ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8: ชายปริศนาดวงตาสีเขียว
Harry potter I never regretted that she lovers (เดร/เฮอร์)
Chapter 8 ชายปริศนาดวงตาสีเขียว
เดรโก มัลฟอย ผลักร่างเปล่าเปลือยของจินนี่ออกจากตัวเขาอย่างเร่งรีบจนร่างเล็กๆของจินนี่ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นห้องอย่างน่าสงสาร แต่เดรโกไม่ได้คิดจะใส่ใจร่างของเธอเลยเขารีบลุกขึ้นและใส่กางเกงที่ร่นไปอยู่ที่เข่าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโจนตามร่างบางของหญิงสาวที่เขาเห็นเพียงด้านหลังในทันที
แคทเธอลีนรู้สึกหวาดกลัวเป็นที่สุดเธอวิ่งลัดเลาะเลี้ยวจากหัวมุมของตึกร้างตัดผ่านสนามหญ้าที่เชื่อมต่อระหว่างหอนอนและตึกร้างที่เธอพยายามวิ่งหนีออกมาอย่างสุดชีวิดตอนนี้เธอวิ่งมาไกลพอสมควรและเมื่อเธอรู้สึกตัว เธอรับรู้ได้ว่าเธอมายืนที่หน้าหอกริฟฟินดอร์ ซึ่งเธอเองก็ไม่รุ้เช่นกัน ว่าทำไมเธอถึงวิ่งมาที่นี่ เธอสอดส่ายสายตาหาที่หลบและเธอก็เห็นซอกเล็กๆที่ตัวของเธอพอจะแทรกเข้าไปได้
@@@@@@@@@@@@@@
“บ้าจริง”เฮอร์ไมโอนี่สบถเมื่อเธอกำลังก้มๆเงยๆหาปากกาขนนกด้ามโปรดของเธอที่เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าทำมันหายไปจากกระเป๋า เฮอร์ไมโอนี่ได้หาทุกที่ที่เธอไปมาแล้วไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด ห้องพยาบาลและที่นี่ห้องปรุงยาซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายที่เธออยากลงมาเฮอร์ไมโอนี่กวาดสายตาไปทั่วพื้นห้องก่อนจะเจอเข้ากับอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังค้นหา เฮอร์ไมโอนี่เขม้นมองของสิ่งนั้นอย่างตั้งใจ เธอเอื้อมมือเก็บมันขึ้นมาและมันก็ทำให้เธอรู้ได้ในทันที ว่ามันคือสายสร้อยเส้นหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่เพ่งมองตัวจี้อย่างสนใจ ตัวจี้ดูแปลกตาและสวยงามอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนตัวจี้ที่เธอเห็นเป็นรูปงูพันรอบหนังสือสีดำ ตรงหนังสือคล้ายมีอักษรอะไรบางอย่างเฮอร์ไมโอนี่เพ่งตามองและดึงจี้เข้ามาให้อยู่ในระดับสายตาของเธอแต่เธอยังไม่ทันได้รู้ว่ามันเป็นตัวอักษรอะไรเธอต้องรีบปล่อยสร้อยเส้นนั้นในทันทีด้วยความตกใจเมื่อเธอเห็นประกายแสงสีเขียวที่ส่องออกมาจากจี้สัญลักษ์รูปงูที่พันรอบหนังสือสีดำ และสิ่งที่ทำให้เธอตระหนกไปกว่านั้นคือเสียงที่เปล่งออกมาจากที่ใดที่หนึ่ง
“เจ้าเป็น ...ของข้า” .
แสงสีเขียวที่ส่องออกมาจากจี้ เริ่มส่องเป็นภาพเคลื่อนไหวขนาดใหญ่เป็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดพ่อมดสีดำสนิทที่เธอเองมองหน้าได้ไม่ชัดเจนเนื่องจากชายหนุ่มคนนั้นมีแสงเรืองไปทั่วร่างจนแสบนัยน์ตาแต่รูปร่างและปฎิกิริยามันช่างคุ้นตาเธออย่างประหลาด เฮอร์ไมโอนี่พยายามเพ่งตามองแต่ก็สายไปเมื่อร่างของพ่อมดหนุ่มเริ่มเลือนหายไปประกายแสงสว่างจางลงเป็นเวลาเกือบสามนาทีเต็มและในเวลานั้นมันทันที่เธอจะเห็นเพียงแค่นัยน์ตาสีเขียวของเขาเท่านั้น ในขณะที่ร่างของเขาเริ่มเลือนหายไปมากแล้วเริ่มจากบนลงล่างไล่ไปตามตัวและหายไปในที่สุด ส่วนแสงสีเขียวที่ออกมาจากจี้ก็หายไปด้วยเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง เธอตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานานก่อนที่จะรู้สึกตัว มันคืออะไรกันภาพที่เธอเห็น! ภาพลวงตาหรือไง หรือว่า เป็นมนต์ดำ เธอถอยหลังสองสามก้าว ก่อนตัดสินใจหันหลังและหลับหูหลับตาวิ่งหนีสิ่งที่เธอเห็น
แต่กลายเป็นว่าเธอกลับวิ่งตรงเข้าไปยังอ้อมแขนของใครคนหนึ่งที่คว้าตัวเธอไว้ได้อย่างตกใจ
“เป็นอะไร เกรนเจอร์ เกิดอะไรขึ้น”
ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และวินเวิร์ดต่างอยู่ในสภาพงงงันไม่แตกต่างกันนัก เฮอร์ไมโอนี่คาดว่ามีเพียงเธอที่อยู่คนเดียวในห้องปรุงยาในช่วงหัวค่ำที่ทุกคนอยู่ในหอนอนกันหมดแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขาเธอก็รู้ในทันทีว่าคนที่เธออยู่ในอ้อมแขนนั้นคือใครดวงตาของเธอมืดมัวด้วยความรู้สึกหวาดกลัวต่อเสียงและภาพที่เธอเห็น ที่อัดแน่นอยู่เต็มอก แต่เธอก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกไป มันเป็นเรื่องไม่ดีเลยถ้าเธอพูดออกไปและไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ในสิ่งที่เธอเห็นได้และถ้าเขาเชื่อเธอก็คงดีแต่ถ้าเขาคิดว่าเธอตาฝาด และขี้ตื่นกลัวล่ะมันย่อมไม่ดีแน่ อีกอย่างเขาคือมัลฟอย คงจะไปเล่าเรื่องนี้อย่างสนุกปากให้คนอื่นๆฟัง
เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่มองหน้าเขาอย่างหวาดวิตกเช่นเดียวกับแววตาของเขาที่ยังจับจ้องเธออยู่อย่างสงสัย
