจเขา
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าล่ะ”
“ฉันรู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร เดรโก” เขาตอบอย่างสงบเงียบ
“แล้วคุณถามผมทำไมอีก”
“คุณมัลฟอย ฉันจะไม่อ้อมค้อม อย่างที่ฉันเชื่อว่ามันจะเป็นทางเดียวที่จะพูดคุยกับเธอได้ ฉันรู้ว่าแม่ของเธอมองเห็นอนาคต และฉันรู้ว่าเธอจากไปแล้ว ฉันรู้ว่าเมื่อคืนพรสวรรค์ของเธอมันได้ถูกถ่ายทอดมายังเธอ เดรโก” ดวงตาของเดรโกเบิกกว้างแต่เขาเก็บอารมณ์เอาไว้
“คุณรู้ได้อย่างไร” เขาถามเรียบง่าย
“สิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเธอเป็นความลับอย่างที่สุด คุณมัลฟอย น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้ ฉันจะเชื่อใจเธอในการเก็บความลับนี้ไว้ได้ไหมล่ะ” เขาถาม ดวงตาสีฟ้าเพ่งมองทะลุเข้าไปในดวงตาสีเทาของเดรโก เดรโกพยักหน้าเล็กน้อย
“ดีมาก! ฉันเองก็เป็นผู้มองเห็นอนาคตเช่นกันเดรโก และนั่นแหล่ะที่ทำให้ฉันรู้เรื่องเธอ ฉันสอนให้แม่ของเธอใช้พรสวรรค์นี้ และถ้าเธออยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอจะต้องยอมให้ฉันสอนเธอเช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นผู้สืบทอดของร็อดเจอร์ เรเวนคลอ ใช่ไหม” เด็กหนุ่มขี้สงสัยถามขึ้นมา ขณะเดียวกับที่เขาทำเป็นเหมือนไม่สนใจหรือไม่อยากรู้เลย ดวงตาของเดรโกแสดงความประหลาดใจไม่มาก
“ถ้าเช่นนั้นเธอก็รู้ใช่ไหม”
“นาร์ซิสซา เธอบอกผม” เดรโกตอบในเชิงอธิบาย
“ผมคาดว่าผมคงไม่มีตัวเลือกที่จะไม่ยอมให้คุณสอนผม และผมจะไม่บอกใครแน่นอนว่าคุณเป็นผู้มองเห็นอนาคต เพราะนั่นจะทำให้มันน่าสงสัยมากเกินไป ผมไม่ต้องการให้ใครสงสัยในตัวผม”
“เป็นคำตอบของสลิธีรินอย่างแท้จริง คุณมัลฟอย” และพวกเขาก็นั่งอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
“ฉันเสียใจเรื่องแม่ของเธอนะ เดรโก” เดรโกอึ้งไปเล็กน้อยและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากความเมินเฉยเป็นความว่างเปล่าอย่างชัดเจนแทบจะในทันที
“บางครั้งเรื่องแบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้น แต่มันไม่สำคัญต่อผมแล้วในตอนนี้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และเสียดแทง แม้จะรู้ก่อนแล้วว่า เดรโก มัลฟอยไม่ใช่คนที่จะแสดงความเจ็บปวด แต่คำพูดเกรี้ยวกราดนี้ค่อนข้างจะทำให้อาจารย์ใหญ่ตกใจ
“แน่นอน เอาล่ะ ฉันจะปล่อยให้เธอพักผ่อนและกินอะไรบ้าง มันก็คงจะเป็นการดีสำหรับเธอ ฉันจะกลับมาอีกครั้งหลังจากมื้อเย็นเพื่อจะเริ่มการฝึกของเธอ มีบางอย่างที่เธอต้องรู้ก่อนที่เธอจะพยายามนอนหลับไปอีกครั้ง” และด้วยประโยคสุดท้ายของดัมเบิลดอร์ เดรโกจึงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เขาพยายามย้อนกลับไปเพื่อนึกถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคืนก่อนและ พบว่าเขาจำมันได้อย่างง่ายดาย เขาจดจำความทรมานที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อตื่นขึ้นมาได้ และเฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่ได้ปล่อยให้เขาทุกข์ทรมานอย่างที่เขาคงจะทำกับเธอ ถ้าเขาเป็นเธอ แต่เธอกลับรีบเร่งเข้ามาช่วยเขา เขาจดจำความอบอุ่นจากร่างบอบบางของเธอที่แนบชิดเขาได้ และความเย็นจากผ้าที่เธอกดลงบนหน้าผากของเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย และมันก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจอีกครั้ง
เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เธออาจจะเสกคาถานิ่งเงียบ และปล่อยเขาไว้ตรงนั้นแล้วกลับไปนอนก็ได้ เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีใครจะใจดีอย่างนั้น เธอคงจะทำแบบเดียวกันกับ สเนป แต่เดรโกยังคงรู้สึก...บางอย่าง...เมื่อเขาจดจำลักษณะที่เธอปลอบประโลมจากน้ำเสียงของเธอในคืนก่อนได้ ความรู้สึกยกย่องเรียกร้องให้เขาหยุดปฏิบัติแย่ๆกับเธออย่างที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนั่นเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เธอช่วยเขา บางทีมันอาจจะไม่ใช่การโกหกทั้งหมดเมื่อเธอยืนกรานว่าเธอห่วงใย
ความคิดนี้ทำให้ชายหนุ่มดวงตาสีเงินกระสับกระส่ายอย่างที่สุด เขารู้วิธีที่จะรับมือกับคนที่ยอมเขา คนที่ชื่นชมเขา และคนที่เหยียดหยามเขา แต่สำหรับคนที่ห่วงใยเขาเป็นขอบเขตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง วิธีที่ดีที่สุดคงจะเป็นแค่การไม่สนใจเธอ และเธอก็จะหยุดห่วงใย เขาต้องทำให้เธอหยุดห่วงใยเขา
จากนั้นความคิดของเดรโก ก็เดินทางไปยังพรสวรรค์ที่เขาเพิ่งจะได้รับมันมาใหม่ มันคงจะง่ายในทันทีที่เขาเรียนรู้ที่จะใช้มัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ที่เจ้าแห่งศาสตร์มืดฆ่าแม่ของเขาแล้ว ฆ่าคนๆเดียวที่เสียสละทุกสิ่งเพื่อเขา แม้กระทั่งชีวิตของเธอเอง ดวงตาของเดรโกมืดมน
การเป็นผู้มองเห็นอนาคต เดรโก มัลฟอย อาจจะสามารถแก้แค้นโวลเดอมอร์ได้อย่างแน่นอน ด้วยวิธีใดก็ตาม
*********************
ที่ตรงนั้นเขากำลังนั่งเอนหลังอย่างเกียจคร้านอยู่ในเก้าอี้ของเขา และเพ่งมองเด็กสาว สลิธีรินปี 4 กำลังหัวเราะคิกคักด้วยสายตาที่เป็นเอกลักษณ์ เขามีท่าทีเฉื่อยชาอย่างไม่ต้องสงสัยในขณะที่เขาพิงโต๊ะ ผมสีเงินเป็นประกายดูเหมือนจะทำให้ดวงตาสีเทาเข้มของเขาชัดเจนขึ้น ดวงตาของเขาไม่แสดงอาการโต้ตอบแต่อย่างใดในขณะที่เด็กสาวสวยอยู่ข้างๆเขา และบังเอิญแตะโดนแขนของเขาอย่างมีเลศนัย
เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตาแคบลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเขา
“...ถูกต้อง และต่อจากนั้น หลังจากที่แฮร์รี่เริ่มแสดงระบำเปลื้องผ้า ฉันก็สาป ดัมเบิลดอร์ และ มอบจูบดูดดื่มลงบนริมฝีปากของคนที่รู้ว่าใคร!” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าและพูดพึมพำว่า
“ดีไปเลย จินนี่” จินนี่ส่ายหัวอย่างหงุดหงิด และมองตามสายตาของเพื่อนรักไป จินนี่ทำตาโตและรีบจับไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อน เพื่อให้เธอกลับสู่โลกแห่งความจริง
“ไมโอนี่! ให้ตายเถอะเมอร์ลิน เธอช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม เธอคิดอะไรของเธอ” ร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่กระตุกในขณะที่ความคิดของเธอกลับมาอีกครั้ง เธอกระพริบตาให้จินนี่ อย่างไร้เดียงสา
