ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตราบาปลิขิตรัก/ เดร-เฮอร์

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 : ความสับสน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      4
      3 ส.ค. 54

                                                                               ตราบาปลิขิตรัก

    บทที่ 7 – ความสับสนของเธอและเขา

     

    ห้องสมุดนั้นดูเงียบเหงา มันอบอุ่นแต่ไม่ถึงกับอบอ้าว มันเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์รู้สึกว่าไม่มีสมาธิที่จะอ่านหนังสือ มันอาจจะเป็นเพราะเธอเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อนแล้ว อันที่จริงในสามเดือนที่ผ่านมานี้เธออ่านหนังสือในห้องสมุดของคฤหาสน์มัลฟอยเกือบจะหมดแล้ว เธอไม่ต้องใช้เวลาในการอ่านหนังสือแต่ละเล่มนานเท่าไหร่ เพราะแต่ละชั้นมีหนังสืออยู่ไม่กี่เล่ม และฝุ่นที่เกาะกันเป็นเส้นแสดงให้เห็นว่าเคยมีหนังสือวางไว้อยู่ตรงนั้น

    เธอสังเกตได้ถึงบางอย่างระหว่างที่เธอถูกกักกันไว้ที่นี่ ถึงแม้ว่าสถานที่นี้จะใหญ่โต แต่มันก็มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดซ่อนอยู่ เช่น รูปถ่ายบางรูปนั้นได้หายไป หนังสือบางเล่มหายไปจากชั้นวาง ตู้เสื้อผ้าว่างเปล่า อันที่จริงบางห้องก็ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย เว้นแต่ร่องรอยที่ซีดจางบนผนังกำแพง เฮอร์ไมโอนี่รวบรวมการสังเกตเหล่านี้ไว้ในหัวสมองเธอ เธอเก็บมันไว้กับสิ่งที่เธอได้ทำการสืบสวนค้นหาความจริงเอาไว้แล้ว มันเป็นวิธีการอยู่รอดที่เธอได้คิดค้นขึ้นมา การที่ได้ถูกแยกออกจากทุกสิ่งที่เธอเป็น และถูกบังคับให้อยู่ในสถานที่ที่เธอไม่เคยเชื่อหรือสนใจนั้นเป็นการทำร้ายและดูหมิ่นเธอ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะทำในสิ่งที่เธอชอบมากที่สุด

    เธอชอบที่จะหาความรู้ เธอรักที่จะขวนขวายหามัน ความเป็นจริงนั้นทำให้เธอมั่นใจ บางครั้งมันฝังลึกลงไปในตัวเธอ บางสิ่งเล็กๆทำให้เธอเชื่อมั่นว่าเธอสามารถหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ได้ บางทีถ้าเธอซื่อสัตย์ต่อตัวเองมันคงจะไม่เลวร้ายขนาดนี้ ซึ่งการโต้เถียงกับวอร์ริงตันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี

    ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้น คนที่นำตัวเธอมาได้ถอยห่างจากเธอ บางครั้งเขาก็จากคฤหาสน์ไปเป็นระยะเวลานานหลายวัน เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นเขาจริงๆก็ตอนที่เขากลับมาหรือไม่ก็ออกเดินทาง เขาแทบจะไม่บอกให้เธอรู้ว่าเขาจะไปไหน ไม่แม้แต่จะบอกลาเธอสักคำ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย และมันทำให้เธอหวาดระแวงว่าจะมีใครมาพาเธอไป ซึ่งทุกคนคงจะรู้แล้วว่าเธออยู่ที่นี่

    ความคิดเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญเมื่อเธอเลื่อนนิ้วมือผ่านหน้าหนังสือ เธอเปิดไปอีกหน้าหนึ่งทำให้ฝุ่นที่เกาะฟุ้งกระจายไปตามอากาศ ดวงตาเธอเคลื่อนผ่านตัวหนังสือ แต่เธอไม่ได้อ่านมัน จิตใจเธอล่องลอยไปยังที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่

    จิตใจเธอล่องลอยกลับมาอีกครั้งเมื่อเธอเห็นรถม้าวิ่งมาตามทาง เธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผ่อนคลายอีกครั้งเมื่อเธอเห็นผมสีบลอนด์ออกมาจากประตูรถม้า ทันใดนั้นเกสบี้ก็มายืนอยู่ข้างๆเขาแล้วหายตัวเข้าไปในบ้าน