“เธอหนีอะไรมา” เขาถามย้ำและกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องปรุงยาที่เงียบเชียบและไร้ผู้คนอย่างแปลกใจเฮอร์ไมโอนี่ดันตัวเธอออกมาและถอยห่างออกจากเขา พร้อมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“เออ เปล่านี่”
เฮอร์ไมโอนี่ปฎิเสธและหลบสายตาที่รู้ทันของเขา
“แต่เมื่อกี้นี้ฉันเห็น เธอหลับหูหลับตาวิ่งถ้าฉันคว้าเธอไว้ไม่ทัน เกรนเจอร์ เธอวิ่งชนฉันอย่างแน่นอน เธอเห็นอะไรงั้นเหรอ”
ก่อให้เกิดความลึกลับในดวงตาของเขาและเป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกถึงความไม่แน่ใจบางอย่างว่าเขาสามารถอ่านใจเธอได้จริงๆ
“ เปล่า ฉ ...ฉันขอโทษนายก็แล้วกัน พอดี ตอนนี้มันมืดแล้ว ฉันต้องไปเดินตรวจเวรของพรีเฟ็คน่ะ ฉันกลัวว่าจะไปไม่ทันเลยวิ่งออกมาโดยไม่ทันสังเกตุว่านายยืนอยู่”
ถึงปากจะกระตุกเพราะความขบขันในการโกหกที่ไม่แนบเนียนนักของเธอ แต่วินเวิร์ดก็ไม่ยอมยิ้มอยู่ดี เขาทำใบหน้าเรียบเฉยได้อย่างแนบเนียน
“ก็ได้ฉันจะพยายามเชื่อเธอเกรนเจอร์ แต่เธอมาทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะ”
“ฉันทำปากกาขนนกหาย ก็เลยมาหาที่นี่เพราะตอนต้นชั่วโมงฉันเรียนที่นี่”น้ำเสียงของเฮอร์ไมโอนี่ท้อแท้อย่างหมดอาลัยตายอยากเพราะเธอคิดว่าปากกาขนนกด้ามโปรดของเธอคงหาไม่เจอแล้วอย่างแน่นอน
“ปากกาขนนกด้ามสีฟ้าๆหรือเปล่า “เขาถามเบาๆ
เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมามองอย่างตื่นเต้นดีใจ “ใช่นายเห็นเหรอ “
วินเวิร์ดพยักหน้าว่าเขารู้อย่างช้าๆ“เห็นสิเพราะเมื่อท้ายชั่วโมงฉันเรียนปรุงยาเห็นมันตกอยู่ที่พื้นห้อง“
“งั้นเหรอดีจัง ตอนนี้มันอยู่ที่เธอใช่ไหม “เฮอร์ไมโอนี่มีทีท่าสบายใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็เป็นแค่ชั่วไม่ถึงวินาทีเมื่อเธอเห็นเด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา
“เปล่า ฉันไม่ได้เก็บมันไว้หรอกนะ มีคนอื่นเห็นและเก็บมันไปก่อนฉัน”
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเด็กหนุ่มแล้วสูดลมหายใจลึกๆ
“ใครกัน บางทีถ้าฉันไปคุยกับเขา เขาอาจจะคืนของให้ฉันก็ได้ หรือไม่แน่เขาอาจจะฝากศาสตราจารณ์คนใดคนหนึ่งให้หาเจ้าของอยู่ ก็อาจเป็นไปได้”
“ฉันว่า เธออยู่ห่างๆเขาดีกว่านะเกรนเจอร์เขามันตัวอันตราย และฉันก็เชื่อว่าเขาไม่มีทางคืนของให้เธออย่างแน่นอน” คำพูดของวินเวิร์ดที่ตรงไปตรงมามันทำให้เธอไม่ได้ทันตั้งหลักถึงกับสะอึก เฮอร์ไมโอนี่แสร้งหัวเราะหลังจากที่เธอรวบรวมสติได้แล้วพลางกอดอกและหน้าบึ้งใส่เขาในฉับพลัน
“งั้นขอบใจนะวินเวิร์ด นายช่วยฉันได้เยอะเลย ”
วินเวิร์ดดูอาการของเธอออก เธอไม่พอใจนักกับคำพูดเชิงห้ามปรามของเขา แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาพูดความจริง วินเวิร์ดทำมือเหมือนยอมแพ้ เมื่อเห็นเธอมองเขม็งมาที่เขา
“เดรโก มัลฟอย” วินเวิร์ดจงใจพูดชื่อนั้นอย่างช้าๆ เขายักไหล่เมื่อเห็นเธอเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างช้าๆ “ฉันหมายถึงคนที่เก็บปากกาเธอไปคือเดรโก มัลฟอย เธอคงจะไปพูดขอคืนปากกาของเธอกับเขาได้ง่ายเลยละ”
เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างช้าๆอย่างหมดแรง จริงอย่างที่วินเวิร์พูด เขามันตัวอันตรายมันคงยากที่จะเอาของๆเธอคืนมา และมันก็ไม่ง่ายด้วยที่เขาจะคืนมันให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากเข้าใกล้เดรโก อีกต่อไปไม่ว่าจะเวลาไหนหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นที่ห้องพยาบาล เฮอร์ไมโอนี่มักทิ้งระยะห่างเดรโก และอีกเช่นกันที่เดรโกมักจะส่งสายตาแปลกๆมาให้เธอเสมอ มันไม่ใช่สายตาที่โกรธเคืองเหมือนทุกปี ที่เธอเคยเจอ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าสายตาแบบนั้นมันคืออะไร เฮอร์ไมโอนี่หยุดความคิดบ้าๆเรื่องแววตาของเดรโกและหันมาให้ความสนใจกับวินเวิร์ดที่ก้มๆเงยๆหาของบางอย่างตามพื้นห้องเหมือนอย่างที่เธอหา
“นายหาอะไรเหรอ “
“ไม่ใช่เรื่องของเธอเกรนเจอร์”วินเวิร์ดพูดออกมาอย่างหงุดหงิด
“ถ้านายทำสร้อยหาย ฉันพอจะบอกได้ว่ามันอยู่ที่ไหน”เฮอร์ไมโอนี่เปรยขึ้นมาและเหล่มองไปทางวินเวิร์ดดูว่าเขาจะสนใจในสิ่งที่เธอบอกหรือไม่
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันหาสร้อยอยู่”วินเวิร์ดมองดูเธอด้วยท่าทางแปลดใจ แต่พอขยับปากจะพูดก็ถูกเธอพูดตัดหน้าว่า
“ฉันก็แค่เดา มัลฟอย อีกอย่างฉันหาปากกาของฉันจนทั่วแล้วฉันเจอแต่แค่สิ่งนั้นตกอยู่แค่นั้น ถ้านายหาอย่างอื่นก็คงไม่มีแล้วล่ะ และถ้า......”