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร จินนี่” หัวหน้านักเรียนหญิงยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันขอโทษ เธอจะบอกอะไรฉันเหรอ ฉันกำลังคิดว่าจะใช้น้ำยาอะไรสำหรับงานที่ สเนป สั่งให้ทำในวันนี้ และ- - -” เฮอร์ไมโอนี่พูด จินนี่ตัดบท
“อย่าบอกฉันนะ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์!” เธอลดเสียงลงและโน้มตัวเองไปข้างหน้า
“ว่าเธอกำลังจ้อง เดรโก มัลฟอยอยู่!” จินนี่แหย่เธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวว่าเธอโกหกได้แย่ และก็ไม่อยากจะโกหกเพื่อนหญิงคนเดียวของเธอ เธอจึงหลบหน้าก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า
“ถ้าฉันกำลังจ้องไปทางนั้น ก็แน่อยู่แล้วแหละว่าต้องไม่ได้จ้องไปที่เด็กชายเฟอเร็ทนั่น จินนี่ จริงๆนะ! เธอน่าจะรู้จักฉันดีกว่านั้น!” เสียงของเธอเบามากแม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง เฮอร์ไมโอนี่หันหน้าไปหาวีสลีย์คนสุดท้องในทันทีที่เห็น เธอเลิ่กคิ้วขึ้น
“เธอโกหกได้แย่มาก” จินนี่พูด เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ฉันเปล่านะ! และฉันก็ไม่จำเป็นต้อโกหกด้วย ฉันไม่ได้จ้องเดรโก และมันก็เป็นอย่างนั้น” เธอไม่ทันสังเกตว่าเธอกำลังเรียกชื่อของเขาว่า...เดรโก เธอจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเรื่อง เธอรู้ดีว่าเธอกำลังจ้องเขาอยู่จริงๆ และไม่อยากจะคิดจริงๆว่าทำไมเธอถึงจ้องเขา มันดูเหมือนเป็นมาตั้งแต่ที่เธอพยายามช่วยเขาในคืนนั้น ในสัปดาห์ก่อนเขาวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ฝังแน่นอยู่ในความคิดของเธอ ดัมเบิลดอร์บอกว่าพฤติกรรมของเดรโกอาจจะไม่เปลี่ยนหลังจากการตายของนาร์ซิสซาร์ และเขาจะทำตามแบบที่เคยเป็น แต่นั่นมันไม่ใช่ เธอไม่เข้าใจเขาเลยและเธอพบว่าสิ่งนั้นน่าสนใจอย่างมาก “ดังนั้น” เธอเริ่มพูด
“อย่ากังวลไปเลย ฉันจะไม่บอกใครหรอก มันไม่ถูกต้องจริงๆที่เธอต้องอยู่กับเขา! มันช่วยไม่ได้แต่เธอต้องมีสติ ให้มากกว่านี้!” เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาให้เธออย่างงงวย
“แน่นอน” เธอพูดต่ออย่างครุ่นคิด
“เขาเป็นคนงี่เง่าและเธอก็ฉลาดเกินกว่าที่เธอจะตกหลุมรักเขา” เฮอร์ไมโอนี่กลัวว่าสายตาทิ่มแทงที่ไม่ได้รับอนุญาตของจินนี่ อาจจะเผาเธอไปทั้งร่าง
“ใช่ไหมล่ะ” จินนี่ถาม เธอหลบหน้าอีกครั้ง
“จินนี่ เขาเป็นศัตรูของฉันมาตลอด 6 ปี แค่เพราะว่าเขามีสมอง และเขาได้เป็นหัวหน้านักเรียนชาย มันไม่ได้เปลี่ยนเรื่องนั้นไปหรอก”
“เกรนเจอร์ ฉันเจ็บปวดนะ” เสียงแหบห้าวแผ่วเบาพึมพำอยู่ข้างๆหูของเธอ และมันทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว
“และตอนนี้ฉันคิดว่าเธอกำลังจะทำให้ฉันเริ่มตื่นเต้นซะแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่รีบลุกขึ้นพรวดพราดและหันไปมองด้วยความตกใจ เธอพบว่าตัวเองกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาสีเงินใสคู่หนึ่ง
“อย่าได้แอบเข้ามาข้างหลังฉันแบบนี้อีก นายมันโง่!” เธอตะโกนกลับไปขัดแย้งกับการยอมรับว่าเขาฉลาด
“นายต้องการอะไรอีกล่ะ” เธอพูด เดรโกแสยะยิ้มมันทำให้เขาดูเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ
“หนึ่งล้านเกลเลี่ยน, การทำให้ศาสตร์มืดถูกต้องตามกฎหมาย- - -”