    เธอได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินเข้ามาในบ้าน และเห็นร่างเขาเดินผ่านประตูไป เธอวางหนังสือไว้บนโต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นแล้วออกไปจากห้องสมุด เธอเดินตามหลังมัลฟอยไป

    เธอไม่เคยเห็นห้องนี้มาก่อน ประตูห้องนี้จะปิดและล็อคอยู่เสมอเมื่อมัลฟอยไม่อยู่ ซึ่งจริงๆแล้วเธอก็ไม่เคยหาเขาเจอถึงแม้เขาจะอยู่บ้านก็ตาม เธอมองดูเขาถอดถุงมือและเสื้อคลุม เขาโยนมันไว้กับสิ่งของอื่นๆที่อยู่บนเก้าอี้ เขาถอนหายใจเมื่อเดินไปยังโต๊ะ ซึ่งนั่นก็คือตอนที่เขาสังเกตเห็นเธอยืนอยู่ที่ประตู ใบหน้าเขาดูประหลาดใจแต่ทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้ารำคาญ

    “มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ เกรนเจอร์?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่ายระหว่างที่เขาหยิบกระดาษมาวางเอาไว้ตรงหน้า

    เธอไม่สนใจคำถามเขา และถือว่านั่นเป็นคำเชิญ เธอก้าวเข้าไปในห้อง และมองไปรอบๆ ข้างหลังโต๊ะทำงานเขามีหนังสือวางเรียงรายกันอยู่เป็นแถว ซึ่งมันเรียกความสนใจจากเธอได้มากเพราะเธอใช้เวลาอยู่นานพอควรในการอ่านสันของหนังสือแต่ละเล่ม เธอเปิดปกหนังสือออกและอ่านแต่ละหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ในส่วนที่อยู่ตรงข้างผนังห้องนั้นเปิดโล่งซึ่งเผยให้เห็นสวนข้างนอก กลิ่นของดอกลาเวนเดอร์และต้นไธม์นั้นอบอวลไปทั้งห้อง ดวงตาเธอเหลือบไปเห็นชั้นวางของที่มีไม้คฑาวางเรียงรายเต็มไปหมด

    “เกรนเจอร์?” เสียงของเขาทำลายสมาธิเธอในการพิจารณาไม้คฑาเหล่านั้น ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างหลังโต๊ะแต่กลับนั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะ แขนเสื้อของเขาถูกพันขึ้นไปอยู่ตรงข้อศอก มือของเขากอดอกอยู่

    “นายไปนานเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น พลางเดินไปช้าๆที่ชั้นที่ขวดโหลเหล่านั้นวางอยู่ ดวงตาเธอพยายามจำชื่อที่แปะไว้ตามแต่ละชั้น

    “คิดถึงฉันเหรอ?” เขาถาม น้ำเสียงเขาเหมือนหยอกล้อเล่นเล็กน้อย ซึ่งเธอก็ยิ้มอย่างยอมรับก่อนที่จะหันกลับไปที่ไม้คฑาเหล่านั้น “อย่าจับมันนะ”

    “ฉันจับไม่ถึงหรอก” เฮอร์ไมโอนี่โต้เถียงระหว่างที่เธอเอื้อมมือออกไปอีก “มันอยู่สูง...”

    น้ำเสียงของเธอขาดตอนไป และเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอหอยเมื่อเธอเหลือบไปเห็นไม้คฑาที่เธอคุ้นเคย เธอเคยเห็นมันมาเป็นร้อยๆครั้งแล้วในชีวิตของเธอ ไม้ที่ใช้ทำไม้คฑานั้นเป็นไม้ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำไม้คฑาของเธอ เธอได้เห็นมันใช้ต่อสู้กับผู้เสพความตายที่ห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด และดูเหมือนว่ามันได้ใช้ในอีกหลายสถานการณ์อื่นๆ  เธอรู้สึกหายใจไม่ออกมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอได้พยายามพินิจพิเคราะห์ตรงด้ามจับ เธอเอื้อมมือออกไป เธอใช้นิ้วลูบไล้ เธอไม่ได้จับมันโดยตรง แต่เพียงสัมผัสขวดโหลที่ใช้ห่อหุ้มมันไว้

    การเคลื่อนไหวของเธอถูกหยุดลงด้วยนิ้วมือที่เรียวแต่เต็มไปด้วยความหยาบกระด้างที่โอบรอบๆเอวเธอเอาไว้ มัลฟอยนั้นยืนอยู่ข้างหลังเธอ ตัวเขานั้นแทบจะแนบชิดกับตัวเธอจนเธอสามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ออกมาจากตัวเขา