“มันอยู่ไหน” เขาพูดขัดเธอทันทีอย่างดุดันและดวงตาของเขาดูเย็นชาดุจเดิมเหมือนในตอนแรก
“ตรงนั้นไง” เธอชี้ไปที่ใต้เก้าอี้ตัวก่อนสุดท้ายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของวินเวิร์ด เขาเดินเข้าไปและก้มลงหยิบสร้อยอย่างดีใจ
“ดูท่าทางมันสำคัญกับนายมากนะมัลฟอย”เธออดพูดตามที่เธอเห็นไม่ได้และอดแปลกใจเล็กน้อยที่สร้อยแปลกๆและดูน่ากลัวแบบนั้นเป็นของเขา
เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นขากรรไกรเขาขบกันแน่น ก่อนคลายออกเพื่อระงับตัวเอง เมื่อเขามองเห็นเธอจ้องเขาอยู่
“มันเป็นของแม่ฉัน” เขาพูดสั้นๆและไม่ยอมมองเธอ
“อ้อ “เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเพียงสั้นๆ และเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีไปกว่านี้ ความเงียบแพร่กระจายไปทั่วห้องเพียงแค่อึดใจ
“แล้วเรื่องปากกาเธอจะเอายังไง”เขาถามและขยับตัวเล็กน้อยอย่างอึดอัดกับความเงียบนั้น เขาเห็นเธอหยักไหล่และยอมรับความจริง
“จริงอย่างที่นายบอกถ้าอยู่กับ พี่ชายนาย เขาคงคืนให้ฉันยาก งั้นก็ช่างมันเถอะปากกาด้ามเดียว ฉันไปหาซื้อใหม่ก็ได้”
เขาพยักหน้าและเดินตรงมาหาเธอ
“ เธอจะไปแล้วหรือยัง ไหนว่ารีบไปตรวจเวรไม่ใช่เหรอ เกรนเจอร์” เขาพูดและยิ้มเยาะส่งมาให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำ เธอตามอารมณ์ของวินเวิร์ดไม่ทันจริงๆขึ้นๆลงๆตลอดเวลา เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาและพูดขึ้นมา
“ใช่แล้ว แต่นายน่ะอย่าเดินหลงอีกก็แล้วกัน เพราะถ้าคนอื่นเจอนายอาจจะไม่ใจดีเหมือนฉันแน่ เพราะเขาคงทำรายงานถึงศาสตราจารณ์มัลกอลนากัลป์และนายอาจจะถูกสอบ เพราะถ้านายโกหกไม่เก่งนายอาจจะจนมุมได้”เฮอร์ไมโอนี่หยุดการเสียดสีไว้แค่นั้นเพราะเขาจ้องเธอเขม็ง
“งั้นฉันควรจะต้องขอบใจเธอสินะ เกรนเจอร์ ที่นอกจากเธอไม่บอกให้มัลกอลนากัลป์รู้ว่าฉันเดินเพ่นพ่านในวันนั้นแถมยังเดินมาส่งฉันที่หอนอนอีก แต่เธอก็อย่าลืมเช่นกันว่าเธอติดหนี้อะไรฉันไว้บ้าง” เขากัดฟันพูดประชดประชันพลางย่างเท้าเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ
“นาย จะทำอะไรน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ผงะถอยไปข้างหลังพร้อมกับร้องถามเสียงหลงตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของวินเวิร์ดเขม็งราวจะสะกดจิตให้เขาหยุดอยู่แค่ตรงนั้น แต่จู่ๆวินเวิร์ดก็ถอยหลังและเดินออกห่าง
“ไม่ล่ะ”เขาพูดเหมือนพูดอยู่กับตัวเอง ” ฉันไม่คิดจะให้เธอใช้หนี้ฉันตอนนี้หรอก”รอยยิ้มที่แข็งกระด้างบนใบหน้าของเขาจางหายไป ก่อนที่เขาจะโค้งให้เธออย่างสง่างามและเขาหมุนตัวกลับหลังหันและเดินเชิดหน้าออกไป ครู่ต่อมาเสียงฝีเท้าของเขาก็ดังขึ้นไปตามบันไดชั้นบนรู้ได้ชัดว่าเขาทิ้งห่างเธอไปไกลมากแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงการสนทนาที่จบลงไม่สวยนักของเธอกับวินเวิร์ด มัลฟอย วิเศษไปเลย ทั้งหมดที่เธอต้องการคืออยากรู้ถึงสิ่งที่เขาปกปิดอยู่ สิ่งที่เขาต้องการจะมาทำอะไรบางอย่างที่ฮ๊อกวอกส์ต่างหากล่ะ
@@@@@@@@@@@@@@@@
เด็กสาวผมดำขลับอดีตซีกเกอร์มือหนึ่งของเรเวคอลและคนรักเก่าของเด็กชายผู้รอดชีวิต โซ แซง
เดินอย่างเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าเพื่อกลับไปห้องพักอาจารณ์ที่อยู่ใกล้หอเรเวลคอล เนื่องจากการฝึกซ้อมการบินกับมาดามฮูซจบลง ความจริงการฝึกกับมาดามฮูซไม่ใช่เรื่องเหน็ดเหนื่อยสำหรับเธอแต่เด็กนักเรียนปีหนึ่งของแต่ละบ้านต่างหากที่เธอรับมือแทบจะไม่ไหว แต่ละคนล้วนแล้วมีนิสัยแตกต่างกันไป บางคนก็กลัวเกินเหตุ บางคนก็ห่ามเอาแต่ใจตัว จนตัวเธอเองแทบปรับอารมณ์ไม่ไหว เธอแทบไม่มีเวลาว่างมากนักแม้กระทั่งการไปเยี่ยมแฮร์รี่เธอก็มีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้นและแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำเพราะเพื่อนของเขา รอน วิสลี่ส์กันท่าเธออย่างเต็มที่ ก็น่าเห็นใจเพราะรอนเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายของแฟนคนปัจจุบันของแฮร์รี่นี่น่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมให้หญิงอื่นมาเกาะแกะแฟนของน้องสาวตัวเอง แต่ถึงอย่างไรโซก็บอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า แฮร์รี่ยังคงมีใจให้เธอจากสายตาของเขาที่มองเธอเวลาคุยกันหรือเวลาที่เขายังคงเป็นห่วงเป็นใยเธอ และเธอก็จะเอาสายใยที่ดูเหมือนจะเหลือน้อยนิดนี้คอยยึดมันให้แน่นที่สุดเพียงแต่เธอต้องรอเวลาและโอกาสเท่านั้น