“ฉันจริงจังนะ” เธอพูดในขณะที่กัดฟันไว้แน่น การมีชีวิตอยู่ร่วมกับเขามาตลอดทั้งสัปดาห์ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่า เขาเปลี่ยนแปลงอย่างเลวร้าย และมีอารมณ์ขันอย่างยอดเยี่ยม ในฉับพลันโดยไม่ทันได้เตือน เขาคว้าแขนของเธอและเริ่มดึงเธอออกไปจากห้องโถงใหญ่
“เรากำลังจะไปไหน”
“เราต้องวางแผนเรื่องงานเลี้ยงเต้นรำวันฮัลโลวีน” เขาตอบในขณะที่พวกเขาเลี้ยวตรงมุมตึก และมุ่งหน้าไปยังทางเดิน
“นายควรบอกก่อนที่จะลากฉันออกมา! ฉันยังกินอาหารไม่เสร็จเลย และตอนนี้แฮร์รี่กับรอน ก็คงกำลังสงสัยว่านายพาฉันไปที่ไหน!” เดรโกหยุดในทันที และเขาชำเลืองมองไปที่เธอ ผิวของเธอขาวนวลเนียนดุจครีม หน้าของเธอแดงด้วยความโมโห และดวงตาสีน้ำตาลชินนามอนคู่ใหญ่มองเขาอย่างขุ่นเคือง เขายิ้ม ที่เฮอร์ไมโอนี่ยังหัวเสียอยู่
“พวกเขารู้ว่าเธอมีธุระที่หัวหน้านักเรียนต้องจัดการ และพวกเขาก็รู้ว่าฉันเป็นหัวหน้านักเรียนชาย สถานการณ์ชัดเจนอยู่แล้วในตัวมันเอง” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวเพื่อขจัดความคิดต่างๆของเธอออกไป และมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นรวมของพวกเขาโดยไม่หยุด
“ใช่ มัน ก็จริง แต่แฮร์รี่กับรอน- -”
“ทึ่ม” เขาช่วยพูดต่อ
“ไม่! พวกเขา - -”เฮอร์ไมโอนี่ปฎิเสธเสียงเขียว
“รักกันและกัน ใช่ไหมล่ะ” เดรโกยังคงแกล้งแหย่
“ไม่! พวกเขาต้องการปกป้องฉัน เข้าใจไหม” เธอตระโกนในขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ภาพวาดผู้ก่อตั้ง
“ฉันเห็นเธอสองคนเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม!” ซัลลาซาร์ สลิธีรินออกความเห็น
“พวกเราสงสัยว่า พวกเธอจะเข้ากันได้ไหม”
“เข้ากันเหรอ นายบ้าหรือเปล่า ซัลลาซาร์” ก็อดดริก กริฟฟินดอร์ พูดรัวตะกุกตะกัก
“เขากำลังทำให้เธอคลั่ง พวกเขากำลังตะโกนใส่กัน!”
“คุณพูดแบบเดียวกันนี้กับโรวีน่า และซัลลาซาร์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา” เฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟพูดอย่างสนุกสนาน
“มาดูพวกเขากัน” ผู้ก่อตั้งทั้งสี่คุยกัน
เฮอร์ไมโอนี่ และเดรโกชำเลืองมอง เรเวนคลอ และ สลิธีริน พวกเขาเห็นด้วยกับ กริฟฟินดอร์ โรวีน่านั่งหลับอยู่บนตัก และซบไหล่ของสลิธีรินอย่างสบาย และสงบ แม้แต่ในยามหลับก็บอกได้ว่าเธอรักเขา
“เขาไม่มีโอกาสที่จะฆ่าเธอเลยหรือไง เพราะนั่นคงจะเป็นทางเดียวที่สถานการณ์ของพวกเขาทั้งสอง จะเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นทุกสิ่งระหว่างผมกับเกรนเจอร์” เดรโกพูดลากเสียง ฮัฟเฟิลพัฟยิ้มให้เขาอย่างผ่อนปรน
“เธอรู้ไหม เธอทำให้ฉันนึกถึงลูกของโรวีน่ากับซัลลาซาร์โดยไม่ต้องสงสัย หล่อเหลา, น่าหลงใหล, ฉลาด- - ”
“ไม่มีสัมมาคารวะ, หยาบคาย, จองหอง - -” กริฟฟินดอร์พูดต่อด้วยความโมโห
“เธอไม่ใช่ทายาทคนหนึ่งของฉันใช่ไหม” ฮัพเฟิลพัฟถาม ไม่สนใจชายผมแดงที่อยู่ข้างๆเธอ เฮอร์ไมโอนี่จ้องเดรโกอย่างไม่เชื่อในขณะที่เขาตอบอย่างมั่นใจ
“ทำไมเหรอฮ่ะ ใช่! ตามความเป็นจริง ผมเป็น”
“โอ้เมอร์ลิน! มัลฟอย ไม่มีทางที่นายจะเป็นทายาทที่หายสาบสูญไปนานของสลิธีรินกับเรเวนคลอหรอก เลือกเอาสักคนเถอะ” เดรโกหันไปจ้องเธอ
“ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจริงจัง และยาวนานแค่ไหนหรอกนะ เกรนเจอร์ แต่ถ้า สลิธีรินเป็นสามี หรือคนรักของ เรเวนคลอ มันก็เป็นไปได้ว่าฉันจะเกี่ยวพันกับพวกเขาทั้งคู่”
“อย่างนั้นนายก็รู้ความจริงแล้วซิ ว่านายเป็นทายาทของเรเวนคลอใช่ไหม” เธอถามอย่างงุนงง “รู้ได้ยังไงล่ะ” เดรโกตระหนักได้ว่าเขาพูดมากเกินไปแล้ว และหันกลับไปยังภาพวาด ไม่แยแสต่อรอยยิ้มของฮัฟเฟิลพัฟ และ สลิธีริน
“ฮอกวอตส์” เขาพูดก่อนที่จะรีบเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นรวม เฮอร์ไมโอนี่ตามเขาเข้าไป เธอจ้องเขาไม่คาดสายตา
“นายรู้ตัวไหม นายเป็นผู้ชายที่หยาบคายมากที่สุด ที่ฉันเคยรู้จัก” เธอตะโกนใส่เขา เดรโกยักไหล่ และนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาของเขา ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ข้างๆอย่างงุ่มง่าม พวกเขาต้องทำงานร่วมกัน เขาตั้งใจจะให้เธอทำงานร่วมกับเขา โดยเริ่มจากเก้าอี้โซฟาของเธอใช่ไหมหรือว่า.... *0*0*0*
เดรโกเงยหน้ามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างตั้งใจ ผมสีน้ำตาลช็อกโกแล็ตที่หนา และยาวของเธอกำลังส่องประกายด้วยแสงจากกองไฟ และเธอกำลังจ้องมองเขาด้วยความสับสนอย่างมาก ในทันใดเขาจำได้ว่าเขาติดหนี้บุญคุณเธอ และอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะทำดีกับเธอบ้าง เดรโกจึงโบกมือไปที่ตำแหน่งข้างๆเขา
“นั่งซิ เราไม่มีเวลาทั้งคืนหรอกนะ” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างด้วยความแปลกใจ และเธอนั่งลงอย่างลังเล
“ก็ได้” เธอนั่งลงตัวแข็งทื่อ มือทั้งสองอยู่บนตัก เธอเอาแต่จ้องมองไปที่พื้น เดรโกยิ้มกว้าง
“เธอทำตัวตามสบายก็ได้นะ รู้ไหม ฉันจะกัดเธอต่อเมื่อทำเรื่องอย่างว่า” เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาเขม็งอีกครั้งและเดรโกหยุดคิดแทะโลมเธอ เขากระแอมขึ้น
“เอาล่ะ เธออยากจะคุยเรื่องอะไรก่อนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แอบชำเลืองมองเขา และเดรโกนึกขึ้นได้ก่อนจึง พูดว่า
“นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนปิดภาคฤดูร้อน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว” เขาพูดต่อโดยเร็ว และเฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้าง
“ตกลง ถ้าอย่างนั้น นายรู้ว่า โรวีน่า เรเวนคลอคือบรรพบุรุษของนายได้ยังไงล่ะ”
“ดัมเบิลดอร์” เขาโกหกหน้าตาเฉย มันเกือบจะจริง ถ้านาร์ซิสซาร์ ไม่ได้บอกเขาก่อนที่เธอจะตาย ยังไงก็ตาม ดัมเบิลดอร์ก็จะเป็นคนที่บอกเขาเช่นกัน
“จริงเหรอ” เธอถามเขาเสียงยานคาง
“แล้วทำไมนายไม่ได้อยู่ในบ้านเรเวนคลอล่ะ”เธอถามอย่างมีชัย
“เป็นอย่างเดียวกับที่ฉันสงสัย เห็นได้ชัดว่าฉันสืบเชื้อสายมาจากสลิธีรีนเช่นกัน และคุณสมบัติของเขาก็เอาชนะเธอ”
“นั่นคงจะอธิบายได้ว่าทำไมนายถึงโง่อย่างงี้” เฮอร์ไมโอนี่ย้อนตอบ
“แต่ฉันคิดว่า...เธอบอกจินนี่ว่า เธอคิดว่าฉันฉลาดไม่ใช่เหรอ เธอกำลังจะกลับคำพูดของตัวเองนะ ฉันเจ็บปวดนะเฮอร์ไมโอนี่” สาวผู้งดงาม ที่มีผมและตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเขาด้วยความตกใจ
“นายเพิ่งเรียกฉันว่า เฮอร์ไมโอนี่ อย่างนั้นเหรอ” เดรโกต้องพยายามควบคุมตนเองอย่างมากเพื่อไม่ให้หน้าแดง นึกภาพซิ! มัลฟอยพยายามที่จะไม่หน้าแดง!