    “ฉันบอกแล้วว่าอย่าจับ” เขากระซิบข้างๆหูเธอ เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา

    เธอสะบัดเอวออกจากมือของเขาเพื่อที่จะให้มีช่องว่างระหว่างเธอและเขาให้มากที่สุด เขาฉีกยิ้มเมื่อเห็นเธอเร่งรีบเดินไปอยู่ที่กลางห้อง เขาหันหลังและมองไปที่ขวดโหลใบนั้น

    “มันเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ของพ่อมด มันจะเกิดขึ้นเมื่อพ่อมดคนหนึ่งตายในการต่อสู้ คนที่ชนะจะได้ไม้คฑาของผู้ที่แพ้” มัลฟอยส่งสัญญาณไปที่กำแพง “ฉันมีหลายอัน แต่ฉันต้องบอกว่า ของวีสลีย์นั้นเป็นอันโปรดที่สุดของฉัน”

    ความโกรธของเฮอร์ไมโอนี่ได้เดือดดาลขึ้น เธอเดินจ้ำไปข้างหน้า มือของเธอเอื้อมไปยังคอของเขา แต่เขาหมุนตัวหนีได้ทันและได้จับมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ พร้อมกับผลักเธอไปที่โต๊ะ เธอดิ้นอย่างแรง ซึ่งมันทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างดัง เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากสิ่งเดียวที่เธอคิดออก เธอถ่มน้ำลายใส่เขา

    ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเขาหยุดลง ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาและมันได้ถูกแปรเปลี่ยนด้วยความโกรธ เขาปล่อยมือข้างหนึ่งของเธอ บีบคอของเธอไว้แน่น มืออีกข้างหนึ่งของเธอจิกเข้าไปที่แขนของเขาเมื่อเขาบีบคอเธอไว้ซึ่งมันทำให้เธอหายใจไม่ออก เขาผลักเธอจนกระทั่งหลังของเธอแนบชิดกับโต๊ะ ตัวของเขาอยู่ข้างบนตัวเธอ

    เขาทำให้แน่ใจว่าไม่มีอากาศออกมาจากปากของเธอ เขาจับมืออีกข้างของเธอไว้บนหัวของเธอ ริมฝีปากเขาห่างจากเธอไม่ถึงนิ้ว

    “ฉันสามารถทำอะไรเธอก็ได้” เขากระซิบ พร้อมกับแนบร่างของเขาให้แนบชิดเธอยิ่งขึ้น ซึ่งมันทำให้ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้น “ฉันสามารถทำอะไรเธอก็ได้ โดยเธอไม่อาจจะขัดขืนอะไรได้เลย”

    “นายมันน่ารังเกียจ” เฮอร์ไมโอนี่คำรามออกมาซึ่งมันทำให้เขาหัวเราะเบาๆ

    “เธอได้ทำให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น” เขาพูดเนิบๆ และถอนมือออกจากคอเธอแต่จับข้อมืออีกข้างของเธอไว้แทน  พร้อมกับใช้จมูกซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอ

    “พวกเราเชื่อใจนาย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอ่อนแรง เสียงของเธอถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้น “ภาคีเชื่อใจนาย!”

    “อืม นั่นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไม่ใช่เหรอ?” เดรโกถามอย่างเยือกเย็น เขาใช้ริมฝีปากสัมผัสไปที่จุดชีพจรของเธอ

    “ปล่อยฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ร้องขอ เธอดิ้นเพื่อจะให้หลุดจากมือเขา

    “เธอไม่ได้พูดว่าได้โปรด” เขาพูดอย่างเนิบๆ พร้อมกับฉีกยิ้มให้เธอ                    

    “ไอ้บ้า” เธอด่าออกมาซึ่งทำให้เขาหัวเราะอีกครั้ง

    “ระวังในสิ่งที่เธอต้องการ ที่รัก” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ เธอถีบเท้าไปมาก่อนที่เขาจะปล่อยมือข้างหนึ่งจากเธอและถอยออกห่างเธอ