ความคิดของโซถูกขัดจังหวะจากเสียงวิ่งไล่กวดกัน และนั่นคงจะเป็นเสียงเด็กๆบ้านใดบ้านหนึ่งที่กำลังจะวิ่งเข้าหอเพราะเนื่องจากมันใกล้เวลาที่หอใกล้จะปิดแล้ว โซส่ายหัวเธอกำลังจะเดินออกไปยังต้นเสียงเพื่อตักเตือนพวกเด็กๆเหล่านั้นแต่เมื่อเธอเดินออกมาพ้นกำแพงและเงามืดเธอกลับเห็นเดรโก มัลฟอย เจ้าชายแห่งสลิธลีน ยืนอยู่กลางสนามเชื่อมต่อกับทางเดินเข้าหอนอน มันไม่น่าจะแปลกใจสำหรับเธอที่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นเพราะมันเป็นทางเข้ามายังหอนอนของแต่ละบ้านอยู่แล้วผิดแต่ท่าทางอาการที่ร้อนรนของเขาต่างหาก โซมองดูเดรโกด้วยความแปลกใจก่อนจะถอยหลังแฝงตัวเข้าไปยังมุมมืดของกำแพง และเฝ้ามองดู
เดรโก มัลฟอยหยุดหอบหายใจอยู่กลางสนามหญ้าที่เชื่อมต่อตึกร้างและหอนอน เขาเสยผมที่ปรกหน้าและเต็มไปด้วยเหงื่อด้วยความหงุดหงิดใจ บ้าฉิบ ! ยายนั่นวิ่งไวชะมัดเขาไม่ทันเห็นว่าเธอวิ่งหนีไปด้านไหน เพียงแค่ละสายตาตรงทางเลี้ยวหัวมุมเท่านั้นก็ไม่เห็นยายนั่นแล้ว
“แล้ว มันเป็นใครว่ะ”เขาสบถอย่างหัวเสียงก่อนที่จะทันตัดสินใจทำสิ่งใดต่อไป ร่างบางๆของสาวผมแดงที่เขาเสพสมด้วยวิ่งมาถึงตัวเขาเสียก่อน
“เดรโกจับตัวได้ไหม” น้ำสียงของจินนี่ยังไม่วายมีความตื่นตระหนกแฝงอยู่
“ไม่ได้หรอก วิ่งไวชะมัด”เดรโกพูดออกมาอย่างหงุดหงิดและมองดูของที่จินนี่ถือมาอย่างสนใจในขณะเดียกับที่จินนี่ยื่นของพวกนั้นมาให้เขา
“เดรโกฉันเจอ คางคกของเนวิลอยู่ในหลอดแก้วนี้แล้วก็หนังสือสองเล่มมันวางอยู่บนพื้น ฉันจำได้ว่าตอนที่เรามามันไม่มีไอ้พวกนี้กองอยู่บนพื้นเลยนะ”เดรโกเงียบและทำท่าครุ่นคิดก่อนยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับตัวเองแล้วรับหนังสือและหลอดแก้วที่จินนี่ยื่นส่งให้
“ดี ฉันคิดว่าฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าจะหายายนั่นได้จากที่ไหน”
จินนี่เลิกคิ้วและถามอย่างสงสัย “หมายความว่าไง”
“หนังสือสองเล่มนี้ ฉันว่ายายนั่นคงยืมมาจากห้องสมุดและเราจะรู้ชื่อยายนั่นได้จากมาดามพิ้นส์”เขาพูดอย่างพึงพอใจในความฉลาดของตัวเอง
“จริงสิ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปถามมาดามให้นะ” จินนี่รับอาสา แต่เดรโกดูท่าจะไม่ประทับใจนักกับการอาสาที่เต็มใจของเธอ
“ฉันว่าเธออย่ายุ่งเลย ฉันจัดการเองดีกว่า “ เขาพูดเสียงตวัดเล็กน้อยและเริ่มเปลี่ยนอารมณ์ที่พึงพอใจเมื่อครู่นี้เป็นความรำคาญใจเข้ามาแทนที่ เดรโกชำเลืองมองไปที่จินนี่ที่ยืนหน้าซีดไม่เข้าใจในอารมณ์ที่ผันผวนของเขา “ เอาล่ะ นี่จะปิดหอแล้วเราแยกกันตรงนี้ก็แล้วกัน”
“แต่...”จินนี่ร้องครางออกมาเบาๆจนเดรโกต้องปรามเธอด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“ระยะนี้เราคงต้องอยู่ห่างๆกันสักพัก”เดรโกพูดต่อโดยที่ไม่ได้สนใจจินนี่ที่พยายามหยุดยั้งอาการสั่นเทาของเธอ
“แต่ฉันคิดถึงเธอนี่”สายตาของเธอมองไปที่เดรโกที่กำลังอ่านชื่อหนังสือนั้นอย่างสนใจ เดรโกถอนหายใจก่อนหันหน้ามาเผชิญกับเธอ
“ไม่เอาน่าสาวน้อยเชื่อฉันสิ “เขาพูดเสียงนุ่มและนั่นมันก็ทำให้ใจของจินนี่อ่อนระทวยยินยอมเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเดรโกรู้จุดอ่อนของเธอดี เขายิ้มเยาะให้กับความรักไร้เดียงสาที่ดูโง่เง่าของจินนี่อย่างเปิดเผย แต่ในมุมมองของจินนี่รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนหวานนักสำหรับเธอ จินนี่ยิ้มให้เขาและเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เธอจะถามคำถามที่ไม่น่าถามออกไป