“นั่นเป็นชื่อของเธอไม่ใช่หรือไง” เขาตอบเรียบๆ
“เอาล่ะ เธออยากให้มีงานเลี้ยงฮัลโลวีนเมื่อไหร่ล่ะ” พวกเขาทำงานด้วยกันแบบนั้นหลายชั่วโมง วางแผนในทุกๆรายละเอียด มันเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ชิดกันอย่างไม่เขินอาย ซึ่งทั้งคู่จะปฏิเสธหรือเมินเฉย ที่จะใช้เวลาร่วมกันอย่างนี้ภายหลังต่อหน้าคนอื่น เดรโกต้องประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำตัวตามสบายกับเขาแล้วในตอนนี้ และเขาพบว่าตัวเองพยายามเป็นในแบบที่มากกว่าการทำเมินเฉยใส่เธออย่างที่เขาคิดเอาไว้
“ฉันรักฮอกวอตส์จริงๆ นายรู้ไหม ฉันหวังว่าตัวเองจะสามารถแสดงให้พ่อแม่ของฉันเห็น แต่...” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะพูดต่อไป เธอค่อยๆเงียบเสียงลงด้วยความรู้สึกที่กระสับกระส่าย และเดรโกรู้ว่าเธอกำลังตำหนิตัวเองที่พูดถึงเรื่องพ่อแม่มักเกิ้ลของเธอ ความรู้สึกว่างเปล่าในท้องของเดรโกเกิดขึ้นในทันทีที่เธอกระสับกระส่าย เดรโกพูดก่อนที่เขาจะทันได้คิด
“อย่ากังวลเรื่องนั้นไปเลย เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดอย่างเงียบๆ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา พยายามพิจารณาว่าเขาหมายถึงอะไร
“กังวลเรื่องอะไรเหรอ” เธอถามอย่างระมัดระวัง เดรโกรู้สึกจริงๆว่าสิ่งที่เขาได้รับมาจากการเป็นผู้เสพความตาย กั้นขวางระหว่างพวกเขาไว้ เหมือนมันคอยปิดกั้น และเขาต้องการให้มันหายไป เขานึกไม่ออกเลยว่าอะไรในตัวเองที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น แต่เธอทำให้เขารู้สึกเป็นปกติได้ในอีกครั้งหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่ฉลาดและดูดีคนหนึ่งเท่านั้น เขาย้ำเตือนกับตัวเองว่ากำลังพูดคุยอยู่กับเด็กสาว หลังจากนาทีของความคิดนั้น เดรโกรู้ว่าเขาต้องทำอะไร
********
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเดรโก ค้นหาอารมณ์บนใบหน้าของเขา ซึ่งเธอก็รู้ว่าคงจะพบใบหน้าที่ว่างเปล่าของเขาอย่างเคย เธอปรารถนาให้พวกเขากลับไปเป็นเหมือนเดิม ก่อนที่เธอจะยกเรื่องพ่อแม่ของเธอออกมาพูด หลังจากช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะยาวนานไปตลอดกาล เดรโกก็พูดขึ้น
“เธอต้องเข้าใจ เฮอร์ไมโอนี่ ชีวิตของฉันไม่เหมือนกับชีวิตของเธอ หรือของวีสลีย์ หรือแม้แต่พอตเตอร์ พวกเธอเติบโตมาพร้อมกับทางเลือก ตระกูลมัลฟอยไม่มีทางเลือก เรามีหน้าที่ เรายกย่องเกียรติของตระกูล ทุกอย่างที่เราทำต้องดีที่สุด เราเป็นผู้นำ ของทุกๆกลุ่มที่เราเข้าร่วม และเป็นที่เคารพยำเกรงเท่าที่จะเป็นไปได้”
“มันเป็นอย่างนั้น นับตั้งแต่ที่ต้องทำตามโวลเดอมอร์ ไม่ใช่หรือ เขาทำให้นายต้องทำสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เหรอ!” เธอรีบพูดโดยเร็วโดยไม่ได้พิจารณาอย่างละเอียด ถี่ถ้วนกว่านี้ เธอรอให้อารมณ์ร้ายของเดรโกปรากฏออกมาเอง แต่เธอก็ต้องประหลาดใจที่เขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆเท่านั้น
“เธอไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เธอเข้าใจแบบนั้นเหมือนกัน ในบางครั้งฉันคิดว่าตัวเองบ้า ลูเซียสไม่เห็นด้วยกับฉันและแม่ของฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าโวลเดอมอร์ คือคำตอบ โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าเขาทั้งคู่เสียสติ” เขาหยุดพูดชั่วขณะและหันไปเผชิญหน้ากับเธอ ดวงตาของเขาเจาะทะลุเข้าไปในดวงตาของเธอ ราวกับว่ากำลังค้นหาบางอย่าง เขาโน้มตัวไปข้างหน้า และจับมือเธอไว้ด้วยมืออันเยือกเย็นของเขาชั่วขณะ ก่อนที่จะวางมือลงอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขาถูกเผาไหม้ เฮอร์ไมโอนี่แอบเสียใจ และตำหนิตัวเองอย่างเงียบๆ
“ลูเซียส เป็นมือขวาของโวลเดอมอร์ ใครๆก็รู้ ในโลกของผู้เสพความตายไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องอายมากไปกว่า การที่ครอบครัวไม่เกรงกลัวคุณ ไม่เชื่อฟังคุณ และการมีลูกชายที่ไม่พยายามเป็นแบบคุณ ฉันถูกฝึกมาเพื่อชีวิตของผู้เสพความตายมาตั้งแต่เกิด อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้คุยโว การเป็นผู้เสพความตาย เธอจะต้องเข้มแข็ง เพื่อนคือจุดอ่อน ดังนั้น ลูเซียส จึงแน่ใจว่าฉันไม่มีเพื่อนเลยสักคนน่าจะดีกว่า ฉันถูกสอนให้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกเลือดบริสุทธิ์และพวกเลือดสีโคลน ถูกสอนว่าทำไมฉันควรเกลียดพวกเขา และควรฆ่าพวกเขาในที่สุด” เมื่อเดรโกพูดจบประโยคนี้ เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งเป็นท่อนไม้
“แต่ฉันเกลียดเขา เฮอร์ไมโอนี่ ฉันเริ่มเกลียดเขามาตั้งแต่เมื่อ สองสามปีที่แล้ว แน่นอนฉันไม่อาจเคารพชายที่จะทำแบบนั้นกับภรรยา...ได้หรอก” เขาหยุดพูดในทันที ดูเหมือนจะตัดสินใจว่าเขาไม่อาจบอกเธอในสิ่งที่เป็นอะไรก็ตามที่เขากำลังจะพูด เขาดูเหมือนจะเศร้าชั่วขณะ จากนั้นดูเหมือนแค่โกรธ
“ชายที่สามารถทำอะไรกับใครเหรอ” เธอถามต่อ เดรโกส่ายหัว
“มันไม่สำคัญหรอก ประเด็นที่สำคัญจริงๆคือ เขาทำบางอย่างที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ฉันไม่อาจจะทนได้ เขาบอกฉันว่า ฉันต้องเป็นผู้เสพความตาย ฉันปฏิเสธมัน และฉันก็ถูกลงโทษในที่สุด เมื่อเขาถามฉันอีกครั้ง...ฉันก็ปฏิเสธมันอีก” เดรโกหัวเราะอย่างหดหู่
“และนั่นแหล่ะ เธอก็คงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันแล้ว แม้ว่าครั้งสุดท้ายจะเป็นความพยายามระหว่างเขากับโวลเดอมอร์ ทั้งคู่เลยก็ตาม” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหน้าของเขาไม่มีสีเลือดอยู่เลย เธออยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาช่วงฤดูร้อน และตอนนี้เธอก็รู้แล้ว เดรโกลุกขึ้นยืนในทันใด และเขาถอดเสื้อคลุมของสลิธีรินออก ภายใต้เสื้อคลุม เขาสวมกางเกงยีนแบบมักเกิ้ล ละเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้มแบบหลวมๆ ซึ่งกระดุมเม็ดบนถูกปลดออกแล้ว เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ที่เขาอยู่บ้าน สลิธีรินเพราะสีเขียวมันทำให้เขาดูน่าทึ่ง และมันยังเข้ากับดวงตาที่เย็นชา, ผมสีเงินของเขาอีกด้วย เขากลับมานั่งลงข้างๆเธอ และถกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้น เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง
“โอ้เมอร์ลิน! เดรโก...”