    เฮอร์ไมโอนี่นอนอยู่บนโต๊ะเพื่อที่จะหายใจ หัวใจของเธอแทบจะหลุดออกมาจากโครงกระดูก ส่วนหนึ่งของเธอรู้ว่ามันไม่ใช่มัลฟอยที่ทำกับเธออย่างนี้ แต่มันเป็นด้านที่งี่เง่าของเขา มัลฟอยคือผู้เสพความตาย และนักฆ่าแต่มีอยู่สิ่งเดียวที่เขาจะไม่ทำอย่างแน่นอนคือข่มขืนเธอ  เธอค่อยๆยกตัวเองขึ้น เธอใช้มืออีกข้างลูบเบาๆที่ข้อมือของเธอ เธอสังเกตเห็นรอยนิ้วมือของเขาบนข้อมือเธอ เธอมองขึ้นและเห็นว่าเขายืนฉีกยิ้มและกอดอกอยู่

    “นายต้องการอะไรจากฉัน มัลฟอย?” เธอถามพร้อมกับจ้องมองเขา พยายามจะควบคุมลมหายใจไว้ให้มั่น “ทำไมนายยังไม่ฆ่าฉันอีก?

    “นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการเหรอ? ให้ฉันฆ่าเธอ?” เขาถาม พลางเอียงหัวไปอีกข้างหนึ่งซึ่งมันทำให้ผมสีบลอนด์ของเขาปกคลุมที่ดวงตา “เพื่อที่จะส่งเธอให้ไปอยู่กับพอตตี้ และวีสเซิล? เพื่อให้เธอพ้นจากความผิด?”

    “ปล่อยฉันไป” เฮอร์ไมโอนี่คำราม เธอจ้องตาเขา

    “ไม่” เขาตอบ

    “นายไม่สามารถขังฉันไว้อย่างนี้ตลอดไปหรอก!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมา พร้อมกับยืนกอดอก

    “การที่ปล่อยให้เธออยู่ในคฤหาสน์ที่มีเนื้อที่เยอะขนาดนี้เขาไม่เรียกขังกรงหรอก” เขาพูดถากถางซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางอื่นอย่างโมโห

    “ว่าแต่เธออยากจะไปที่ไหนบ้างล่ะ?”

    เฮอร์ไมโอนี่มองที่เขาอีกครั้ง และรีบมองไปทางอื่นทันที ความคิดเธอว่างเปล่า ไม่เห็นอะไรนอกจากรั้วของคฤหาสน์มัลฟอย

    “เธอคิดว่าถ้าฉันปล่อยเธอไปเธอจะสามารถเดินออกไปและกลับเข้าไปในสังคมได้งั้นเหรอ? หลายสิ่งเปลี่ยนไปตั้งแต่สงครามยุติลง เกรนเจอร์” เขาพูด ดวงตาของเขาแข็งและเยือกเย็น

    “พวกเลือดสีโคลนจะต้องถูกฆ่าตายหมด และมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับเอลฟ์ประจำบ้าน เธออยู่ที่นี่ล่ะดีที่สุดแล้ว”

    “ฉันอยากจะเห็นมันด้วยตัวฉันเอง” เธอพูด พร้อมกับยืนตัวตรง หน้าเชิดขึ้น

    เขาจ้องมองเธออยู่นาน ศึกษาเธอ จิตใจของเขาทำงานอย่างหนัก ลิ้นของเขาเต้นรัวอยู่ในปาก ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา

    “เธอมีสถานที่ที่อยากจะไปอยู่ในหัวหรือยัง?” เขาถามและทันใดนั้นเธอก็นึกถึงสถานที่ออก

    “ตรอกไดแอกอน” เธอพูดขึ้นซึ่งนั่นทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

    “ตรอกไดแอกอน?” เขาถาม “ต้องการบางอย่างเพื่อวิชาเรียนเหรอ?”

    “ฉันอยากจะไปที่ฟลอเรียนและบอตส์” เธอตอบอย่างป้องกันตัวเอง “ฉันอ่านหนังสือในห้องสมุดของนายจนหมดแล้ว เว้นแต่นายจะอนุญาตให้ฉันอ่านหนังสือในห้องนี้ได้?

    เธอพยักหน้าไปยังกำแพงที่มีหนังสือวางเรียงรายอยู่ซึ่งเขาหันไปมองตามเธอ ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่พูดไม่ออก

    “ไม่” เขาพูด พลางกระแอมออกมา “ฟลอเรียนและบอตส์ก็ได้”

    ปากของเฮอร์ไมโอนี่แทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเขาเดินกลับไปที่โต๊ะ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ เธอกระพริบตาอยู่สองสามครั้งเพื่อที่จะรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา

    “นาย...จะพาฉันไปใช่ไหม?” เธอถามอย่างประหลาดใจ

    “ฉันจะพาไปพรุ่งนี้” เขาตอบ พลางเหลือบมองเธอระหว่างที่เขาจุ่มน้ำหมึกเพื่อที่จะเขียน “ออกไปจากห้องนี้ซะ ฉันจะได้ทำงานอย่างสงบ”