“เดรโก เมื่อไหร่เธอจะบอกเรื่องของเราให้แฮร์รี่และครอบครัวฉันรู้สักทีล่ะ”
ริมฝีปากของเดรโกเม้มแน่นก่อนจะตอบออกไปส่งๆ“เร็วๆนี้ “
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”จินนี่คาดคั้นและมองเขาอย่างเป็นกังวลและคราวนี้ความอดทนอันน้อยนิดของเดรโกก็ถึงขีดสุด
“จินนี่”เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน” อย่าให้ฉันพูดอะไรซ้ำๆซากๆ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ ถ้าเธอไม่เชื่อใจฉันเราเลิกคบกันตอนนี้ก็ได้นะ”เดรโกหันหน้าและพยายามจะเดินหนีแต่จินนี่รั้งเขาให้หันกลับมาและจับไหล่ทั้งสองข้างของเขายึดเอาไว้
“ไม่นะเดรโกฉันขอโทษ ฉันรักเธอนะ” จินนี่อ้อนวอนและขอร้อง แต่เดรโกกลับสะบัดไหล่เธออย่างไม่แยแสและก้มลงมองดูเธอ
“งั้นเธอก็ต้องรอให้ได้ จนกว่าฉันจะพร้อม”เขาพูดขัดเธอทันทีอย่างดุดัน จินนี่ที่ก้มหน้าเพื่อหลบน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรมีเพียงปฎิกิริยาจากการพยักหน้าอย่างจำยอม
“ดีแล้วงั้นเธอกลับไปเถอะถ้าคนอื่นเห็นมันจะไม่ดี”เดรโกพูดเสียงนุ่มนวลขึ้นและจุมพิตที่หน้าผากเธอเบาๆอย่างเอาใจก่อนที่เขาจะเดินแยกตัวออกไปยังหอนอนสลิธลีน
โซ แซง มองภาพเบื้องหน้าอย่างสนใจ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ยินถ้อยคำของทั้งสองคนว่าพูดอะไรกันก็ตาม แต่เธอก็รู้ได้จากการกระทำของพวกเขา ว่าเดรโกและจินนี่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
มีรอยยิ้มเยาะผุดขึ้นที่ริมฝีปากสวยได้รูปของเธอ และแผนการร้ายบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัว
@@@@@@@@@@@@@@
เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเท้ายาวๆและมาถึงหอนอนกริฟฟินดอร์อย่างเบื่อหน่าย เธอต้องเสียเวลามาตามรอนให้เดินตรวจเวร แทนที่เธอจะเอาเวลานี้ตรวจตราเวรยามให้เสร็จๆไปและเธอเองจะได้มีเวลาทบทวนบทเรียนเสียหน่อย เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจยาวๆ แต่ก่อนที่เธอจะบอกรหัสของบ้านให้สุภาพสตรีอ้วน เฮอร์ไมโอนี่กลับได้ยินเสียงเรีอกเธอเบาๆล่องลอยมาจากที่ใดที่หนึ่ง
“เฮอร์ไมโอนี่”
มันเริ่มอีกแล้ว !เฮอร์ไมโอนี่คิด วันนี้มันวันอะไรของเธอ ทั้งภาพปริศนาที่พุ่งออกมาจากจี้ประหลาดของวินเวิร์ดและไหนจากเสียงที่ไม่รู้ทิศทางอย่างนี้อีก เฮอร์ไมโอนี่กำมือไว้แน่นจากความหวาดกลัวในตอนแรกกลายเป็นความโมโหที่ก่อตัวขึ้นมาภายในใจอย่างรวดเร็ว
“นั่นใครน่ะออกมานะ” เธอตัดสินใจตะโกนเรียกและดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุมพร้อมกับกำมันไว้แน่นเพื่อเตรียมพร้อมพลางสอดส่ายสายตาหาใครหรืออะไรที่จะออกมาเพื่อทำร้ายเธอ
แต่ร่างบางที่เดินออกมาจากซอกหลืบเล็กๆมันยิ่งกว่าทำให้เธอตกใจและแปลกใจปนกัน
“แคทเธอลีน เกิดอะไรขึ้น”เฮอร์ไมโอนี่ถลันเข้าไปประคองร่างที่ทรุดลงกับพื้นของแคทเธอลีนเพื่อเป็นหลักให้เธอเกาะ
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉัน ฉันกลัวจัง”แคทเธอลีนพูดเสียงแผ่วเบาพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“เธอไม่เป็นอะไรนะ “
แคทเธอลีนพยักหน้า เธอนั่งขดตัวอยู่ในซอกมืดๆเพื่อรอเฮอร์ไมโอนี่เป็นเวลานานเธอไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนเนื่องจากความหวาดกลัวว่าผู้ที่ตามเธอมาจะจับได้ เธอพยายามยืดขาที่แข็งชาออกช้าๆแล้วลุกขึ้นยืน แคทเธอลีนกระพริบตาเมื่อรู้สึกถึงความแข็งทื่อในกล้ามเนื้อ
“คิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ เออ “
“เฮอร์ไมโอนี่” เสียงใสๆของ จินนี่ ดังอยู่ด้านหลังของแคทเธอลีน โดยที่ไม่ต้องหันหลังกลับไปมองเธอก็รู้ว่าเป็นใคร แคทเธอลีนยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่ ความหวาดกลัวประดังเข้าใส่เธอ พระเจ้า ! จินนี่จะรู้ไหมว่าคนที่เห็นเธอกับเพื่อนชายคนใหม่ของเธอแสดงบทบาทนอกตำรากันอย่างดุเดือดนั้น ยืนอยู่ข้างหน้าเธอในตอนนี้แล้ว