“ไม่ต้องสงสารฉัน เกรนเจอร์” เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราด ที่แขนของเขามีก้อนเนื้อเยื่อที่เป็นแผลเป็น สีแดงนูนออกมา และมีรอยแผลเปิดอีกจำนวนมากมาย!
“นั่นคือสิ่งที่เธอจะได้รับเมื่อเธอถอนตัวกลางคันในตอนที่ถูกบังคับให้รับตรามาร แต่ฉันไม่ยอมให้ โวลเดอมอร์ควบคุมฉันได้ ฉันไม่ยอมให้ใครก็ตามควบคุมฉัน”เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยรู้สึกโกรธแบบนี้ในชีวิตของเธอเลย ความคิดที่ว่าพ่อจะทำเรื่องแบบนี้กับลูกชายของตัวเองทำให้เธอสะอิดสะเอียน ช่วงเวลานั้นถ้า ลูเซียส มัลฟอย เข้ามาในห้อง เฮอร์ไมโอนี่เกรงว่าเธอคงจะเสกคาถาพิฆาต อะวาดา เคดาฟร่า ใส่เขาทันที
“พวกเขาทำอะไรอีก” เธอถามเขาเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ เดรโกเงยหน้ามองเมื่อเขาได้ยินเสียงของเธอ แต่ถ้าเขาแค่ตกใจ เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา เขายักไหล่ และดึงแขนออกห่าง ถกแขนเสื้อกลับลงไป
“คำสาปกรีดแทง สักสองสามครั้ง เธอเห็นฉันในคืนนั้น เธอรู้ว่าอะไรที่พวกเขาทำกับฉันบ้าง” จากนั้นเพื่อทำให้อารมณ์ของเขาลดความรุนแรงลง เขาพูดต่อ
“โอ้ ระหว่างเธอกับฉัน คำสาปสะกดใจ ของโวลเดอมอร์ไม่มีอะไรต้องกลัว ฉันทำได้ดีกว่า” ความจริงที่ว่าเขายังคงทำเป็นเรื่องตลก และอวดดีในเวลาเช่นนี้ เพียงแต่มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ชอบเขามากขึ้น เขาช่างแตกต่างจากแฮร์รี่ และรอน
“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ” เธอถาม
“ฉันหนีรอดมาจากมัน” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง
“นายหนีรอดจากคำสาปสะกดใจ ของโวลเดอมอร์เหรอ!”
“เป็นโชคดีของเดรโก มัลฟอยน่ะ เธอว่าไหม เกรนเจอร์ อย่างไรก็ตามจุดประสงค์สำคัญของเรื่องราวซ้ำๆซากๆไร้สาระนี้คือ ฉันไม่ใช่ผู้เสพความตาย และฉันจะไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยเพียงแค่เพราะเธอพูดถึงพ่อแม่ของเธอหรอก เธอพูดถึงพวกเขาได้ ได้แน่นอน” เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา แต่คำถามข้อหนึ่งกำลังคุกกรุ่นอยู่ในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่
“เช่นนั้นนาย คิดยังไงกับพวกมักเกิ้ล และพวกที่เกิดจากพวกมักเกิ้ลล่ะ นายไม่ได้เข้าร่วมกับโวลเดอมอร์เพราะนายเกลียดพ่อนาย และนายปฏิเสธที่จะถูกชักนำ แต่นายเห็นด้วยกับเป้าหมายของพวกเขาใช่ไหมล่ะ” เดรโกตกอยู่ในความเงียบ และเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอจมดิ่งลงไป
“เดรโก นายว่ายังไง”
“มันเริ่มดึกแล้วว่าไหม” เขาถามออกมาเฉยๆ
“เราควรจะเรียกมันว่ากลางคืน” เฮอร์ไมโอนี่แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ในที่สุดแล้ว เขาเปิดเผยกับเธอ แต่เขาก็ปกปิดมันอีกครั้ง เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเธอ เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร รู้ว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ถูกสอนมาตลอด
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืน สมองของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ เธอโน้มตัวลงไป และตบเข้าที่หน้าของเดรโก อย่างจัง เกิดเสียงดัง เพียะ!
“นายร้ายกาจที่สุด เดรโก มัลฟอย!” เธอตะโกนใส่เขาอย่างมุ่งร้าย ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องด้วยความโกรธ เธอจึงไม่ทันเห็นสีหน้ายอมจำนนของเดรโก ในขณะที่เขาจ้องเข้าไปในกองไฟ เขาเริ่มเข้าใจ เขาทำการตัดสินใจ และไม่มีอะไรจะหยุดเขาได้
ความคิดเห็น