    ย้อนอดีต

    เช้าวันต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ลงไปกินข้าวเหมือนเช่นทุกๆวัน เพียงแต่เธอพยายามเลี่ยง ที่จะไม่มองไปที่โต๊ะสลิธีริน เธอนั่งข้างแฮร์รี่ และได้ยินรอนพูดถึงเรื่องมัลฟอย  เฮอร์ไมโอนี่พยายามที่จะไม่สนใจ เธอหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมากิน ระหว่างที่แฮร์รี่เอื้อมมาเพื่อที่จะหยิบน้ำผลไม้ เธอสังเกตุเห็นบางอย่างที่เธอไม่เคยสังเกตุมาก่อน

    เธอเล่นกล้ามงั้นเหรอ?” เธอถาม ระหว่างที่ตายังคงมองที่แขนของเขา

    แฮร์รี่หยุดชะงักในสิ่งที่กำลังทำอยู่ และหันมามองเธออย่างงุนงง อะไรนะ?”  เขาถาม

    เธอเล่นกล้ามเหรอ? ก็..ออกกำลังกายเพื่อจะทำให้สาวๆประทับใจไง?” แฮร์รี่และรอนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองรอนใกล้ๆและทำตาโต

     เธอเหมือนกัน รอน

    เราไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือไปจากสิ่งที่ทำอยู่เดิม แฮร์รี่ขำและพูดต่อ แค่เล่นควิดดิช

     

    เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก เพราะเธอไม่เคยเล่นหรือสนใจในควิชดิชมาก่อน เธอได้เพียงแต่ดูเขาในเกมการแข่งขันเท่านั้น  แต่นั่นเขาใช้เวทมนตร์เล่นกันไม่ใช่เหรอ?” เธอถามในขณะที่เพื่อนรักของเธอทั้งสองหัวเราะ

     

    และเธอคิดว่าพวกเราอยู่ในเกมส์การแข่งขันกันได้ยังไง?” รอนถาม มันต้องใช้พละกำลัง รู้ไหม รอนและแฮร์รี่ส่ายหัวเพราะไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงสนใจในร่างกายของพวกเขานัก

     

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง พร้อมกับหยุดการฝันถึงร่างกายที่เพอร์เฟ็คของพวกเขา มันน่าอาย ! เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องสนใจในร่างกายที่มีมัดกล้ามของพวกเขาด้วย อาจจะเป็นเพราะมัลฟอย ที่ทำให้เธอต้องคิดและคอยเปรียบเทียบ ระหว่างพวกเขาก็ได้

    มันยากสำหรับเธอที่จะวิจารณ์พวกเขาเกี่ยวกับการเล่นควิดดิช แม้ว่าเพื่อนทั้งสองของเธอจะเล่นมันเหมือนกันกับมัลฟอยก็เถอะ  แต่มันไม่เหมือนกันแน่นอน เพราะในความเหมือนย่อมมีความแตกต่าง และเธอเองก็รู้ว่าความแตกต่างนั้นคืออะไร; ความหยิ่งยะโส บ้าอำนาจ ของเขาที่มีมากมายในขณะที่เพื่อนๆของเธอ มีความสุภาพและอ่อนโยน เธอพยายามที่จะไม่ใช้ความคิดของเธอในการตำหนิเขา แต่มันก็ยากเต็มทน

     

    เสียงของรอนแทรกเข้ามาในความคิดเธอและนั่นมันก็ทำให้เธอหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

     มัลฟอยทำให้เธอโดนกักบริเวณตลอดทั้งอาทิตย์เลยหรือเปล่า?” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง หัวใจเธอเต้นแรง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าแฮร์รี่ต่างหากที่โดนกักบริเวณ

     

    ใช่ แฮร์รี่ตอบ แต่สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่นั่น แต่มัลฟอยบอกสเนปว่าเธอไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น

     

    อะไรนะ?” รอนร้องเสียงหลง และหันกลับไปมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสงสัย ทำไมเขาทำอย่างนั้น?”