“อ้าวจินนี่ เธอไปไหนมาน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นจินนี่ ยืนอยู่นอกหอในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม จินนี่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งเพื่อหาข้อแก้ตัวที่จะไม่ให้คนฉลาดอย่างเฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“อ้อ เออ ฉันลืมเอารายงานของศาสตราจารณ์ซีเนตตร้าไปส่งน่ะ ก็เลยต้องรีบเอาไปส่งที่ห้องพักอาจารณ์”
“ดีนะที่มาทัน หอนอนใกล้จะปิดแล้วด้วย”เพราะแสงจากทางเดินที่มีน้อยทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันเห็นถึงความโล่งใจบนใบหน้าของจินนี่ จินนี่รู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่ต้องกลายเป็นคนพูดโกหกอย่างไม่มีทางเลือก
“เธอจะขึ้นไปพร้อมกับฉันหรือเปล่าเฮอร์ไมโอนี่”จินนี่ถาม
“ไม่หรอก ฉันจะอยู่คุยกับเพื่อนสักครู่ก่อนแล้วพอหอปิดก็จะเดินตรวจหอกับแอนโทนี่ต่อเลย ช่วยวานเธอ บอกรอนด้วยก็แล้วกันว่าวันนี้เวรเขาตรวจหอคอยทางด้านเหนือ”
“ได้สิ งั้นฉันไปก่อนนะ ” จินนี่บังคับให้ตัวเองยิ้มออกมา เธอเดินผ่านแคทเธอลีนและเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะหยุดเพื่อหันไปมองเพื่อนของเฮอร์ไมโอนี่ที่เธอรู้จักแค่เพียงผิวเผิน จินนี่ยิ้มให้กับแคทเธอลีนอย่างผูกมิตร ก่อนบอกรหัสของบ้านและเมื่อประตูเหวี่ยงออกจินนี่จึงก้าวเท้าเข้าไปยังหอนอนอย่างรวดเร็ว
“เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมเธอมาอยู่ที่นี่”เฮอร์ไมโอนี่ถามแคทเธอลีนอย่างคาดคั้นท่ามกลางความเงียบที่เข้ามาเยือนอีกครั้ง
“ฉัน เออ ฉันเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นน่ะ”แคทเธอลีนกระซิบเธอไม่เชื่อใจในเสียงของเธอเองว่าจะคงความราบเรียบได้หรือไม่ถ้าพูดออกมาดังๆ
และแล้วในที่สุดเธอก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอประสบมาตั้งแต่ต้นจนจบให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังยกเว้นเพียงแต่ผู้หญิงที่เธอเห็นคือจินนี่เท่านั้นที่แคทเธอลีนบอกปัดออกไปว่าเธอเห็นหน้าพวกเขาทั้งคู่ไม่ชัด
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างและหน้าแดงจัด เธอเองก็คงจะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันถ้าไปประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวแบบนั้น “เอาเถอะน่าถือว่าฟาดเคราะห์ไป”เฮอร์ไมโอนี่พยายามปลอบแคทเธอลีนทั้งๆที่หัวใจของเธอเองก็แทบจะวายไปพร้อมกับคนเล่าอยู่แล้ว
“แต่คางคกของเนวิลส์นะสิฉันน่าคว้ามันออกมาด้วย”แคทเธอลีนบ่นออกมาด้วยความเสียดาย
“ฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะไม่รู้ด้วยว่านายคนนั้นเป็นใครไม่งั้นฉันคงจะไปเอาคืนให้เนวิลส์ได้”เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางจับมือเพื่อนสาวเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
“ฉันผิดเอง”แคทเธอลีนกล่าวหงอยๆเฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวและสวมกอดเพื่อนสาวไว้แน่น ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นของเธอ
“เอาเถอะน่าอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ฉันว่าตอนนี้เธอกลับไปพักก่อนเถอะแคทเธอลีน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกที ฉันจะไปส่งเธอที่หอนอนเรเวลคอลก่อนก็แล้วกัน”
@@@@@@@@@@@@@@@@
ที่หอนอนสลิธลีน เดรโกจ้องมองหนังสือสองเล่มอย่างสนใจ เพราะเขาเคยค้นหาหนังสือสองเล่มนี้มาก่อนหน้านั้นแล้ว ก่อนทีเขาจะยืมอีกเล่มหนึ่งออกไปจากห้องสมุด
เดรโกกำลังสนใจเกี่ยวกับประวัติของพ่อมดมูทาอิบ หลังจากที่เขาได้ยิน อมาธาร์เผลอพูดถึง พ่อมดคนนี้กับน้องชายร่วมโลกของเขาและมันทำให้เขาเห็นถึงอาการหัวเสียของวินเวิร์ดต่อเด็กสาวได้อย่างชัดเจน
ทำไมวินเวิร์ดต้องหัวเสียด้วยเมื่ออมาธาร์เอ่ยถึงชื่อพ่อมดมูทาอิบ?
วินเวิร์ดกำลังหาอะไรตามกำแพงยามค่ำคืนนั้น?
และเขามาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์อะไร?