     

    พวกเขาทั้งสองหันมามองเธอ ในขณะที่เธอลังเล เธอไม่ได้เตรียมตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียด้วยสิ เออ... เธอพูดไม่เต็มเสียงนัก เพราะเธอกำลังคิดถึงข้อแก้ตัวอยู่  เขาต้องการความช่วยเหลือสำหรับการบ้านวิชาแปลงร่าง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ระหว่างที่เพื่อนๆของเธอ ดูเหมือนจะเข้าใจในคำตอบ โดยพึมพำเบาๆว่า

     แน่นอน และ เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียนนี่ ใช่ เธอเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เหรอ? เธอยอมรับกับตัวเธอเอง ในขณะที่เธอก้มลงมองที่อาหาร โดยไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะกินมันสักเท่าไหร่นัก  

     

    นั่นก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงอยู่กับเขาเพียงลำพังในห้องนั้น!” รอนกล่าว พร้อมยิ้มกว้าง หัวของเธอตั้งตรงขึ้น พร้อมกับรอยแดงบนแก้มเธอ

    เดี๋ยวนี้ฟังเขาพูดนินทากันแล้วเหรอ รอน? ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ทำแล้วหรือไง?” เธอรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นความรู้สึกผิดในใบหน้าของเขา รอนหน้าแดงและหลบสายตาของเธอ

     

    เดี๋ยวนะ เธออยู่ลำพังกับมัลฟอยเหรอ เฮอร์ไมโอนี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” แฮร์รี่ถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ นั่นไม่ฉลาดเอาซะเลยนะ ถ้าหากว่าเขา...

     

    โธ่เอ่ย หยุดพูดสักทีเถอะน่า !” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับอย่างโมโห มันไม่ใช่อย่างนั้นสียหน่อย เขาก็แค่เป็นพวกที่เอาแต่ใจตัวเองแล้วขี้โม้เท่านั้น เธอผลักอาหารแล้วลุกขึ้น ทันใดนั้นเธอสบตากับดวงตาคู่สีเทาจากโต๊ะสลิธีริน เยี่ยม...เยี่ยมจริงๆ เธอยี้ฟันอย่างดุร้ายใส่เขาแล้วเดินออกไปจากโต๊ะ พร้อมกับอยากจะสาปแช่งพวกผู้ชายทั้งหมดในโรงเรียนนี้

     

    หลายสัปดาห์ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่พยายามระวังตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้อยู่ในสถานการณ์ที่อยู่เพียงลำพังกับมัลฟอยอีก ถึงวันที่จะไปฮอกมี้ดทุกอย่างผ่านพ้นไปเหมือนเคย  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นได้ว่า มัลฟอยค่อนข้างที่จะยุ่งมากกว่าที่เคย  พากิสันและลิ่วล้อของเขา ไม่เคยที่จะออกห่างจากเขาเลย ในตอนแรกดูเหมือนเขาจะรำคาญอยู่ไม่ใช่น้อย เห็นได้จากคำพูดอันร้ายกจของเขา ในที่สุดเขาก็ยอมให้เธอตามเขาต้อยๆ ราวสุนัขที่ภักดีตามเคย

     วันนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในห้องสมุดเพียงลำพัง เธอไม่อยากกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมสักเท่าไหร่เธอขี้เกียจที่จะต้องนั่งคอยดูแฮร์รี่และรอนเล่นหมากรุกกันเหมือนเดิมและเช่นเคยที่แฮร์รี่จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ให้กับรอน หรือบางที พวกเขาอาจจะแสดงหลักฐาน เพื่อให้เธอได้ดูว่ามัลฟอยเป็นผู้เสพความตายที่แท้จริง และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอเชื่อ สาเหตุนี้มันทำให้เธอรำคาญพวกเขาจนสุดจะทน

    เฮอร์ไมโอนี่ปิดหนังสือ เธอรู้ตัวว่าเธอคงจะอยู่ที่นี่ ได้อีกไม่นานแล้ว เพราะมีสัญญาณจากมาดามพินซ์ว่าห้องสมุดใกล้จะปิดอยู่แล้ว

     

    เธอถอนหายใจ และรวบรวมหนังสือที่เธออ่านเก็บไว้ที่ชั้น ตามเดิม  เฮอร์ไมโอนี่เริ่มเดินไปยังห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ มันดึกแล้ว อากาศข้างนอกเริ่มหนาวเย็น  มันเป็นเวลาที่ดีที่ เธอจะแก้ตัวกับเพื่อนๆของเธอได้ว่าเธอเหนื่อยและต้องการพักผ่อนมากกว่าที่จะมาตอบคำถามที่ไร้สาระของพวกเขา ซึ่งจริงๆแล้วเธอไม่ได้เหนื่อยสักเท่าไหร่ และการนอนมันก็น่ากลัวสำหรับเธอ พอๆกับเรื่องไร้สาระของพวกเขา