และที่สำคัญประวัติของเด็กนุ่มคนนี้ ที่ดูลึกลับเสียเหลือเกินสำหรับเขาถ้าเขาถามพ่อและแม่ของเขา เขาเองคงไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจอย่างแน่นอน และมันคงจะสร้างความหงุดหงิดโดยไม่จำเป็นต่อพ่อของเขาเองอีกด้วย และเขาเองก็ไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้น!
และนั่นล่ะคือคำตอบทั้งหมด ที่เขาจะต้องเสาะหามันด้วยตัวของเขาเอง !
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ช่วงพักอาหารกลางวันท่ามกลางเด็กนักเรียนหลายคนของสลิธลีนทยอยออกจากห้องเรียนที่จบลงอย่างน่าเบื่อหน่าย
แพนซี่ พาร์กิสันกำลังหงุดหงิด ใช่ เธอหงุดหงิดมากเสียด้วย เธอตามหา เดรโก หนุ่มหล่อของเธอไม่เจอ หลังจากเลิกเรียนวิชาดาราศาสตร์อันแสนเบื่อหน่ายแล้วเดรโกก็แยกตัวออกจากเธอและเขากลับมีคำสั่งให้เธอไปกินอาหารเที่ยงก่อนโดยไม่ต้องรอเขา เธอวิ่งตามเขาที่เดินลิ่วๆออกไปไม่ทัน ความคิดของเธอในเวลานี้ก็คือเขาอาจจะไปหาผู้หญิงคนใดคนหนึ่งก็ได้ และสิ่งนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอหงุดหงิดและเสียใจ เสียงหัวเราะคิกคักของอมาธาร์ เมอร์เร่ตามทางเดินที่จะไปห้องอาหารดังขึ้นท่ามกลางหนุ่มๆที่รุมล้อมเธอ แพนซี่ เบะปากและคิดในใจ
“ นังแพศยา ! ชอบทำตัวเด่นนัก อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน แต่ เอ๊ะ ยายนั่นอยู่ที่นี่ งั้นก็แสดงว่า เดรโกไม่ได้อยู่กับเธอนะสิ” ความคิดดีใจแล่นผ่านไปยังร่างกายของเธอ อย่างน้อยๆเดรโกก็ไม่ได้ไปกับยายจิ้งจอกนั่น
ขณะที่แพนซี่เดินเลยอมาธาร์เพื่อเข้าไปยังห้องอาหารด้านในนั้น เสียงเรียกของเด็กหนุ่มที่เธอกำลังคิดถึงอยู่ดังขึ้นอยู่ด้านหลังของเธอ
“เดรโก เธอมาแล้วเหรอ ”แพนซี่ร้องอย่างดีใจมือกุมแขนเขาแน่นแสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้าเดรโกถอนใจเขาเหวี่ยงแขนหลุดจากมือของแพนซี่ด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“เธอรู้จัก แคทเธอลีน โบเวน ปีเจ็ดบ้านเรเวคอลหรือเปล่า”
“รู้จักสิ แต่ไม่เคยคุยกันหรอกนะทำไมเหรอ”แพนซี่ถามมีแววตาสงสัยอยู่บนใบหน้า เดรโกรีบคิดเพื่อหาทางหนีทีไล่ไว้ในใจ
“อ้อ พอดีฉันไปคืนหนังสือที่ห้องสมุดน่ะ มีคนลืมหนังสือที่ยืมไว้ มาดามพิ๊นส์เลยให้ฉันเอามาคืน”
“งั้นฉันเอาคืนให้นะ ” แพนซี่พูดพร้อมกับยื่นมือเพื่อจะรับหนังสือจากเขา เดรโกนิ่วหน้าเมื่อได้ยินความคาดหวังในน้ำเสียงของเด็กสาว
“ไม่ต้องยุ่ง แค่ชี้ให้รู้ก็พอว่าคนไหน”
“แต่....”เธอเลี่ยงไม่ยอมสบสายตาของเขาที่จ้องเขม็งมาที่เธอ
“ฉันพูดเนี่ย เธอฟังไม่เข้าใจหรือไงแพนซี่ “เดรโกขบฟันถามอย่างไม่พอใจ
และในระหว่างนั้น แคทเธอลีนเดินลิ่วเบียดผ่านแพนซี่ที่ยืนขวางประตูอยู่กับเดรโกและเดินออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจในคำสนทนาของพวกเขามากนักในขณะที่แพนซี่พยักหน้าให้กับเดรโกไปทางแคทเธอลีนที่เดินผ่านไป
“นั่นไงคนที่เธอถามหาน่ะ แคทเธอลีน โบเวน”เดรโกเหลียวมองตามสายตาของแพนซี่ไปยังร่างบางของแคทเธอลีน ใช่แล้วต้องเป็นยายนั่นแน่ เพราะเขาจำด้านหลังของเด็กสาวที่เขาวิ่งไล่กวดเมื่อคืนได้ดี
โดยที่แพนซี่ยังไม่ได้ทันพูดอะไรต่อ เดรโกหยุดชะงักและหันไปเผชิญหน้ากับแพนซี่
“อย่าตามฉันไปแพนซี่ ถ้าเธอไมเชื่อฉัน รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
แพนซี่พยักหน้าน้อยๆอย่างเข้าใจเธอได้ยินความตึงเครียดในน้ำเสียงของเขาได้ดีความอยากรู้อยากเห็นของเธอในเรื่องผู้หญิงที่เดรโกสนใจ รอไว้ก่อนได้แต่เธอจะต้องไม่ทำให้เขาโมโห เธอไม่โง่พอที่จะทำให้เดรโกฉุนเฉียวเแน่เพราะเธอรู้จักเดรโก มัลฟอยดีมาตลอดชีวิตของเธอ เดรโกมีรูปลักษณ์ของเจ้าชายในดินแดนอสูรอย่างเต็มตัว ทั้งความโหดร้าย อารมณ์ที่รุนแรง เจ้าเล่ร์ และเจ้าเสน่ห์ทุกอย่างที่เป็นตัวเขา แพนซี่รู้ดีกว่าใคร และเธอก็เชื่อว่าถ้าเพียงแต่เดรโกมองใครด้วยสายตาแบบนี้ ทุกคนต้องตัวสั่นแน่ เช่นเดียวกับตัวเธอในตอนนี้
@@@@@@@@@@@@@@@@@
หลังจากแคทเธอลีนกระซิบกระซาบบางอย่างกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอทำหน้ามุ่ยก่อนจะพยักหน้าและแคทเธอลีนก็เดินออกไปจากห้องอาหาร เฮอร์ไมโอนี่ก้มศรีษะลงต่ำและรัปทานอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจสายตาของรอนและแฮร์รี่ที่มองเธอต่างความหมายและต่างความคิด
รอนสนใจอยากรู้ในสิ่งที่แคทเธอลีนบอกเฮอร์ไมโอนี่พักหลังสองสาวคู่นี้สนิทสนมกันมากเรียกได้ว่าตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่มีเวลาอยู่กับแคทเธอลีนมากกว่าพวกเขาเสียอีก อันที่จริงจะว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ถูกเพราะเขาเองก็อยู่กับลาเวนเดอร์แทบจะทั้งวันเหมือนกันในขณะที่แฮร์รี่พยายามที่จะหาเวลาคุยกับจินนี่ แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดจินนี่คอยหลบแฮร์รี่และตัวเขาเองที่เป็นพี่ชายตลอด และวันนี้ก็เช่นกันที่จินนี่ไม่แม้จะมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่บัดนี้ความแจ่มใสและความสงบของเธอดึงดูดเขาราวกับสายลมอุ่นๆในวันที่หนาวเย็นสำหรับเขาถึงแม้เขาจะพึงพอใจกับการได้อยู่ใกล้ชิดเธอก็ตามทีแต่เขาก็ยังต่อต้านจิตใจของเขาไปด้วยเพราะเขาตระหนักดีว่าเขามีจินนี่อยู่แล้วทั้งคน
“ ฉันจะไปหาแคทเธอลีนก่อนนะ แล้วเจอกันที่ห้องเรียน”เฮอร์ไมโอนี่หันมาบอกพวกเขา
“อะไรนะ ”รอนเริ่มกระแอมไอใส่ผ้าเช็ดปาก” แคทเธอลีน อีกแล้วเหรอ”
ในขณะที่แฮร์รี่ไม่ได้พูดอะไร เพราะตอนนี้ดูว่าเขาจะเห็นบางอย่างที่น่าสนใจอย่างยิ่งบนใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แศษขนมปังติดอยู่บนจมูกของเธอ แฮร์รี่สงสัยครามครันว่าเธอจะทำอีท่าไหนหากเขาเช็ดมันออกด้วยการจูบ...........................
แฮร์รี่ส่ายหัวกับความคิดของเขาที่กำลังกระเจิดกระเจิงให้กลับเข้าที่อย่างรวดเร็ว เพื่อเห็นแก่พระเจ้า เขากำลังคิดอะไรอยู่ แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขาและรอนเสียด้วย
“ฉันช่วยแคทเธอลีนทำรายงานน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เลี่ยงไม่มองสบสายตาอยากรู้อยากห็นของรอนและแฮร์รี่ก่อนลุกขึ้นเพื่อตามแคทเธอลีนที่เดินออกไปก่อนเธอชั่วครู่
@@@@@@@@@@@@@@@@@
เดรโกวิ่งตามแคทเธอลีนมาทันก่อนที่เธอจะเลี้ยวหัวมุมเพื่อตรงไปยังห้องหนังสือ
“จะไปไหนล่ะ คุยกันก่อนสิ แคทเธอลีน โบเวน”เสียงเรียกของเดรโกและมือเรียวยาวของเขาคว้าจับเธอเอาไว้ และก่อนที่ แคทเธอลีนจะทันได้ส่งเสียงกรีดร้องออกไปด้วยความตกใจ มืออีกข้างของเดรโกก็อุดปากเธอไว้แทบจะทันที
@@@@@@@@@@@@
เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามายังห้องสมุดและมองหาแคทเธอลีน เธอเดินหาตามโต๊ะต่างๆที่คิดว่าแคทเธอลีนจะนั่ง แต่กลับไม่มี เฮอร์ไมโอนี่เดินหาตามชั้นหนังสือ ทุกชั้นที่คิดว่าแคทเธอลีนจะอยู่แต่กลับไม่มีอีก จนกระทั่งเธอเจอเข้ากับใครบางคนที่มักมาห้องสมุดเป็นประจำเหมือนๆเธอ เจฟฟรี่ แมคคอต เรเวลดอลปีเจ็ดเช่นกัน
“เจฟฟรี่ นายเห็นแคทเธอลีนไหม” เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจถามเมื่อจนปัญญาที่จะตามหาหญิงสาวเจอ
เจฟฟรี่เงยหน้าขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ก่อนตอบออกมาอย่างช้าๆ
“เมื่อกี้ตอนที่ฉันจะดินเข้าห้องสมุด ถ้าฉันดูไม่ผิดน่ะฉันว่าฉันเห็นแคทเธอลีนเดินไปกับมัลฟอยนะเห็นไปทางทะเลสาปน่ะ”
“อะไรน่ะ มัลฟอยเหรอ”เฮอร์ไมโอนี่ตาโตลำคอเธอแห้งผากและจังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น
“ใช่ เดรโก มัลฟอย”เขาพูดต่อเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ภาพพี่ชายเจ้าปัญาหาของวินเวิร์ดที่บดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงวาบเข้ามาในใจของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้เธอนิ่วหน้าด้วยความหวั่นใจแต่เธอรีบสลัดความคิดนั้นออกไปก่อนที่คนอื่นจะทันได้สังเกตเห็น เฮอร์ไมโอนี่หมุนตัวและสาวเท้ายาวๆออกพ้นห้องสมุดก่อนจะเปลี่ยนจากการเดินเร็วๆมาเป็นการวิ่งเต็มฝีเท้ามุ่งสู่ทะเลสาปที่มีคนเห็นพวกเขาเดินออกไปกัน
TBC>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น