     

    เฮอร์ไมโอนี่ใจลอย ในขณะที่เธอเดินเรื่อยๆไปตามโถงทางเดินที่เงียบวังเวง เธอไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ที่ทางเดิน จนกระทั่งมีใครบางคนคว้าแขนเธอไว้และลากเธอไปยังตู้เก็บไม้กวาด โดยที่ไม่ลืมที่จะใช้มืออีกข้างของเขาปืดปากเธอในกรณีที่เธอส่งเสียงร้อง  เฮอร์ไมโอนี่โทษตัวเธอเองที่ไม่ทันระวังตัวเธอพยายามดิ้นรนเท่าที่แรงทั้งหมดที่เธอมี แต่แขนที่แข็งแกร่งของผู้บุกรุก ล๊อคตัวเธอไว้อย่างแน่นหนา จนเธอกระดิกตัวแทบไม่ได้ ก่อนที่เธอตัดสินใจทำอะไรลงไป มีเสียงพูดที่ข้างหูของเธอ

     

    อย่าร้อง เขาพูดอย่างอ่อนโยน นี่ฉันเอง ?”

     

    มัลฟอย

    เสียงเนิบนาบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เธอจำได้อย่างแม่นยำ เขาต้องการอะไรจากเธออีก หรือเขาแค่เบื่อและต้องการแกล้งใครสักคน แต่ครั้งนี้เธอจะไม่ทนมันอีกแล้ว

     

    นายต้องการอะไร?” เธอถามอย่างก้าวร้าว ระหว่างที่เขาค่อยๆเลื่อนมือออกไปปิดประตู ซึ่งมีเพียงแสงสีเทาลอดเข้ามาซึ่งมันทำให้เธอเห็นหน้าเขาได้ดีในระยะใกล้ๆ

     

    มีคนตามฉันมา เขาพึมพำระหว่างที่เขาโน้มตัวลงมามองเธอ เฮอร์ไมโอนี่ตาค้าง เมื่อสบกับดวงตาสีเทาของเขา ราวกับต้องมนต์ มันทำให้เธอชะงักงันและแทบที่จะลืมหายใจ

     

    ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะทันได้รู้สึกตัว ว่าร่างกายของเธอใกล้ชิดกับเขามากแค่ไหน ภายในตู้เสื้อผ้าที่คับแคบนั้น ริมฝีปากอุ่นๆของเขากดทับริมฝีปากเย้ายวนของเธอ อย่างสุภาพและนุ่มนวล เธอปล่อยให้ลิ้นของเขา ควานหาความหอมหวานภายในริมฝีปากของเธอ ขาของเธออ่อนแรงเธอกำแขนของเขาไว้แน่น เพื่อที่จะพยุงตัวเธอเอาไว้ เดรโกพยุงตัวเธอขึ้น ระหว่างที่เขาดันตัวเธอไปชิดกับกำแพงตู้

    เฮอร์ไมโอนี่ลืมหมดทุกอย่าง รู้แต่ความรู้สึกของเขาที่จูบเธอ ด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวลกว่าที่ผ่านมาและที่สำคัญรอยจูบของเขา เหมือนเธอคุ้นเคยและโหยหามาแสนนาน

    เดี๊ยวก่อน! มันเป็นจูบของเดรโกนะไม่ใช่รอน แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าสัมผัสจากเขามันถูกต้องและคุ้นเคยสำหรับเธอนัก

    เฮอร์ไมโอนี่กำแขนเขาไว้แน่นระหว่างที่อีกมือหนึ่งวางไว้ที่หน้าอกของเขา ศรีษะของเธอแหงนเงยให้ริมฝีปากของเธอตรงกับริมฝีปากของเขาได้อย่างเหมาะเจาะ

     

    เขายิ้มเมื่อรู้ว่าตัวเองชนะ เขาจูบเธออีกครั้ง และเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ด้วยว่าเธอไม่สามารถผลักไสเขาได้ เธอจูบตอบเขา มันทำให้เขาครางอย่างสุขสม และมันทำให้เขาตอบโต้เธอรุนแรงกว่าเดิม  เธอคิดว่าตัวเธอเองคงต้องตาย เมื่อร่างกายของเขายืนเบียดชิดกับเธอ  จนเธอรู้สึกได้ถึงความร้อนในร่างกายของเขาที่กระทบตัวเธอ

    “ฉันต้องการเธอ” เขาพูดออกมาระหว่างที่เขาค่อยๆปลดเชือกเสื้อคลุมของเธอหลุดออกจากตัว  เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอย่าง งง งัน

    “รอก่อน” เธอครางและพยายามผลักเขาออกไป แต่มันไม่ง่ายเลย เขายังคงไม่ยอมหยุดสัมผัสเธอ  เขาหอมและจูบไปตามซอกคอของเธอ มันเริ่มแรงขึ้น และแรงขึ้นกว่าที่เคย

    ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม เฮอร์ไมโอนี่เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆและในทันใดก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินมากไปกว่านี้ ดูเหมือนเดรโกจะหยุดการกระทำอันเร่าร้อนไว้เพียงแค่นี้ เมื่อเขาหันเหความสนใจไปที่อื่น  เดรโกหันหน้าไปทางประตูและกำลังตั้งใจฟังอะไรบางอย่าง

    “อะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถาม แต่เขาเอามือปิดปากเธอเอาไว้ และส่งสัญญาณให้เธอเงียบ เพียงชั่วครู่ เฮอร์ไมโอนี่ ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน พวกนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้ที่ตู้เก็บไม้กวาดที่พวกเขาอยู่

    หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นรัวเร็ว ความกลัวว่าจะถูกเจอ ทำให้ความเร่าร้อนที่เธอได้รับหยุดลงแทบจะทันที ชื่อเสียงของเธอคงจะต้องป่นปี้แน่ หากถูกพบในสภาพแบบนี้

    “เขาไม่ได้อยู่ที่นี่” น้ำเสียงแสดงความหงุดหงิดดังอยู่หน้าประตูของตู้ไม้กวาด  และเฮอร์ไมโอนี่จำเสียงนั้นได้ดี  แฮรืรี่ พอตเตอร์เพื่อนของเธอนั่นเอง เขามาทำอะไรที่นี่?

    ใบหน้าของมัลฟอยเปลี่ยนมาเป็นความสงสัย เขาจำเสียงนั้นได้เช่นกัน เดรโกค่อยๆก้าวถอยหลัง ปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ โดยที่เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

    “นายแน่ใจนะว่านายอ่านแผนที่ถูกต้อง “ อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น แน่นอน  จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้  เพื่อนหัวแดงของเธอ โรนัลส์  วิสลี่ย์ เฮอร์ไมโอนี่รีบมองหน้ามัลฟอย ซึ่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    “ใช่สิ ลองดูเองสิ  มัลฟอยอยู่ชั้นสี่ ซึ่งก็คือที่ๆเรายืนอยู่กันตรงนี้” แฮร์รี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยืนยัน

    เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากของตัวเธอเองจนเจ็บ...โอ้ว ..นี่ต้องไม่ดีเอาแน่ๆเลย ในตอนนี้มัลฟอยรู้เกี่ยวกับแผนที่ตัวกวนแล้ว ใบหน้าของมัลฟอยดูไม่ดีเอาเลย เขาดูเหมือนจะโมโหเอามากๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้โทษเขา เธอคิดว่าถ้าเป็นเธอที่ถูกติดตามไปในทุกๆที่ และโดนรบกวนตลอดเวลา เธอเองก็คงจะโมโหเช่นกัน

    “ถูกของนาย แต่ดูนี่ก่อนสิแฮร์รี่”รอนร้องอุทาน” มันบอกว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็อยู่นี่ด้วยเช่นกัน”เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเมื่อมีการพูดชื่อเธอ

    “นายคงไม่คิดว่าเธอกำลังสอนเขาอยู่หรอกใช่ไหม”รอนพูดขึ้น และคำพูดของรอนทำให้เดรโกสงสัย เขามองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ เหมือนอยากรู้คำตอบแต่เธอเสมองไปทางอื่นโดยแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา

    “นายคิดว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน”แฮร์รี่ถามเสียงเครียด และสิ่งที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่และเดรโกแทบหัวใจวายตายพร้อมกันคือคำตอบของรอน

    ”ตู้ไม้กวาด”

    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่ะ อาทิตย์หน้าเรื่องที่จะมาลงอาจจะมี 4 เรื่องนี้นะค่ะ แต่ยังไม่แน่ใจ
    I NEVER
    ANGEL
    HERMIONE MALFOY
    ตราบาป
    เอาเป็นว่า 4เรื่องนี้อันไหนเรียบร้อยก่อนก็จะเอามาลงก็แล้วกันนะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×